แฟนฟิคชั่น : กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน (The Hero & The King)
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
20 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
กระบี่สะท้านฟ้าฯ ตอนที่ 32.1 แผนการณ์พลิกฟ้า

สรุปเนื้อเรื่องย่อๆ (เอามาให้อ่านกันก่อน เนื่องจากหายไปนาน กลัวเพื่อนๆ จะลืมตัวละครไปหมดแล้วนะคะ)

พี่น้องฝาแฝดสองคน ถูกแยกกันตั้งแต่เด็ก คนหนึ่งต่อมา คือ “ฮ่องเต้คังซื่อ” ฮ่องเต้หนุ่มหน้ามน ที่ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบโตขึ้นไม่ได้รับอำนาจที่แท้จริงในการบริหาร บ้านเมืองถูกกุมอำนาจโดยขุนนางกังฉินชื่อ “อ๋าวป้าย” ส่วนฝาแฝดอีกคนหนึ่ง “ชีเส้าเฟย” รู้แค่ว่าตัวเองกำพร้าตั้งแต่เด็ก เติบโตมาในค่ายทหารของแม่ทัพตงฉิน “แม่ทัพหลินเซียง” ในวัยเด็กเพราะเขาเคยช่วยจอมยุทธอันดับหนึ่ง “ซุนซิ่น” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ เขาจึงถูกเนรเทศออกจากค่าย เมื่อเติบโตขึ้น ด้วยจิตใจรักชาติรักประชา เขาสละตนก่อตั้งค่ายเหลียนหลิ๋นอยู่ที่ชายแดน เพื่อต่อต้านการรุกรานจากต้าเหลียว

ค่ายเหลียนอิ๋นประกอบไปด้วย เทพมังกร ชีเส้าเฟย เป็นหัวหน้าใหญ่ กงซุนเช่อ ผู้รอบรู้และนักวางแผน อ้อมหมิงเจิ้ง ขงเบ้งชุดแดง เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ และลู่เสี่ยวฟง คุณชายขี้เล่น ผู้ทักษะยุทธและมีวิชาตัวเบาอันไร้เทียมทาน ค่ายเหลียนอิ๋นต่อต้านเหลียวอยู่ที่ชายแดน เป็นที่รักของชาวบ้าน เป็นที่เกรงข้ามของศัตรู พวกเขาเป็นหนามยอกอกของขุนนางกังฉิน อ๋าวป้ายใช้ราชโองการบังหน้า ใส่ร้ายว่าค่ายเหลียนอิ๋นเป็นกบฏ ทำให้ชีเส้าเฟยและฮ่องเต้ต้องบาดหมางกัน

ชีเส้าเฟยในวัยเด็กเคยช่วยเหลือยอดกระบี่อันดับหนึ่งซุนซิ่นและบุตรสาว “ซุนเส่เยี่ย” ซุนซิ่นจึงได้ถ่ายทอดวรยุทธและมอบกระบี่นี่สุ่ยหานให้กับเขา 14 ปีต่อมาชีเส้าเฟยบังเอิญได้พบเส่เยี่ยอีกครั้ง เคราะห์ร้ายที่บ้านของหญิงสาวไฟไหม้ บิดาของนางเสียชีวิต นางสูญเสียดวงตาสองข้าง ชีเส้าเฟยรับปากดูแลนางจนเกิดเป็นความรัก แต่เพราะที่ค่ายเหลียนอิ๋นเกิดเรื่อง เขาจึงจำต้องแยกจากนาง

ต่อมาเส่เยี่ยได้พบกับฮ่องเต้คังซื่อ เพราะเส่เยี่ยหน้าตาเหมือนน้องสาวที่คังซื่อรักมาก ชายหนุ่มจึงปักใจรักหญิงสาวตั้งแต่แรกพบ คังซื่อพาเส่เยี่ยเข้าวังโดยหวังให้นางเป็นฮองเฮา ที่วังหลวงหญิงสาวได้รับการรักษาตาจนกลับมามองเห็นอีกครั้ง ที่สำคัญนางได้สืบพบชาติกำเนิดของชีเส้าเฟย และได้รู้ว่าความจริงที่ว่าชีเส้าเฟยกับฮ่องเต้คังซื่อเป็นพี่น้องกัน

มาวันหนึ่งชีเส้าเฟยแอบเข้าวังหลวงและพาเส่เยี่ยออกมา สิ่งนี้ยิ่งสร้างความบาดหมางระหว่างชีเส้าเฟยกับฮ่องเต้ ชายหนุ่มทั้งสองคนต่างก็หลงรักเส่เยี่ย เส่เยี่ยรักชีเส้าเฟยแต่ก็มีความเห็นใจให้ฮ่องเต้ ยิ่งนางรู้ความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน นางยิ่งไม่อยากให้พวกเขาต้องมาฆ่าฟัน สุดท้าย เรื่องราว “ความรัก” “ความเค้น” จะลงเอยอย่างไร ติดตามได้ใน กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน ตอนที่ 32...

