พฤษภาคม 2554

1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
พัฒนาการของสาวอายุ 34 ที่จากหน้ามือเป็นหลังเท้า
หลังจากที่ไม่ได้เขียนเรื่องความรักของตัวเองซะนาน

จากไฟแรง อยากเล่านู่นเล่านี่ืเยอะแยะ แบบแอบๆ ไม่ให้คนรอบข้างรู้

วันดีคืนดี พอย้อนไปนึกถึงบางช่วงบางตอน ที่มันไม่มีความสุข กลับลืมไปซะอย่างงั้น

จะโทษอะไรดี หรือจะที่ความเฒ่าชะแร แก่ชรา กับสมองที่ขาดใบแปะก้วย หรือเพราะมุมมองชีวิตของเราที่เปลี่ยนไป ที่อยู่กับช่วงเวลา ขณะนี้ ตรงนี้

เค้าบอกความสุข ทำให้ลืมความเศร้า ..... จริง

แต่หากไม่รู้จักความเศร้า คุณจะไม่รู้คุณค่าของความสุข

วันนึงที่ชีวิตที่ไขว่คว้า ได้หยุดพัก และพอใจกับสิ่งต่างๆรอบตัวที่ตนเองมี

วันนั้น คุณจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว และมันคือความสุข ความสงบ

กับวันศุกร์เหงาๆ วันที่ปกติ จะมีกิจกรรมสังสรรค์ วันนี้ไม่ได้นัดใคร

แฟนล่ะ อยู่ต่างประเทศกับครอบครัว ทำงานหัวไม่วาง หางไม่เว้น ตลอดช่วงเดือนแห่งวันหยุด จนตลอดทั้งเดือน พยายามแล้ว แต่มีเวลาให้เจอกัน รวมแล้วไม่ถึงหนึ่งวันเต็ม

เหงามั้ย.... มีนิดหน่อย

มีเวลาว่าง ทำไรดี

ไม่ได้นัดเพื่อน เกรงใจ กระทันหัน ไม่ได้แพลน และไม่อยากเป็นกาฝากเกาะใคร

ตัวคนเดียว จะทำอะไร

หูยยย... เยอะมาก อยากว่างอย่างงี้เยอะๆ จะไปอัพสวย (ใช้คอร์สที่มีให้หมด) ไปเดินเล่น (ซื้อรึป่าว อีกเรื่อง) ทำสวน (ดึกแล้ว) รีดผ้า ซ่อมของ แปลเพลง เขียนบล็อค เรียนภาษาจีน (อันนี้ไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจ แต่โดนคุณแฟน ขอร้องแกมบังคับ) อ่านนิตยสาร หาหนังสือมาอ่าน ฝึกภาษาอังกฤษให้เป๊ะกว่าเดิม ฯลฯ

ร้อยแปดเรื่องให้ทำ รวมทั้งอยากนอนเยอะๆด้วย แต่เป็นคนนอนยาก คงเพราะไฮเปอร์เกิน

ทุกวันนี้ เริ่มคิดๆละ ว่าสงสัยจะเริ่มเป็นคนโลกส่วนตัวสูง

ขับรถกลับบ้าน นึกๆไป เอ เมื่อวานวันหยุดฉัตรมงคล สุดสัปดาห์ที่แล้วก้อวันหยุดยาววันแรงงาน แล้วก่อนหน้าก้อสงกรานต์ แล้วทำไมชั้นไม่ได้มีโอกาสใช้เวลากับแฟนชั้นเลยเนอะ

ย้อนคิดถึงแต่ก่อน คงแทบบ้า ทุรนทุราย อยู่คนเดียวไม่ได้

วันนี้ กลับเหงานิดหน่อย แต่ก้อไม่ทุกข์ร้อนอะไร

รู้อยู่ลึกๆในใจ ว่าที่ห่างกัน แต่ไม่เคยห่างใจ

จะทุกข์ไปทำไม หากรู้ว่าเค้ารักเรามากขนาดไหน

คิดในแง่ดี สิ่งที่เค้าทำ ก้อเพื่อเราทั้งนั้น จริงแค่ไหน เวลาคงเป็นเครื่องพิสูจน์

แต่คิดๆไป ทำไมเราเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

คำพูดของคนๆหนึ่ง ลอยเข้ามาในหัว เกือบสิบปีที่แล้ว

"วันหยุด มันทำไมนักหนา ต้องไปเที่ยว ต้องอยู่ด้วยกัน ทุกอาทิตย์ ก้อเจอกัน ตั้งหลายวัน ยังไม่พอเหรอ"

