มีนาคม 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
 
นับถอยหลังสู่งานแต่งงาน


การเขียนที่ง่ายที่สุด คือการเขียนสิ่งที่คิดการมีแรงบัลดาลใจ

แรงบันดาลใจ นี่แหละ สิ่งที่ยาก

เพราะมีอินเตอร์เนต เฟซบุ๊ช อินสตาแกรม พันทิปมันทำให้เหมือนสมองเราหยุดทำงาน และคิดอะไรใหม่ๆ

และ ชั้นก้อติดเหลือเกิน จนมันมีวันนึงหลังจากอะไรๆ ผ่านมาในชีวิตชั้น จนขาดการอัพเดทไปแรมเดือนแรมปี มันมีสิ่งนึงที่ชั้นคิดอยู่ในหัว

ว่า ตอนนี้ชั้นช่างโชคดีเพียงใด

มันติดอยู่ในหัวระยะนึง จนวันนี้ชั้นอยากเขียนมันออกมา

และ เปิดเข้ามาในบล็อคของตัวเอง เอ๊ะ บล็อคล่าสุดนี่ชั้นยังพูดถึงผู้ชายคนเก่าเหรอ???

ว๊ายยย ต๊ายยย ตายยย อกอีแป้นจะแตก นั่นมัน old news จ๊ะ

ข่าวเก่า ข่าวโบร่ำโบราณซะไม่มี

เพราะวันนี้ ชั้นกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายคนใหม่ค่ะ

ค่ะ เรื่องจริง!!

บาง ทีโชคชะตาก้อเล่นตลกช่วงเวลาหนึ่่งปีนิด ผู้ชายที่ชั้นเขียนถึงล่าสุด ใครนะSteward??? โอ้วว โน่..โน่ ก้อโดนสะบัดหลุดวงโคจรและมีใครบางคน แฝงตัวเข้ามาเนียนๆ ราวกับนินจา

จะอะไรซะอีกล่ะ ก้อ รักแท้ แพ้ใกล้ชิดหราาาา??

โอ้ว... โน่..โน่... ถึงคุณชายสจ๊วตจะอยู่เมืองไกลถึงมาเลเซียถึงเราจะเจอกันแค่ 3 ครั้ง แต่มันไม่ใช่รักแท้

มันแค่การแสวงหาบางอย่าง ที่เราคิดไปเองว่าน่าจะใช่ แต่มันไม่ใช่

ถึงเราจะค่อนข้างดีต่อกัน แต่บางอย่างที่เค้าปฏิบัติ กับชั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ชั้นจะทนไปได้ซักแค่ไหนหรอกนะ

เรา มีทัศนคติต่างกัน เราพูดกันคนละภาษา(ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ กับ ไทย แต่มัน ภาษาอังกฤษกับต่างดาว)บางครั้งชั้นยังฉงนว่า "มันคิดอะไรของมันวะ" แลดูเฮียแกจะอยู่คนเดียวในโลกส่วนตัวมากเกินไป จนเฮียเริ่มคิดว่าตนเองเป็นเทพบุตรกรีกที่จะเที่ยวตัดสินคนยังไงก้อได้

แต่ เฮียแกก้อมีส่วนดีนะ ที่จริงๆแล้วเค้าก้อมีจิตใจดีอยู่ แต่เฮียแกมีเกราะป้องกันตัวเองสูงมากกก...จนบางทีก้อแสดงกริยาห่ามๆ ออกมาซะส่วนใหญ่จนไม่มีใครอยากจะยุ่งด้วย

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ชั้นจะทนไม่ได้หรอกนะสิ่งที่ชั้นรู้สึกอยู่ในใจคือ การที่เค้าไม่ให้เกียรติชั้นเท่าที่ควร

การที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่เราไม่แน่ใจว่าเราอยู่ในความสัมพันธ์นั้นด้วยกันจริงๆเหรอมันไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ

เหมือนเราบอกใครว่า เค้าเป็นแฟนชั้นนะ แล้วเพื่อนอีกคนบอกว่าแล้วเค้าคิดว่าเธอเป็นแฟนเค้าด้วยรึเปล่า

มันไม่โอเคเลยอ่ะ

อย่าให้เม้าท์มันเลย... ยาวววว เดี๋ยวไม่เข้าเรื่องซักที

เอาเป็นว่าระหว่างเราไม่แน่ใจในความสัมพันธ์นั้นเราเริ่มมีเพื่อนสนิทคนใหม่

เราคุยแบบเพื่อน คนที่เห็นกันห่างๆ และไม่เคยสนิทสนมด้วยเพราะอคติบางอย่าง

พอได้เริ่มคุยกัน มันโอเคแฮะ เราเหมือนจะคุยกันรู้เรื่อง...