ความเดิมจากตอนที่แล้ว

ที่หมู่บ้านหลิว ชีเส้าเฟยเสียทีให้กับฮ่องเต้และองครักษ์เหอ เส่เยี่ยทนเห็นทั้งคู่สู้กันต่อไปไม่ได้ จึงหลุดปากบอกความจริงว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน แน่นอนทั้งสองคนไม่เชื่อ ทันใดนั้นอ๋าวป้ายก็ปรากฏตัวขึ้น มันจะจับชีเส้าเฟยและเส่เยี่ยให้ได้โดยไม่สนใจคำสั่งของฮ่องเต้ โชคดีที่สุดท้ายพวกค่ายเหลียนอิ๋นมาช่วยชีเส้าเฟยไว้ได้ทัน อ๋าวป้าย หันจุ้น และพวกทหารธงเหลืองอาศัยจังหวะที่เหตุการณ์ชุลมุนหนีออกมาได้ หันจุ้นจับตัวเส่เยี่ยมาเป็นตัวประกัน ชีเส้าเฟยได้รับบาดเจ็บ เขาและพี่น้องค่ายเหลียอิ๋นตัดสินใจเดินทางไปยังค่ายแม่ทัพหลินเซียง หนึ่งคือเพื่อตั้งหลัก สองคือเพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเทพมังกร โดยมีฮ่องเต้และองครักษ์เหอเป็นตัวประกัน

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง อ๋าวป้ายสั่งให้หันจุ้นนำตัวเส่เยี่ยไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน ห้ามใครแพร่งพรายเรื่องของนางออกไป อ๋าวป้ายใช้ความคิดอย่างหนัก เขาเกิดความระแวงในความปลอดภัยของตนเอง ประการแรก ฮ่องเต้และไทเฮาคิดจะกำจัดเขาจริงหรือไม่ ประการที่สองคือฮ่องเต้และชีเส้าเฟยเป็นพี่น้องกันจริงหรือเปล่า หากทั้งสองเรื่องนี้เป็นความจริง ชีวิตของมันตอนนี้ก็เท่ากับแขวนอยู่บนเส้นด้าย และด้วยแรงยุจากคนรอบข้าง อ๋าวป้ายจึงตัดสินใจจะก่อการกบฎ โอกาสเหมาะกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ฮ่องเต้ถูกชีเส้าเฟยจับไป ไทเฮาก็ไร้แขนขา คนในราชสำนักตอนนี้ก็เป็นของมันเกินกว่าครึ่ง ตอนนี้จึงเหมาะสมที่สุดที่จะก่อ “แผนการณ์พลิกฟ้า”

“ปล่อยข่าวออกไป ฮ่องเต้สวรรคตแล้ว ชีเส้าเฟยเป็นคนลงมือ!!!” อ๋าวป้ายสั่งลูกน้องของมัน มันยิ้มย่องด้วยความมั่นใจว่าแผนการณ์อันชั่วร้ายของมันต้องได้ผล ตอนนี้ฮ่องเต้หายตัวไป ในวังหลวงย่อมไม่มีใครรู้ความจริง ส่วนพวกชีเส้าเฟยอยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก ต่อให้รู้ข่าวนี้ ถึงติดปีกบินก็คงบินมาไม่ทัน ที่สำคัญตอนนี้คนที่คุมราชสำนักอยู่ก็คืออ๋าวป้าย ทั้งขุนนางและแม่ทัพต่างก็เป็นคนของมัน ขุนนางที่เป็นฝ่ายฮ่องเต้ อย่างแม่ทัพหลินเซียง ก็อยู่ไกลถึงชายแดน โอกาสนี้แหละที่มันจะทำการได้โดยสะดวก

“เจ้าส่งคนไปเฝ้าไทเฮากับพวกท่านอ๋องทั้งหลายด้วย อย่าให้มีการเคลื่อนไหว หากใครฝ่าฝืน ให้ลงโทษโทษฐานก่อการกบฏได้เลย ฮ่าๆ” มันหัวเราะเหมือนกับรอคอยวันนี้มานาน

