Group Blog |
ทำไมต้องกุ้ยหลินเมืองไทย เป็นตัวของตัวเองมั่นใจหน่อย  อะแฮ่ม อะแฮ่ม หลังจากที่กลับมาเล่าเรื่องทริปลังกาวีไปแล้ว ก็ขอย้อนกลับไปเล่าทริปก่อนหน้าละกัน เผือเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้าต่าง ๆ รอบนี้เป็นการเที่ยวเมืองไทยไม่ไป ก็แล้วแต่ โดยไปกันที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลายทาง เขื่อนรัชชประภา ทริปนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะเพื่อนที่ไปด้วยกันปิดเทอมปอโท แล้วเราก็ ออกจากงานจ้าาาาาาา T^T ก็เลยว่าง เลยไปเที่ยวฉลองอิสรภาพกัลลล  ไปกลับบินคุ้มคุณภาพครบกับหางแดง ดอนเมือง-สุราษฎร์ สุราษฎร์-ดอนเมือง ขาละ 890 บาท เพื่อนเราบินจากเชียงใหม่ไปเจอกันที่สุราษฎร์เลย บอกก่อนว่าเนื่องจากมีเพื่อนที่ทำงานของ กฟผ. เป็นเจ้าพ่อเขื่อน การเที่ยวเลยค่อนข้างสะดวก และติดต่อง่าย เพราะเอาจริงๆเราว่าแบคแพคมาเองไม่ค่อยสะดวก ควรมีรถส่วนตัวขับมาจอดที่เขื่อน ทั้งการพักในน้ำ (แพ) และการพักบนบก (บ้านพักของกฟผ.) แต่แบคแพคได้นะ คนมากันเยอะแยะ แต่ต้องมีราคารถ เรือ บวกเพิ่มอีกหลายตังค์อยู่ เราไปวันที่ 18 มิ.ย. และกลับวันที่ 20 มิ.ย. ทั้งหมด 3 วัน 2 คืน พักในน้ำ 1 คืน และบนบก 1 คืน  อันดับแรกเลยคือหาแพเจ้าที่เราอยากนอน ซึ่งก็มีทั้งของทางเขื่อนเองดูแลโดยกรมอุทยาน และของเอกชน ก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ขอสรุปดังนี้ ความใหม่ ของอุทยาน - แน่นอนว่าเก่าแล้วจ้า สร้างมานาน แต่ก็ยังแข็งแรง ได้ความคลาสสิกนะ ของเอกชน - ใหม่จ้ะ แข่งกันสุดฤทธิ ราคา ของอุทยาน - ถูกมากกกก ราคาต่างกันมากเว่อ ประมาณไม่เกินคืนละ 2,000 ต่อหลัง ของเอกชน - ราคามีหลากหลาย ส่วนใหญ่จะคิดต่อหัว หัวละ 2,000 จนถึงหลักหมื่น อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ของอุทยาน - แน่นอนว่าก็ไม่ค่อยมีอะไร น่ารักถ่อมตน พักผ่อนเงียบๆ ของเอกชน - หรูหรา ฟู่ฟ่า เครื่องเล่นและมุมถ่ายรูปต่าง ๆ แข่งกันสุดฤทธิ์ หลักๆก็ประมาณนี้เนาะ เพราะก็เคยนอนแต่ของอุทยานอย่างเดียว ถ้าไปเอกชนมะไหร่จะอัพเดต แรกสุดเลยคือเล็งแพคลองคะไว้ เป็นของอุทยาน ที่หาข้อมูลจากเวปได้คะแนนค่อนข้างดี ทั้งราคา วิวที่สวยมากเว่อ และค่าเรือที่ถูกกว่าแพอื่น (ค่าใช้จ่ายเรื่องเรือ ราคาจะตามระยะทางจากฝั่งถึงแพ คลองคะ และนางไพร 2,500 ไปกลับ แพอื่นราคาก็จะอัพอีก ที่ทราบแพงสุดคือ 4,000 ไปกลับ ของแพไกรสร ซึ่งเพื่อนบอกว่าแพนี้อยู่ติดกับพังงาเลย ไกลมากเว่อและธรรมชาติมาก