Journey without destination is a successful journey.
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
2 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
ฝากถึงสัตวแพทย์ที่เคารพทุกท่าน

***อนึ่ง ต้องขออภัยด้วยหากท่านใดอ่านหน้านี้แล้วระคาย เพราะดิฉันใช้อารมณ์ล้วนๆ***



ดิฉันเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ผูกพันกับสัตว์เลี้ยงมาก และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดิฉันให้ความเคารพยกย่องอาชีพ "สัตวแพทย์" ไว้สูงมากที่สุดในบรรดาอาชีพทั้งหลาย

ดิฉันฝันอยากเป็นสัตวแพทย์!

สัตวแพทย์ในหัวสมองบ้าๆ ของดิฉันอาจเปรียบได้กับเทวดา เป็นพ่อพระแม่พระ สัตวแพทย์คือผู้ที่ใจดี คือบุคคลที่มีเมตตามาก เพราะคงไม่มีใครลงมาคลุกคลีกับ "สัตว์" ที่มนุษย์ทั้งหลายให้ความเห็นว่า"ต่ำ" และ "เดรัจฉาน" ได้เป็นชีวิตจิตใจอย่างสัตวแพทย์อีกแล้ว

ภาพของสัตวแพทย์ในสายตาดิฉันสวยงามมาก สวยบริสุทธิ์ ต่างจากภาพของแพทย์รักษามนุษย์ที่ดิฉันหมดความศรัทธาที่จะหาแพทย์ที่ทำงานด้วยใจรักได้ในสังคมยุคนี้อย่างมาก (ขออภัยคุณหมอทั้งหลาย ดิฉันเจอหมอที่จริงใจน้อยมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย)

ดิฉันยกย่องว่าคนที่จบสัตวแพทย์มาได้ไม่ใช่เพียงแค่มีสติปัญญาดี แต่เขาเหล่านั้นต้องมีจิตใจดีด้วย ถึงเลือกที่จะเรียนสัตวแพทย์ ที่จะเป็นสัตวแพทย์ สัตวแพทย์ในความคิดของดิฉันเลิศเลอกว่าแพทย์ธรรมดามากมายนักด้วยที่เขาจบมาไม่ใช่เพราะแค่สมองดีอย่างเดียวแต่เขาต้องจบมาด้วยใจเมตตาจริงๆ

แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่ดิฉันอุ้มกาแฟเข้าโรงพยาบาลสัตว์เมื่อสัปดาห์ก่อน!

ดิฉันอุ้มกาแฟ หมาตัวสกปรกมอมแมมที่เลือดเปรอะเต็มตัวไปหาสัตวแพทย์ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นไม่มีลูกค้าสักคน ทุกคนในโรงพยาบาลยืนมองดิฉันอุ้มมันอย่างหน้าตาเฉย จนดิฉันต้องถามว่าต้องเอามันวางไว้ที่ไหน คุณสัตวแพทย์ถึงชี้ทางไปห้องรักษาให้

จากนั้นคุณสัตวแพทย์เข้ามาในห้องรักษา คุณสัตวแพทย์คนสวยพูดว่า สงสัยมันคงช็อค นอนนิ่งเลย แล้วเอาผ้าครอบปากมาครอบปากมัน ดูแผลมันแล้วเดินไปเดินมา ไปหยิบมีดโกนมาโกนขนกาแฟที่ต้นขาขวา แล้วเอาเข็มน้ำเกลือมาจิ้ม

ทิ่มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทิ่มเข้าไปไม่รู้กี่สิบเข็ม

แต่ก็ไม่ได้เสียบสายน้ำเกลือ วางเข้มแล้วหันมาถามฉันว่าเคยมาที่นี่ไหม? มีบัตรโรงพยาบาลไหม? ให้ไปเอาบัตรมาแจ้งเจ้าหน้าที่นะคะ

