รองเท้าแตะหนีบสุดฮอต คู่แพงเพื่อสุขภาพใส่แล้วขาเรียวจริงหรือ
รองเท้าแตะหนีบสุดฮอต คู่แพงเพื่อสุขภาพใส่แล้วขาเรียวจริงหรือ โดย : ouichon
รองเท้าแตะฮอตฮิตที่สุดในตอนนี้คงไม่พ้นเจ้าคู่นี้แน่นอน ที่ราคาแพงแต่มันเพื่อสุขภาพ ใส่แล้วหายเมื่อย ทำให้ขาเรียว ลดเซลลูไลท์ได้แน่รึ เราลองมาดูกันค่ะ
รองเท้าแตะแฟชั่นของคุณผู้หญิงที่ได้รับความนิยมที่สุด ตอนนี้คงไม่พ้นแบรนด์ดัง อันนี้แน่นอน ที่มีคนฮิตใส่กันทั่วบ้าน ทั่วเมือง จนกลายเป็นแฟชั่นรองเท้าหนีบแตะไปแล้ว แต่จริงๆแล้วที่เค้าว่ากันว่า รองเท้าเพื่อสุขภาพ มันเป็นยังไงกันนะเราลองมาเจาะลึกคุยกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญให้แน่ชัดเลยว่า เจ้ารองเท้าแตะแฟชั่นหนีบคีบสวยนี้ เสริมสร้างสุขภาพที่ดีแก่ผู้หญิง จริงหรือ? เพราะว่าใส่ทั้งวันก็ไม่เมื่อยนั้น ก็น่าจะจริง เพราะใส่สบาย แต่ที่ใส่แล้วเลือดหมุนเวียนดีที่เท้า ผิวพรรณสดใสและที่สำคัญตรงที่ลดเซลลูไลท์ (Cellulite)ได้ด้วยมันจริงหรือเปล่านะ !! ประเด็นนี้ต้องยกให้ นพ.จตุพร โชติกวณิชย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลศิริราช ชี้แจงแถลงไข "มนุษย์เราโดยเฉลี่ยจะเดินและใช้เท้าเยอะมาก เคยมีคนประมาณว่าเราใช้เท้าเดินหลายแสนกิโลเมตรต่อ 1 ชั่วชีวิต เนื่องจากเราใช้เท้าเยอะ จึงต้องคำนึงถึงรองเท้าเป็นพิเศษ เท้าจะมีผลต่อสุขภาพร่างกาย มีผลต่อเข่า โครงสร้างของหลังด้วย มนุษย์เราปัจจุบันจึงมีการใส่ใจในรองเท้า คำนึงถึงสุขภาพ ผลกระทบต่อร่างกายมากขึ้นก่อนอื่นเราต้องดูโครงสร้างของรองเท้าก่อนว่ามีหลายส่วน ส่วนนอกของรองเท้าคือ พื้นต้องค่อนข้างเเข็ง ทนทาน ไม่ลื่น ยึดเกาะกับพื้นผิว ส่วนด้านในต้องบุวัสดุที่ค่อนข้างนิ่ม ที่สำคัญหัวรองเท้าไม่ควรเล็ก หรือแหลมจนเกินไป ต้องขยับนิ้วได้อย่างอิสระ ไม่คับจนขยับไม่ได้ คุณหมอกล่าว เรามาเริ่มคำถามคลายข้อสงสัยกับ รองเท้าสุขภาพ กันดีกว่าค่ะ ??
รองเท้าแบบไหนที่เรียกได้ว่า ดีไซน์ดี ใส่แล้วเดินสวยเด้ง ช่วยสปริงตัว ลดแรงข้อเท้า ??