มีหมีมีสัตว์เยอะมาก มีความเพชรพระอุมา) เราก็ลองหาเบอร์ติดต่อแพคลองคะ ซึ่งโทรประมาณ 7 เบอร์ ช่วยกันกับเพื่อน จนได้เบอร์ติดต่อ ซึ่งคร่าวๆคือ ถ้าไม่เอาข้าวมื้อไหนก็แจ้งเลย ราคาก็จะลดลง แต่ต้องโอนมามัดจำก่อน เราก็เออออเกือบจะโอนเงินให้เค้าแล้ว ซึ่งคลองคะจะเต็มเกือบตลอด เป็นแพฮอตฮิต พอดี้ยยย ได้คุยกับอีเพื่อนที่ทำอยู่เขื่อน มันก็บอกว่า สนใจแพที่พี่ในแผนกมันหาให้มั้ย ใหม่ ยังไม่โทรม เงียบ สงบแล้วก็วิวสวยเหมือนกัน ราคาเท่าคลองคะ เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธ์ปลา ชื่อ "แพวังมัจฉา" เรากับเพื่อนก็ลองเสิร์จกูเกิ้ลเล้ยยยย ไม่เจอข้อมูลไรเลยจ้า บ้ายยย เจอแฟนเพจเฟสบุ๊ค มีคนไลค์อยู่ 5 คน 555555555555 ก็แบบเอ๊ะยังไงวะ คิดในแง่ดีว่ามันคงใหม่มาก แบบมากจริมๆ เลยสมยอมกับเพื่อนไปให้มันจัดการจองให้ ซึ่งมันก็บอกว่าเคยไปแพนี้ แต่ไม่ได้ไปพัก ไปทำงาน (งานของนางต้องลงพื้นที่แพทุกแพ เพื่อตรวจสอบอะไรเนี่ยแหละ เป็นระยะๆ) ส่วนเรื่องเรือข้ามฟาก มันก็หาให้เราเช่นกัน เจ้าของเรือชื่อพี่หญิง สนนราคา 2,000 บาทไปกลับ! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ความถูกนี้ ส่วนรถรา นางจะขับมารับเราที่สนามบินเอาไปส่งที่แพ และรับส่งต่างๆตลอดทริป ส่วนการพักบนบกนั้นนน นางก็อาสาจองให้เรา ชื่อ "บ้านแสงจันทร์" ซึ่งเป็นบ้านหลังนึงเลยแล้วมีห้องซอยแยก 8 ห้อง วิวเห็นเขื่อน ราคาจำไม่ได้ แต่คุ้มมาก ห้องใหม่มากสวยมาก ถูกๆไม่ถึงพันต่อคน ถ้าจองเองสามารถเข้าไปในเว็ป https://rpb.egat.com/index.php/9-uncategorised/43-staying ในเว็ปจะมีรายละเอียดห้อง เบอร์โทรติดต่อ โทรไปเลยจ้า เจ้าหน้าที่คุยดี โอเค กายพร้อม ใจพร้อม ไปค่าาา!!!!! --------------------------------------------- เราไปแอร์เอเชียรอบ แปดโมง ซึ่งจะไปถึงประมาณเกือบ ๆ 10 โมง นี่เป็นการมาสุราษฎร์ครั้งที่ 3 ของเรา ก่อนหน้านี้เป็นสมุยทั้งสองครั้งเลย เพื่อนเราก็ขับรถมารับ จากเขื่อนถึงสนามบินเกือบ 2 ชม.ได้ ไกลอยู่เด้อ ตอนแรกเราจะจองรถตู้ให้เค้ามารับ ราคา 200 บาท/คน (คร่าวๆ จำเป๊ะบ่าได้ค่า) เพื่อนส่งเราตรงท่าเรือ นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ 5 คนขึ้นไป ส่วนเรานั้น 2 คนจ้า แถมเป็นผู้หญิงหน้าตางงๆกับชีวิตอีก   บรรยากาศแถวท่าเรือ ร้านรวงต่าง ๆ  กฏระเบียบต่างๆ จ้า พอเรือออกก็ถ่ายรูปรัวๆ เลยจ้า มันสวยจริงๆนะ วิวสวยน้ำสวยมาก ความเห็นส่วนตัวคือ ไม่เห็นต้องไปดูเขาชื่อกุ้ยหลินเลย มุมไหนก็สวยเหมือนกันหมด   วิวดีทำให้คนดูสวยยยยย 