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

หลังจากข่าวฮ่องเต้สวรรคตถูกประกาศออกไป คนในวังหลวงตกใจมาก ไทเฮาถึงกับล้มประชวร ฮองเฮามาเยี่ยมไทเฮาที่พระตำหนัก ทั้งคนป่วยและคนที่มาเยี่ยมกอดกันร้องไห้ ไม่อาจเชื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ไทเฮาแม้จะโศกเศร้ามากที่สุด แต่ก็ไม่อาจจะเพิกเฉยต่อบ้านเมืองได้ ในเมื่อฮ่องเต้สิ้นไปแล้ว ก็ต้องหาทางแต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นมาแทน ไทเฮามีพระประสงค์จะเรียกพบบรรดาท่านอ๋องและองค์ชายต่างๆ เพื่อปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้ ทว่าก็ต้องแปลกใจเมื่อจะออกไปนอกพระตำหนักกลับถูกทหารของทัพธงเหลืองเกือบครึ่งร้อยกั้นเอาไว้
“พวกเจ้าช่างบังอาจ กล้าขวางทางข้างั้นหรือ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!!!” ไทเฮาชี้นิ้วไปยังทหารที่เป็นหัวหน้าด้วยความโกรธ ตอนนี้ข้างกายนางมีเพียง ฮองเฮา องครักษ์จั๋ว และนางกำนัลอีกสองคน
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า ขอทรงเห็นใจหม่อมฉันด้วย พวกเราทำไปตามหน้าที่” ทหารคนนั้นไม่เพียงไม่คุกเข้าลง มันยังยกกระบี่ขึ้นมากั้นคนของไทเฮาอย่างไม่กลัวเกรง
“หน้าที่อะไร!!! หน้าที่ของเจ้าคืออารักขาข้าและราชวงศ์ ไม่ใช่มาขังเราไว้แบบนี้!!!” คนพูดสะบัดมือด้วยความโกรธ
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า นี่เป็นคำสั่งของท่านเสนาฯ ห้ามเชื้อพระวงศ์เคลื่อนไหว หม่อมฉันมิอาจขัดขืนคำสั่ง” ทหารคนนั้นยังคงยืนกราน
“ขี้ข้า!!! นี่เจ้ารับใช้ข้าหรือมันกันแน่!!!” ไทเฮากำมือแน่นด้วยความโกรธ ด้วยความที่ทรงประชวรอยู่ ทำให้นางเซลง ฮองเฮากับนางกำนัลรีบเข้ามาช่วยประคองไว้
“ไทเฮา ทรงเย็นพระทัยก่อนเพคะ เข้าไปพักในพระตำหนักก่อนดีกว่า” ฮองเฮาเห็นว่าเถียงไปตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์ คนของอ๋าวป้ายมีมาก ข้างกายไทเฮาก็มีแค่องครักษ์จั๋ว ตอนนี้ควรถอยไปตั้งหลักก่อน ไทเฮายอมเชื่อ นางกลับไปนั่งพักในตำหนัก เมื่อใจเย็นลงแล้ว ไทเฮาก็รีบหารือกับฮองเฮาและองครักษ์จั๋วว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“นี่อ๋าวป้ายมันคิดจะทำการใดกันแน่ ถึงได้ขังพวกเราไว้เช่นนี้” ไทเฮาพูดแล้วก็รู้สึกปวดที่อก ก่อนหน้านี้นางเพิ่งจะเสียใจกับการจากไปของฮ่องเต้ ตอนนี้ยังต้องมากลัวว่าอ๋าวป้ายจะคิดกบฎอีก ฮองเฮากับองครักษ์จั๋ว ต่างก็รู้สถานการณ์ดี จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“องครักษ์จั๋ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยติดต่อคนๆ หนึ่ง เจ้าจะช่วยจัดการเรื่องนี้ได้หรือไม่” ไทเฮาตรัส การที่นางจะออกจากพระตำหนักตอนนี้คงเป็นเรื่องยาก แต่องครักษ์จั๋วเป็นผู้มีวรยุทธ น่าจะพอหาทางออกไปได้
“พะยะค่ะ หม่อมฉันจะหาทางลักลอบออกไป ว่าแต่ไทเฮาจะให้หม่อมฉันไปพบผู้ใดพะยะค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แล้วก็ถามต่อ
“ท่านอ๋องถูพอจะมีกำลังทหารกับองครักษ์ที่ภักดีอยู่บ้าง เจ้าไปบอกเขา ให้เขาหาทางช่วยข้าออกไป และให้เขาพยายามติดต่อท่านราชเขยองค์ชายต้วนฟู่ พวกเขาน่าจะพอช่วยเหลือพวกเราได้” ไทเฮาสั่ง ก่อนหน้านี้นางได้ยกองค์หญิงปิงเยี่ยให้แต่งงานกับองค์ชายต้วนฟู่ก็เพื่อจะหาพันธมิตรให้กับฮ่องเต้ ไม่นึกเลยว่าจะได้พึ่งพาพวกเขาเร็วขนาดนี้