ดิฉันรับคำ ออกไปหาพี่ชายที่ไปวนรถก็ไม่เจอ เลยเข้าไปบอกคุณสัตวแพทย์ว่าเดี๋ยวจะให้คนไปเอามาให้ค่ะ เขาก็รับรู้ แล้วก็เดินออกไปนอกห้อง เดินเข้ามาในห้องอีก แต่ไม่ได้ทำอะไรกาแฟเลย ไม่แตะตัวมัน ไม่ทำแผลให้มันสักแผล


พอพี่ชายดิฉันเข้ามาในห้องรักษา แป๊บนึงก็ทักว่า หมอ ทำไมหมาไม่หายใจแล้วล่ะ

นั่นล่ะ คุณสัตวแพทย์คนสวยถึงหน้าตื่นขึ้นมาบ้าง เข้ามาดู แล้วก็หยิบสายออกซิเจนให้พี่ชายฉันถือไว้ แล้วก็ปั๊มหัวใจ จากนั้นก็เรียกผู้ช่วยให้ไปเรียกสัตวแพทย์ผู้ชายอีกท่านเข้ามา คุณสัตวแพทย์ผู้ชายเข้ามา หยิบถุงมือมาสวมอย่างเชื่องช้า แล้วก็มาฟังเสียงหัวใจ คุณผู้ช่วยเข้ามาเอาลิ้นกาแฟออกจากปากตามคำสั่งคุณสัตวแพทย์สุดสวย คุณสัตวแพทย์สุดสวยปั๊มหัวใจ คุณสัตวแพทย์ผู้ชายก็บอกให้คุณสัตวแพทย์ผู้หญิงฟังเสียงหัวใจอีกครั้งนึง แล้วคุณผู้ช่วยก็มันกันดิฉันและพี่ชายออกจากห้อง ปิดประตู สักพักก็ออกมาบอกว่าหมาตายแล้ว

ดิฉันรู้ คุณสัตวแพทย์พยายามช่วยชีวิตกาแฟอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่จะดีมาก หากคุณกระตือรือร้นจะช่วยมันตั้งแต่แรกที่ดิฉันย่างเท้าเหยียบโรงพยาบาล ไม่ใช่มารีบช่วยตอนที่พี่ชายฉันทักว่าหมาไม่หายใจแล้วอย่างนี้!

ครึ่งชั่วโมงเชียวนะ ครึ่งชั่วโมงที่ดิฉันพามันมาถึงมือหมอ แต่คุณหมอกระตือรือร้นช่วยชีวิตมันไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ

ตอนแรกที่ยังไม่ถืงมือหมอ ดิฉันพยายามทำใจว่ามันอาจตายได้ แต่พอถึงมือคุณหมอแล้ว ดิฉันเห็นท่าทางคุณหมอไม่ทุกข์ร้อน ไม่กระตือรือร้น ไม่รีบทำแผลมัน คุณหมอกลับเอื่อย เฉื่อย เดินเข้าเดินออก เดินไปคุยกับใครก็ไม่รู้ ดิฉันก็ใจชื้นขึ้นมาว่าอาการมันคงไม่ร้ายแรง โอเค มันอาจตาซ้ายบอด ดิฉันรับรู้ ส่วนแผลตรงอื่นดิฉันคิดว่ามันอาจไม่สาหัสมาก แต่พอเป็นอย่างนี้ พอพี่ชายทักว่ามันไม่หายใจ ความรู้สึกของดิฉันเหมือนตกเหว ดิ่งวูบยังไงก็ไม่สามารถอธิบายได้

ถ้าพี่ชายฉันไม่ทักขึ้นว่าหมาไม่หายใจแล้ว คุณก็คงจะเฉื่อยต่อไปใช่ไหม?