555555 และความอุบาศว์ก็คือ พอเรือกำลังจะไปส่งดูกุ้ยหลิน ฝนลงห่าใหญ่เลยจ้า เปียกตั้งแต่หัวจรดทีน เปียกไปถึงกางเกงใน กระเป๋าเสื้อผ้า  เห็นที่ดำดำข้างหน้ามั้ย นั่นแหละกุ้ยหลิน 5555555  หนักจนมองไม่เห็นกุ้ยหลินจ้า เรือก็โคลงเคลงๆ หุย ชีวิต ประมาณ 5 นาทีเราก็ขับออกมาจากกุ้ยหลิน ไม่มีฝนเลยจ้า จ้า จ้า จ้าาาาาา แป๊บเดียวก็ถึงแพเรา เป็นแพแรกเลยที่ถึง อยู่ในโค้งน้ำหนึ่งหน้าตาสงบเสงี่ยม เงียบมาก เงียบมากจริงๆ เพราะมีแค่เรา 2 คนที่มาพัก 55555555 (มีอีกครอบครัวนึงพักอยู่ไกลๆ พ่อแม่และน้องแบเบาะ แต่พักห้องแอร์ ดู้ววว มีแอร์โตย) ไม่เอาอ่ะ มานอนแพก็ต้องแบบ ห้องไม้ไผ่ๆ ลมธรรมชาติสิฟะ จะมานอนแอร์ทำม้ายย เราถึงแพประมาณบ่ายสอง ไม่เอาข้าวเที่ยง เงียบมากกกกกกก สงบมากกกกกกกกก พี่ที่ดูแลแพมาต้อนรับเรา ชื่อพี่หนึ่งกับพี่สอง เป็นฝาแฝดกัน ก็ให้เราเลือกเลยว่าจะนอนหลังไหน ตามสบายเลย ที่นี่มีแพประมาณ 10 หลัง ข้างหน้าเห็นวิวน้ำ 5 ข้างหลังอีก 5 ห้องแอร์อีกประมาณ 4 ห้องมั้ง  นี่คือห้องแอร์จ้า  อันนี้บ้านที่เราพักจ้า ข้างในมีพัดลมด้วยนะ แต่ตัดไฟตอนเที่ยงคืน ชื่อแพจะเป็นชื่อตำแหน่งต่าง ๆ ของคนทำงานเกี่ยวกับเรือ ของเราชื่อ ห้องท้ายนายเรือ (น่ารัก)  เราก็เอาผ้าออกมาผึ่ง เปลี่ยนชุด จากนั้นก็เดินสำรวจรอบ ๆ แพ ที่นี่เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธ์ปลา ฉะนั้นก็จะมีปลาเต็มไปหมดเลย ทั้งในแพ และรอบ ๆ แพ     อันนี้คือปลาที่อยู่ใต้ห้องเรา ใหญ่มากกกกก เยอะมากกกกก  ให้อาหารปลากันหน้าห้องเลยจ้าาาาา  นี่กระชังปลาจ้ามีเยอะแยะมากมาย   นี่คือโซนกินอาหาร ปลาชุมเพราะคนชอบให้ของกิน ที่นี่เป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวนึงที่ดูแลแพ น่าจะเป็นคนของอุทยาน บรรยากาศน่ารัก แล้วก็เป็นกันเองมาก ๆ นานๆจะมีเรือผ่านมาที แล้วก็มีเรือนึงขับมาที่แพเรา ดีใจมาก ว่ามีเพื่อนนอนอีกซักหลังก็ยังดี ปรากฏ มาจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะที่ลำปางจ้า มาดูงานที่แพปลา แล้วก็จากไป บาย! ไม่กล้าลงเล่นน้ำเพราะกลัวปลากิน ปลาเยอะมาก55555 เลยเอาเรือแคนูมาพายเล่นกันซักครึ่งชั่วโมง  มันสโลว์ไลฟ์ม้ากกก เงียบและสงบมาก ไม่เหมาะกับคนขี้เหงาเลย เบื่อและเหงามากแน่ๆ แต่เราโอเค มาพักสมอง จากชีวิตช่วงทำงานที่หนักหน่วง  นี่วิวจากหน้าห้อง  ห้องเราชื่อห้องนายท้ายเรือ อิอิ  ห้องน้ำมีสองห้องจ้า หน้าตาเป็นแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าบนบกมีป่าวนะ  นั่งเหงากับเชือกเรือ    