“อีกอย่าง ข้าอยากให้เจ้าหาทางส่งข่าวให้แม่ทัพหลินเซียงด้วย หลินเซียงเป็นตงฉินและจงรักภักดีมาตลอด ข้าไว้ใจเขา” ไทเฮาตรัส
“แต่ว่าฟูเจี้ยนกับค่ายแม่ทัพหลินเซียงต่างก็อยู่แดนไกล เกรงว่ากว่าพวกเขาจะมาช่วยพวกเรา ตอนนั้นอาจจะสายไปเสียแล้วนะพะยะค่ะ” องครักษ์จั๋วออกความเห็นด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่นึกเลยว่าถึงเวลาเดือดร้อน คนใกล้ตัวกลับใช้ไม่ได้สักคน” ไทเฮาถอนหายใจ คนที่พอจะช่วยเหลือได้ก็อยู่แดนไกล คนที่อยู่ใกล้ต่างก็เป็นฝ่ายอ๋าวป้ายไปหมด นางรู้สึกว่าตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด
“หากพ่อของหม่อมฉันยังอยู่ อ๋าวป้ายก็คงไม่กล้าเหิมเกริมเช่นนี้” ฮองเฮากล่าวด้วยความรู้สึกผิด ตอนที่พ่อของนาง เสนาบดีสั่วหนี่ยังอยู่ เขาเป็นคนที่จงรักภักดีและสามารถต่อกรกับอ๋าวป้ายได้ แต่เพราะเขามาด่วนจากไปเสียก่อน สั่วฟางเอ๋อจึงไร้ซึ่งพวกพ้องในราชสำนัก หญิงสาวรู้สึกผิดที่นางเป็นถึงฮองเฮา แต่กลับช่วยอะไรไทเฮาไม่ได้เลย
“เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น ในยามนี้ทุกคนต่างหันไปอยู่ข้างเดียวกับอ๋าวป้าย แต่เจ้ามีใจเป็นห่วงข้า ไม่กลัวอำนาจคนชั่ว แค่นี้ข้าก็ดีใจมากแล้วที่มีลูกสะใภ้เช่นเจ้า พ่อเจ้าเองก็ต้องภูมิใจมากเช่นกัน” ไทเฮาเอ่ยปากชมหญิงสาว ฮองเฮาเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาด กล้าหาญ และยังมีความกตัญญู ฮ่องเต้ช่างเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
“ไทเฮาแล้วท่านเสนาฯ ซูหล่ะเพคะ เขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอ๋าวป้ายมาโดยตลอด เขาจะยอมช่วยพวกเราหรือไม่” ฮองเฮานึกขึ้นได้จึงเสนอชื่อของซูเค่อซ่าฮาขึ้น
“จริงด้วยสิ ทำไมข้าถึงลืมคนๆ นี้ไปได้นะ” ไทเฮาพยักหน้าอย่างพอพระทัย
“หากอ๋าวป้ายขึ้นเป็นใหญ่ เขาต้องคิดกำจัดซูเค่อซ่าฮาแน่ องครักษ์จั๋วเมื่อเจ้าไปพบท่านอ๋องแล้ว จงไปหาซูเค่อซ่าฮาและนำความนี้ไปบอกเขา งานนี้ข้าเชื่อว่าเขาต้องอยู่ข้างเดียวกับพวกเราแน่” ไทเฮาตรัสจบ องครักษ์จั๋วก็พยักหน้ารับทราบ ชายหนุ่มนึกศรัทธาไทเฮาอยู่ไม่น้อย นางเพิ่งจะสูญเสียลูกชายไป แต่กลับเข็มแข็ง พยายามตั้งสติ และหาคนมาช่วยเหลือ เขาตั้งปณิพานว่าจะต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้ เพื่อฮ่องเต้ เพื่อไทเฮา และเพื่อราชวงศ์ซ่ง
“ไม่นึกเลยเมื่อถึงยามคับขัน จะเหลือคนจงรักภักดีไม่กี่คน” ไทเฮาถอนหายใจ ในใจนางคิดเป็นห่วงอนาคตข้างหน้า ตอนนี้เสนาบดี 4 คน คนหนึ่งก็ตายไปแล้ว 2 คนก็เป็นพวกอ๋าวป้าย เหลืออยู่คนเดียวที่พอจะไว้ใจได้ แต่ก็ไม่ได้มีกำลังมากมายอะไร ฝ่ายพระญาติก็มีเพียงอ๋องถูจิ้นคนเดียวเท่านั้นที่พอจะพึ่งพาได้ ฝ่ายทหาร ก็เป็นคนของทัพธงเหลืองไปเสียหมด ส่วนแม่ทัพดีๆ ก็ถูกจับไปอยู่ชายแดน โชคดีที่ยังพอมีพันธมิตรอยู่ที่ฟูเจี้ยน แต่ก็น่าเสียดายที่คนเหล่านี้ต่างก็อยู่แดนไกล ศึกครั้งนี้ หนทางชนะอ๋าวป้ายนับว่าเหลือน้อยมาก สุดท้าย หากราชวงศ์นี้จะต้องมาจบสิ้นในสมัยของนาง นางคงมิอาจทำใจได้...

