การศึกษา,แคลคูลัส,ข้อสอบทั่วไป,อย่างเก่งภาษาอังกฤษ,การเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น,เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์,แวดวงอินเทอร์เน็ต เรื่องน่ารู้,วิทยาศาสตร์น่ารู้,ประวัติศาสตร์น่ารู้,การใช้ชีวิตให้มีความสุข ,ความรัก คืออะไร?,เรื่องขำขำ,เกร็ดความรู้,การถ่ายภาพ,สิ่งแวดล้อม, คุณธรรมจริยธรรม,มาคุยกันเรื่องธรรมะ,จิตวิทยา,นิยาย เรื่องสั้น,เรื่องลี้ลับ,เทคนิคการเล่นกีฬา,สุขภาพ,อาการของโรคภัยไข้เจ็บ,ข่าวสารกีฬา,Sex สุขภาพ,สมุนไพรเพื่อสุขภาพ,ผู้หญิง ความงาม,การลดความอ้วน,ครอบครัว แม่และเด็ก,บ้านและสวน,การใช้รถรักษารถ,เคล็ดลับการใช้โทรศัพท์,อาหารของญี่ปุ่น,ขนมและอารหาร,รวมสูตรการทำแยมผลไม้,สูตรการทำแซนวิชที่อร่อย,เคล็ดลับการทำสลัด,เคล็ดลับในครัว,ผลไม้,ผัก แปรรูป,โภชนาการ,นานาสาระ,อภิสิทธิ์แสงแพง
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
ทำอย่างไรดี ไม่อยากเรียน ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ

ทำอย่างไรดี ไม่อยากเรียน ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ



ถาม – อยากเรียนแต่ท้อค่ะ อยากเตือนตัวเองให้มีสติในการทำงานให้สำเร็จ
เพราะกังวลและวิตกตลอดเวลาว่าเราทำไม่ได้ ไม่เก่งพอ จะทำงานส่งอาจารย์ก็ไม่แน่ใจ
ตอนอ่านหนังสือก็ไม่มีสมาธินานๆ เหมือนต้องฝืนเหนื่อยต่อสู้กับความฟุ้งซ่านจนไปๆ มาๆ ไม่รู้ว่าอ่านอะไรอยู่
แล้วก็พานนึกกังวล นึกเปรียบเทียบ คิดแต่ว่าเราไม่สามารถทำได้เหมือนคนอื่น รู้สึกแย่มากๆ ค่ะ
ขอคำแนะนำให้ผ่านด่านยากลำบากตรงนี้ที


ข้อจำกัดของระบบการศึกษาในโลกมนุษย์นั้น
คือการที่ไม่สามารถจัดหาวิชาความรู้ ที่ถูกจริตมาป้อนให้กับนักเรียนแต่ละคน
โดยเฉพาะ พวกเราถูกตีกรอบให้เรียนกว้างๆ แบบรู้รอบตัวมาเหมือนๆ กัน
และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่เริ่มต้องเลือกว่า จะเข้าลึกไปในทางสาขาวิชาชีพใด
จะพร้อมหรือไม่พร้อม จะรู้จักหรือยังไม่รู้จักตัวเอง ก็ต้องกัดฟันเดินหน้ากันอย่างเดียว

ความมีใจรักนั้นเป็นตัวตั้งต้นที่สำคัญมาก
หากปราศจากใจรักในการทำอะไรสักอย่าง คนเราจะขาดความเต็มใจหมั่นเพียร
และเมื่อขาดความเต็มใจหมั่นเพียรก็ยากจะฝักใฝ่ทุ่มกำลัง และออกแรงคิดค้นหาทางพัฒนาความฉลาดในด้านนั้นๆ

แต่ความจริงที่ปรากฏก็คือ
น้อยคนจะ 'โชคดี' มีโอกาสเรียนสิ่งที่ใจรักจริงๆ ตั้งแต่ระดับประถมไปจนถึงมหาวิทยาลัย
เราได้ยินเสียงวัยรุ่นบ่นกันเสมอว่าไม่รู้ตัวเองชอบอะไร อยากทำงานด้านใด
โดยมากจะตามๆ กัน ทั้งการเรียนและการทำงาน

