MINIme in JAPAN - Day 1 ในที่สุดก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริงอันโหดร้าย วงจรอุบาทว์หลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศคือ (กลางคืน) --> นอนไม่หลับ (เช้า) --> ต้องลากสังขารไปทำงาน งานท่วมหัวหลังจากที่หายหน้าไปนาน สติไม่มี (กลางวัน) --> ทำใจรับความจริง ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ T_T (บ่ายๆ) --> สติเริ่มหลุดอีกรอบที่ 2 ความง่วงรอบกลางวันมีดีกรีความรุนแรงมากกว่ารอบเช้ามาก (เย็น) --> เลิกงาน กำลังง่วงได้โล่ Zzzzz... ขับรถกลับบ้าน (กลางคืน) --> อาบน้ำ หายง่วงแล้วง่ะ ไม่หลับไปถึงเช้า จะเป็นอย่างนี้ไปอาทิตย์นึง เฮ้อ~ ก่อนกลับเมกาเราได้แวะเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ 3 วัน ไม่ได้วางแผนเที่ยวอะไรเลย ตัดสินใจว่าจะไปประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนไป กะไปตายเอาดาบหน้า คราวนี้เราไปเที่ยวลุยคนเดียวเลย จริงๆเราอยากลองไปเที่ยวคนเดียวนานแล้วนะ ได้ไปเที่ยวในที่ๆอยากไปจริงๆ และบังเอิญว่าที่ๆเราอยากไปก็ไม่มีใครอยากไปด้วยนี่ซิ เหมือนผจญภัยเล็กๆ ตอนแรกกลัวว่าจะสนุกหรือเปล่านะไปเที่ยวคนเดียว แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ เพราะเป็นญี่ปุ่นด้วยหละถึงกล้าไปคนเดียว ถ้าเป็นประเทศอื่นเราคงไม่เสี่ยงเหมือนกัน วันแรกเราไปถึงนาริตะตอนเช้า เอากระเป๋าไปโยนไว้ที่โรงแรมแล้วขึ้นรถไฟต่อทันทีมุ่งหน้าไปเมือง Futtsu ที่อยู่ตอนใต้ของจังหวัด Chiba ตั้งใจมากๆว่ามาคราวนี้จะไป hiking ที่ญี่ปุ่นให้ได้ ชอบท่องเที่ยวแบบธรรมชาติมากกว่า นั่งรถไฟหลับแล้วหลับอีก มีการรอรถผิด platform ด้วย เนื่องจากที่ๆเราไปบ้านนอกมากต้องมาต่อ Chiba local line แล้วมารอรถไฟหวานเย็นอีกที ระหว่างรออีนี่ก็ทำตัวนักท่องเที่ยวมาก ถ่ายรูปไปเรื่อย ฝั่งนี้ไม่มีคนดีจังวุ้ยถ่ายรูปถังขยะบ้าบอต่อไปไม่ต้องแคร์สายตาผู้คน ซักพักแอบเอะใจเหตุไฉนไม่มีใครมารอรถฝั่งนี้เลยหว่า ว่าแล้วก็สำนึกได้ว่าต้องไปรออีกฝั่งนึงต่างหาก เกือบไปแล้วไหมหละ เพราะถ้าพลาดรถต้องรอไปอีกชั่วโมงนึงเลย ชอบสถานีเล็กๆบ้านนอกมากกกก สงบดีจัง ไร้ผู้คน เพราะผู้คนเค้าไปรอรถอีกฝั่ง ยัยนี่เฉิ่มเบ๊อะอยู่คนเดียว หลับไปอีก 5 ตื่น ในที่สุดก็ถึงที่หมายที่ Mount Nokogiri (Nokogiri-yama) แต่ก่อนอื่นใดขอหาอะไรกินก่อนเถอะ หิวมาก ก่อนมาเราทำการบ้านมาอย่างดีว่าแถวนี้มีอะไรทานอร่อยบ้าง (ถ้าใฝ่รู้เรื่องเรียนได้ครึ่งนึงของเรื่องกินคงจบด๊อกเตอร์ไปแล้ว) มีร้านคุณป้าสามแม่ครัวใกล้ๆสถานี Hamayanaya ในร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษใดๆทั้งสิ้นแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เราปริ้นรูปไปเรียบร้อย ไปถึงชี้รูปแล้วบอกป้า "เอาอันนี้ก๊ะ"... さすけ定食 Satsuke Satsuke Setto 1,500 Yen Mackerel sashimi สดมากกกกกกก ร้านคุณป้าน่ารักมากกกกกกก ตอนสั่งอาหารเราใช้ความรู้ภาษาญี่ปุ่นเท่าหางอึ่งสั่งป้าๆเลยนึกว่าเราพูดได้ รัวใส่ใหญ่เลย เอิ่ม...