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ณ ค่ายแม่ทัพหลินเซียง

ชีเส้าเฟย กงซุนเช่อ อ้อมหมิงเจิ้งและลู่เสี่ยวฟง เดินทางมาพบแม่ทัพหลินเซียง โดยมีหลินกุเหนียงเป็นผู้นำทาง ฮ่องเต้กับองครักษ์เหอถูกจับมัดไว้ เมื่อมาถึงค่าย หลินกุเหนียงพาทั้งหมดเข้ามารอพบแม่ทัพหลินเซียงอยู่ที่ห้องโถง ครู่หนึ่งแม่ทัพหลินเซียงและหลินชงก็เดินออกมา
“กุกุ!!!” หลินชงเมื่อเห็นน้องสาวก็ตาโตด้วยความดีใจ
“พี่หลินชง” หลินกุเหนียงเองไม่ได้เจอพี่ชายเสียนาน ก็ดีใจเช่นกัน นางวิ่งเข้าไปกอดเขาแน่น ชายหนุ่มลูบหัวหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง หลินชงรู้สึกโล่งออกเหมือนยกภูเขาออกจากอกที่น้องสาวไม่เป็นอะไรแล้ว แม่ทัพหลินเซียงพอเห็นหลินกุเหนียงก็ดีใจเช่นกัน แต่เขาเก็บความรู้สึกไว้ไม่แสดงออก พอหลินเซียงเห็นชีเส้าเฟยหน้าตาของเขาก็แสดงความไม่พอใจเล็กน้อย และพอเหลือบไปเห็นชายหนุ่มสองคนที่ถูกจับมัดไว้ ตาของเขาก็ลุกโพรงด้วยความตกใจ
“ฝ่าบาท!!!” แม่ทัพตะโกนเสียงดัง เขารีบหันไปสั่งลูกน้องให้ไปแก้มัดฮ่องเต้ แต่พอลูกน้องของเขาจะก้าวเข้าไป ก็ถูกขวางไว้โดยอ้อมหมิงเจิ้งและลู่เสี่ยวฟง แม่ทัพหลินตาลุกโพรงด้วยความประหลาดใจ
“ชีเส้าฟย!!! นี่เจ้าคิดจะทำอะไร!!! จับฝ่าบาทไว้ทำไม!!!” คนพูดชี้หน้าชีเส้าเฟยด้วยความโกรธ ชีเส้าเฟยไม่ตอบคำถามเขา ชายหนุ่มก้มหน้าลง นัยน์ตาแดงกร่ำ ทันใดนั้น ชีเส้าเฟยก็คุกเข่าลงต่อหน้าแม่ทัพหลินเซียง ทำเอาแม่ทัพหลินเซียงงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“เจ้าทำแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเจ้าไปก่อเรื่องอะไรมา!!!” แม่ทัพหลินเซียงตวาดเสียงดัง ชีเส้าเฟยนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ท่านแม่ทัพ พ่อแม่ข้าเป็นใครกันแน่” แม่ทัพหลินเซียงอึ้งไปครู่หนึ่งกับคำถามของชายหนุ่ม พอตั้งสติได้เขาจึงตอบคำถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบ
“พ่อแม่เจ้าเป็นพ่อค้าแซ่ชี พวกเขาตายตั้งแต่เจ้ายังเด็ก ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ” แม่ทัพหลินเซียงพยายามเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงปกติ
“เรื่องพ่อค้าชาวเหนือแซ่ชีอะไรนี่ข้าฟังมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ข้าอยากรู้ความจริงว่าข้าเป็นลูกใครกันแน่” ชีเส้าเฟยส่ายหน้า ชายหนุ่มพูดจบก็ส่งหยกหักสองอันให้แม่ทัพหลิน แม่ทัพหลินรับมาดูแล้วก็ตาโตด้วยความแปลกใจ เขาจำได้ว่าหยกที่หักอันหนึ่งเป็นของชีเส้าเฟย แล้วอีกอันนี่มาจากไหนกัน ทำไมทั้งสองอันถึงได้ต่อกันเป็นอันเดียว
“หยกอีกอันนี่ของใคร” แม่ทัพหลินเซียงถามชีเส้าเฟย ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับเป็นฮ่องเต้ที่กล่าวขึ้นเองว่ามันเป็นของเขา คราวนี้หลินเซียงหน้าถอดสีด้วยความตกใจ หลินเซียงมองหน้าฮ่องเต้แล้วก็หันมามองหน้าชีเส้าเฟย เขาถึงกับเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันอย่างเหลือเชื่อ หลินชงเองก็สังเกตเห็นความจริงข้อนี้เช่นเดียวกัน เมื่อแม่ทัพหลินเซียงอึ้งไม่ยอมพูดอะไร บรรยากาศในห้องก็ยิ่งดูอึมครึมขึ้นไปอีก หลินกุเหนียงเห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้าไปพูดกับบิดาของตน
“ท่านพ่อถึงตอนนี้แล้ว ท่านอย่าได้ปิดบังพี่เส้าเฟยอีกเลย” หญิงสาวกล่าว แม่ทัพหลินเซียงสบตาบุตรสาวด้วยความไม่พอใจนิดๆ เขาหันไปมองชีเส้าเฟยและฮ่องเต้ ทั้งสองต่างก็มองเขาด้วยสายตาคาดคั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะไร้ทางเลือกเสียแล้ว
“ได้ ข้าจะพูดความจริง” แม่ทัพหลินเซียงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจยาว
“ยี่สิบปีก่อน ข้ามีสหายเป็นองครักษ์เสื้อทองคนหนึ่ง วันหนึ่งเขามีเรื่องเดือดร้อนต้องการให้ข้าช่วย เขามาหาข้าที่นี่ พร้อมเด็กทารกคนหนึ่ง เขาให้ข้ารับปากว่าจะดูแลเด็กทารกคนนี้เป็นอย่างดี และห้ามบอกใครว่าเขาเป็นคนนำเด็กทารกคนนี้มา ข้าได้พยายามสอบถามถึงที่มาของเด็กคนนี้ แต่สหายข้าไม่ยอมบอก เขาเพียงแต่บอกข้าว่าเด็กคนนี้เป็นคนสำคัญ เป็นคนที่เขาต้องให้การช่วยเหลือ และเขาเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ของเด็กคนนี้ ตอนนั้นข้าจนใจจำต้องช่วยเหลือสหาย จึงได้รับเด็กทารกคนนั้นไว้ ส่วนหยกอันนี้ข้าก็ได้มาพร้อมกับเด็กทารกคนนั้น” แม่ทัพหลินเซียงเล่า
“เด็กคนนั้นก็คือน้องเส้าเฟยงั้นหรือท่านพ่อ” หลินชงถามขึ้น แม่ทัพหลินเซียงก็พยักหน้า ก่อนจะเล่าต่อไป
“ต่อมาไม่นาน ข้าก็ได้ข่าวว่าสหายของข้าคนนี้ถูกฆ่าตาย ด้วยเกรงว่าทารกน้อยจะมีอันตราย ข้าจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และได้แต่งเรื่องขึ้นว่าพ่อแม่ของเขาเป็นพ่อค้า” ถึงตอนนี้ ชีเส้าเฟยหลับตาลงเหมือนไม่อยากยอมรับความจริงอีกต่อไป ที่แท้เขาไม่ได้แซ่ชีด้วยซ้ำ เรื่องพ่อแม่ที่เป็นพ่อค้าชาวเหนือล้วนเป็นเรื่องที่แม่ทัพหลินเซียงแต่งขึ้น
“แต่ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเจ้าเป็นใครนั้น ข้าก็ไม่อาจตอบได้” แม่ทัพหลินเซียงกล่าว ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้เรื่องที่เส่เยี่ยบอกว่าชีเส้าเฟยกับฮ่องเต้นั้นเป็นพี่น้องกัน ส่วนหลินกุเหนียงและคนอื่นๆ ในห้องต่างก็รู้ความจริงกันหมดแล้ว ยิ่งได้มาฟังเรื่องที่แม่ทัพหลินเซียงเล่านี่อีก ดูท่าเรื่องนี้คงจะเป็นความจริงแล้วอย่างแน่นอน