คุณสัตวแพทย์ที่เคารพ คุณจะรู้บ้างไหม ว่าคุณทำลายภาพสัตวแพทย์อันสวยงามที่ดิฉันยกย่องเทิดทูนไปหมดแล้ว

ดิฉันนึกว่าพอดิฉันอุ้มมันเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์ ดิฉันจะได้เห็นความกระตือรือร้นรีบเข้ามาดูสิ่งมีชีวิตไร้ค่าที่นอนเลือดอาบอยู่ในอ้อมแขนฉันของพวกคุณสัตวแพทย์ทั้งหลาย แล้วจากนั้นคุณก็จะรีบมาดูแผลมัน อย่างน้อยก็รีบทำแผลให้มัน รีบตรวจหาว่ามีตรงไหนหักบ้าง ตรงไหนสาหัส แลวรีบทำการรักษามัน เจ้าหน้าที่ก็จะมาพาฉันไปกรอกรายละเอียดสุนัข แล้วสักพักคุณสัตวแพทย์ก็จะออกมาบอกผลว่ามันยังอยากอยู่ดูโลกนี้อยู่อีกหรือไม่ ไม่ว่ามันจะตายหรือรอด ก็สุดแต่หมาแล้วล่ะ

แต่ที่ดิฉันเจอไม่ใช่แบบนั้นสักนิด!!!

ดิฉันเจอแต่ความเอื่อย เฉื่อย ไม่สนใจใยดี ดิฉันไม่พบความกระตือรือร้นในการช่วยชีวิตมันสักนิดนึงเลย ภาพความเป็นจริงที่ดิฉันเห็นมันต่างกับสิ่งที่ฉันคิดมากมายนัก ต่าง...อย่างที่ดิฉันไม่เคยนึกว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้

คุณทิ่มเข็มเข้าไปในเนื้อหมากี่สิบเข็ม คุณได้นับไหม คุณได้ตรวจดูอาการมันไหม
คุณได้ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ให้มันไหม

คุณไม่! คุณไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทิ่มเข็มเข้าเนื้อหมาไปนับสิบเข็ม!!!

ราวๆ ครึ่งชั่วโมงที่หมาไร้ค่าตัวนั้นถึงมือคุณ แต่คุณไม่ได้ทำแผลให้มันสักแผลเดียว

คุณเอาแต่ถามหาบัตรโรงพยาบาล ถามราวกับว่าถ้าไม่มีบัตรบ้าบอนั่นก็ไม่สามารถรักษามันได้ ฉันก็บ้าวิ่งไปวิ่งมาเดินหาพี่ชายให้ไปเอาบัตรให้ โทรหาใครเสียให้วุ่นวายเพื่อหาทางเอาบัตรบ้านั่นมาตามที่คุณต้องการ ทั้งๆ ที่ฉันควรอยู่ดูอาการกาแฟในห้อง ทั้งๆ ที่ฉันควรอยู่เป็นเพื่อนกาแฟในห้องนั้น

หรือเพราะว่าตอนนั้นดิฉันไปโรงพยาบาลด้วยรถคันเก่าๆ เพราะว่าดิฉันใส่ชุดเข้าสวนที่มอมแมม อยู่ในสภาพยัยเพิ้งคนงานสกปรกซอมซ่อ พวกคุณเลยคิดว่าดิฉันจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่พวกคุณ คุณเลยเอื่อย เฉื่อย ไม่กระตือรือร้นในการรักษา

ถ้าเป็นเพราะสาเหตุนั้น ดิฉันก็ขอโทษด้วย ถ้าดิฉันรู้ก่อนหน้านั้นสักนิด ดิฉันคงใส่เดรสพากาแฟไปโรงพยาบาลแล้วล่ะค่ะ



ดิฉันรู้ดี ใช่ว่าสัตวแพทย์ทุกคนจะเป็นเช่นที่ดิฉันเพิ่งพานพบมา ที่ดิฉันระบายครั้งนี้เพราะหวังว่าเผื่อมีสัตวแพทย์ท่านใดได้อ่านแล้วคงจะตระหนักได้ ดิฉันไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรจากสัตวแพทย์ ไม่ได้โกรธที่คุณช่วยกาแฟเอาไว้ไม่ได้ ไม่ได้หวังว่าคุณจะต้องช่วยกาแฟให้รอดด้วยซ้ำ ดิฉันแค่ผิดหวัง...ผิดหวังจากที่หวังว่าจะได้เห็นความกระตือรือร้นในการรักษาพยาบาลหมาไร้ค่าตัวนึง รู้สึกเสียความรู้สึกกับภาพสัตวแพทย์อันสวยงามในความคิดของดิฉันที่มันเพิ่งย่อยยับลงไป รู้สึกแย่กับความจริงที่เพิ่งได้ประสบมา