เราจึงต้องเลือกรองเท้าให้เหมาะสมต่อการใช้งาน รองเท้าที่ดีควรมี Shoe Inserts มีอุ้งนิดๆ ไม่ควรแบนราบ หากใส่เพื่อเดินควรจะมีส้นนิดๆ หรืออุ้งนิดๆ จะดีมาก เพราะจะได้เดินง่าย มากกว่ารองเท้าที่ไม่มีส้นเลย แบนราบแบบนั้นเหมาะกับการใส่อยู่บ้านมากกว่า ไม่ควรใส่คับเกินไป หรือหลวมเกินไป แต่เวลาเลือกรองเท้าควรเลือกที่หลวมเล็กน้อย เพราะหลังจากใส่ไปเท้าเราจะใหญ่ขึ้น เวลาเดินเท้าจะขยับใหญ่ขึ้น ควรซื้อตอนบ่ายหรือเย็น ลักษณะรองเท้าที่ดีระหว่างหัวเท้ากับส้นเท้าต้องเป็นเส้นตรง ไม่ควรเบี้ยวไปเบี้ยวมา เป็นแนวตรงจะดีที่สุด ส่วนด้านหลังตรงส้นของรองเท้าควรนิ่มจะได้ไม่เสียดสีกับเอ็นร้อยหวาย และส้นรองเท้าไม่ควรสูงเกินนิ้วครึ่งตามความจริง หากสูงมากกว่านี้จะใส่ไม่ค่อยสบายแล้ว จริงอยู่ผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงจะดูสง่า แต่เมื่อย ปวดหลัง สิ่งที่สำคัญคือ ความกว้างของรองเท้า ควรให้พอดีกับช่วงเท้าของแต่ละคน อย่ากว้างมากหรือแคบจนเกินไป ความยาวอย่าให้เกินครึ่งนิ้ว เช่น เราใส่รองเท้าเบอร์ 7 แต่ควรเลือก 7 ครึ่งเป็นต้น ปัจจุบันมีรองเท้าสุขภาพหลายยี่ห้อ ราคาก็แตกต่างกันไป ส่วนรองเท้าแตะหนีบเพื่อสุขภาพนั้น หากเราดูการออกแบบของรองเท้าต้องยอมรับว่าเขาออกแบบดี เพราะปลายแอ่น คือ ถ้าเราไปดูคนส่วนใหญ่เวลาใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพยี่ห้อดังอันฮอตฮิตนี้เขาบอกว่า เวลาจะเดินจะสบาย เพราะถูกดีไซน์ให้เดินได้สะดวกขึ้น เวลาเดินจึงเหมือนสปริงตัวให้ก้าวเดินไปข้างหน้า เพราะเขาดีไซน์รองเท้าเหมือนกับใช้ Momentum (แรงแห่งการเคลื่อนที่) ของร่างกายเวลา เดินลงปุ๊บไม่ต้องใช้การสปริงของข้อเท้าเลย เพราะรองเท้าเขาดีไซน์มาให้ดีดเด้งได้เองเลย เหมือนกับไม่ได้ใช้แรงของเท้าเท่าไหร่ ฉะนั้นเราจึงรู้สึกว่า เวลาเดินจึงเดินง่าย สบายขึ้นส่วนวัสดุเขาใช้ของดี เพราะราคาแพงขนาดนี้ แต่ถ้าของเลียนแบบคุณภาพน่าจะลดลง
แล้วรองเท้าที่มีราคา แค่แตะคีบหนีบราคาหลายพัน ดีจริงหรือค่ะ ?? ผมคิดว่า หากมีเงินซื้อใช้ก็ได้นะ แต่ปัจจุบันมีรองเท้าหลายยี่ห้อซึ่งดีไซน์คล้ายแบบนี้ ราคาถูกกว่า และสมเหตุสมผลก็มี ในมุมมองของผมรองเท้าแตะราคาหลายพันแบบนี้ ผมว่าแพงไปนิดนึง อย่างที่บอกเขาต้องมีการทำ Research และอีกอย่างเป็นของ Import โดนภาษีไปอีก จึงแพง แต่ต้องยอมรับว่าวัสดุใช้ของดี แต่อาจใช้วัสดุที่คล้ายคลึงกันหากเลียนแบบก็ทำได้ เพราะไม่ได้ซับซ้อนเหมือนไอโฟน รองเท้านี้มันเหมือนกับเสื้อผ้า..เลียนแบบง่าย แต่อย่างไรมันก็คือของเลียนแบบนั่นเอง ผมว่าเป็นเทรนด์แฟชั่นมากกว่า สักพักคงจะล้าไปเอง หากคนไหนก็ตามมีลักษณะของหัวแม่เท้าเบี้ยวไม่ควรใส่รองเท้าแตะหนีบเพื่อสุขภาพสไตล์นี้ เพราะมันจะหนีบ เจ็บตรงง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งเท้ากับนิ้วชี้เท้า และนิ้วหัวแม่เท้าจะเบี้ยวเข้าไปเรื่อยๆ คนแก่เป็นกันเยอะ หากคนเป็นโรคหัวแม่เท้าเบี้ยวไม่ควรใส่รองเท้าแบบนี้ ใส่ได้แต่มีความเสี่ยงต่อโรคข้อนิ้วเท้าเสื่อมมากขึ้น ต้องระวัง คนไข้กลุ่มนี้ควรใส่รองเท้าสวมมิดชิดมากกว่า เป็นรองเท้าแตะก็ได้ แต่เป็นการคาดเท้าแทนที่จะเป็นแตะหนีบ แต่ผู้หญิงจะคิดว่ารองเท้าหนีบสวยกว่า แฟชั่นกว่า คุณหมอจตุพรกล่าว รองเท้าสุขภาพคู่นี้ ใส่แล้วเฮลธ์ตี้สุขภาพดี สามารถลดอ้วน ลดต้นขา ลดสะโพก ยุบ สลายเซลลูไลท์ได้จริงรึ!?