เวิ่นเว้อ ให้อาหารปลา นอนเล่น เม้ามอยกันไป ก็ไปอาบน้ำ ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะคะ ตอนแรกก็กลัวๆนิดนึง มันโล่งแบบแปลกๆ เลยผลัดกับเพื่อนยืนเฝ้า ห้องน้ำถือว่าสะอาดใช้ได้ ระบบน้ำก็แรงพอสมควร อาจเป็นเพราะมีแค่เราด้วยมั้ง และแล้วก็ได้เวลาอาหาร อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!! เค้าดูแลดีมากๆ อาหารมีไข่เจียว แกงเหลืองปลาบึก ผัดผัก และผลไม้เป็นแตงโมสัปปะรด ให้เยอะมากๆๆๆๆๆๆ อร่อยจริงจังมาก ปลาสดมาก เจริญอาหารมาก เติมข้าวไปสามรอบ     แล้วก็มีมุมกาแฟ โอวัลตินด้วย ที่นี่จะใช้ไฟฟ้าได้ถึงเที่ยงคืนค่ะ  กินเสร็จก็กลับมาเวิ่นเว้อที่แพ นั่งดูดาว มันมืดแบบเห็นดาวสวยมากกกกก อากาศเย็นๆดี และมีกลิ่นว่าฝนจะตก ซักสี่ทุ่มก็เข้านอน และฝนก็ตกค่อนข้างหนัก แพก็โคลงเคลงๆ เสียงฟ้าเสียงน้ำ ชัดมากกก ร้อนด้วยเพราะไฟดับแล้ว สรุปคือหลับๆตื่นๆ ส่วนใหญ่ตื่นมากกว่า5555555555555555 มันก็แอบน่ากลัวเด้อ ช่วงฟ้าใกล้แจ้ง ได้ยินเสียงสัตว์พวกนก ชะนี ชัดมากกก ประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ พวกเราก็โผล่หัวออกมาจากแพ มื้อเช้าเป็นข้าวต้มหมู อร่อยอีกแล้ว หื้ออออ รักอ่ะ  เรือโทรมาก็ตกลงกันให้มารับเรา 9 โมง ก็ไม่ได้อาบหรอกจ้ะน้ำ เก็บของแล้วก็โต๋เต๋จนเรือมา บอกเลยว่าเวรี่เวรี่เวรี่ แนะนำ แพมัจฉามาก ๆ มาแล้วอิ่มเอมใจ เงียบๆ สงบมาก อาหารอร่อย บริการดีมากๆๆๆ ไม่อึกทึก เหมาะกับการพักผ่อน อยู่ใกล้ฝั่งด้วย แต่ได้วิวสวย  คุยกับพี่ที่ดูแลตอนให้อาหารปลาตอนเช้า พี่เค้าบอกว่า เมื่อก่อนที่นี่เป็นศูนย์เพาะพันธ์ุปลาอย่างเดียว เพิ่งมาทำเป็นแพเชิงพาณิชย์นี่เอง เพราะจะได้มีรายได้เพิ่มเข้ามา แพจะได้อยู่ได้ คนที่จะมาพักที่นี่ก็คือ ต้องติดต่อผ่านคนรู้จักเข้ามา หรือมาเห็นเอง ไม่ได้โปรโมตอะไรมาก  นี่คือพี่หนึ่งหรือพี่สองนี่แหละ ทำไมพี่่ต้องแต่งตัวเหมือนกันอีก5555 โห่วพี่ ถึงว่าล่ะ มีคนไลค์เพจอยู่ 5 คน จะบอกว่าขนาดเบอร์โทรติดต่อ พี่แกยังแปะไว้ในครัว งงใจมาก และและ 9 โมงกว่าๆ เรือก็มารับเราจ้า นั่งเรือนานๆก็เลยสัมภาษณ์หนุ่มขับเรือซะเลย ได้ความว่าชื่อน้องออย อายุ 22 บอกกับเราว่าถ้าอายุ 25 จะเลิกขับเรือไปบวช เพราะ 25 เป็นเบญจเพศไม่ควรทำงาน เออๆดีดี ละเราก็ถามว่าวันนึงนี่ขับกี่รอบ น้องออยบอกว่า 1 - 2 รอบ ประมาณนี้ เสร็จแล้วก็ว่าง กลับบ้าน ไปนอน เออดีว่ะ.....