เลยบอกไปว่าพูดได้แค่นิดหน่อยน้อยนิดเท่านั้นก๊ะ พอดีที่ร้านมีลูกค้าผู้ชายวัยรุ่นอีกคนพูดภาษาอังกฤษได้คอยช่วยแปล ตลกดี พอรู้ว่าเรามาคนเดียวก็ตื่นเต้นใหญ่เลย แนะนำให้ไปที่นู้นที่นี่ใหญ่เลย ตอนออกจากร้านป้าๆขอถ่ายรูปด้วยๆ สงสัยไม่ค่อยเห็นมนุษย์ประหลาดๆแบบนี้ ของแปลกจากเมืองไทย OTOP 5 ดาวเชียวนะตัวเอง ท้องตึงหนังตาหย่อน ได้เวลาเดินย่อยกันแล้ว... เมืองอยู่ติดชายฝั่งอ่าวโตเกียว Nokogiriyama Ropeway ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจว่าจะเดินลุยเต็มสตรีมขนาดนี้ อุตส่าห์ซื้อตั๋วรถกระเช้าแบบไป-กลับ กะว่าจะไปกินลมชมวิวชิวๆแล้วลงมาแวะร้านขนมชื่อดังอีกร้านก่อนกลับ วันที่เราไปฝนตกเล็กน้อย เราไม่ได้เอารองเท้า hiking ไปด้วย กลัวลื่นมาก ปรากฏว่าอีนี่หลงทางตามระเบียบค่ะ เดินซะขาลาก รถกระเช้าจะพาไปถึงค่อนทางที่เหลือต้องไปปีนป่ายต่อกันเอาเอง ตอนแรกยังไม่รู้ชะตาชีวิต เดินชิวเรื่อยเปื่อย กินลมชมนกอย่างกะนางเอกมิวสิควิดีโอ ทางกลับเราหาสถานีรถกระเช้าไม่เจอ คือถ้าจะนั่งรถกระเช้าต้องเดินย้อนขึ้นเขาไปอีกซึ่งชมนาดไม่สามารถมากๆ เลยตัดสินใจเดินลงมา ถ้าเห็นในรูปคือเราเดินลงจากยอดเขาที่ถ่ายรูปลงมาถึงชายฝั่งทะเลอันไกลโพ้นนั่นเลย ตอนลงเขาไม่มีมนุษย์เดินลงมาด้วยซักคน เริ่มกลัวและ พยายามเดินเร็วๆมองซ้ายมองขวาในที่สุดก็มาถึงถนนใหญ่ ขาระบมมากกกกกกก จนวันนี้เวลาเดินลงกระไดเรายังเจ็บน่องอยู่เลย วิวสวยมากจริงๆ ถ้าอากาศดีกว่านี้จะสวยกว่านี้มาก ยังชิวได้อยู่ ยังไม่รู้ชะตาว่าต้องเดินลงเขาไปเอง สถานีรถกระเช้าที่เราหาไม่เจอขากลับ!!! คิดแล้วแค้น หลังจากลงรถกระเช้ายังต้องเดินขึ้นเขาต่อไปวัดค่ะ ทางค่อนข้างชันและลื่น ต้องระวังกันพอสมควร ต่างกับเวลามา hiking ที่เมกาเลย ที่นี่ดินแห้งอากาศแห้งมากๆ Nokogiri-yama หรือแปลว่าภูเขาฟันเลื่อยจากลักษณะของภูเขา ทางด้านทิศตะวันตกของภูเขายังมีวัด Nihon-ji ที่เป็นที่ตั้งของ Nihon-ji Daibutsu (รูปปั้นพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่) รูปปั้นหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูง 31.05 เมตรหรือสูงประมาณตึก 3 ชั้นเลยทีเดียว มีขนาดใหญ่กว่ารูปปั้นที่ Kamakura มาก สร้างขึ้นในสมัย Edo ทางเข้า Nihon-ji เสียค่าบำรุงวัด 600 Yen View of Hell ชะโงกนรก เค้าเรียกว่างั้นนะ ก็เหมือนอยู่นะ ตกลงไปได้ซาโยนาระกันแน่ๆ หึๆ แถวนี้ยังเคยเป็นเหมืองแร่ด้วยนะ Nihon-ji Daibutsu ขากลับลงมาเรามีเวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆในการเดินลงเขา หลังจากลงมายังต้องเดินไปอีก 2 กิโลเพื่อที่จะไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดเพื่อให้ทันรถไฟหวานเย็นที่มาชั่วโมงละขบวนอีกต่างหาก ถ้าพลาดขบวนนี้ก็ตบยุงรอได้เลย ไม่อยากจะบอกว่าเหนื่อยมากกกกกกก ถึงรถไฟปุ๊บเราหลับยาวน้ำลายยืดไม่แคร์สื่อญี่ปุ่นอีกเลย ทางระหว่างขากลับเดินไปสถานีรถไฟ อาหารเย็นวันนี้คือ 鶏の骨 ราเมงน้ำซุปกระดูกไก่ใกล้ๆ JR Narita ร้านหาไม่ยากเลย ปรกติเราไม่ชอบราเมงนะแต่รีวิวร้านนี้ในเนทดีมากเลยต้องลองซะหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ น้ำซุปหวานอร่อยมากกกกกก เป็นซุปไก่ข้นที่ไม่คาวและไม่เค็มจัดเหมือนซุปโชยุ ใครพักแถวนาริตะเราแนะนำร้านนี้มากๆ ถ้าไม่อร่อยมาเก็บตังที่เราได้เลย ภาษาญี่ปุ่นหมดแต่เราศึกษาไปอย่างดี ไม่มีพลาด 鶏の骨ラーメン 700 Yen เขียนยาวมาก หวังว่าคนอ่านคงไม่หลับไปซะก่อนนะ วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยแต่สนุกจริงๆ จึงอยากจะเขียนแบบละเอียดๆเก็บไว้อ่าน ถ้ามีโอกาสอยากจะไปเที่ยวแบบนี้อีกจัง คราวหน้าจะมาต่อ MINIme in Japan - Day 2 & 3 และจะมาเปิดถุงชอปปิ้งญี่ปุ่นเร็วๆนี้แน่นอนค่ะ อย่าลืมติดตามต่อนะคะ Previous - family day at อัมพวา   Create Date : 28 มิถุนายน 2555 6 comments Last Update : 28 มิถุนายน 2555 10:52:55 น. Counter : 3213 Pageviews. Share Tweet

