space
space
space
 
พฤษภาคม 2561
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
12 พฤษภาคม 2561
space
space
space

Chapter 6: ลูกค้า


Chapters of Life มีทั้งหมด 33 บท เขียนขึ้นเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดส่งต่อให้คนรอบข้างเนื่องในโอกาสที่ปีนี้อายุครบ 33 ปี 

Chapter 6: ลูกค้า

ใครที่ทำธุรกิจหรือทำงาน ชีวิตนี้ต้องได้พบเจอลูกค้าหลากหลายรูปแบบตามแต่ชีวิตจะจัดสรรมาให้เป็นบททดสอบ พ่อแม่ของพี่ประกอบอาชีพค้าขาย (เวลาใครถามต้องตอบว่าทำธุรกิจส่วนตัว จะดูดี มีระดับ) ที่บ้านเปิดเป็นร้านซ่อมโทรทัศน์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาพแสงสีเสียง มีขายอะไหล่ที่ใช้ในงานซ่อมร่วมด้วย ตอนสมัยเด็กๆ เวลาอยู่บ้าน พี่จะเห็นแม่ขายของให้กับลูกค้า เห็นพ่อซ่อมโทรทัศน์ ลูกค้ามารับเครื่องที่ส่งซ่อม เป็นเช่นนี้ทุกวัน ในแต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาแตกต่างกัน ลูกค้าแต่ละแบบที่พี่ได้สัมผัสในวัยเด็ก ให้บทเรียนกับพี่นำมาปรับใช้กับการทำงานในทุกวันนี้ ซึ่งลูกค้าผู้มีอุปการะคุณที่ถูกใจพี่มากที่สุดมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน

1. ลูกค้า VIP

ย่อมาจาก Very Impatient Person หรือ ลูกค้าผู้ไม่อดทน

วัยเด็ก: วิธีสังเกตลูกค้าประเภทนี้ มักมาพร้อมกับวลีติดปาก “เอาเลยนะโก” คือเดินเข้าร้านมาปุ๊บ ตั้งทีวีวางลงปั๊บ จัดแจงบอกพ่อพี่ว่า “แลให้ทีตะโก” (แปลว่า พี่ดูเครื่องให้ผมหน่อยนะครับ) แนะนำให้พ่อพี่หยุดทุกสิ่งที่กำลังทำอยู่มาดูอาการเครื่องของเขา ประมาณว่าถ้าขี้อยู่ก็ไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกให้ออกมา ถ้ากินข้าวอยู่ก็ให้วางช้อนส้อมทันที พร้อมนัดหมายวันเวลารับเครื่องให้เรียบร้อย “เดี๋ยวต่อเย็นมาเอานะโก” (เดี๋ยวมารับเครื่องตอนเย็นนะ) หรือไม่ก็ “เดี๋ยวรอเอาเลย” ลูกค้ากลุ่มนี้น่ารักมาก มีความเชื่อมั่นในฝีมือว่าพ่อพี่จะสามารถแก้ไขอาการเสียให้ทีวีนั้นกลับมาใช้ได้ในไม่กี่นาที ทำให้พ่อพี่ดูเป็นมือวางอันดับหนึ่งขึ้นมาทันที แม่พี่จะเกรงใจลูกค้ากลุ่มนี้เพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลาอันมีค่าที่เขาต้องรอนาน มักแนะนำให้ไปร้านอื่น ลูกค้า VIP บางท่านถอยทัพกลับ แต่ก็จะมีบางท่านที่อดทนยืนรอจริงๆ จนแม่พี่เกรงใจต้องหาที่หาทางให้นั่งคอย พี่ชอบลูกค้ากลุ่มนี้มากเพราะทำให้ร้านดูมีสีสัน ดูมีคิวนั่งคอยเหมือนคลินิกหมอ พี่เคยคิดอยากจะหาเครื่องกดบัตรคิวมาวางด้วยซ้ำ แต่พื้นที่ไม่เอื้ออำนวย เพราะวางเก้าอี้ได้มากสุดแค่ 3 - 4 ตัว ก็เต็มร้านแล้ว

ปัจจุบัน: เนื่องจากพี่คุ้นชินกับลูกค้าประเภทนี้มาแต่เด็กจึงไม่ต้องสังเกตมาก เขาจะออกตัวชัดเจน เวลาส่งอีเมล์จะลงท้ายด้วยคำว่า as soon as possible (asap), immediately คือถ้าสั่งงานอะไรจะปิดท้ายด้วยคำว่า “ด่วนที่สุด, ภายในทันที” ทุกครั้ง  ด้วยความที่ลูกค้าเชื่อมั่นในฝีมือพี่ก็ทุ่มสุดตัว มีอยู่ครั้งหนึ่งได้รับอีเมล์จากลูกค้าคืนวันศุกร์ ปิดท้ายอีเมล์ว่า asap พี่รีบทำงานส่งให้ลูกค้าตอนตี 1 ของวันอาทิตย์ ลูกค้าตอบอีเมล์กลับมาว่า “Are you working at the weekend?” ...อ้าว ก็คุณจะเอาทันทีไม่ใช่หรือ ถามแบบนี้ต้องการอะไรคะ

