แฟนฟิคชั่น : กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน (The Hero & The King)
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
13 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
กระบี่สะท้านฟ้าฯ ตอนที่ 30 วันแห่งความรัก


[CUT VERSION]

ความเดิมจากตอนที่แล้ว


ฮ่องเต้ออกเดินทางไปหาเส่เยี่ยที่หมู่บ้านหลิวพร้อมกับองครักษ์เหอ แม้จะตั้งใจปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเสนาบดีใหญ่อย่างอ๋าวป้ายไปได้ ทางด้านจั๋วอี้หังไม่ได้เดินทางไปด้วย เขาไปปล่อยตัวหลินกุเหนียงตามรับสั่งของฮ่องเต้ หลินกุเหนียงรู้จากจั๋วอี้หังว่าฮ่องเต้กำลังเดินทางไปหาเส่เยี่ย หญิงสาวจึงได้แยกกับชายหนุ่มแล้วออกตามหาเส่เยี่ยก่อนที่ฮ่องเต้จะพบกับนาง ด้านเรือเหลียนอิ๋นเตรียมตัวเทียบท่าเพื่อหาเสบียงเพิ่ม ลู่เสี่ยวฟงวางแผนให้ชีเส้าเฟยกับเส่เยี่ยคืนดีกัน เวลาของเขามีไม่มากเพราะชีเส้าเฟยกำลังจะไปส่งเส่เยี่ยที่หมู่บ้านหลิว คืนสุดท้ายก่อนที่เรือเหลียนอิ๋นจะขึ้นฝั่ง ชีเส้าเฟยเอาอาหารมาให้เส่เยี่ยพร้อมทั้งถามถึงเรื่องหยกที่เขาเคยให้นางไว้ ทำให้ลู่เสี่ยวฟงที่แอบฟังอยู่เริ่มสงสัยเรื่องชาติกำเนิดของชีเส้าเฟย

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

เส่เยี่ยไม่ได้แตะอาหารที่ชีเส้าเฟยนำมาให้เลยแม้แต่น้อย หลายวันที่ผ่านมานี้ นางกินข้าวไม่เคยเกินสามคำ ยามตกกลางคืนก็นอนไม่หลับ คืนนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวได้แต่นึกถึงช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้นางยินดีแลกกับทุกอย่างขอเพียงได้พบกับชีเส้าเฟยอีกครั้ง แต่พอได้พบเขาแล้ว เขากลับไม่ได้ดีต่อนางอย่างที่คิด สิ่งเหล่านี้ทำให้นางรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ความรู้สึกรักและนับถือ บัดนี้เหลือเพียงความน้อยอกน้อยใจ

เส่เยี่ยง่วนคิดแต่เรื่องชีเส้าเฟยจนในที่สุดก็ผล็อยหลับไป แต่หลับไปได้ไม่กี่ชั่วยามก็เช้าแล้ว หญิงสาวรู้สึกได้ถึงเรือที่โครงเครงผิดปกติเนื่องจากกำลังชะลอเพื่อเทียบท่า หญิงสาวจึงลุกขึ้นมาดูที่บริเวณดาดฟ้า ก็เห็นว่าลู่เสี่ยวฟงกำลังเกณฑ์คนให้ช่วยกันเอาเรือเทียบท่าอย่างขันแข็ง อีกด้านหนึ่ง กงซุนเช่อสั่งให้ศิษย์กลุ่มหนึ่งเข้าไปสืบสถานการณ์ในตัวเมือง หลังจากพวกศิษย์รับคำสั่งเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เดินมาลาลู่เสี่ยวฟง จากนั้นทั้งหมดก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นฝั่งไป

ลู่เสี่ยวฟงคุมศิษย์อีกกลุ่มหนึ่งทอดสมออันใหญ่ลงน้ำ จากนั้นเรือก็ค่อยๆ หายโครงเครงจนนิ่งสนิท ชายหนุ่มทำท่าบัดไม้บัดมือว่างานเสร็จแล้ว เขาหันมาพยักหน้าให้กงซุนเช่อที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ทำให้เห็นว่าเส่เยี่ยกำลังยืนมองเขาอยู่ ชายหนุ่มโบกมือให้หญิงสาว เส่เยี่ยได้แต่ยิ้มจางๆ ให้เขา นางเห็นว่าเรือเทียบท่าแล้ว ก็รู้ว่าอีกไม่นานต้องจากชีเส้าเฟยไป