จะมาติดตามตอนต่อไปค่ะ   โดย: มาแอบอ่าน (คามาคูระ54 ) 28 มิถุนายน 2555 10:17:50 น.

เข้ามาอัพเดตค่ะ   โดย: แป้ง IP: 202.28.180.202 28 มิถุนายน 2555 13:06:36 น.

อยากไปลุยคนเดียว ณ ญี่ปุ่นบ้างจังเลย เคยไปเทรกกิ้งที่ซาปา คนเดียว ไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆก็สนุกดีนะคะ   โดย: ambition IP: 110.168.7.80 29 มิถุนายน 2555 21:56:24 น.

ซาปาน่าไปมาก สถานที่จริงสวยไหมคะ ถ้ามีโอกาสจะลองไปดูให้ได้   โดย: อย่าบอกนะว่าเจ้าคือขุนศึก 29 มิถุนายน 2555 23:41:26 น.

เก่งจังเลยค่ะ ชอบๆ ผู้หญิงลุยเดี่ยวมากๆ สถานีรถไฟบ้านนอกเค้าเหมือนบ้านเรานะคะ แต่ผิดกันลิบลับตรงที่ บ้านเค้าสะอาดมากๆ เลย น่าอยู่จัง จะแวะเข้ามาอ่านบ่อยจ้า   โดย: autozave (autozave ) 6 กรกฎาคม 2555 8:48:51 น.

อากาศคงจะดีน่าดู   โดย: nar_jeabjeab 12 ธันวาคม 2555 12:38:23 น.