...ก็แค่นั้น


Create Date : 02 เมษายน 2551
Last Update : 2 เมษายน 2551 13:00:59 น. 6 comments
Counter : 1466 Pageviews.

 
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ


โดย: kul IP: 117.47.133.204 วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:18:23:23 น.  

 
คนมันก็มีดีมั่งแย่มั่งทุกวงการอ่ะเมย์ อย่าเพิ่งมองสัตวแพทย์ไม่ดีทุกคนนะ เพราะเท่าที่พี่เจอที่ม.เกษตร ที่นั่นเขารักสัตว์มากๆเลย สังเกตสุนัขที่นั่นอ่ะ อ้วนท้วนมากๆ


เสียใจกับเจ้ากาแฟด้วยนะ มันคงทำบุญมาแค่นี้แหละ เราเองก็ทำได้ดีที่สุดเท่านี้แหละเมย์ ใครจะไปรู้ หากเราไม่ไปหาไอ้บัตรนั่น เขาอาจจะไม่คิดรักษาเจ้ากาแฟให้เราก็ได้นะ


โดย: ไกลนั้น วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:18:29:07 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ คุณอาจเจอหมอไม่ดีทำให้มองสิ่งต่างๆที่สัตว์แพทย์อื่นๆทำไปดูแย่ลง แต่ที่ดิฉันอ่นมานี้ สิ่งที่สัตว์แพทย์ผู้นั้นไม่ได้ทำคือ คำอธิบายการรักษาค่ะ ส่วนอันที่จะเล่านี้เป็นอีกแนวความคิดหนึ่งที่ประสบมาเองในฐานะสัตวแพทย์คนหนึ่งทีเคยทำที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในกรุงเทพค่ะ(ตอนนี้ออกมาเรียนต่อค่ะ)
1.บางครั้งการที่คุณเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์ เห็นหมอนิ่ง บางครั้งใจเค้าอาจจะไม่นิ่งก็ได้ แต่ต้องมีการควบคุมสติก่อน ถ้าสัตวแพทย์รนไม่มีสมาธิในการรักษาก็หมายถึงชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่คุณรักด้วยเช่นกัน
2.การที่ทางโรงพยาบาลให้คุณอุ้มสุนัขเข้าไปในห้องเอง เนื่องจากภาวะที่สุนัขเจ็บ เค้าจะระแวงและดุมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนแปลกหน้า เพราะน้องผู้ช่วยโดนกัดเป็นประจำ ส่วนการมัดปากก็ทำทุกโรงพยาบาล เพราะเพื่อความปลอดภัยต่อหมอ และผู้ช่วยค่ะ และข้อดีคือ ช่วยให้เราตรวจได้สะดวกยิ่งขึ้น (ดิฉันเกือบโดน สุนัขกัดหลายครั้ง ตอนตรวจโรค เนื่องจากเจ้าของบอกว่าเค้าไม่กัด แต่ตอนยื่นมือไปจับ ฉกกลับมาได้ไวมากค่ะ เพราะว่าเค้ากลัวนั่นเอง เนื่องจากสถานที่ไม่คุ้นเคย หรือมาที่ไรก็เจ็บตัวทุกที เค้าเลยป้องกันตัวน่ะค่ะ)
3.การตรวจต่างๆบางครั้งต้องใจเย็นๆ เพราะการวัดชีพจร ดูสีเหงือก ดูม่านตาและการหายใจ และสัญญาณชีวิตต่างๆ ในสัตว์ที่เกิดภาวะshock จะทำได้ยากเพราะสัญญาณเหล่านี้จะเบา และสังเกตยาก จึงต้องใช้เวลามากว่าปกติ