การมีใจรักสาขาวิชาชีพอันใดอันหนึ่งนี้
ถ้าพูดโยงไปถึงอดีตกรรมในปางก่อน ก็ต้องบอกว่าเคยอุทิศตนให้กับสาขาอาชีพนั้นๆ
เคยเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาขาวิชาชีพนั้นๆ แก่สังคมในวงกว้าง
ตลอดจนเคยคิดค้นพัฒนาให้สาขาอาชีพนั้นๆ เจริญขึ้น
ชีวิตปัจจุบันจึงเกิดมาพร้อมกับคำว่า 'โชคดี' มีพรสวรรค์ มีใจรักอาชีพนั้นๆ โดยไม่ต้องมีใครบังคับ
แค่ดูๆ จับๆ หน่อยก็กลายเป็นคนเก่ง คนมีความรู้รอบแตกฉานเกินใครๆ รอบตัวได้

ความมีใจรักและความสามารถที่โดดเด่นจะก่อให้เกิดความมั่นใจในตนเอง
แล้วก็กลายเป็นอีกชาติที่คร่ำหวอดจนช่ำชองในวงการเดิมๆ ของตน
เรียกว่าถ้าอดีตเคยประกอบเหตุไว้ ให้ชาตินี้โชคดีมีพรสวรรค์และความสามารถสำเร็จรูปแต่ต้นวัย
ก็ลอยลำสบายไปอีกชีวิตหนึ่ง ไม่ต้องขวนขวาย ไม่ต้องเสี่ยงเลือก
ไม่ต้องบีบบังคับตัวเองให้ต้องทรมานทรกรรม กับการศึกษาเล่าเรียนสิ่งที่ไม่อยากรู้อยากเห็นเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าชีวิตปัจจุบันเราไม่สามารถปลูกฝังความรักในวิชาชีพเอาเสียเลย
หนึ่งชีวิตมนุษย์มีศักยภาพสูงมากครับ
ขอเพียงเข้าใจกลไกทางจิตว่า ทำอย่างไรจึงจะคิดรักวิชาความรู้ที่เราเลือกแล้ว
ป๊อบแป๊บเดี๋ยวเดียวก็เปลี่ยนจากคนไม่เก่งมาเป็นคนเก่ง
เปลี่ยนความรู้สึกทอดอาลัยตายอยาก แบบคนกำลังเดินทางรอนแรมกลางทะเลทรายไร้จุดหมาย
มาเป็นคนมีกำลังวังชาตาตื่นที่เห็นจุดหมายอยู่แค่เอื้อมได้

ผมเข้าใจดีว่าคุณกำลังเซ็งมาก เพราะฉะนั้นเริ่มจากตรงนั้นก่อน
ความเซ็งเกิดจากทัศนคติที่ไม่ดี ทัศนคติที่ไม่ดีคือผลรวมของประสบการณ์ด้านลบหลายๆ อย่าง เช่นวิชายาก
เรากำลังอยากสนุกแต่ต้องมาเป็นทุกข์กับเรื่องยากๆ ที่ไม่ชอบ สอบแล้วก็ไม่ได้คะแนนเป็นที่น่าชื่นใจ
จะเข้าใจแต่ละบทต้องเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด ทนซ้ำทนซากแล้วก็เหมือนย่ำกับที่ ไม่ถึงปีจบเสียที ฯลฯ

เจออะไรโหดๆ ขมๆ ไม่หวานชื่นมา ก็ต้องเกลียดหรือรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กันเป็นธรรมดา
ยิ่งใจบอกว่าต้องเปิดหนังสืออ่าน มือก็หนัก ปกหนังสือก็หนัก สายตาก็ไม่อยากทำหน้าที่
ความรู้สึกภายในมีแต่ลบกับลบ ฉะนั้นโจทย์คือ ทำอย่างไรจะเอาชนะความรู้สึกด้านลบที่มีต่อหนังสือหนังหาได้