เมื่ออะไรๆ มันดูจะเป็นมากกว่าเพื่อน...สิ่งที่เราต้องทำคือจัดการเคลียร์ตัวเองซะ

สิ่งที่มันไม่ชัดเจน เราก้อทำให้มันชัดเจน

ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยชัดเจนและไม่เคยสร้างความมั่นใจให้เราเลยเราก้อตัดมันทิ้งซะ

ความสัมพันธ์ที่มันเริ่มจะชัดเจน เราก้อทำให้มันชัดเจน

สำหรับผู้หญิงวัยแตะสี่สิบ มันไม่มีเวลาให้เราหายใจเล่นหรอกนะ

ถ้าจะไปทางไหน ก้อต้องไปให้สุด ถ้าจะทำอะไร ก้อต้องเต็มที่และเห็นผลไว

ราวกับการเก็งหุ้นระยะสั้นยังไงยังงั้น

แหม ก้ออายุเยอะแล้ว ไม่รีบเดี๋ยวแก่ตายก่อน 5555

และ "เค้า" ก้อให้สิ่งที่ชั้นต้องการ

"ความชัดเจน"

เราเพิ่งคบกันครบ 1 ปี เมื่อเดือนก่อน และสิ่งที่ชัดเจนตั้งแต่เราเริ่มคบกัน คือ เค้าพูดเรื่องแต่งงาน

การ แต่งงาน ไม่ใช่จุดหมายของทุกความสัมพันธ์แต่ความสัมพันธ์ที่มีความชัดเจน มี Commitmentมีความมุ่งมั่น และเป้าหมาย มี"การแต่งงาน"เป็นส่วนหนึ่งในนั้นเสมอ

แต่คำว่า"แต่งงาน"เรอะ จะทำให้ชั้นฝันหวาน ล่องลอยอยู่บนทุ่งลาเวนเดอร์พร้อมกับร้องเพลง The Sound of Music ไปด้วย

ไม่ใช่ว่าชั้นเคยผ่านการแต่งงานมาก่อนหรอกนะ

แต่เพราะใครๆ ก้อเคยพูดเรื่องการแต่งงานกับชั้นมานับไม่ถ้วนแล้วววตั้งแต่แฟนสมัยสาวน้อยบอบบาง

ก้อแหม ชั้นมันคนมีเสน่ห์ น่ะสิ (หลงตัวเอง)

แต่จากผลวิจัยทางประสบการณ์ ส่วนตัว คำพูดที่นำไปสู่การปฏิบัติจริงมีค่าเกือบเท่ากับ "0"

คนสุดท้ายที่ชั้น"เกือบ"ได้แต่งงานด้วยก้อทำให้ชั้นต้องรอถึง 6 ปี!!! ทั้งที่เราคุยกันตั้งแต่ Day1 ว่าชั้นเอาจริงนะ!!

ก้อพูดไม่ได้หรอกนะ ว่าผู้ชายหลอกลวง หรือผู้หญิงคาดคั้น

คบแรกๆ ด้วยความอินจัด ผู้ชายที่อยู่ในสภาวะ "หลุด"ร้อยทั้งร้อย ก้อจะฝันไปไกล

จน เหล่าคทาชายทั้งหลายนึกฝันว่าตัวเองอยู่บนทุ่งลาเวนเดอร์มีบ้านหลังเล็ก มีลูกตัวน้อยจนถึงจุดที่ท่านชายเริ่มวาดฝันให้เรา ว่าเราจะแต่งงานกัน และเราจะวิ่งจูงมือข้ามทุ่งมุ่งสู่ทะเลด้วยกันนะ

หลังจาก 1 ปี 2 ปี 3 ปีความจริงแห่งชีวิตเริ่มทำให้ความฝันเริ่มเป็นภาพรางเลือน และ ทำให้เฮียๆทั้งหลายเริ่มระลึกได้ถึงอุปสรรคมากมายกองเท่าภูผา และได้บทสรุปว่า "เฮียไม่พร้อม!!!"