ส่วนสรรพคุณที่บอกว่า ตอบสนองความต้องการของคุณสุภาพสตรีวัยทำงานด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยลดเซล์ลูไลท์ทำให้ต้นขากระชับสะโพกเล็กลงและขาเรียวขึ้น การใส่เดินแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 30-45 นาทีในแต่ละช่วงเวลา จะช่วยให้เกิดการปรับ เท้า และออกกำลังกายกล้ามเนื้อเท้า ขา และน่องให้มีความแข็งแรงในระดับปกติ ซึ่งป้องกันการปวดเข่าและหลัง ช่วยปรับให้ช่วงขาของคุณได้สัดส่วนและเรียวขึ้นในทุกย่างก้าว เลือดไหลเวียนดี ทำให้ผิวพรรณดีเปล่งปลั่งนั้น คุณหมอขอแจงว่า "ผมว่ามันเกินจริง คือ สินค้าบางอย่าง ผมว่าต้องมีหลักฐานรายงาน เพราะคนซื้อสมัยนี้ฉลาดมากขึ้น เราต้องดูวิจัยว่าเชื่อถือได้หรือเปล่า เช่น รองเท้ายี่ห้อนี้บอกว่า เดินแล้วทำให้การเผาผลาญดีขึ้น เอาอะไรมาบอก ขอดูงานวิจัยหน่อย ไม่ใช่ว่าคิดเอาเอง ควรทำวิจัยเอาคนไข้ 1 พันคนมาเดินแล้วให้เดินเท้าเปล่าเปรียบเทียบกับการใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพยี่ห้อนี้ รองเท้ากีฬา หรือรองเท้าที่ผลิตในเมืองไทย เปรียบเทียบให้หลากหลายยี่ห้อ แล้วเช็กพลังงานแคลอรีเผาผลาญดูว่าจริงหรือไม่ แล้วมันช่วยให้ลดเซลลูไลท์ กระชับสะโพก ขาเรียว ขึ้นจริงหรือ ไม่ควรมานั่งเทียนพูดเอาเอง ไม่ควรทำวิจัยเพื่อ Marketing ต้องทำแบบมีข้อเปรียบเทียบ ส่วนการปรับสัดส่วนให้ดีขึ้นในทุกย่างก้าว ผมว่าเกินไปหน่อย ผมว่าสะโพกลดลง เซลลูไลท์หายไป เพราะเดินเยอะมากกว่า ได้ออกกำลังกาย เผาผลาญไขมัน การเดินเยอะทำให้ผอมลงได้ ผมว่าได้ผลทางอ้อม เพราะการเดินเยอะช่วยให้ออกกำลังกาย แต่ไม่น่าจะได้ผลเพราะใส่รองเท้า น่าจะได้ผลเพราะการการออกกำลังกายมากกว่า ไม่ว่าจะใส่รองเท้าอะไรก็ตาม หากเดินเยอะ จะทำให้ผอมลงอยู่แล้ว เพราะช่วยเผาผลาญไขมันอยู่แล้ว ผมขอถามว่ารองเท้าเพื่อสุขภาพนี้แตกต่างจากรองเท้าปกติมากแค่ไหน เพราะเวลาใส่รองเท้าปกติธรรมดาก็แปลงเป็นพลังงาน ได้ออกกำลังกายเหมือนกัน ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยคำนึง ว่าสินค้าทีเราซื้อไปเป็นจริงตามโฆษณาหรือไม่ เราควรมีวิจารณญาณในการซื้อสินค้าให้มากขึ้น ทว่าสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายได้ ผมว่าต้องดีในระดับหนึ่งก่อน แพกเกจสวย แต่ไม่น่าจะ Excellence ดีเลิศ ดั่งคำโฆษณาแบบนั้น ส่วนใหญ่เป็นการตลาดมากกว่า เพราะเขาฉลาดใช้ความจริง กับความเท็จมาผสมกัน จนกลายเป็นการแยกดูออกยากกว่าอันไหนจริงหรือเท็จไปเลย แต่ต้องยอมรับว่าสวย และแปลกกว่ารองเท้าแตะปกติ มันดูฉีกแนวต่างจากรองเท้าทั่วไปดูเหมือนเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง ทำให้วัยรุ่นต้องหามาใส่กัน