ชีเส้าเฟยยังคงคุกเข่านิ่งไม่พูดจา แม้เขาจะไม่มีน้ำตาสักหยด แต่ทุกคนต่างก็ดูออกว่าเขากำลังเสียใจมากมายเพียงไหน กงซุนเช่ออดสงสารเขาไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องเดินเข้ามาปลอบ
“หัวหน้าใหญ่ ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิดก็ได้” กงซุนเช่อกล่าว ชีเส้าเฟยเหลือบมองฮ่องเต้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถาม
“ไม่ใช่ ข้าต้องไม่ใช่พี่น้องกับเขา” คนพูดๆ ด้วยเสียงเบาที่สุด มีเพียงเขาและกงซุนเช่อเท่านั้นที่ได้ยิน แต่คนอื่นแม้ไม่ได้ยิน ก็เดาได้ว่าชีเส้าเฟยพูดอะไร
“หัวหน้าใหญ่ ความจริงข้ามีอยู่วิธีหนึ่งที่จะช่วยพิสูจน์เรื่องนี้ได้ แต่ถ้าท่านไม่อยากทดสอบ ข้าก็เข้าใจท่านนะ...” กงซุนเช่อเสนอขึ้น
“วิธีอะไร ข้าอยาก ข้าอยากรู้พี่รอง” ชีเส้าเฟยรีบพยักหน้าให้กับเขา สีหน้าของชายหนุ่มตอนนี้เต็มไปด้วยความหวัง ความหวังที่ว่าจะมีอะไรมาพิสูจน์ว่าเขากับฮ่องเต้ไม่ใช่พี่น้องกัน กงซุนเช่อได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปขอให้คนของค่ายแม่ทัพหลินเซียงช่วยยกน้ำมาห้าอ่างเพื่อทำการทดสอบ แม่ทัพหลินเซียงพยักหน้าเห็นด้วย พวกลูกน้องจึงรีบออกไปเตรียมการณ์ คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง ต่างก็พากันตื่นเต้นกับการทดสอบในครั้งนี้

เมื่อได้น้ำทั้งห้าอ่างมาตั้งอยู่ในห้องแล้ว กงซุนเช่อหยิบยาขวดหนึ่งออกมาแล้วหยดไปในอ่างใบแรก จากนั้นเขาก็หยิบเข็มหมุดมาจิ้มที่นิ้วชี้ของตนเองแล้วหยดเลือดลงไป จากนั้นเขาก็ขอให้ลู่เสี่ยวฟงหยดเลือดลงไปในอ่างเดียวกัน ทุกคนมองตามลงไปในอ่าง แต่ปรากฏว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลือดของทั้งคู่ค่อยๆ จางหายไปในน้ำ จากนั้นกงซุนเช่อก็หยดยาลงไปในอ่างใบใหม่ ที่นี่เขาขอให้หลินชงกับหลินกุเหนียงหยดเลือดของพวกเขาลงไป คราวนี้ปรากฏว่า เลือดของทั้งคู่เปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นสีม่วง อ้อมหมิงเจิ้งพยักหน้าเข้าใจความหมายของกงซุนเช่อทันที คนอื่นๆ ก็พากันฮือฮาด้วยความประหลาดใจ
“หากคนสองคนที่ต่างสายเลือดกัน หยดเลือดลงไปในอ่าง น้ำในอ่างก็จะไม่เปลี่ยนสี แต่หากคนสองคนที่เป็นพี่น้องกัน หยดเลือดลงไปในอ่าง น้ำก็จะกลายเป็นสีม่วงใช่หรือไม่พี่รอง” อ้อมหมิงเจิ้งถามเชิงอธิบาย กงซุนเช่อก็พยักหน้าว่าใช่ ที่นี่กงซุนเช่อเดินมาที่อ่างน้ำใบใหม่ เขาหยดยาลงไปเช่นเคย แล้วเขาก็ให้ลู่เสี่ยวฟงพาฮ่องเต้เดินเข้ามา ฮ่องเต้มองหน้ากงซุนเช่อก่อนจะยื่นมือไปให้เขาจิ้มเข็มลงที่นิ้วชี้และหยดเลือดของเขาลงไป จากนั้นกงซุนเช่อก็หันมาทางชีเส้าเฟย ชายหนุ่มมีท่าทีลังเลเล็กน้อย
“หัวหน้าใหญ่ ถ้าท่านไม่อยาก...” ยังไม่ทันที่กงซุนเช่อจะพูดจบประโยค ชีเส้าเฟยก็ตัดสินใจ ใช้มีดสั้นกรีดเลือดของตนลงไปในอ่างใบเดียวกับคังซื่อ ทุกคนต่างก็จ้องมองอ่างใบนั้นด้วยความตื่นเต้น และในที่สุด น้ำในอ่างใบนั้นก็กลายเป็นสีม่วง ชีเส้าเฟยหลับตาลง ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น เขาสั่งให้กงซุนเช่อลองอีกครั้ง กงซุนเช่อใช่วิธีการเดิมกับฮ่องเต้และชีเส้าเฟยถึงสามครั้ง ผลออกมาเหมือนเดิมหมด คือ น้ำในอ่างทุกใบล้วนเปลี่ยนเป็นสีม่วง

