อยู่บ้านชั้นเดียว อย่างไรให้ปลอดภัย
ปัญหาและความรู้สึกของการอยู่บ้านชั้นเดียวนั้น มักจะอยู่ที่เรื่องของความเป็นสัดส่วนและความปลอดภัย ผู้ออกแบบหรือพวกสถาปนิกนั้นจะเจอคำถามและความรู้สึกนี้อยู่บ่อยๆวันนี้ Decor.Mthai จึงนำเรื่องของการ อยู่บ้านชั้นเดียว อย่างไรให้ปลอดภัยมาเสนอเพื่อนๆ ค่ะ อยู่บ้านชั้นเดียวอย่างไรให้ปลอดภัย
การสร้างบ้านหลายชั้นหรือชั้นเดียวนั้นขึ้นอยู่ที่ขนาดพื้นที่ในเชิงปริมาณการใช้สอย และในเชิงราคาค่างวดจะเห็นชัดแจ้งว่าการสร้างบ้านชั้นเดียวในพื้นที่ที่มีราคาแพงย่อมไม่คุ้มต่อเนื้อที่ใช้สอยที่เกิดขึ้น ในทางกลับกัน ในพื้นที่โล่งกว้างชานเมืองในชนบทปลูกอาคารชั้นเดียวแผ่ไปตามพื้นที่ก็อาจมีความเหมาะสมในเรื่องความคุ้มของราคาที่ดินที่ไม่แพงเหมือนในเมือง
บ้านชั้นเดียวนั้นจะให้บรรยากาศและการใช้สอยที่แตกต่างจากบ้านหลายชั้น ทั้งในเชิงของพื้นที่ภายในและพื้นที่ภายนอกในแง่ของบรรยากาศและความรู้สึกที่เกิดขึ้น เช่น ความอบอุ่น ความเป็นกันเองการต้อนรับเชื้อเชิญ ความน่าอยู่ ความใกล้ชิด เหล่านี้บ้านชั้นเดียวจะมีศักยภาพมาก แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับขนาดและรูปร่างของบ้านชั้นเดียวนั้นด้วยในขณะที่ปลูกเป็นบ้านหลังใหญ่ หรือเป็นอาคาร 2-3 หลังเรียงรายต่อเนื่องกัน จะให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและปลอดภัยกว่าตรงนี้คาดว่าท่านคงจะเข้าใจอยู่แล้ว โดยไม่ต้องให้อธิบายยืดเยื้อ การออกแบบผังบ้านให้ปลอดภัย
การออกแบบผังบ้านให้ปลอดภัย : นอกเหนือจากความสัมพันธ์เหมาะสมในเรื่องของประโยชน์ใช้สอยขั้นตอนการใช้สอยแล้ว การกำหนดอาณาบริเวณตามหลักวิธีสถาปัตยกรรม อันได้แก่ บริเวณภายนอกบริเวณกึ่งภายนอก บริเวณสาธารณะ บริเวณสัญจร บริเวณส่วนตัว ฯลฯก็เป็นสิ่งที่ต้องกระทำอยู่แล้ว แต่จะต้องคำนึงถึงมากเป็นพิเศษเพราะบริเวณและห้องทุกห้องอยู่ในชั้นเดียวกันเราจะเน้นว่าจะต้องเข้าถึงโรงรถได้ง่ายจากภายนอก จะต้องขนของเข้าสู่ครัวได้สะดวกเพื่อนฝูงแขกเหรื่อควรเข้าห้องรับแขกได้ง่าย และมีสัดส่วน บริเวณสัญจรก็ควรกว้างขวางพอเพียงและไปยังส่วนต่างๆ ของบ้านได้ง่าย ส่วนของห้องนอน ซึ่งถือว่าเป็นบริเวณส่วนตัวตำแหน่งก็มักจะอยู่ด้านในสุดของตัวบ้าน หรือในบริเวณที่เห็นได้ยากจากบริเวณรับแขกพักผ่อน และนี่คือหลักการง่ายๆ ขั้นต้น การออกแบบระดับและรูปร่างของบ้าน
การออกแบบระดับและรูปร่างของบ้าน : ในทางปฏิบัติ หลังจากที่ตัวบ้านก่อสร้างเสร็จ และเข้าอยู่แล้วห้องที่ว่าเป็นสัดส่วนตามหลักการนั้น อาจจะไม่เป็นสัดส่วนเมื่อมองจากภายนอก คำถามที่พบบ่อยก็คือห่วงว่าคนที่เดินรอบบ้านจะเข้าถึงห้องนอนได้ง่าย เพราะมีชั้นเดียว..