4.ควรให้ยาหรือน้ำเกลือโดยเร็วที่สุดเพื่อรักษาระดับเลือดไว้ แต่ส่วนใหญ่ภาวะสัตว์ที่ shock เส้นเลือดมัก collapse(มันตีบจนไม่สามารถหาเส้นเลือดได้ ที่คุณเห็นว่าเค้าแทงหลายๆครั้ง ก็แสดงว่าเค้าก็พยายามแล้ว รวมถึงการให้ออกซิเจนด้วย) เพราะยาหลายชนิดต้องให้ทางเส้นเลือดเพราะให้ผลเร็วที่สุดในการควบคุมอาการสัตว์ให้ทรงไว้ จนบางครั้งต้องแทงเส้นเลือดที่คอ(อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเค้าได้ลองหรือเปล่า)
5. การที่ถามหาบัตร โรงพยาบาล มันเป็นกฎค่ะ และข้อดีอีกอย่างคือถ้าสุนัขของคุณเคยทำประวัติมาแล้ว รายละเอียด เพศ พันธุ์ อายุ โรคที่เคยเป็น ปัญหาสุขภาพต่างๆ ผลการตรวจเลือด ก็จะเป็นตัวบอกเกี่ยวกับ หนทางรักษาด้วย เพราะการใช้ยาหลายชนิดต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง ถึงมีประโยชน์ก็มีโทษอย่างมหันต์ได้เช่นกัน บางครั้งอาจทำให้สัตว์ยิ่งมีอาการแย่ลงได้
6. การที่คุณเข้ามาแล้วเห็นกาแฟไม่หายใจแล้ว อาจจะเป็นได้ว่าเค้าอาจเพิ่งหยุดหายใจค่ะ เคยเกิดขึ้นกับดิฉันกับพี่สัตวแพทย์จริงๆตอนที่เพิ่งผ่าตัดกล่องเสียงสุนัข bulldog เสร็จ ตอนแรกที่ดิฉันดูอาการ การหายใจดี สม่ำเสมอเหมือนนอนหลับ เกือบจะตื่นแล้วด้วย เพราะตาเริ่มกระพริบ ตอนนั้นยังใส่ช่วยท่อหายใจไว้ด้วย ดิฉันเลยเรียกให้น้องผู้ช่วยมานั่งดู ก่อนที่ดิฉันจะไปเตรียมยาฉีด แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น(จำได้เร็วมากๆ) ดิฉันกลับเข้ามาในห้อง เห็นสุนัขหยุดหายใจไป เลยถามน้องๆ เค้าบอกว่าตะกี้ยังหายใจอยู่เลย เราก็เลยช่วยกันโดยเร่งด่วน ช่วยกันสามคน สุดท้ายก็ช่วยไว้ไม่ทันค่ะ พอทอดท่อออกมาปรากฏว่า มีอาหารไปอุดท่อหายใจ(อันนี้อาจไม่เกี่ยวกัน แต่พบได้บ่อยมาก ที่เจ้าของให้สัตว์เลี้ยงทานอาหารในระยะไม่เกิน 6 ชมก่อนผ่าตัด สัตว์อาจมีอาหารไหลกลับเข้ามาที่ปอดได้ ฉะนั้นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัดนะคะ) รายอื่นๆที่หยุดหายใจไปขณะทำการรักษาก็มีมากค่ะ

7.เรื่องการแต่งตัวคงไม่เกี่ยวหรอกค่ะ(สำหรับดิฉันนะคะ) เพราะเราถูกสอนมาให้รักษาและช่วยเหลือสัตว์ค่ะ ยิ่งกรณีอาการของสัตว์แย่มากๆด้วย ถ้ามองแต่เงินอย่างเดียวก็ไม่มีมนุษยธรรมค่ะ แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงมาฝากรักษาไว้การเก็บเงินมัดจำเป็นเรื่องปกติค่ะ เนื่องจากยาสำหรับสัตว์ค่อนข้างแพง และมีหลายคนทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้เลย ไม่ยอมมารับกลับค่ะ สุดท้ายหมอๆก็ต้องรับไปเลี้ยงที่บ้านเอง