นึกแล้วขำตัวเอง แต่ก่อน เราเป็นขนาดนี้เลยเหรอ

เรียกร้อง โหยหา ความรัก อยากยึดใครไว้ซักคน

แต่ยิ่งยึด อีกฝ่ายยิ่งอึดอัด ยิ่งหนี

แต่วันนี้ ยึดตัวเองเป็นหลัก มีความสุขได้ด้วยตัวเอง สงบ นิ่ง

นึกถึงพัฒนาการของตัวเอง จน 34 ขวบป่านนี้ ก้อเหมือนนิยาย

นิยาย ที่แฮปปี้เอนดิ้ง ไม่ว่าจะลงเอยกับเจ้าชายหรือไม่

จากเด็กผอมๆ ดำๆ ในครอบครัวคนจีน ที่ลูกสาวแต่ละคนผิวขาว และสวยกันแต่เกิด

แม่สวยระดับประกวดนางงามได้

ท่ามกลางลูก 7 คน ในครอบครัวฐานะกลางๆ ที่แอบมีหน้ามีตาบ้าง

ลูกคนที่ 6 เป็น Wednesday Child

ขี้เหร่ มอมแมม เหมือนลูกคนใช้

ช่วงเวลาเด็ก อยู่รอดด้วยเพื่อนคนเดียวคือหนังสือ

โหยหาความรักมาก แต่ไม่มีใครสนใจ

แสวงหาความสุขด้วยการฝันกลางวันไปเรื่อยๆ

วันนี้ เรามีพรวิเศษ 3 ประการ

ชั้นจะขออะไรดีน้า.....

ชั้นอยากได้เสื้อผ้าใหม่ อยากแต่งตัวสวยๆ แบบน้องสาว พี่สาว

ทำไมไม่ได้

ทำไม เราทำอะไร ก้อผิดไปหมด

ทำไม เราพยายามขนาดไหน ก้อดูไม่ดี

ทำไม ดูเหมือนจงใจมากเกินไป จนดูไม่ธรรมชาติ

เด็กประหลาด...

ป. 5 เริ่มใส่แว่น หนาเกือบ สามร้อย

แล้วแว่นก้อหนาขึ้นเรื่อยๆ

พร้อมความสูงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

และหลังที่ค่อมขึ้นเรื่อยๆ

ไม่กล้าคุยกับใครก่อน กับคนที่ไม่ค่อยคุยกัน อาจดูเหมือนเป็นใบ้

เพราะไม่รู้จะคุยอะไรด้วย กลัวพูดผิด

วันนี้ เจอใคร แย่งเค้าพูดตลอด

เพิ่งรู้ตัวไม่นาน ว่าพูดเก่งมากกกกกก ฮ่าๆๆๆๆ

เป็นยายเฉิ่ม เป็นตัวตลกของเพื่อนตลอดชั้น มอ ปลาย

ไม่เป็นไร ชั้นอยากให้เพื่อนๆรัก

จบ มอ หก สายตา ปาไป แปดร้อย

เข้ามหาลัย เริ่มอยากสวย ทุบกระปุกซื้อคอนแทคเลนส์มาใส่

แต่ชีวิตมันไม่ง่าย

ใช่ว่ายายเฉิ่ม ถอดแว่นปุ๊บ จะกลายเป็นนางหงส์ในบัดดล

หงส์ หรือ ไม่หงส์ มันอยู่ที่ข้างใน

พื้นฐาน แม่ให้มาดีแค่ไหน ถ้าหน้าตาอมทุกข์ไม่สดใส ความสวยที่ไหน จะส่องถึงข้างนอกได้

หน้าตาพอใช้ ผิวคล้ำหน่อยๆ หลังค่อม ตัวสูง ฟันยื่นเล็กน้อย แต่งตัวเฉิ่มๆ และแว่นหนาเตอะ