"เสี่ยวเยี่ย อรุณสวัสดิ์" ลู่เสี่ยวฟงเดินปรี่เข้ามาทักทายหญิงสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ต้องสังเกตมากมายชายหนุ่มก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวกำลังไม่สบายใจ
"ทำไมตื่นเช้าจัง หรือว่าอยากกลับบ้านแล้ว" ชายหนุ่มแกล้งแหย่ เส่เยี่ยได้ยินคำว่า 'บ้าน' แทนที่จะรู้สึกดีใจ กลับรู้สึกหดหู่เสียมากกว่า บ้านที่ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีคนที่รัก แล้วจะกลับไปทำไม ลู่เสี่ยวฟงเห็นหญิงสาวเงียบก็ดูออกว่านางไม่ได้อยากกลับไปหมู่บ้านหลิวสักเท่าไหร่
"ในเมื่อไม่อยากกลับ ก็อยู่ด้วยกันก่อนสิ" คนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์พรางเอามือลูบหนวด
"อย่าเลย คนบางคนเขาไม่อยากให้ข้าอยู่หรอก" หญิงสาวพูดแกมประชด
"ใครๆ ใครกัน เจ้าบอกข้ามาสิ เดี๋ยวข้าจะไปจัดการให้" ลู่เสี่ยวฟงทำท่าขึงขังจนเส่เยี่ยยิ้มออก
"ถ้าข้าบอกว่าเป็นหัวหน้าสาม เจ้าจะกล้าจัดการกับนางรึเปล่า" เส่เยี่ยแกล้งพูดแซวเขา ทว่าลู่เสี่ยวฟงที่ปกติฉลาดไปซะทุกเรื่อง กลับมองไม่ออกว่าตนเองกำลังถูกแซว
"แต่ข้าว่า... ไม่ใช่เพราะหงเผาหรอก เป็นเพราะหัวหน้าใหญ่มากกว่าม้าง..." ชายหนุ่มกระพริบตาแล้วทำท่ารู้ทัน
"เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย" เส่เยี่ยได้ยินชื่อชีเส้าเฟยก็สีหน้าเปลี่ยนทันที
"ไม่ใช่งั้นเหรอ"
"ท่านพูดเรื่องอื่นเถิด พูดถึงเขาแล้วข้ารู้สึกอารมณ์ไม่ดี" เส่เยี่ยหันหน้าหลบไปทางอื่น ท่าทางนางไม่พอใจจริงๆ
"นี่แม่นางเส่เยี่ย อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่อยากได้นายหญิงคนอื่น ถ้าเจ้ากลับหมู่บ้านหลิวไป ข้าคงหมดหวัง" คนพูดทำคอตก ฝ่ายเส่เยี่ยได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็ตาเบิกกว้าง
"นี่ท่าน!!! พูดอะไร ใครจะไปเป็นนายหญิงของท่านกัน"
"ทำไมหล่ะ หัวหน้าใหญ่ข้าไม่ดีตรงไหน ถึงจะหล่อไม่เท่าข้า แต่หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ นิสัยดี ไม่เจ้าชู้ แถมยังรักชาติรักประชาอีก แค่นี้ยังไม่ถูกใจเจ้าอีกงั้นเหรอ"
"ถูกใจแล้วมีอะไร ในเมื่อหัวหน้าใหญ่ของท่านไม่ได้สนข้าเลยแม้แต่น้อย"
"พูดแบบนี้แปลว่าเจ้าสนใจหัวหน้าใหญ่ข้างั้นสิ" ลู่เสี่ยวฟงยิ้มที่สามารถหลอกให้หญิงสาวพูดได้
"ไม่ใช่นะ!!!" เส่เยี่ยรีบหันมาปฏิเสธ
"ไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ใช่!!!"
"แต่ข้าว่าข้าได้ยินเจ้าพูดนะ"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่!!! เซ้าซี้มากๆ ข้าจะโกรธเจ้าแล้วนะ" เส่เยี่ยทั้งโกรธทั้งอายก็เลยต้องงัดมุขนี้ขึ้นมาให้ลู่เสี่ยวฟงหยุดแซวนาง
"เฮ้อ... ผู้หญิงนี่เอาใจยากชะมัดเลย " คนพูดถอนหายใจยาว

ฝ่ายเส่เยี่ยพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง พลันก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
"เออ จริงสิ คุณชายลู่แล้วหยกของข้าหล่ะ" หญิงสาวถามขึ้น ลู่เสี่ยวฟงได้ยินเช่นนั้นก็หยิบหยกออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้หญิงสาว
"แล้วหัวหน้ารองของท่าน บอกได้หรือเปล่า ว่ามันเป็นหยกของใคร" หญิงสาวถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ
"เป็นของใครงั้นเหรอ"
"ไทเฮา"
"ไทเฮา!!!" หญิงสาวตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
"ท่านแน่ใจเหรอ" นางถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ

เอาหล่ะสิ เรื่องราวต่างๆ ที่เส่เยี่ยได้คาดเดาไว้ มันชักจะเข้าเค้าเข้าไปทุกที สิ่งที่นางเคยสงสัย ตอนนี้กลายเป็นความจริงขึ้นมาทีละอย่าง

หญิงสาวก้มลงมองหยกครึ่งชิ้นด้วยความรู้สึกสับสน นางควรจะบอกเรื่องนี้กับชีเส้าเฟยหรือไม่ หรือนางควรจะเสาะหาความจริงไปเรื่อยๆ จนแน่ใจเสียก่อนค่อยบอกเขา แต่ว่าเรื่องราวเหลือเชื่อขนาดนี้ เขาจะเชื่อนางได้อย่างไร อีกอย่างหากว่าเขารู้ความจริง มันอาจจะยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาก็ได้

"แม่นางเส่เยี่ย แม่นางเส่เยี่ย" ลู่เสี่ยวฟงเรียกหญิงสาวอยู่หลายครั้งกว่านางจะรู้สึกตัว
"เป็นอะไรไปมองหยกแล้วก็เหม่อลอย"
"ขอโทษที คือข้าคิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย นี่คุณชายลู่ท่านยังจำสัญญาของท่านได้ใช่ไหมว่าจะไม่บอกเรื่องหยกชิ้นนี้กับใคร"
"อืม จำได้ แล้วเจ้าก็ยังบอกด้วยว่าเมื่อถึงเวลา เจ้าจะบอกความจริงกับข้าเอง" แม้ลู่เสี่ยวฟงจะรู้แล้วว่าหยกชิ้นนี้เป็นของชีเส้าเฟย แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่พูด เขาเชื่อว่าเส่เยี่ยต้องมีเหตุผลของนาง เมื่อนางสามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ นางจะเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดเอง

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสนทนากัน สายตาของลู่เสี่ยวฟงก็พลันเหลือบไปเห็นชีเส้าเฟยกำลังเดินขึ้นมาทางหัวเรือ ชายหนุ่มลูบหนวดของเขาช้าๆ พรางคิดว่าสิ่งที่ตนเองตั้งใจจะทำนั้นยังไม่สำเร็จเลย หากปล่อยให้เส่เยี่ยกลับหมู่บ้านหลิวไป โอกาสที่จะทำให้คนทั้งสองคืนดีกันก็คงจะยาก เมื่อคิดได้เช่นนั้น ชายหนุ่มก็งัดเอาไพ่ใบสุดท้ายมาใช้ ซึ่งมันอาจจะได้ผล หรือไม่ก็ทำให้ชีเส้าเฟยเกลียดเขาไปเลย ลู่เสี่ยวฟงไม่รอช้า เขาหันไปหาหญิงสาว มือทั้งสองข้างก็จับลงบนไหล่เล็กนั้น