มองให้เห็นตามจริงว่าใจคุณกำลังแข็งกระด้าง ตั้งตนเป็นศัตรูกับหนังสือ เป็นศัตรูกับความรู้ในหนังสือ
ความรู้สึกโดยรวมจึงกลายเป็นตุ้มถ่วงไม่ให้สายตาเปิดรับหนังสือ
และเป็นกำแพงกั้นขวาง ไม่ยอมปล่อยให้ตัวหนังสือเข้ามาถึงใจเรา

เมื่อเห็นตามจริงด้วยมุมมองดังว่าแล้ว ก็ต้องหาทางเปลี่ยนใจที่กระด้างให้กลับอ่อนโยนลง
และ เปลี่ยนท่าที่ของศัตรูมาเป็นมิตร หรือให้ยิ่งกว่านั้นคือยอมตัวหัวอ่อนลงเป็นศิษย์
อุบายง่ายที่สุด ลัดสั้นเห็นผลเร็วที่สุดที่จะทำจิตให้เป็นเช่นนั้น
ก็คือยกมือพนมไหว้หนังสือสวยๆ ด้วยใจจริงที่อ่อนน้อมเหมือนไหว้ผู้ใหญ่ที่เราเคารพ
เมื่อใดที่ไหว้ เมื่อใดที่ใจน้อมจริงๆ ยอมตัวแล้วจริงๆ ความฝืนจะหายไปชั่วขณะหนึ่ง
ให้ฉวยโอกาสนั้น คุณอาจก็ลองอธิษฐานกำกับไปด้วยว่า
ขอความมีจิตใจที่นุ่มนวลลงด้วยการไหว้นี้ จงเป็นช่องทางเปิดรับวิชาความรู้จากหนังสือโดยง่าย

ที่ผมให้อธิษฐานอย่างนี้ ความจริงก็คือให้จิตเห็นหลักความจริงนั่นเอง
ความจริงที่ว่าเมื่อกำแพงพังลง ความรู้ก็ไหลบ่ามาเข้าสมองง่ายขึ้น

พอยอมอ่านหนังสือ อ่านแล้วเข้าใจ เข้าใจจนจบ จบแล้วสนุกได้ครั้งหนึ่ง กำลังใจก็จะทวีขึ้นนิดหนึ่ง
พอคราวหน้าถึงเวลาต้องอ่านหนังสือ นึกถึงหนังสือแล้วก็จะอยากไหว้ อยากเปิดอ่านอีก
ในที่สุดคุณจะพบความจริงที่ว่า ความเคารพในวิชานั่นแหละชนวนแห่งการยอมรับ
เมื่อยอมรับก็สนใจ เมื่อสนใจก็ฝักใฝ่ เมื่อฝักใฝ่ก็เริ่มฉลาดขึ้น แล้วนำไปสู่ความมั่นใจ รู้สึกเป็นกันเองกับวิชา
จนที่สุดก็มีใจรักอย่างแท้จริง ลงหลักปักฐานหยั่งรากลึกอย่างถอนไม่ขึ้น

ผมคงแนะนำแนววิธีเพื่อการเรียนดีทั้งหมดภายในพื้นที่จำกัดไม่ได้
ก็ได้แต่คัดเลือกจุดที่จะทำให้คุณเริ่มต้น ด้วยก้าวเดินที่ง่ายหน่อยเท่านั้น หวังว่าคงช่วยนะครับ


จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๕
ที่มา : //dungtrin.com


Create Date : 07 ตุลาคม 2554
Last Update : 7 ตุลาคม 2554 22:48:45 น. 1 comments
Counter : 794 Pageviews.

 
อยากสือหนังสือเล่มมาอ่านจังเลยค่ะ เพราะตอนนี้รู้สึกหมดกำลังใจ ท้อแท้ สิ้นหวัง ทั้งๆที่หมาลัยจะเปิดเร็วๆนี้ แต่กลับรู้สึกว่าไม่อยากเรียน เพราะในใจรู้สึกว่าไม่อยากเรียนที่นี้ ไม่มีเพื่อน


โดย: thababybear IP: 168.120.80.9 วันที่: 26 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:25:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

apisit.az
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








Friends' blogs
[Add apisit.az's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.