คุณอาจจะเห็นว่าอาจเป็นการเข้าข้างกัน แต่อันนี้เป็นจากประสบการณ์ล้วนๆค่ะ สิ่งที่ถูกสอนมาที่สำคัญตอนนี้(ซึ่งค่อนข้างเกี่ยวกับกรณีน้องกาแฟ) คือ
การอธิบายการรักษา กับแผนการรักษาที่หมอบอกกับเจ้าของไข้อาจจะเป็นไปได้ไม่ดี เพราะตอนดิฉันเรียนอยู่ อาจาร์ยก็ยังพูดเลยว่า หมอหลายคนโดนว่าหรือบางคนก็โดนฟ้องทั้งๆที่เค้าก็พยายามทำเต็มที่แล้วแต่ไม่ได้คุยกับเจ้าของก่อนทำการรักษา ดังนั้นถ้าคุณสงสัยว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ หรือทำไมรักษาแบบนี้ คุณสามารถถามสัตว์แพทย์ได้เลยค่ะ

สุดท้ายขอให้กาแฟไปสู่สุขคติค่ะ
ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มก็เมลล์มานะคะ
ti_tle57@hotmail.com


โดย: สัตว์แพทย์คนหนึ่ง IP: 123.100.113.180 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:6:29:00 น.  

 
อืมมมมมมม

ป๋า กะ มี้ ป๋ม เคย เจอ แบ่บ นี้ ก้าบ
เรา เสีย ลุง Black Black


แว้ว พวก นี้ ชอบ อ้าง นั่น อ้าง นี่

เอม ขอ ไว้ อา ลัย หั้ย กา แฟ ด้วย ก้าบบบ


กรรม ดัย คัย ก่อ เด๋ว มัน ก้อ จา เจอ เอง ก้าบบบ




โดย: dogamania วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:16:32 น.  

 
ตอบคุณสัตวแพทย์ค่ะ

ขอบคุณมากๆ นะคะที่ให้ความรู้กับดิฉัน ยอมรับว่าบางเรื่องดิฉันก็ไม่ทราบ เช่นเรื่องภาวะเส้นเลือดตีบนี่น่ะค่ะ ส่วนอย่างอื่นดิฉันขออนุญาตตอบเป็นข้อๆ นะคะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าคุณหมอจะได้มาอ่านมันไหมค่ะ
๑ หมอไม่ได้นิ่งค่ะ แต่หมอเฉย ไม่สนใจ
๒ เขาไม่ได้ให้ดิฉันอุ้มหมาเองค่ะ แต่แค่เขาไม่สนใจรับรู้ว่าหมาตัวนี้ใกล้ตายแค่นั้นเอง ดิฉันเลยต้องอุ้มหมาไปถามเขาหน้าเคาน์เตอร์เขาถึงชี้ประตูทางเข้าห้องรักษาให้ หมาไม่มีแรงแม้แต่จะผงกหัวขึ้นค่ะ ขณะหมอเอาผ้าคาดปากมาคาด ปกติกาแฟจะไม่ให้ใครเข้าใกล้ แต่นี่จับได้สบายมากเลย
๓ เขาไม่ตรวจค่ะ แค่แตะตัวหมาดูแผลภายนอกที่หัวกับที่ต้นขาก็เท่านั้น แล้วก็บอกว่า โอ๋ สงสัยคงช็อคเนอะ เขาทิ่มเข็มเข้าไปหลายครั้งมาก แล้วเขาก็เดินหายออกไปด้านนอกร่วมครึ่งชั่วโมง กลับเข้ามาอีกครั้งตอนพี่ชายดิฉันเข้ามาแล้ว พอพี่ชายดิฉันทักว่าหมาไม่หายใจ เข็มน้ำเกลือจึงทิ่มเข้าเส้นเลือดหมาได้ในเพียงเข็มเดียวค่ะ
๔ ขอโทษที่บอกรายละเอียดไม่ชัดค่ะ บัตรโรงพยาบาลที่เขาถามหาเป็นบัตรประจำตัวของหมาอีกตัวนึงค่ะ ดิฉันบอกเขาไปว่าหมาตัวนี้ไม่เคยมาที่นี่ แต่หมาอีกตัวเคยมา เขาเลยขอบัตรนั่น ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่บัตรของกาแฟ จนถึงตอนนี้ดิฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาต้องการบัตรนั่นไปทำไมค่ะ
๕ วันนั้นกาแฟไม่กินอาหารเช้าค่ะ แต่อาจเป็นไปได้ที่เกิดภาวะช็อคฉับพลัน อันนี้ดิฉันไม่ติดใจอะไรกับทางหมอที่นั่นค่ะ
๖ เรื่องการแต่งกายของดิฉัน ยอมรับเลยว่าดิฉันประชดค่ะ แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าที่ประชดไปจะเป็นความจริงที่เขาคิดหรือไม่ เขาอาจคิด หรืออาจไม่คิด ดิฉันก็มิอาจทราบได้ค่ะ

