วันอโศกรำลึก57 บ้านราช
5-6-57 วันนี้ตอนเช้าไปใส่บาตรที่ริมมูล แล้วไปล่องเรือชมวิวแม่น้ำมูล อากาศดีมากไม่ร้อนเลย ไม่มีแดดมีแต่เมฆฝน ลมพัดจากแม่น้ำแผ่ว ๆ เย็นสบายดี ถ้านั่งนานกว่านี้อาจจะหลับได้ มีนักร้องขึ้นมาด้วย ร้องเพลงโชว์เสียงแบบไม่มีดนตรี ไม่ได้เอาเครื่องดนตรีมาเลย ถึงบางคนอาจจะดำน้ำบ้าง แต่เป็นคนเสียงดีมาก ๆ ไม่มีดนตรีก็เพราะได้ ขึ้นจากเรือก็ไปทานน้ำกาแฟถั่วเหลืองเย็น ๆ ตามด้วยน้ำชาเขียว แล้วไปฟังเทศน์ที่ศาลานิดหน่อย ใกล้จบเต็มทีแล้ว อิอิ จากนั้นก็หม่ำ ๆ อาหารเยอะมาก มีก๋วยเตี๋ยว ตั้ง 3 เจ้าแหนะ ขนมจีนน้ำยา น้ำเงี้ยว ส้มตำ เปาะเปี๊ยะทอด เฉาก๊วย อาหารจากสมณะอีกเพียบเลย คนกินสู้ไม่ได้เลย อิอิ ขณะกินข้าววงฆารวาสก็มาร้องเพลง มี อ.กฤดา น้าเสก คุณกรรณิการ์ (พลังเสียงของเธอสุดยอดจริงๆ เวลาร้องเพลงเธอดูสนุกสนานมีความสุขที่ได้ร้องเพลง) วันนี้เหล่าเท้าไฟทั้งหลายก็ออกมาวาดลีลากันน่าดูชมเลยพะย่ะค่ะ น่ารักดี มีเหล่าสว เป็นส่วนใหญ่ มีเสียงกรี๊ดด้วยนะ ขอบอก ฮา.... ตอนบ่าย อิ่มแล้วนอน อิอิ เป็นเด็กอนามัย บ่ายสามกว่าไปโดดน้ำบุ่ง ว่ายน้ำออกกำลังกาย สบายดีจริง ๆ มีเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบถามว่า เป็นรุ่นพี่หรือเปล่า เลยตอบไปว่า เป็นรุ่นพี่หลายปีมากเลย อิอิ 17.00 น. ตั้งขบวนธรรมยาทตรา แล้วเดินไปริมมูลอย่างสงบ และเงียบกริบเลย เราพยายามมองเท้าเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า เดินให้เท้าพร้อมกับเขาทำสมาธิไปในตัว ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้เกิดมาปฏิบัติธรรมอีก ขนาดเดินมองเท้าเพื่อนตลอด บางทียังก้าวผิดเลย ดูสิ! พอเดินไปถึงริมมูล ท่านติขะนำกล่าวปฏิญาณ ฝนก็ลงเม็ดทันที คิดว่าคงตกไม่นานหรอก เรากับเพื่อนขอท้าทายฝน อีกอย่างอยากนั่งเป็นเพื่อนสมณะสิกขมาตที่ท่านนั่งตากฝนเช่นกัน แล้วมันก็เริ่มซา แล้วก็ตกหนักเข้าไปอีก เราต้องเอาที่รองนั่งคลุมฝน ส่วนสมณะสิกขมาตนั่งท้าฝนอยู่นานมาก จนต้องคลุมผ้าใบ รวมทั้งเด็ก ๆ สัมมาสิกขาต่างนั่งตากฝนแบบไม่คลุมอะไรเลย กลัวจะไม่สบายเอาจริง ๆ พ่อท่านก็เทศน์สู้กับฝน พ่อท่านอยู่บนเวทีเรือเลยไม่เปียก พอพ่อท่านเทศน์จบ เด็กสัมมาสิกขามาร้องเพลงถวายพ่อท่าน ซึ่งพ่อท่านได้เมตตาคอมเม้นท์ว่า ร้องพร้อมเพรียงกันดี แต่พร้อมเพรียงกันผิดคีย์ ผิดทำนอง แตร่ว!! ก่อนไปอาบน้ำแล้วเชียวเลยต้องมาอาบใหม่ ดีอย่างคืนนี้...นอนหลับสบายแน่ ๆ ^__^ เจอกันพรุ่งนี้ ราตรีสวัสดิ์
6-6-57 เช้านี้ไปใส่บาตร สมณะ สิกขมาตยังมาเดินบิณฑบาตตามปกติ แสดงว่าเมื่อวานน้ำฝนไม่สามารถทำอะไรท่านได้ แม้จะนั่งตากฝนอยู่นาน สุขภาพดีทุกคนเลย ช่วงใส่บาตรเป็นช่วงที่มีความสุขนะ เราจะไม่มีกิเลสเลย มาด้วยจิตที่จะมาให้ ทุกคนจะยิ้มแย้มแจ่มใส ได้ถามไถ่ท่านว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม เล็ก ๆ น้อย ๆ พอไปเอาข้าว ข้าวหมดซะแล้ว เลยได้แต่มะขาม กับแอปเปิ้ล พอมาถึงที่ใส่บาตร คนข้าง ๆ เขาเห็นเราไม่มีข้าว เขาเลยแบ่งข้าวให้เราใส่ด้วย ใส่กันคนละนิดคนละหน่อย ใจดีมาก ๆ เมื่ออิ่มใจแล้ว ก็ไปช่วยเขาทำน้ำปั่นผักแจกค่ะ ใช้เครื่องปั่นถึง 7 เครื่อง ปั่นไปแจกตามฐานงานต่าง