"แม่นางเส่เยี่ยข้ามีความลับจะบอกเจ้า" ชายหนุ่มกระซิบบอกหญิงสาวด้วยเสียงแผ่วเบา เส่เยี่ยเลิกคิ้วด้วยความสงสัย นางไม่ได้เอะใจว่านี่เป็นแผนการณ์ของลู่เสี่ยวฟง จึงเงี่ยหูฟังความลับนั้นอย่างตั้งใจ จังหวะนั้นชีเส้าเฟยก็มองเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันพอดี ลู่เสี่ยวฟงปลายตามองชีเส้าเฟยเพียงแวบเดียวก็คำนวนมุมกล้องได้อย่างแม่นยำ ชายหนุ่มหมุนเอาร่างของตนเองบังร่างของหญิงสาวไว้กึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงไปชิดแก้มชมพูของหญิงสาว ชีเส้าเฟยเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ขาที่กำลังจะก้าวเดินกลับหยุดชะงักอย่างบังคับไม่ได้ จิตใจของเขาตอนนี้ร้อนผ่าวราวกับมีดวงไฟสุมอยู่นับร้อย ลู่เสี่ยวฟงกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับหญิงสาว เส่เยี่ยได้ยินคำพูดของเขาก็ผลักร่างของชายหนุ่มเบาๆ ใบหน้าสีอมชมพูบัดนี้กลายเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย ชีเส้าเฟยเมื่อได้เห็นกิริยาของเส่เยี่ยก็ยิ่งเข้าใจผิดไปใหญ่ กลางวันแสกๆ พวกเขายังกล้าพรอดรักกันขนาดนี้ ชายหนุ่มหายใจถี่ด้วยความโกรธ จากนั้นก็ก้าวลงจากบันไดหมายจะออกไปจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด ด้วยความที่รีบร้อนไม่ทันระวังจึงได้ชนเข้ากับศิษย์ที่เดินสวนมาคนหนึ่ง ศิษย์คนนั้นเห็นแววตาที่กำลังเดือดดาลของชีเส้าเฟยก็รีบขอโทษจนแทบจะกราบลงกับพื้น ชีเส้าเฟยพยายามระงับสติแล้วก็ไล่ศิษย์คนนั้นไป แต่พอนึกอะไรบางอย่างได้ก็เรียกศิษย์คนนั้นกลับมา

ชีเส้าเฟยสั่งกับศิษย์คนนั้นสองสามประโยค พอพูดจบศิษย์ก็พยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปทางหัวเรือ ชีเส้าเฟยมองตามหลังเขาด้วยใบหน้าเศร้า แล้วชายหนุ่มก็ตัดสินใจเดินกลับไปทางห้องของตนเอง

อีกด้านหนึ่ง เจ้าของแผนการณ์เริ่มกระวนกระวายใจเมื่อเห็นว่าชีเส้าเฟยไม่ได้เดินขึ้นมาต่อว่าอะไรเขา ลู่เสี่ยวฟงชะเง้อชะแง้งอยู่พักใหญ่พอเห็นว่ากำลังมีคนเดินมาก็ยิ้มออก แต่พอเห็นว่าเป็นศิษย์คนหนึ่งก็คอตกด้วยความผิดหวัง
"หัวหน้าสี่ แม่นางเส่เยี่ย" ศิษย์คนนั้นเดินเข้ามาทักเขาและเส่เยี่ยด้วยท่าทางเจียมตัว
"มีไร!!!" ลู่เสี่ยวฟงขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
"นี่!!! พูดดีๆ สิ ทำไมต้องดุด้วย" เส่เยี่ยเห็นท่าทางของลู่เสี่ยวฟงแล้วก็หมั่นไส้ จึงตีชายหนุ่มเบาๆ หนึ่งที
"เจ้ามีอะไรกับข้างั้นเหรอ" เส่เยี่ยหันไปถามศิษย์คนนั้น
"คือ คือ หัวหน้าใหญ่..." พอได้ยินคำว่าหัวหน้าใหญ่ลู่เสี่ยวฟงกับเส่เยี่ยก็หันมาสนใจคำพูดของศิษย์คนนั้นทันที
"...หัวหน้าใหญ่ให้มาบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ให้หัวหน้าสี่เป็นคนพาแม่นางเส่เยี่ยไปส่งที่หมู่บ้านหลิวขอรับ"
"ว่าไงนะ!!!" เส่เยี่ยกับลู่เสี่ยวฟงร้องออกมาพร้อมกัน จนกงซุนเช่อกับศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองทั้งคู่
"คือ... คือ..." ศิษย์คนนั้นดูท่าจะตกใจจนติดอ่าง แต่อันที่จริงไม่ต้องพูดซ้ำแล้ว เส่เยี่ยได้ยินคำพูดของเขาชัดเจนเต็มสองหู ชีเส้าเฟยเลี่ยงที่จะไม่พบนาง แล้วยังไล่นางไปกับลู่เสี่ยวฟงอีก
"นี่ๆ เจ้าติดอ่าง เจ้าพูดผิดหรือเปล่า ไหนบอกข้ามาสิว่าตอนนี้หัวหน้าใหญ่อยู่ที่ไหน ข้าจะไปพูดกับเขาเอง" คนพูดหน้าเสีย เขาตั้งใจจะทำให้ชีเส้าเฟยหึงเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้เลย
"หัว หัว หน้าใหญ่ ใหญ่ บอก บอกว่า ไม่ค่อย สะ สบาย ห้าม ห้าม..."
"เฮ้ยยยพอแล้ว ห้ามใครรบกวนใช่ไหม" ลู่เสี่ยวฟงรำคาญจึงช่วยต่อประโยคให้จบ ศิษย์คนนั้นได้ยินแล้วก็พยักหน้าว่าใช่อยู่หลายที ลู่เสี่ยวฟงเอามือเขกหัวตัวเอง 'งานเข้าแล้วทีนี้'