จนเฮียเริ่มมีข้อแม้ เงื่อนไข ด่านต่างๆนาๆ เริ่มให้เราเข้ามาพันฝ่าเพื่อให้ได้แจ๊คพ็อต

ตั้งแต่ ด่านพ่อ ด่านแม่ ด่านพี่สาว ด่านทดสอบความสามารถ ด่านเศรษฐกิจการเงิน การธนาคาร

เฮ๊ย!!!! ชีวิตคน ไม่ใช่เกมส์โชว์นะโว๊ย!!!

หลังจาก 6 ปี คนที่ช่วยมาทลายแจ๊คพ็อตนั้นคือ"หมอดู"

ชีวิต ผู้หญิงคนนึงที่ศรัทธาชายคนรักเต็มเปี่ยม มันบัดซบเห้ๆ เลย ที่เค้าเริ่มจริงจังเรื่องการแต่งงานเพราะหมอดูมาบอกครอบครัวเค้าว่าลูกชายลื้อแต่งงานได้แล้ว และผ่านการดูโหงวเฮ้ง "ว่าทีลุกสะใภ้"ที่จบด้วยคำว่า "เพี่ยวเลี่ยง"เป็นคำอนุมัติว่าลือแต่งได้!!!

หลังจากนั้น คือละครดราม่า ของนางเอกเจ้าน้ำตา ที่ถูกภาพฝันหลอกหลอนกับสภาพความเป็นจริงอันแสนเลวร้าย

เธอ สู้ฟันฝ่า มองหาสถานที่แต่งงานคนเดียวไปลองชุดเจ้าสาวฝ่ายเดียว ดูแหวนฝ่ายเดียว ทำทุกอย่างคนเดียวโดยที่มีฝ่ายสนับสนุนเป็นแม่และพี่ๆน้องๆของตัวเอง

อย่างกับงานนี้ตรูแต่งคนเดียว

ฝ่าย ว่าที่เจ้าบ่าว ทำอะไรค๊าาา คุณเฮีย TooBusy เกินกว่าจะมามีส่วนร่วมด้วย แต่ยังว่างพอที่จะหาเรื่องตำหนิต่อว่า และฟังเสียงนก เสียงกาสารพัด ได้ตลอดเวลา

เวลาเดียวที่มีส่วนร่วม คือ ตอนที่ลากให้ไปลองชุดเจ้าบ่าวซึ่งเฮียทำหน้าเศร้าเหมือนบรรพบุรุษเสีย โดนม้าลากไส้เดินไปลานประหาร ยังไงยังงั้น

เฮ๊ย นี่แค่ลองชุด ยังไม่ใช่วันจริง พี่อย่าเพิ่งเล่นใหญ่ขนาดนั้น!!

จากกริยาการโครตตตตต.....มีส่วนร่วมของเจ้าบ่าวและหน้าตาแบบไม่สบอารมณ์ของเฮียแก สร้างความ Upset ให้หม่อมแม่ของดิชั้นเป็นอย่างยิ่ง

จนวันที่เราตัดสินใจยุติการจัดงานแต่งงาน และยุติความสัมพันธ์พร้อมกัน

ขุ่นแม่ชั้นก้อพูดว่า "ดีแล้วล่ะ คนแบบนี้อย่าไปเสียเวลากับมันเลยลูก"

ลูก คิดในใจ "แม่... หนู 37 แล้วน้าาาา" แต่ทำไงได้ ต้องเก็บอาการ แล้วเชิดหน้า ทำสตรองต่อไป

ทำไมชั้นต้องนึกถึง อีชาร์ล วะ

ก้อเพราะคนเราถ้าไม่เจอนรกเราก้อจะไม่รู้ว่า"สวรรค์"เป็นอย่างไร

วันนี้ ที่ชั้นจะแต่งงาน มันทำให้ชั้นรู้ว่า "เบนนี่"หนุ่มพนักงานบริษัท คนใกล้ๆ แสนดียังไง

ชั้น ไม่เคยนึกว่า ผู้ชายคนหนึ่งที่พูดจาวาดฝันให้ชั้น เค้าทำให้ชั้นเห็นว่าความจริงมันเกิดขึ้นได้จากสิ่งที่เค้าพูดทีละอย่างๆ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

ผู้ชายที่สร้างตัวเอง และกำหนดชีวิตของเค้าด้วยตัวเองไม่ต้องมามีด่านพ่อ ด่านแม่ (เพราะแม่ไม่อยู่แล้ว อิอิ) ด่านญาติพี่น้อง ด่านความสามารถพิเศษ พ่นไฟ ตีลังกา มาเป็นข้อแม้ หรือ ข้ออ้างในการสร้างครอบครัวร่วมกัน