ก็ค่อนข้างจะยอมรับในความรู้สึกนั้น เพราะสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนที่และขับถ่ายได้นั้น(กลัวจะมีคนเข้าใจว่ารวมถึงพืชด้วย) ต้องการความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอยู่ในเพิงถ้ำ บนคาคบไม้ จริง ๆ แล้วระดับหน้าต่างตามปกติจากพื้นห้องก็คือ 0.90เมตร ระดับพื้นบ้านชั้นเดียวอย่างน้อยจะยกสูงจากพื้นดิน 0.6-1.20เมตร เป็นปกติ เมื่อรวมกับระดับหน้าต่างแล้วจะเท่ากับ 1.50-2.10เมตร ซึ่งจะพ้นสายตาระดับปกติ นอกจากนี้ระบบประตูหน้าต่างและการตกแต่งด้วยม่าน (บังตา)ก็ช่วยได้มากในความรู้สึกปลอดภัยจะเห็นว่าความรู้สึกนี้สามารถสร้างขึ้นมาได้และเป็นจริงได้ในเชิงปฏิบัติ สถาปนิกที่เข้าใจจุดอ่อนในกรณีนี้จะออกแบบห้องนอนให้ยกระดับสูงขึ้นมาจากระดับพื้นห้องอื่นในระดับของบ้านชั้นเดียวเล่นระดับ นอกจากจะช่วยความรู้สึกเป็นสัดส่วนแล้วยังทำให้ลีลาของตัวบ้านสวยงามน่าสนใจขึ้น (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของสถาปนิกแต่ละคน)จึงขอสรุปตัดบทตรงนี้ก่อนว่าบ้านชั้นเดียวนั้นสามารถสร้างความรู้สึกปลอดภัยทั้งในเชิงจิตวิทยาและในเชิงปฏิบัติด้วยรูปแบบและวิธีการต่าง ๆมากมายขึ้นอยู่ว่าท่านเจ้าของบ้านจะเป็นคนหัวสมัยใหม่ ใจกว้างและยอมรับเหตุผลในการที่จะรับวิธีและรูปแบบต่าง ๆ นั้นได้มากน้อยแค่ไหนจนเดี๋ยวนี้ผมก็ยังรู้สึกว่า บ้านที่มีลีลา มีพื้นที่ มีบรรยากาศใช้สอยดี ๆมีรูปลักษณ์เก๋แปลกตา แตกต่างจากบ้านทั่วไปนั้น มักจะเป็นบ้านของสถาปนิกเสียเองคนอื่น ๆ ดูก็จะบอกว่าแปลก พิลึก หรือไม่เข้าใจ และพานไม่ยอมรับเอาง่าย ยังไม่ได้ศึกษาวิจัยว่าเกิดอะไรแต่ก็เชื่อว่าพื้นฐานทางศิลปะและเทคโนโลยีประยุกต์ของประเทศเรานั้นยังน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วความคิดเห็นและโลกทัศน์จึงอยู่ในวงจำกัดที่สามารถหากรอบอ้างอิงได้ง่าย ความร้อนจากหลังคา
ความร้อนจากหลังคา : มีผลโดยตรงต่อบ้านชั้นเดียวเรื่องนี้เป็นสภาวะปกติ แต่ด้วยเทคโนโลยีและวัสดุก่อสร้าง (กันความร้อนในปัจจุบัน)ช่วยแก้ปัญหานี้ได้มากแล้ว เช่นเดียวกับการวางผังอาคารให้รับลมหลบแดดก็มีส่วนช่วยได้เป็นทวีคูณซึ่งก็คงจะเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้สำหรับการออกแบบของสถาปนิกตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จวบจนปัจจุบันและในอนาคต (หากสงครามโลกครั้งที่ 3 ไม่เกิดและโลกเราไม่สูญเสียบรรยากาศไปเสียก่อนด้วยมลภาวะจากฝีมือมนุษย์) ถึงตรงนี้นึกถึงการสะท้อนความร้อนจากพื้นหรือถนนภายในบริเวณที่ดินเข้าสู่ตัวบ้านซึ่งจะทำให้ห้องต่างๆ ร้อนนั่นเอง กรณีนี้เป็นกับอาคารแทบทุกประเภทสำหรับบ้านชั้นเดียวจะได้รับผลกระทบมากหน่อย เพราะไม่มีชั้นบนสำหรับหลบเลี่ยงดังนั้น การหลบเลี่ยงก็คือการออกแบบหลังคาคลุมบริเวณลาน เฉลียง ระเบียงการออกแบบผนังห้องให้ไม่รับแสงสะท้อนหรือสามารถกันแสงสะท้อนได้โดยตรง ถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงหลังคาทรงจั่วที่มีความลาดเอียงลงมาก มีข้อสังเกตว่าเชิง่ชายจะยื่นต่ำลงมาเกะกะ กรณีนี้คงต้องพิจารณากันในเชิงปฏิบัติว่า เราคงไม่ออกแบบความสูงของระดับพื้นและตัวบ้านให้เกิดปัญหาดังกล่าวเพราะสถาปัตยกรรมเป็นเรื่องของการออกแบบเพื่อ แก้ ปัญหา ไม่ใช่ สร้างปัญหา
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2557 15:06:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1047 Pageviews. |
|
|