เส่เยี่ยหันหน้าหลบไปทางอื่น หญิงสาวยืนนิ่งราวกับท่อนไม้ ในใจก็คิดน้อยใจไปต่างๆ นาๆ แม้แต่โอกาสสุดท้ายที่จะได้พบกัน ชีเส้าเฟยกลับไม่แยแสเลยสักนิด คำร่ำราก็ไม่คิดจะกล่าวกับนางสักคำ ไม่อยากเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งนางเคยหลงรักผู้ชายคนนี้ สิ่งดีๆ ที่เขาเคยทำเพื่อนาง คำพูดหวานๆ ว่าจะปกป้องนาง ล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก เป็นนางเองที่เข้าใจผิด คิดไปเองฝ่ายเดียว แท้จริงแล้วเส่เยี่ยหาได้มีความหมายอะไรในสายตาของลุงชีเลย หญิงสาวคิดแล้วก็แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ 'ชีเส้าเฟยท่านใจร้ายเกินไปแล้ว ในเมื่อท่านไม่ได้ชอบข้าแล้วทำไมต้องมาให้ความหวังข้าด้วย' หญิงสาวคิดแล้วก็กำมือแน่น พยายามหาเหตุผลว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้ทำกับนางเช่นนี้ เมื่อคิดเท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบ มีเพียงทางเดียวนั่นก็คือ 'ต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง' เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวก็เดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
"เดี๋ยวๆ แม่นางเส่เยี่ย เจ้าจะไปไหน" ลู่เสี่ยวฟงรีบใช้วิชาตัวเบาเข้าไปขวางหญิงสาวไว้ นาทีนี้เขาชักไม่แน่ใจ บางทีนางอาจจะเสียใจจนคิดสั้นก็ได้
"หลีกไป!!!"
"เจ้าจะไปไหน บอกข้ามาก่อน"
"ข้าจะไปคุยกับชีเส้าเฟยให้รู้เรื่อง!!!"
"ชีเส้าเฟยเหรอ!!!" ลู่เสี่ยวฟงอ้าปากกว้าง คิดไม่ถึงว่าเส่เยี่ยจะเรียกชื่อของชายหนุ่มตรงๆ เช่นนี้ ท่าทางเอาจริงของนางทำเอาลู่เสี่ยวฟงเองยังรู้สึกกลัว เขาค่อยๆ ถอยหลีกทางให้นาง เส่เยี่ยเห็นว่าชายหนุ่มเปิดทางให้แล้ว ก็เดินมุ่งหน้าไปยังห้องของชีเส้าเฟย ฝ่ายกงซุนเช่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีก็เดินมาถามลู่เสี่ยวฟง แล้วพวกเขาก็เดินตามเส่เยี่ยไปห่างๆ

เมื่อเห็นคนที่ต้องการเจออยู่ข้างหน้า เส่เยี่ยก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา ฝ่ายชีเส้าเฟยกำลังเดินกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องของตัวเองจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าเส่เยี่ยเดินเข้ามา หญิงสาวเข้าไปคว้าแขนของเขาอย่างแรง ชายหนุ่มหันมาก็มีสีหน้าประหลาดใจ
"เส่เยี่ย!!!"
"ทำไม!!! เห็นข้าแล้วตกใจมากงั้นเหรอ!!! ข้าคงน่ารังเกียจมากใช่ไหม!!!" คนพูดกระแทกเสียงด้วยความโกรธ ชีเส้าเฟยเห็นสีหน้าของนางก็อึ้งไปเล็กน้อย
"เจ้าพูดเรื่องอะไร!!!" ชายหนุ่มถามแบบงงๆ
"ท่านไม่ต้องมาเสแสร้ง!!! ตั้งแต่ข้าเกิดมา ยังไม่เคยเห็นใครโกหกเก่งเท่าท่านเลย!!!" คนฟังได้ยินแล้วก็ตาเบิกกว้าง 'โกหก' งั้นหรือ เป็นครั้งแรกที่มีคนมาว่าเขาเช่นนี้ ที่สำคัญคนๆ นั้นคือคนที่เขารักเสียด้วย ชายหนุ่มแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง
"เจ้า!!! ทำไมเจ้าพูดแบบนี้ ข้าไปโกหกเจ้าเมื่อไหร่กัน!!!" เส่เยี่ยได้ยินแล้วก็แสยะยิ้ม 'นี่เขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่ ดี... วันนี้นางจะพูดให้หมดเลย อึดอัดมาหลายวันแล้ว จะได้หมดเวรหมดกรรมกันเสียที' หญิงสาวคิดแล้วก็สูดหายใจเข้าลึก
"ดีในเมื่อท่านจำไม่ได้ ข้าจะช่วยระลึกความทรงจำให้!!! ท่านจำได้ไหม ตอนที่พ่อข้าตาย ท่านเคยสัญญาอะไรกับข้าไว้ ท่านบอกว่าท่านจะปกป้องข้า ดูแลข้าชั่วชีวิต ท่านจำได้หรือเปล่า!!!" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
"ได้ ข้าจำได้ ตอนนั้นข้า..." ชายหนุ่มพยักหน้าและพยายามจะอธิบายต่อ หากแต่หญิงสาวไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้กับเขา นางพูดสวนขึ้นอย่างทันควัน
"ดี!!! ท่านจำได้ก็ดีแล้ว แล้วท่านยังจำได้หรือไม่ ว่าตอนที่ท่านฝากข้าไว้กับจอมยุทธจิว ท่านบอกว่าอีกสิบวันจะกลับมารับข้า แต่แล้ว... ท่านก็ไม่เคยมา" เส่เยี่ยเหลือบมองชายหนุ่มด้วยความน้อยใจแล้วก็หันหลบไปทางอื่นพยายามฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
"ท่านรู้ไหมตอนนั้นข้าถูกพวกคนชั่วจับตัวไปขายที่หอนางโลม ข้ากลัวมาก แต่ลึกๆ ข้าก็เชื่อว่าท่านจะมาช่วยข้า ท่านจะต้องมาช่วยข้าแน่ๆ แต่ท่าน... ก็ไม่เคยมา..." น้ำเสียงของหญิงสาวเริ่มสั่น จากที่ตั้งใจว่าจะพูดยาวๆ แต่ก็ต้องหยุดเป็นจังหวะ เพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองร้องไห้
"สุดท้าย มีชายคนหนึ่งมาช่วยข้า สวรรค์... ข้านึกว่าเขาเป็นท่าน ตอนนั้นข้าดีใจมาก แต่ก็ไม่ใช่ เขากลับกลายเป็นฮ่องเต้ต้าซ่ง..."
"ข้าได้ยินพวกเขาพูดถึงท่าน ท่านถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ตอนนั้นข้ากลัวมาก กลัวว่าท่านจะถูกทางการจับได้ จึงจำใจตามพวกเขาเข้าวังไป ด้วยความหวังเพียงอย่างเดียวก็คือได้เจอกับท่าน ข้าอยู่ที่เมืองหลวงทุกวัน ก็เพื่อรอท่าน แต่ข้าก็ไม่เคยได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับท่านเลย จนกระทั่งวันหนึ่งมีข่าวว่าคนของค่ายเหลียนอิ๋นถูกจับตัว ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะเป็นท่าน จึงได้สะกดรอยพวกเขาไป สุดท้ายคนพวกนั้นถูกประหาร ท่านรู้ไหมหัวใจของข้าแทบแหลกสลาย ข้าแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป" พูดถึงตอนนี้หญิงสาวก็ปล่อยโฮออกมา นางพยายามกลั้นน้ำตาแล้วก็เล่าเรื่องต่อไป
"จนในที่สุด หลินกุมาบอกกับข้าว่า ท่านยังไม่ตายและกำลังจะมารับข้า ท่านรู้ไหมตอนนั้นข้าดีใจมาก ข้าบอกกับตัวเองว่าต่อไปจะไม่ยอมพรากจากท่านอีก"
"ชีเส้าเฟยท่านจำได้หรือเปล่าว่าที่วังหลวงท่านได้ให้สัญญาอะไรกับข้าไว้ ท่านบอกว่าต่อไปจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายข้าอีก แต่สุดท้าย กลับเป็นท่าน กลับเป็นท่านเองที่ทำร้ายข้า ความจริงแล้วท่านไม่เคยสนใจในตัวข้าเลย ในหัวใจของท่านมีเพียงพี่น้องและค่ายเหลียนอิ๋นเท่านั้น ที่ท่านบอกว่าจะดูแลข้า จะปกป้องข้าชั่วชีวิต ล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก ท่านมันคนโกหก... คนโกหก..." หญิงสาวร่ำไห้แล้วก็ทุบชายหนุ่มไม่หยุด ชีเส้าเฟยยืนอึ้งด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาเสียใจที่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง แต่ก็ดีใจที่ได้รับรู้ความรู้สึกของนาง