เพราะชีวิตของเค้า เค้าเขียนเองแล้วเค้าเลือกแล้วที่จะมีชั้นเป็นส่วนหนึ่งในนั้น

นึกถึงวันที่เดียวดาย ทำทุกอย่างคนเดียว อยู่ในความสัมพันธ์ที่โดดเดี่ยว ขาดคนช่วยคิด คนร่วมทาง ที่ไม่รู้ว่าจะมีแฟน ไว้เกะกะทำไม

แต่ วันนี้ เบนนี่ ใส่ใจ สนใจแม้รายละเอียดเล็กๆ โดยไม่ต้องร้องขอ ไม่ต้องบังคับ เราวางแผนทุกอย่างร่วมกันไปดูโรงแรมด้วยกัน ตัดสินใจร่วมกัน

สิ่งที่น่ารักที่สุดคือเค้าถึงกับทำรายงานสรุป เปรียบเทียบข้อมูลแต่ละโรงแรมมาให้ และทำสรุปพีธีการการแต่งงานที่ได้จากการถอดเทปที่อัดไว้ตอนที่ไปหาซินแส เพื่อดูฤกษ์

การยอมรับ การให้เกียรติ ที่เราปฏิบัติต่อเค้า เราได้รับสิ่งเหล่านั้นตอบแทน ด้วยการที่เค้าให้เกียรติเรา ด้วยการที่ทำให้ความสัมพันธ์นี้เป็นที่รับรู้ และยอมรับในสังคม คนรอบข้าง หมู่ญาติ

การที่เค้าจริงจังที่จะทำให้ทุกคนรับรู้ว่าเค้าตั้งใจที่จะมีกันและกัน ตลอดไป

ไม่ต้องรู้ว่าตลอดไปมันนานแค่ไหนหรอกนะ

แค่ชั้นรู้ว่าเธอตั้งใจ และเต็มใจ ชั้นก้อยินดีมากแล้ว

ขอบคุณนะ เบนนี่







Create Date : 30 มีนาคม 2560
Last Update : 30 มีนาคม 2560 1:05:07 น.
Counter : 1787 Pageviews.

2 comments
  
ขอให้โชคดี มีความสุขสมหวังในชีวิตสมรสครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 30 มีนาคม 2560 เวลา:12:44:20 น.
  
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 3773459 วันที่: 30 มีนาคม 2560 เวลา:14:39:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

COS Stylist
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



การไตร่ตรองและคิด วิเคราะห์ เป็นหนทางสู่การพัฒนาสมอง การพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคม

คนเรามักสนใจแต่การปรุงแต่งรูปลักษณ์ภายนอก บุคคลิกภาพ พื้นฐานทางสังคม และความสุขส่วนตัว หากมีซักกี่คนที่มุ่งเน้นการพัฒนา "ใจ"

บล็อคนี้ เขียนจากคนธรรมดา ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น หากแต่ชอบคิด ชอบเขียน และ อยากพัฒนา"ใจ"ของตนเอง ให้พบกับความสุขที่ยั่งยืน ที่ไม่มีวัตถุเป็นตัวกำหนด พร้อมทั้งยังอยากให้เพื่อนๆร่วมโลกได้ประโยชน์จากประสพการณ์และเรื่องเล่าต่างๆ ให้เป็นสาระแก่การดำเนินชีวิต และได้ข้อคิดแล้วต่อจะไปปรับใช้ในชีวิตของแต่ละคน

ทั้งนี้ ผู้เขียนขอไม่ประสงค์ออกนามของทั้งตนเอง และผู้ใดก้อตามที่ได้กล่าวอ้างถึง ไม่ให้พาดพิงต่อสิทธิส่วนบุคคลของทั้งตนเองและผู้อื่น

ทั้งนี้ข้อคิด และ เรื่องราวต่างๆนานาๆ ผู้เขียนไม่อาจรับรองได้ว่าเป็นวิธีคิด การกระทำ หรือทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งที่นำเสนอ เพียงแต่เป็นมุมมองของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านเป็นหลัก

ทั้งนี้ อยากให้เพื่อนๆเพียงแค่ได้นำสิ่งที่เขียนไปคิดพิเคราะห์ คนเขียนก็ปลื้มใจมากมายแล้ว

ทั้งนี้ในฐานะชาวพุทธ ขอยกคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ปราดเปรื่องให้ข้อเตือนใจก่อนจะรับฟังเรื่องใดๆดังนี้

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ

อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อนได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว

ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

New Comments
MY VIP Friend