ดิฉันไม่คิดว่านี่เป้นการเข้าข้างกันค่ะ ดีซะอีกที่คุณมาอธิบายให้ฉันเข้าใจมากขึ้น เพราะทางที่นั่นเขาไม่ได้อธิบายอะไรเลยค่ะ แค่บอกว่าปอดคงฉีก(ทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาบอกว่าหมาแค่ช็อคถึงได้นิ่งไปหมดแรงแบบนั้น) เขาบอกแค่นั้นจริงๆ ค่ะ แล้วเขาก็ให้อุ้มหมาออกจากห้องพยาบาล ให้จ่ายตังค์ ถามชื่อหมาคำนึงแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก ดิฉันจึงกลับบ้าน

เฮ้อ ถึงอย่างไรเรื่องมันก็จบไปแล้วล่ะค่ะ ดิฉันเองไม่อยากจะคิดอะไรมากแล้วค่ะ เพราะว่าหมาก็ไปสบายแล้ว ถือว่าจบค่ะ


โดย: may (ศศิกัณห์ ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:20:07 น.  

 
เพิ่งอ่านเจอโพสต์นี้ค่ะ เข้าใจและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อว่าหมอที่คุณเมย์เล่ามาเอื่อยเฉื่อยจริงๆ จริงๆแล้วถ้าหมอเหล่านั้นใส่ใจในความเป็นความตายตั้งแต่แรก และได้พยายามช่วยชีวิตอย่างจริงจังตั้งแต่แรก เราก็เชื่อว่าคุณเมย์จะไม่เสียความรู้สึกเท่านี้ และเท่าที่อ่านของคุณหมอสัตว์แพทย์ที่เขียนเข้ามาก็เชื่อว่าคุณหมอเป็นหมอที่ดีคนหนึ่งคะ แต่สำหรับหมอที่คุณเมย์เล่ารวมทั้งโรงพยาบาลนั้นยังต้องปรับปรุงนะคะ เพราะถ้าcaseแบบที่ต้องการความช่วยเหลือด่วน ก็ต้องใส่ใจให้มาก