ไม่ซํบซ้อนดี ง่าย  โฉมหน้าน้องออยคนคูล พอเรือมาถึงฝั่งปุ๊บ อีเพื่อนก็มารับเรา คนที่ท่าเรือเยอะมาก ทั้งมารอลงเรือ และที่เพิ่งเข้าฝั่ง ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติแฮะแก อาจเพราะเป็นวันธรรมดา (วันจันทร์) แพห้าร้อยไร่นี่รถที่มาส่งคือรถตู้วีไอพีอย่างไฮโซอ่ะ ยอม เราไปเอากุญแจห้องพักแสงจันทร์สำหรับการพักในคืนที่ 2 ซึ่งถ้าไม่ได้เพื่อนนี่ก็ไม่รู้จะยังไงเลย เพราะมันอยู่ห่างกันมากกกกจากท่าเรือ แทบยังเป็นเนินสูงๆต่ำๆ ถ้าเดินน่าจะหอบ พอได้กุญแจมา ก็รอเวลาเชคอินบ่ายสองโมง อีเพื่อนมาส่งแล้วก็ไป นัดเจอกันอีกทีตอนค่ำๆ หาไรกินกัน ที่พักของเราเป็นบ้านหลังนึง แต่ซอยเป็น 8 ห้องนอนหันหน้าชนกันฝั่งละสี่ห้อง ห้องเราอยู่ฝั่งถนนที่มองออกไปจะเห็นวิวอ่างเก็บน้ำกับสวนและต้นหางนกยูง สวยมากกกกกกกกกกกก     ห้องใหม่มากกกกกกกกกก (เพื่อนบอกเป็นบ้านหลังล่าสุดที่เพิ่งสร้าง) และ และ และ ทั้งหลัง (8 ห้อง) มีแค่พวกเราจ้า 555555555555 เงียบสงบและน่าพักผ่อนมากๆ รอบข้างก็ไม่มีบ้านหลังอื่นเลย คือที่พักของเขื่อนจะมีทั้งบ้านหลังที่ซอยห้องเหมือนของเรา และก็มีแบบเหมือนโรงแรมหลายๆชั้น ราคาก็จะต่างกันว่ากันไป  นี่จ้าวิวระเบียงอยู่ติดถนน เข้ามาเวิ่นเว่อได้ก่ะว่าจะไปแว้นรอบเขื่อน (ยืมมอไซเพื่อนมา) ปรากฏว่า เตียงดูดวิญญาณ จ้าาาาา หลับทั้งคู่เลย ก็บอกแล้วว่าบนแพ ไม่ค่อยได้นอนเด้อ ตื่นมาอีกทีเมฆฝนก็เริ่มตัั้งเค้าละ ได้ออกไปขี่มอไซประมาณครึ่งชั่วโมงได้ อากาศดีมาก ไม่ค่อยมีคนเลย รถก็ไม่ค่อยมี เขียวขจีดีมาก ชอบมากๆเลย แต่ถ้าให้อยู๋ทุกวัน ก็คงจะโหวงโหวงอยู่   หลังจากแวนซ์จนสาแก่ใจ ก็ขับรถเข้าเมืองกันไปหาทะเลเผากิน ซึ่ง เจ้าถิ่นก็พาเราไปที่ยยย เมาเล บ้านดอน บุฟเฟ่ต์ทะเลเผาจ้า โอ้โห ฟินตาย มันดียยยยมาก กุ้งเป็นกุ้ง หอยเป็นหอย มันจะมีชีสใส่ฟอยล์เงินไว้สำหรับดิปอ่ะ หูยยยย อยากกินอีก กินกันแบบไม่กลัวตายอีกต่อไป สนนราคาหัวละ 398 บาท คุ้ม! ไปกิน! คนเยอะมาก และพวกเราก็ออกกันเป็นโต๊ะสุดท้าย  ................................ เช้าวันต่อมา เราเดินทางจากเขื่อนรัชชประภาไปสนามบินด้วยรถตู้ ซึ่งโทรจองให้เค้ามารับ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งเราก็ถึงสนามบินโดยสวัสดิภาพ นั่นละฮะ ทริปเที่ยวเขื่อนรัชชประภาของข้าพเจ้า ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาอีก คงได้กลับไปอีก  สุดท้ายขอฝากเบอร์โทรต่างๆที่เป็นประโยชน์ไว้จ้า เบอร์พี่หญิงเจ้าของเรือ 089-8668812 098-2702849 และ 092-2462848 แพวังมัจฉา
|
แมวอ้วนลายปลาสลิด
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |
||||||||||||