ๆ ด้วย เขาจะเอากระติกมาให้ใส่กันเลย เครื่องปั่นร้อนมาก ร้อนจนน้ำปั่นผักอุ่นเลย พอประมาณ 9 โมงก็เลิกแจกเก็บของเตรียมฟังธรรมก่อนฉัน แวะทานน้ำชามะนาวก่อน แล้วขึ้นไปดู "ผาแหงน" ตอนแรกเรียกผิดเป็น หมาแหงน แฮ่ ๆ ขึ้นไปดูแล้ว สวยมาก โดยเฉพาะห้องน้ำ พื้นปูกระเบื้องด้วยรูปก้อนหินกลมรีสีขาว เหมือนห้องน้ำในโรงแรมเลย เดินลดเลี้ยว ขึ้นกระไดไป รอบข้างเหมือนพิพิธภัณฑ์เลย ถ่ายรูปกันไป พี่เฮียงนางฟ้าของเราเป็นนางแบบนะคะ ขณะที่ถ่ายรูป มันมีจุดที่เป็นช่อง แต่พี่เขาไม่ได้ดู เพราะมันคือบรรไดลง พี่เขาเลยถอยหลังตกกระได แขนกระแทกครุดกับผนังปูน เจ็บเอาการเลย เขียวช้ำเชียว แต่พี่เขาก็แข็งใจเป็นนางแบบให้เราต่อนะ อิอิ ถ่ายรูปกันจนถึงชั้นบนสุดเลย ชั้นบนสุดเป็นจุดที่สูงที่สุดของบ้านราชเลย จะมองเห็นพื้นที่ของราชธานีอโศกทั้งหมดเลย พอลงมาเลยพานางแบบของเราไป "โฮงปัว" แปลว่า โรงพยาบาล ซึ่งสร้างใหม่เอี่ยมหมาด ๆ เลย เจ้าหน้าที่ให้นอนประคบน้ำแข็งและทำแผลให้เรียบร้อย วันนี้ตอนทานข้าวเริ่มต้นด้วย ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส อร่อยมากกกกกกก ขอบอก ต่อด้วยไอติม ผลไม้ ข้าว+เต้าหู้ผัดกระเพรา และส้มตำ ตามด้วยเฉาก๊วย อ้อ! เมี่ยงผักอีก 2 อัน ตอนกำลังตักอาหาร เจอพี่นักร้องมาตักอาหาร ทราบภายหลังว่าชื่อพี่เล็ก แต่หุ่นไม่เล็กนะคะ เลยแนะนำให้พี่เขาไปทานก๋วยเตี๋ยวน้ำใส พี่เขาอยากจะทานจาปาตี แต่มันคงหมดแล้ว พี่เขาถามว่า "เรานั่งกินที่ไหน" เลยตอบไปว่า จะไปนั่งรอดูพี่ร้องเพลง อิอิ ซึ่งหมายถึงบริเวณหน้าเวทีใต้ศาลาเรือนศูนย์นั่นเอง กินไปฟังเพลงไป พี่เขาไม่มาร้องซักที ฟังพี่กรรณิการ์ก่อน ร้องเพลงหนึ่งเดียวคนนี้ของอัญชลี เสียงดีและทรงพลังเช่นเคย แถมวันนี้มีเมดเล่ย์ด้วย ขึ้นต้นด้วย หมอลำ ลงท้ายด้วยเพลงฝรั่ง โชว์พลังเสียงสุดยอดมาก ช่วงบ่ายรวมตัวกันไปกราบท่านถิระ บนเรือ ตอนแรกขึ้นผิดลำ อิอิ ฝนตกพรำ ๆ อีกต่างหาก ประทับใจและรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ไปพบท่าน ท่านช่วยเตือนให้เราต้องมองตัวเอง อย่าไปมองกิเลสของคนอื่น มองความจริงตามความเป็นจริง ให้เวลา ให้ความเข้าใจ ที่สำคัญต้องคอยระลึกเสมอว่า ขณะนี้รู้สึกนึกคิดอย่างไร เป็นกุศลหรือไม่เป็นกุศล มีกิเลสหรือไม่มีกิเลส ถ้าชีวิตไม่มีปัญหา มันก็จบเลย แต่เพราะมีปัญหา ทำให้เกิดการพัฒนาต่อ ถ้ายึดเมื่อไหร่เราก็ทุกข์เมื่อนั้น ท่านบอกว่า ถ้าทำดังนี้แล้ว สังคมของเราจะสงบสุข ยอมรับเลยว่า ตรวจสอบ ดูจิตดูใจตัวเองน้อยมาก ๆ ท่านเมตตาพูดคุยกับพวกเราถึงชั่วโมงกว่า ๆ เลย จากนั้นไปฟังรายการที่ศาลาต่อจนจบรายการ ตอนเย็นไปว่ายน้ำ สบายมาก ๆ ใส่ชูชีพแล้วไม่เหนื่อย ไม่ต้องกลัวจม อิอิ มีญาติธรรมมาว่ายด้วย นอนคุยกันในน้ำสบายดีจัง...คุยไปว่ายน้ำไป ตอนค่ำไปฟังเทศน์พ่อท่าน ท่านเน้นเรื่องบุญและกุศลต่างกันอย่างไร บุญหมายถึงการชำระกิเลส แต่กุศลหมายถึง การทำความดี การยังประโยชน์ให้ผู้อื่น ต่อด้วยการชมวิดิทัศน์ชีวประวัติพ่อท่าน คืนนี้ไฟตก ไฟดับหมดเลย ราตรีสวัสดิ์นะ
Create Date : 09 มิถุนายน 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 19:37:42 น. |
Counter : 844 Pageviews. |
|
|
|