ฝ่ายเส่เยี่ยยิ่งทุบชีเส้าเฟย ในใจของนางก็ยิ่งเจ็บปวด หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มหมดเรี่ยวแรง นางซุกหน้าลงบนอกกว้างของเขาแล้วสะอึกสะอื้นไม่หยุด อาจเพราะไม่ได้กินอาหารและอดนอนมาหลายวัน อยู่ๆ สติของเส่เยี่ยก็พลันดับวูบไป ชีเส้าเฟยช้อนรับร่างบางนั้นไว้ได้ทัน
"เส่เยี่ยๆ!!!" ชายหนุ่มตะโกนเรียก แต่นางก็หมดสติไปในอ้อมกอดของเขาเสียแล้ว

กงซุนเช่อซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เดินเข้ามาขอดูอาการเส่เยี่ยอย่างรู้งาน ชีเส้าเฟยกุมมือของหญิงสาวไว้แน่น จนกงซุนเช่อต้องบอกว่าจะตรวจชีพจรให้หญิงสาว ชีเส้าเฟยถึงได้ยอมปล่อยมือ กงซุนเช่อบอกว่านางแค่เป็นลมไปเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ใบหน้าของชีเส้าเฟยถึงได้คลายความกังวลลงไปบ้าง โชคดีที่ห้องนอนของเขาอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มอุ้มร่างของหญิงสาวขึ้นแล้วผลักประตูเข้าไป จากนั้นก็วางร่างของนางลงบนเตียง เขานั่งเฝ้าหญิงสาวจนตนเองผล๊อยหลับไป

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ณ เรือเหลียนอิ๋น เวลาพลบค่ำ

เส่เยี่ยรู้สึกตัวก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องนอนของชีเส้าเฟย หญิงสาวเห็นชีเส้าเฟยนอนฟุบอยู่ข้างๆ ก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอนึกถึงเรื่องที่เขาจะผลักไสนางไปก็โกรธขึ้นมาอีก หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินพุ่งไปที่ประตู ทันใดนั้นชีเส้าเฟยก็ตื่นขึ้นแล้วโฉบมาขวางนางเอาไว้
"นี่ท่าน!!!" หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
"เจ้าจะไปไหน"
"นั่นมันเรื่องของข้า!!!"
"ข้าไม่ให้เจ้าไป"
"ข้าจะอยู่หรือไป เกี่ยวอะไรกับท่านด้วย"
"งั้น..." ชายหนุ่มทำท่าคิด
"เจ้าจะไปก็ได้ แต่ต้องคืนของให้ข้าก่อน" หญิงสาวแสยะยิ้มอย่างดูถูก ที่แท้เขาก็ต้องการหยกของเขาคืนนั่นเอง นางหยิบหยกของชีเส้าเฟยออกมาแล้วขว้างมันไปที่อกของเขา
"เอาไปเลย ของๆ ท่าน ข้าไม่อยากได้นักหรอก ทีนี้ข้าไปได้หรือยัง" คนพูดกำมือแน่น น้ำตาคลอ สำหรับชีเส้าเฟยแล้ว นางยังมีค่าไม่เท่ากับหยกเพียงชิ้นเดียวเลย หญิงสาวเอื้อมมือจะเปิดประตูแต่ชีเส้าเฟยก็ยกมือขึ้นขวางไว้
"จะเอายังไงอีก!!! ของๆ ท่านข้าก็คืนให้แล้วไง!!!" หญิงสาวเริ่มหมดความอดทน
"แต่ที่ข้าอยากได้คืนไม่ใช่หยกนี่"
"แล้วท่านจะเอาอะไร!!!"
"หัวใจของข้า"
"นี่ท่าน!!!" เส่เยี่ยชี้หน้าเขาด้วยความโกรธ แต่พอนึกขึ้นได้ก็หันหลบแทบไม่ทัน ใบหน้าของหญิงสาวตอนนี้แดงฝาดด้วยความเขินอาย นางคาดไม่ถึงว่าชีเส้าเฟยจะพูดแบบนี้ นี่นางหูฝาดไปหรือเปล่า