ถูกแล้วค่ะสำหรับคนรักสัตว์และเห็นคุณค่าของสัตว์ย่อมเห็นสัตวแพทย์เป็นที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ เราก็อยากให้วงการสัตวแพทย์รับรู้ความรู้สึกแบบนี้ของเจ้าของcaseด้วย คนที่ไม่เห็นคุณค่าของชีวิตมาเรียนหมอก็มีแต่ทำให้เสียชื่อเสียง หมอดีดีก็ยังคงมีนะคะแต่อาจจะไม่มากเท่าหมอธุรกิจ หมอ ทำงานไปวันๆ หรือหมอบางคนที่ไม่แม้แต่จะรู้ตัวว่าขาดคุณสมบัติต้นๆของความเป็นหมอ เราเองก็เศร้าใจกับเรื่องนี้มาก ถ้าคุณเมย์ว่าง ลองเข้าไปอ่านที่ thaivet.com ชุมนุมสัตวแพทย์ไทย ถ้าไม่เจอก็ seach คำนี้ก้ได้ค่ะ หัวข้อ" นิยามของคำว่าหมอ" (จะอยู่ในthaivet) เราทนไม่ไหวก็เลยเขียนไปเป็นครั้งแรกเพราะอยากกระตุ้นเตือนจิตสำนึกของหมอบางคนหรือรุ่นน้องที่จะจบใหม่ ถ้าคุณเมย์อ่าน ตอนนี้มี 2 หน้า ก็จะรู้ว่า หมอบางคน (ที่ทัศนคติไม่ดี) คิดยังไงแถมยังไม่รู้ตัวอีกด้วย พูดเท่าไรก็ไม่ยอมรับ บอกตามตรงนะคะเจ็บปวดค่ะ ที่คนแบบนี้มาเป็นหมอ เรารู้ว่าสำหรับเจ้าของไม่ว่านานแค่ไหนก็จะยังจะมีความทรงจำของลูกๆอันเป็นที่รัก เราอยากให้พวกหมอได้อ่าน โดยเฉพาะหมอสมัยใหม่ที่เอาแต่คุยเรื่องเงิน กับสนใจแต่เรื่องตัวเองแบบที่เขาแสดงความเห็นไว้ใwebที่เราบอก

ส่วนหมอคนที่ช่วยน้องแมวไส้ทะลักโดยไม่ลังเล และโดยทันที (ที่เราเขียนเล่าไว้) คนนี้เป็นหมอดีค่ะ วันๆมีแต่เรื่องงาน ทุ่มเทมากซะจนข้าวปลาทานไม่เป็นเวลา เพียงแต่ว่าหมอแบบนี้ ในwebของสัตวแพทย์ที่เราเข้าไปเขียนเขารับไม่ได้ กลายเป็นน่าหมั่นไส้อีก
ส่วนคุณหมอท่านอื่นที่มาอ่าน ถ้าท่านไม่ได้เป็นก็ดีแล้วค่ะ ช่วยๆกันนะคะ อยากให้สัตวแพทย์เป็นที่ยอมรับก็ต้องรู้จักปรับปรุง เปลี่อนแปลง แก้ไข และเปิดใจยอมรับฟังค่ะ ชีวิตทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน จะชีวิตคน ชีวิตสัตว์ จะเป็นคนรวยคนจน สัตว์มีเจ้าของหรือไม่มีเจ้าของก็ตามแต่ เป็นหมอต้องไม่เลือกค่ะ ที่สำคัญการช่วยชีวิตในภาวะฉุกเฉินสำคัญและเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเรื่องอื่นใดค่ะ จะเรียกตัวเองว่าหมอหรือให้คนอื่นยกย่องว่าเป็นหมอก็ต้องมีจิตสำนึกแบบหมอ ที่อยากจะช่วยให้สัตว์รอดพ้นจากความตาย หรือ ความเจ็บป่วยให้เต็มความสามารถ
ให้กำลังใจคุณเมย์นะคะ เราก็เคยผ่านประสบการณ์แย่ๆทำนองนี้ เข้าใจและเห็นภาพเลยค่ะ


โดย: April IP: 58.64.94.102 วันที่: 28 ธันวาคม 2552 เวลา:11:50:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ศศิกัณห์
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




may ค่ะ


===HOME SWEET HOME===


I don't have a wall but I've just be a wall.




Artemis หรือ Diana...เทพีแห่งจันทรา
Emo น้องลิง
Emo หัวหอม
Emo เหลืองดุ๊กดิ๊ก
X
X
X
Friends' blogs
[Add ศศิกัณห์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.