มาเทียบตอนนี้ เค้าคงนึกว่าคนละคน

มาเป็นแบบทุกวันนี้ได้ยังไง ไม่มีรูปให้ดู มีแต่ประสบการณ์มาแชร์

ไหงกลายมาเล่าเรื่องชีวิตตัวเองได้ไงฟระ

แต่ง่วงละ ไม่คิดมาก อยากให้คติกับคนที่อยากได้

ไว้มาเล่าต่อแล้วกันนะ


ความภูมิใจ คือ ต้นกำเนิด แห่งความสวย จะบอกให้

ถ้าคุณภูมิใจ คุณจะอิ่มเอม คุณจะมั่นใจ คุณจะมีความสุข

และคุณจะมีออร่าส่องมาจากข้างใน เป็นประกายให้คนรอบข้างรับรู้

และนั่นคือบ่อกำเนิดความสวย

ที่อาจไม่ใช่รูปลักษณืล้วนๆ แต่เป็นสูตรความสวยที่มีเอ็ฟเฟ้กซ์ของเสน่ห์มาเสริม

ความสวยแบบนี้ ไม่แก่ตามวัย

เพราะ มีแต่คนบอกว่า ยิ่งแก่ ยิ่งสวย แบบไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

พัฒนา ทำ R & D มาสามสิบกว่าปี กว่าจะได้ขนาดนี้

สวยด้วย สุขด้วย ไม่ต้องทำอะไร แค่สุขใจ

ทำไง ติดตามตอนต่อไป นะจ๊ะ นะจ๊ะ





Create Date : 07 พฤษภาคม 2554
Last Update : 7 พฤษภาคม 2554 1:47:32 น.
Counter : 1472 Pageviews.

3 comments
  
รู้สึกดีน่ะ อ่านแล้วนึกถึงแฟนตัวเอง ครอบครัวคนจีน ดำที่สุด ใช่เลย
โดย: บ่าว IP: 115.67.137.59 วันที่: 7 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:09:37 น.
  
ทักทายยามบ่ายนจ่ะ ฝนตกแล้วอากาศเย็ฯสบาย
โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 7 พฤษภาคม 2554 เวลา:14:53:51 น.
  
เฮ้อ ที่ย้านฝนไม่เห็นตกเลย ร้อนค่อดๆ
โดย: COS Stylist วันที่: 7 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:20:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

COS Stylist
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



การไตร่ตรองและคิด วิเคราะห์ เป็นหนทางสู่การพัฒนาสมอง การพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคม

คนเรามักสนใจแต่การปรุงแต่งรูปลักษณ์ภายนอก บุคคลิกภาพ พื้นฐานทางสังคม และความสุขส่วนตัว หากมีซักกี่คนที่มุ่งเน้นการพัฒนา "ใจ"

บล็อคนี้ เขียนจากคนธรรมดา ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น หากแต่ชอบคิด ชอบเขียน และ อยากพัฒนา"ใจ"ของตนเอง ให้พบกับความสุขที่ยั่งยืน ที่ไม่มีวัตถุเป็นตัวกำหนด พร้อมทั้งยังอยากให้เพื่อนๆร่วมโลกได้ประโยชน์จากประสพการณ์และเรื่องเล่าต่างๆ ให้เป็นสาระแก่การดำเนินชีวิต และได้ข้อคิดแล้วต่อจะไปปรับใช้ในชีวิตของแต่ละคน

ทั้งนี้ ผู้เขียนขอไม่ประสงค์ออกนามของทั้งตนเอง และผู้ใดก้อตามที่ได้กล่าวอ้างถึง ไม่ให้พาดพิงต่อสิทธิส่วนบุคคลของทั้งตนเองและผู้อื่น

ทั้งนี้ข้อคิด และ เรื่องราวต่างๆนานาๆ ผู้เขียนไม่อาจรับรองได้ว่าเป็นวิธีคิด การกระทำ หรือทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งที่นำเสนอ เพียงแต่เป็นมุมมองของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านเป็นหลัก

ทั้งนี้ อยากให้เพื่อนๆเพียงแค่ได้นำสิ่งที่เขียนไปคิดพิเคราะห์ คนเขียนก็ปลื้มใจมากมายแล้ว

ทั้งนี้ในฐานะชาวพุทธ ขอยกคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ปราดเปรื่องให้ข้อเตือนใจก่อนจะรับฟังเรื่องใดๆดังนี้

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ

อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อนได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว

ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

New Comments
MY VIP Friend