พี่ได้บทเรียนจากลูกค้า VIP มาพอสมควรและสามารถรับมือกับพวกเขาได้ในทุกวันนี้ด้วยการไม่ทำให้ในทันที ประสบการณ์สอนพี่ว่าทุกอย่างในชีวิตรอได้ ยกเว้นเรื่องคอขาดบาดตาย (เช่น อาชีพหมอ) เมื่อเช้านี้มีลูกค้าโทรมาตอน 8.30 นาฬิกาขอข้อมูลภายใน 9.00 นาฬิกาเพื่อนำเข้าที่ประชุม โดยทีมของพี่เป็นคนรับสาย ตามความเป็นจริงแล้วงานนี้ไม่สามารถทำให้เสร็จได้ภายใน 30 นาที พี่บอกทีมว่าถ้าเรื่องนี้ด่วนและสำคัญจริงๆ เขาต้องโทรมาขอข้อมูลตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เร็วที่สุดที่ทำให้ได้คือ 9.30 นาฬิกา ให้เขารอ

แต่ก็อย่าให้รอนานเกินเหตุ  เอาที่พอสมควร ให้เราบริหารงานเราได้ 


2. ลูกค้าชั้นดี

หมายถึงชั้นดี...ชั้นเก่ง...ชั้นรู้ทุกเรื่อง

วัยเด็ก: วิธีสังเกตลูกค้าประเภทนี้ไม่ยาก เวลาเอาทีวีมาซ่อมนอกจากจะมาพร้อมคำอธิบายว่าอาการเสียยังไง จะสามารถบอกได้ด้วยว่าอะไหล่ตัวไหนเสียและต้องซ่อมยังไง บางครั้งยืนกำกับพ่อพี่ว่าให้ทำตามขั้นตอนในการซ่อมดังนี้ 1, 2, 3, 4 เสมือนท่องจำคู่มือมาเรียบร้อย ลูกค้ากลุ่มนี้พ่อแม่พี่ไม่ค่อยชอบ เพราะดูมีหลักการมาก กลัวว่าจะมาเปิดร้านเป็นคู่แข่ง แต่เมื่อพิจารณาอีกทีแม่พี่ว่าควรจ้างพวกเขามาเป็นลูกมือเพื่อแบ่งเบาภาระให้พ่อ

อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่แล้วพ่อพี่จะทำงานไปเงียบๆ จนเมื่อตรวจอาการเสียอย่างละเอียด มักพบว่าอะไหล่ที่เสีย 99% มักไม่ใช่ที่ลูกค้าแจ้งและวิธีการซ่อมก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อนั้นลูกค้าชั้นดีจะหยุดกำกับและขอตัวกลับ  ไว้มารับเครื่องวันหลัง  ประหนึ่งจะบอกพ่อพี่ว่าคิดซะว่าเขาว่าไม่ได้พูดอะไรเลย

ปัจจุบัน: ในสายอาชีพของพี่ต้องใช้ความรู้ทางด้านกฎหมายแรงงานพอสมควร พี่ต้องศึกษาหาความรู้ เข้าอบรม ปรึกษาทนาย อ่านฎีกาและตัวบทกฎหมายมากมายกว่าจะมีความเชี่ยวชาญมากพอที่จะสามารถให้คำปรึกษากับลูกค้าหรือทีมงานเพื่อให้ทำงานสอดคล้องกับกฎหมาย เวลามีข้อพิพาทระหว่างลูกค้ากับพนักงานสัญญาจ้างที่พี่ส่งไปทำงานกับลูกค้า พี่จะให้คำปรึกษากับทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อหาข้อยุติที่เป็นธรรม ซึ่งในชีวิตการทำงานก็จะมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่เพื่อนร่วมงานของพี่ให้ชื่อว่า ลูกค้าชั้นดี...ชั้นเก่ง...ชั้นรู้ทุกเรื่อง ในบางครั้งที่พี่มั่นใจว่าสิ่งที่ลูกค้าเข้าใจนั้นผิดและพยายามอธิบายโดยยกขอกฎหมายมาประกอบคำอธิบาย พี่จะเจอข้อโต้แย้งในเชิงที่ทำให้เกือบเสียหลัก ยกตัวอย่างคำพูดที่ลูกค้าเคยพูด