ส่วนที่บอกว่าช่วยกระตุ้นการตอบสนองของกล้ามเนื้อก้น เอ็นร้อยหวาย น่อง อันนี้ผมว่าใช่เลย เห็นด้วย เพราะดีไซน์ให้เดินง่ายนั่นเอง ส่วนการใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพแบบนี้ลดการปวดเข่า ปวดหลังได้จริงหรือไม่นั้น ผมว่าการปวดเข่า ปวดหลัง ปัจจัยที่แท้จริงนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานในการเดินมากกว่า เช่น เข่าใช้ในการขึ้นลงเดินบันได ต่อให้ใส่รองเท้าแสนแพง ดีไซน์ดีอย่างไรก็ปวดเข่า แบกของหลายกิโลฯ ยังไงก็ปวดหลัง ดังนั้นผมว่าขึ้นอยู่กับการใช้งานมากกว่า แต่ผมว่าคนที่ใส่ส้นสูงมากทำให้เกิดการปวดหลังปวดเข่าได้สูงเลยทีเดียว เช่น ใส่ส้นสูง 3 นิ้ว เราต้องแอ่นหลังทำให้ปวด ดังนั้นหากเลี่ยงไม่ได้ ไม่ควรยืนอยู่นิ่งเฉยๆ ควรจะเดินบ้าง อย่าใส่นาน ขยับเท้า พักเท้า เคลื่อนไหวบ้าง หรือแอบถอด ผมว่าหากใส่ส้นสูงไปนานๆ ตอนแก่จะมีปัญหานะ จะเมื่อยเท้า เมื่อยหลัง น้ำหนักตัวก็สำคัญนะ เป็นปัจจัยว่าเท้าจะพังหรือไม่เลย ** ความคิดเห็นด้วยเป็นส่วนบุคคลเฉพาะคุณหมอเท่านั้นนะคะ สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อและประสบการณ์ที่คุณได้สัมผัส แต่ ผู้หญิงอย่างเราคงไม่ได้อะไรมาก นอกจาก รูปแบบแฟชั่นที่สวยงาม ใส่แล้วสบาย ดูสวยทันสมัยก็คงโอเคแล้วล่ะคะ ส่วนถ้าเน้นเรื่องสุขภาพคงขอให้ใส่แล้วสบายเท้าก็ดีมาก ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพได้เช่นกัน สุดท้ายแล้วก็ดูในเรื่องงบประมาณของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ สวย สุขภาพดีได้ค่ะ ** หลังจากที่ได้อ่านจากข้อมูลที่ดีจากคุณหมอแล้ว เรามาสรุปหลักการใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพกันดีกว่าค่ะ คุณผู้หญิงควรที่จะใส่ใจดูแลสุขภาพเท้ากันได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
หลักการเลือกรองเท้า
1) ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่งเพื่อทำงาน 2) รองเท้าหุ้มและยึดส่วนข้อเท้าได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง 3) ภายในของรองเท้าจากส้นเท้าถึงปลายสุดของนิ้วโป้งเท้าต้องมีลักษณะตรง 4) ส่วนหน้าเท้า ให้พื้นที่และอิสระในการเคลื่อนไหวนิ้วเท้าได้สะดวก 5) ส้นรองเท้า ควรกระชับพอดีกับด้านหลัง ไม่ขยับขึ้นลงได้ 6) เลือกรองเท้าที่เหมาะกับรูปเท้าของคุณ เช่น ปลายเท้ากว้างไม่ควรเลือกรองเท้าหัวเล็กและแคบ 7) รองเท้ามีพื้นที่ให้ส่วนของส้นเท้ากว้าง 8) รองเท้ามีจุดยึดเท้าให้อยู่ภายในรองเท้าดี ไม่เกิดการการเลื่อนไหลขณะเดิน
Create Date : 30 กันยายน 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 30 กันยายน 2554 18:09:18 น. |
Counter : 2313 Pageviews. |
|
|
|