ชีเส้าเฟยเห็นเส่เยี่ยเงียบไปก็ยิ้มที่มุมปาก เขาเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวซึ่งหันหลังให้เขาอยู่ แล้วกระซิบข้างๆ หูนาง
"เจ้าเอาหัวใจของข้าไป นอกเสียจากเจ้าจะคืนมาก่อน ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ไปไม่ได้" เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา คนตัวเล็กกว่าได้ยินดังนั้น ก็ถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวได้แต่ก้มหลบเขา ตอนนี้นางอายจนไม่รู้จะเอาหน้าแทรกไว้ตรงไหนแล้ว

ชีเส้าเฟยไม่ยอมแพ้ เขายังคงรุกหญิงสาวต่อ ชายหนุ่มเดินอ้อมมาด้านหน้าของหญิงสาว เขากำไหล่สองข้างของนาง ดวงตาก็จ้องไปที่ใบหน้าอมชมพูนั้น
"เส่เยี่ยเจ้าจะให้โอกาสข้าอีกสักครั้งได้ไหม" คนพูดทำเสียงอ้อนจนหัวใจของเส่เยี่ยแทบจะหลอมละลายไปกับน้ำเสียงอันอ่อนโยนของเขาอยู่แล้ว
"หรือว่าเจ้ายังโกรธข้าอยู่" ชีเส้าเฟยเห็นเส่เยี่ยไม่ตอบ ก็ไม่แน่ใจว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไร เส่เยี่ยรีบส่ายหน้าว่านางไม่ได้โกรธเขาแล้ว
"ถ้างั้นแล้วทำไมเจ้าไม่พูดกับข้าหล่ะ"
"ก็ข้าไม่รู้จะพูดอะไรนี่ ที่อยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว ตอนนี้ข้าอยากรู้มากกว่าว่า..."
"ว่าอะไรงั้นเหรอ"
"ว่าท่านคิดยังไงกับข้า" หญิงสาวพูดจบแล้วก็หันหน้าหนีไปทางอื่น ชายหนุ่มได้ยินแล้วก็ยิ้มให้นาง
"ถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังไม่รู้ใจข้าอีกงั้นเหรอ" ชายหนุ่มเดินมาดักหน้าหญิงสาวแล้วกุมมือของนางไว้
"ในเมื่อท่านไม่พูดแล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร" หญิงสาวดึงมือของตนกลับ
"เอาหล่ะๆ งั้นข้าจะพูดก็ได้"
"ข้า... เอ่อ... " พอจะเริ่มต้นชายหนุ่มกลับรู้สึกประหม่าราวกับการจับกระบี่เป็นครั้งแรก ไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาตื่นเต้นมากขนาดนี้
"...รัก..."
"...เจ้านะ..." เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาที่สุด ใบหน้าก็ร้อนฉ่าด้วยความเขินอาย หัวใจของเส่เยี่ยส่งเสียงโครมครามจนแทบจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอก นางไม่คิดเลยว่าในที่สุดก็จะได้ยินคำๆ นี้จากปากเขา
"เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหมเส่เยี่ย" ชีเส้าเฟยกระซิบถาม เส่เยี่ยแอบยิ้มคนเดียวแล้วก็หันไปส่ายหน้าให้ชายหนุ่ม
"ท่านพูดเบาขนาดนั้น ใครจะไปได้ยินเล่า" คนพูดแกล้งทำท่าไม่รู้เรื่อง
"หา เจ้าไม่ได้ยินงั้นเหรอ" ชีเส้าเฟยร้องเสียงหลง กว่าจะพูดออกมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ หญิงสาวกลับไม่ได้ยินซะงั้น
"อือ ข้าไม่ได้ยิน" เส่เยี่ยยืนยัน
"แต่ว่าข้าพูดไปแล้วนะ"
"ช่างเถอะๆ ในเมื่อท่านลำบากใจ ก็ไม่ต้องพูดหรอก" เส่เยี่ยทำหน้าบึ้งแล้วหันไปทางอื่น ชีเส้าเฟยก็รีบเดินตามนาง
"เดี๋ยวก่อนสิ ข้าไม่ได้ลำบากใจนะเส่เยี่ย ให้ข้าพูดใหม่นะ" คนตัวเล็กกว่าได้ยินก็แอบยิ้มอย่างมีชัย
"ข้ารักเจ้าเส่เยี่ย เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม" คนพูดก้มหน้าแบบอายๆ คราวนี้หญิงสาวได้ยินเต็มสองหูเลย แต่ก็แกล้งส่ายหน้าบอกว่านางไม่ได้ยินอยู่ดี ชีเส้าเฟยเบิกตากว้าง เขาเกือบจะตกหลุมพรางนางอยู่แล้ว แต่ก็นึกขึ้นได้ว่านางกำลังแกล้งเขาอยู่แน่ๆ แล้วเรื่องอะไรจะยอมให้นางแกล้งเขาอยู่ฝ่ายเดียวหล่ะ
"เจ้าไม่ได้ยินงั้นเหรอ"
"ไม่ได้ยิน" เส่เยี่ยยืนยัน
"เอางี้นะ งั้นต่อไปข้าจะไม่พูดแล้ว แต่จะทำให้เจ้าเห็นแทน" เส่เยี่ยเลิกคิ้วสูง ไม่แน่ใจว่าชายตรงหน้าจะมาไม้ไหน ทันใดนั้น ชีเส้าเฟยก็รวบเอวของหญิงสาวเข้ามาชิดกับร่างของตนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาก้มลงจนแทบจะชิดกับใบหน้าของหญิงสาว ตากลมโตของเขาจ้องไปที่ตาหวานซึ้งของนาง ตอนนี้หัวใจของเส่เยี่ยเต้นตูมตามราวกับจะระเบิด ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มกำลังคิดจะทำอะไร ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้คิดไปไกล ชีเส้าเฟยก็ก้มลงประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากอมชมพู ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจ หากแต่ริมฝีปากของนางก็มิได้ผลักไสชายหนุ่มไว้ สองหนุ่มสาวปล่อยให้หัวใจล่องลอยไปเหมือนความฝันอยู่ชั่วครู่ ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากอุ่นออกจากริมฝีปากบางของหญิงสาว เส่เยี่ยค่อยๆ ปรือตาขึ้น หัวใจที่เคยเต้นโครมคราม บัดนี้กลับนิ่งจนแทบจะหยุดเต้น ร่างกายของนางแทบจะยืนไม่ติดกับพื้น หากว่าชีเส้าเฟยไม่ได้ประคองไว้ นางอาจจะล้มทั้งยืนไปแล้วก็ได้
"เจ้าเข้าใจข้าแล้วใช่ไหม" คนถามจ้องหน้าหญิงสาวด้วยแววตากลมโต ฝ่ายหญิงสาวก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างอายๆ ชีเส้าเฟยก็ยิ้มชอบใจ
"ถ้าเจ้ายังไม่เข้าใจ ข้าจะอธิบายอีกครั้งก็ได้นะ" คนพูดยิ้มแล้วทำท่าจะโน้มปากเข้าหาหญิงสาวอีก เส่เยี่ยรีบยกมือขึ้นมาบังปากของชายหนุ่มไว้ พร้อมกับส่งสายตาดุ ตอนนี้มีเพียงนิ้วเรียวกั้นระหว่างริมฝีปากของนางกับเขา ชายหนุ่มส่งสายตาหวานซึ้งราวกับเป็นคำขอร้อง นิ้วเรียวของหญิงสาวจึงค่อยๆ เลื่อนลงเป็นคำตอบว่านางมิได้รังเกียจเขา ชีเส้าเฟยยิ้มอย่างรู้ทัน มีหรือที่เขาจะปล่อยให้โอกาสที่จะมีความสุขร่วมกับนางผ่านไปได้ เขาจึงประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง หากแต่ว่าครั้งนี้ดูจะเนิ่นนานกว่าครั้งก่อน ร่างใหญ่ของเขาเบียดหญิงสาวจนชิดขอบประตู หญิงสาวเรียกเขาเบาๆ ในลำคอ ชายหนุ่มจึงได้คืนสติ เขาค่อยๆ ถอนริมฝีปากจากนาง ทั้งสองต่างมองกันและกัน ลมหายใจยังคงหอบระริก