“ฉันทำงานเป็น HR Manager มา 10 ปี มี certificate (ใบรับรอง) ด้านนี้ คุณเพิ่งทำงานมากี่ปี  จะมารู้ดีกว่าฉันได้ยังไง”

คือเขาดูถูกพี่นั่นเอง  แต่พี่ก็แอบเป็นห่วง เขาทำงานเป็น HR Manager มาเป็น 10 ปี แต่เรื่องที่พี่พยายามจะอธิบายเขายังเข้าใจไม่ถ่องแท้เลย พี่ได้แต่ท่องในใจ  เราเป็นคนใจเย็น...เราเป็นคนใจเย็น... เราจะเอาพ่อเป็นแบบอย่างคือทำงานไปเงียบๆ แล้วให้ความจริงพูดด้วยตัวเอง

"ดิฉันอาจจะทำงานมาไม่กี่ปี มีประสบการณ์ไม่เท่าคุณ แต่กฎหมายแรงงานเป็นเรื่องที่ซับซ้อนพอสมควรและมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ถ้าไม่อัพเดทข้อมูลอาจทำให้เราคนใดคนหนึ่งเข้าใจผิด อย่างนี้แล้วกันค่ะ เดี๋ยวดิฉันส่งอีเมล์สรุปที่เราคุยกันให้ รบกวนปรึกษาฝ่ายกฎหมายฝั่งคุณและแนะนำด้วยนะคะว่าต้องแก้ตรงไหน”

พี่อ้างอิงตัวบทกฎหมาย ยกตัวอย่างฎีกา แปะๆ ไปในอีเมล์ส่งไปแบบไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะมันมีคำอธิบายที่ชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว หลังจากนั้นคุณลูกค้าก็เงียบไปเลย พี่ให้เพื่อนร่วมงานโทรตามเรื่องนี้ ได้คำตอบมาว่า “ก็ตามนั้น” 

ลูกค้ากลุ่มนี้มีอีโก้สูง ไม่ชอบให้ใครสอน และไม่ค่อยยอมรับผิด วิธีรับมือคือไม่สอนและไม่ชี้นิ้วว่าผิด ใช้หลักฐานและเครื่องมืออย่างอื่นอธิบายจะได้ผลดีกว่า


ชีวิตการทำงานของพี่ส่วนใหญ่อยู่ในสถานะที่ต้องให้บริการคนอื่น ฝ่ายที่ให้บริการอาจถูกปฏิบัติด้วยความไม่เสมอภาคในบางครั้ง พี่มีประสบการณ์ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เสมอภาคมาจนชิน

อย่างไรก็ดี ที่เล่ามานี้อาจฟังดูแย่ แต่ความจริงแล้วพี่เองได้สัมผัสลูกค้าดีๆ เป็นส่วนใหญ่ ลูกค้าที่ช่วยเหลือเกื้อกูล ให้คำปรึกษา รับฟัง ช่วยแก้ไขปัญหา และเป็น role model เพียงแต่ลูกค้า 2 ประเภทที่เล่าให้ฟังนี้เป็นอุปสรรคที่ลูกทีมบางคนยังไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ และพี่มักจะใช้มันเป็น case study เพื่อสอนวิธีรับมือ

ถ้าหากพี่สามารถเป็นกระบอกเสียงไปยังผู้ที่อยู่ในสถานะลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้า VIP และลูกค้าชั้นดีได้ ก็อยากฝากบอกว่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดคุณควรปฏิบัติกับอีกฝ่ายเสมือนที่คุณอยากให้ผู้อื่นปฏิบัติกับคุณ เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่า วันใดวันหนึ่งสถานะของคุณอาจเปลี่ยนไป เช่นที่พระคัมภีร์ ลูกา 14:11 (ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความหมาย) เขียนไว้ว่า

"ผู้ใดที่ได้ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง และผู้ที่ถ่อมตัวลงนั้นจะได้รับการยกขึ้น"

จงปฏิบัติต่อผู้อื่นในแบบที่คุณอยากให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อคุณ

By Sydneygalora



Create Date : 12 พฤษภาคม 2561
Last Update : 12 พฤษภาคม 2561 17:56:01 น. 0 comments
Counter : 75 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 4299045
Location :
Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Blog นี้ ทำขึ้นเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิตส่วนตัวและชีวิตทำงานที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับคนทำงานและคนทั่วไปทีี่ต้องการแนวคิดในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข

ผู้เขียนขอใช้คำสรรพนามแทนตัวเองว่า "พี่" เนื่องจากคุ้นชินกับการถูกเรียกด้วยสรรพนามนี้แม้จากคนที่อายุมากกว่าก็ตาม

space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 4299045's blog to your web]
space
space
space
space
space