ชีเส้าเฟยเดินเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับคังซื่อด้วยแววตาที่สับสน คนอื่นๆ ในห้องพากันนิ่งเงียบ รอว่าชีเส้าเฟยจะพูดอะไรกับฮ่องเต้ ทันใดนั้นชีเส้าเฟยก็หยิบมีดสั้นออกมาเล่มหนึ่ง เขาใช้มันตัดเชือดที่มัดมือของคังซื่อออก ชีเส้าเฟยไม่พูดอะไร คังซื่อก็ไม่พูดอะไร ชีเส้าเฟยยืนมองหน้าคังซื่ออยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินไปตัดเชือกให้องครักษ์เหอ
“ไปซะ” ชีเส้าเฟยพูดกับฮ่องเต้และองครักษ์เหอโดยไม่สบตาพวกเขา แม่ทัพหลินเซียงไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ก็ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก คนอื่นๆ ภายในห้องก็พากันยืนอึ้งไปด้วย

ยังไม่ทันที่ฮ่องเต้จะได้เดินออกไป ทันใดนั้นก็มีทหารคนหนึ่งเดินสวนเข้ามา บอกว่ามีคนจากวังหลวงมาขอเข้าพบแม่ทัพหลินเซียง แม่ทัพหลินเซียงพยักหน้า ทหารคนนั้นจึงพาคนจากวังหลวงเข้ามา เขาคุกเข่าลงแล้วก็มอบจดหมายให้แม่ทัพหลินเซียงฉบับหนึ่ง แม่ทัพหลินเซียงหยิบจดหมายมาอ่าน พออ่านจบมือเขาก็สั่นด้วยความตกใจ แม่ทัพหลินเซียงมองหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็มองเขาด้วยความสงสัย
“ฝ่าบาท ไทเฮาเขียนจดหมายถึงหม่อมฉันว่า ฝ่าบาทสวรรคตแล้ว อ๋าวป้ายคิดก่อกบฎ!!!” คนในห้องพอได้ยินเช่นกันก็พากันตกใจ คังซื่อรีบเดินเข้าไปขอดูจดหมายจากแม่ทัพหลินเซียง พออ่านจบชายหนุ่มก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“ชั่วช้ามาก อ๋าวป้ายใช้โอกาสที่เราไม่อยู่ ควบคุมวังหลวงไว้หมดแล้ว” คังซื่อกำมือแน่น
“ฝ่าบาท เรื่องราวมันเป็นมายังไงกันแน่พะยะค่ะ ทำไมฝ่าบาทที่ได้มาอยู่กับชีเส้าเฟย แล้วทำไมเสนาฯ อ๋าวถึงได้ทำการอุกอาจเช่นนี้” หลินเซียงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถึงถามฮ่องเต้ขึ้น คังซื่อก็เล่าเรื่องที่เขาออกมาตามหาเส่เยี่ย จนได้มาพบกับชีเส้าเฟยให้แม่ทัพหลินเซียงฟัง
“เช่นนั้น เราจะทำอย่างไรต่อไปพะยะค่ะ” แม่ทัพหลินเซียงถาม
“ตอนนี้เราเป็นห่วงที่สุดก็คือความปลอดภัยของเสด็จแม่ นอกจากท่านแม่ทัพแล้ว เสด็จแม่ยังขอความช่วยเหลือไปที่เสนาฯ ซู อ๋องถูจิ้น และทางฟูเจี้ยนด้วย ตอนนี้เราต้องหาทางติดต่อกับคนพวกนั้น เพื่อจะได้บุกวังหลวงไปช่วยเสด็จแม่ ท่านแม่ทัพตอนนี้ไพร่พลของท่านมีมากเท่าไหร่ พวกเขาสามารถจะออกเดินทางได้เลยหรือไม่” ฮ่องเต้ถาม
“เรียนฝ่าบาท คนของหม่อมฉันมีอยู่ครึ่งหมื่นพะยะค่ะ ทูลฝ่าบาทตามตรง ทัพธงเหลืองของอ๋าวป้ายนั้นมีคนมากกว่าหม่อมฉันหลายเท่า แต่กระนั้น แม้กำลังของพวกเราจะสู้พวกมันไม่ได้ แต่พวกหม่อมฉันก็ยินดีจะถวายชีวิตเพื่อช่วยเหลือฝ่าบาทและองค์ไทเฮาพะยะค่ะ” หลินเซียงก้มลงคาราวะฮ่องเต้ หลินชง หลินกุเหนียง และทหารคนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น ก็ก้มลงคาราวะฮ่องเต้เช่นกัน
“ดี งั้นพวกเรารีบไปเตรียมตัวกัน” ฮ่องเต้พยักหน้ารับด้วยความพอใจ แม้ตอนนี้บ้านเมืองกำลังมีภัย แต่อย่างน้อยได้รู้ว่ายังมีแม่ทัพที่จงรักภักดีอยู่เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกดีใจไม่น้อย จากนั้น คังซื่อก็พยักหน้าให้องครักษ์เหอเดินตามเขาออกไป แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตู ชีเส้าเฟยก็ยกกระบี่ขึ้นขวางฮ่องเต้ไว้ คังซื่อหันไปมองหน้าชีเส้าเฟยด้วยความสงสัย
“ข้าจะไปด้วย” ชีเส้าเฟยกล่าวขึ้น
“เราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากท่านหรอกนะ” คังซื่อปฏิเสธ
“ทรงลืมไปแล้วหรือว่าอ๋าวป้ายจับตัวเส่เยี่ยไป ข้าร่วมมือกับท่านแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเรามีศัตรูคนเดียวกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ จบเรื่องนี้แล้ว ข้าต้องคิดบัญชีกับท่านแน่” ชีเส้าเฟยกล่าว คังซื่อจึงพยักหน้าให้เขา ชีเส้าเฟยลดกระบี่ลง คังซื่อเดินออกไปพร้อมกับองครักษ์เหอและแม่ทัพหลินเซียง ชีเส้าเฟยพยักหน้าให้กงซุนเช่อ อ้อมหมิงเจ้ง และลู่เสี่ยวฟง ทุกคนจึงเดินตามเขาออกไป...