"เส่เยี่ย..." ชีเส้าเฟยเรียกหญิงสาว ดวงตาก็มองนางอย่างรักใคร่
"คะ" หญิงสาวขานรับอย่างเขินอาย
"ข้ามีเรื่องหนึ่ง อยากขอร้องเจ้าได้ไหม"
"เรื่องอะไรคะ" หญิงสาวหัวใจเต้นตูมตาม ไม่กล้าคิดว่าชายหนุ่มจะขออะไรนาง
"ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าท่านลุงอีกเลยนะ" หญิงสาวได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมาด้วยความโล่งใจ
"แล้วให้เรียกว่าอะไรหล่ะคะ"
"ก็เรียกเส้าเฟยไง"
"ข้าก็เรียกอย่างนี้มาตลอด เมื่อก่อนไม่เห็นท่านจะว่าอะไรเลย"
"ก็ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้วนี่"
"ไม่เหมือนกันยังไงคะ"
"ก็ต่อไปถ้าเรามีลูก ลูกจะสับสนได้ ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เรียกว่าพ่อว่าท่านลุง จริงไหม" เส่เยี่ยได้ยินคำอธิบายของชีเส้าเฟยแล้วก็เขินจนหน้าแดง ครั้นจะหันหลบเขาก็ไม่ได้ เพราะชายหนุ่มยืนเบียดจนนางชิดกับขอบประตู
"ท่านลุงก็... ใครบอกจะมีลูกกับท่านกัน"
"นั่นๆๆ เห็นไหม เจ้าเรียกข้าว่าท่านลุงอีกแล้วนะ"
"อุยจริงด้วย" หญิงสาวหัวเราะ
"ท่านก็ต้องให้เวลาข้าหน่อยสิ อยู่ๆ จะให้เปลี่ยนปุบปับได้อย่างไร"
"แค่เรียกว่าเส้าเฟยเฉยๆ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย เมื่อกี๊ตอนที่เจ้าโกรธข้า เจ้ายังพูดชัดเจนมากว่า... ชีเส้าเฟย เจ้าคนโหก เจ้าคนหลอกลวง" ชายหนุ่มจงใจพูดแซวหญิงสาวทำให้นางอายม้วนจนไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนแล้ว นางจึงตีเขาเบาๆ
"ดีงั้นให้ข้าโกรธท่านอีกแล้วกัน ข้าจะได้เรียกท่านว่าชีเส้าเฟยยังไง"
"ความจริงเวลาเจ้าโกรธน่ารักดีออก อีกอย่างถ้าเจ้าไม่โกรธข้า ข้าคงไม่มีวันได้รู้ความในใจของเจ้า"
"ไม่ต้องมาพูดดีเลย ข้ายังไม่หายโกรธท่านนะ ที่ท่านไล่ให้ข้าไปกับคุณชายลู่"
"ก็ตอนนั้น ข้าเข้าใจเจ้าผิดนี่หน่า"
"ตอนนั้นเข้าใจผิด แล้วตอนนี้เข้าใจแล้วงั้นเหรอ"
"อืม ตอนที่เจ้าหมดสติไป น้องสี่เล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว"
"เล่าให้ฟังหมดเลยเหรอ" เส่เยี่ยทำตาโต
"ใช่ แต่เขาไม่ยอมบอกข้าอยู่เรื่องหนึ่ง"
"เรื่องอะไรคะ"
"เขาไม่ยอมบอกข้าว่าเมื่อเช้าเขาพูดอะไรกับเจ้า เจ้าถึงได้อายม้วนขนาดนั้น เขาให้ข้ามาถามกับเจ้าเอง ตกลงน้องสี่เขาพูดอะไรกับเจ้างั้นเหรอ" ชีเส้าเฟยหันมาถามเส่เยี่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เส่เยี่ยก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่มีอะไร พอชายหนุ่มคาดคั้นขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวก็ยอมบอกในที่สุด
"คุณชายลู่บอกกับข้าว่า..." หญิงสาวท่าทางลังเล
"เวลาที่ท่าน..." เส่เยี่ยมองหน้าชีเส้าเฟยแล้วก็ไม่กล้าสบตาเขา ทำให้ชายหนุ่มยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก
"เวลาที่ข้าทำไมเหรอ"
"เวลาที่ท่านนอน... ท่านไม่ชอบใส่เสื้อผ้าหน่ะสิ"
"ว่าอะไรนะ!!! นี่น้องสี่เขาพูดแบบนั้นกับเจ้าเหรอ!!!" ชีเส้าเฟยร้องเสียงหลง เส่เยี่ยก็พยักหน้าอายๆ
"เจ้าน้องบ้า พูดอะไรไร้สาระจริงๆ เลย"
"มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ" หญิงสาวถามเสียงอ่อยๆ
"นี่เจ้า คิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นเหรอ"
"ข้าไม่รู้นี่ ก็แค่ลองถามดู"
"ความจริง เจ้าอยากรู้ก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่" ชายหนุ่มหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์
"คืนนี้เจ้าก็นอนที่นี่สิ จะได้รู้ว่าที่น้องสี่พูดเป็นความจริงหรือไม่" ชายหนุ่มกระซิบ เส่เยี่ยได้ยินแล้วก็หน้าแดง นางผลักเขาเบาๆ ชีเส้าเฟยเห็นหญิงสาวอายก็หัวเราะชอบใจ เขาทำหน้าจริงจังขึ้นก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างวางลงบนมือของหญิงสาว
"เอานี่ คืนให้เจ้านะ คราวหลังอย่าเอามาคืนข้าอีก รู้ไหม" เส่เยี่ยรับของมา พอแบมือออกก็เห็นว่าเป็นหยกหักของชีเส้าเฟย เมื่อกี๊นี้นางโกรธมากถึงได้คืนเขาไป ต่อไปนางจะไม่ยอมให้ทั้งเขาและหยกชิ้นนี้ห่างจากกายอีกต่อไปแล้ว หญิงสาวคิด
"จริงสิ เส่เยี่ยเจ้าหิวหรือเปล่า ทานอะไรหน่อยนะ ข้าให้คนเตรียมอาหารเอาไว้ให้แล้ว" ชายหนุ่มพูดจบก็ผายมือไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่มุมห้อง บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่สำรับนึง ชายหนุ่มประคองหญิงสาวไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วเขาก็นั่งลงอีกฝั่งหนึ่ง ระหว่างที่เส่เยี่ยกำลังตักอาหาร ชีเส้าเฟยก็จ้องนางตาไม่กระพริบ มองไปก็ยิ้มไปอย่างมีความสุข ฝ่ายหญิงสาวกินไปได้คำสองคำก็วางช้อนลง
"ทำไมหล่ะ อาหารไม่อร่อยงั้นหรือ"
"ไม่ใช่หรอกค่ะ ก็ท่านเล่นนั่งจ้องหน้าข้าแบบนี้ ใครจะไปกินลงกัน" หญิงสาวแกล้งค้อนให้ชายหนุ่ม ชีเส้าเฟยฟังแล้วก็หัวเราะ
"ขอโทษนะ ก็ข้าอยากมองเจ้านานๆ นี่หน่า เอาอย่างนี้นะ งั้นข้าจะหลับตา เจ้าจะได้ไม่เขินอีก" คนพูดว่าแล้วก็หลับตาลง เส่เยี่ยมองเขาแล้วก็ยิ้ม ใครจะคิดว่ามังกรเก้าปรากฏที่เคร่งขรึมจะมีมุมที่น่ารักเช่นนี้ด้วย
"ข้าหลับตานานแล้วนะ เจ้ากินเสร็จหรือยัง" ชายหนุ่มหรี่ตาขึ้นข้างหนึ่ง
"เสร็จแล้ว" หญิงสาวยกชามขึ้นอวด ถึงจะกินไม่หมดแต่อาหารในจานก็หายไปเยอะเหมือนกัน
"แล้วท่านไม่หิวงั้นหรือคะ"
"ไม่หิวหรอก แค่มองเจ้าข้าก็อิ่มแล้ว" คนพูดยิ้มหวาน คนฟังๆ แล้วก็ก้มหน้าลงด้วยความเขิน คำพูดเหล่านี้แม้จะฟังดูเลี่ยนหูไปสักหน่อย แต่พอเป็นชีเส้าเฟยพูดแล้ว ยังไงก็ฟังดูดีสำหรับนาง