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



Artist: Julian Cheung Chi Lam
Album: I AM CHILAM 2009
Song: Once Loved (Madarin Version)



Create Date : 20 มิถุนายน 2553
Last Update : 19 มีนาคม 2560 16:22:33 น. 9 comments
Counter : 697 Pageviews.

 
โหว...ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้อ่านตอนต่อของ กระบี่สะท้านฟ้าฯ ในที่สุดก็ได้อ่าน ดีใจซู๊ดดด

ขอบคุณ ผกก.แต๋มด้วยนะคะที่มาสางต่อ ไม่งั้นคนดูต้องค้างคราไปชั่วนิจนิรันดร์แน่เลย

วิธีพิสูจน์ DNA ของท่านกงซุนเชื่อสุดยอดมากค่ะ ทุกคนไม่สามารถบ่ายเบี่ยงความเป็นสายเลือดเดียวกันได้เลย

ดีใจที่เส้าเฟยกับคังซื่อรู้ความจริงแล้วว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ยังมีแง่งอนกันอยู่ คิๆ เรื่องกำลังหนุก วิ่งปรู๊ดดไปต่อตอนที่สองก่อนะคะ


โดย: หลินอี้ วันที่: 18 กันยายน 2555 เวลา:10:37:01 น.  

 
ใกล้ถึงเวลาที่เส่เยี่ยจะต้องเลือกแล้วนะจ๊ะ

จะเป็นฮองเฮา หรือ หัวหน้าหญิงแห่งค่ายเหลียนอิ๋น



โดย: หลินอี้ วันที่: 18 กันยายน 2555 เวลา:11:00:03 น.  

 


โดย: หลินอี้ วันที่: 18 กันยายน 2555 เวลา:11:00:40 น.  

 
ตะก่อนตอนดูหัวหน้าใหญ่จบใหม่ๆ ก็อินกะหัวหน้าใหญ่มาก ตอนนี้เพิ่งดูคังซีจบ และยังดูหนังเกี่ยวกับราชวงศ์ชิง (เรื่อง Bu Bu Jing Xin) พอกลับไปอ่านตอนที่คังซื่อกับเส่เยี่ยอยู่ด้วยกัน กลับรู้สึกอินคู่นี้มากกว่านะคะ ยังไงดี ยังไงดี


โดย: realtomtam วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:22:23:09 น.  

 

จะเม้นต์ในกรอบก็ทำเอามือไม้สั่น เขิลลลลรูปในกรอบค่ะ


ไม่เป็นไรค่ะ ผกก.จะจบแบบไหน หากไม่ถูกใจ เตรียมไข่อุ๊ดไว้ 1 เดือนแล้วค่ะ จะฝากใส่ ปณ.ไปบ้าน ผู้กินกับ


ps. ไข่อุ๊ด = ไข่ที่หมกไว้นานๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านกลิ่น ฮิๆ


โดย: หลินอี้ วันที่: 21 กันยายน 2555 เวลา:16:18:57 น.  

 
ตามมาแล้วค่ะ ความจริงเปิดเผยสักทีนะคะ ตอนแรกนึกว่าวิธีพิสูจน์ DNA จะเหมือนในหนังจีนเรื่องอื่นๆ แต่ของท่านกงซุนเท่ห์มากค่ะ สุดยอดๆมีเหตุและผล สองพี่น้องไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้เลย

ป.ล. อ่านเรื่องนี้แล้ว อาการปู้ปู้ฯกำเริบค่ะ T^T


โดย: ทับทิม IP: 125.26.28.188 วันที่: 27 กันยายน 2555 เวลา:10:48:26 น.  

 


อยากรู้ที่มาจังค่ะ ว่าชีเส้าเฟยกับคังซื่อ ถูกพลัดจากจากกันได้ยังไง



โดย: O-yohyo วันที่: 29 กันยายน 2555 เวลา:11:25:07 น.  

 

ว่าแต่ยังไงก็เชียร์เส่เยี่ยกับหัวหน้าชีมากกกว่าค่ะ

อยากให้เส่เยี่ยมีชีวิตที่อิสระ ไม่ต้องถูกเก็บตัวอยู่ในรั้วในวัง

เพราะเกิดมาเส่เยี่ยก็ผจญภัยกับท่านพ่อ ดังนั้นจะให้อยู่ในวังคงยาก

อีกอย่างชีเส้าเฟยกับเส่เยี่ยเคยเจอกันมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกผูกพันกับคู่นี้มากกว่าล่ะ


โดย: O-yohyo วันที่: 29 กันยายน 2555 เวลา:11:27:01 น.  

 
ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่แวะมาเสนอความคิดเห็นนะคะ ^/\\^

ผู้แต่งจะนำไปพิจารณาและเป็นกำลังใจในการแต่งตอนต่อไปค่ะ



โดย: tomtam IP: 110.49.224.236 วันที่: 1 ตุลาคม 2555 เวลา:21:07:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

realtomtam
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add realtomtam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.