หลังจากกินข้าวเสร็จ ชีเส้าเฟยก็เดินมาส่งเส่เยี่ยที่ห้องของนาง ชายหนุ่มทำท่าออดอ้อนไม่อยากแยกกับหญิงสาว จนเส่เยี่ยต้องดุให้เขาไปพักผ่อน ชายหนุ่มถึงยอมไปนอนแต่โดยดี เส่เยี่ยปิดห้องไปได้ครู่เดียว ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก พอเปิดประตูออกมา เห็นคนตรงหน้า หญิงสาวก็ยิ้มหวานให้เขา
"มีอะไรอีกงั้นหรือคะ" หญิงสาวถาม
"ข้าคิดถึงเจ้าหน่ะสิ" ชายหนุ่มก้มตอบอย่างอายๆ
"อะไรกัน เพิ่งจากกันครู่เดียวเองนะคะ" เส่เยี่ยได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็หน้าแดงจนถึงหู
"ข้ารู้ แต่ข้ารู้สึกคิดถึงเจ้าจริงๆ นะ" คนพูดแสร้งทำหน้าเศร้า
"แล้วจะให้ข้าทำยังไงหล่ะ" หญิงสาวยิ้ม
"นี่ เจ้าง่วงหรืเปล่า" ชายหนุ่มถาม
"ไม่เลยค่ะ" หญิงสาวส่ายหัว วันนี้นางนอนมาทั้งวันแล้ว ไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว
"งั้นไปดูดาวกันไหม" คนพูดทำท่าตื่นเต้นตาเป็นประกาย (มุขนี้น้องสี่สอนมา) หญิงสาวก็พยักหน้าตกลง

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ชีเส้าเฟยพาเส่เยี่ยขึ้นมาที่ดาดฟ้าเรือ พวกศิษย์บนเรือก็เข้านอนกันหมดแล้ว เวลานี้จึงมีเพียงเขากับนางภายใต้แสงดาวอันงดงาม พื้นเรือเหลียนอิ๋นยามค่ำคืนทั้งแข็งและเย็นเฉียบ ชีเส้าเฟยไม่ยอมให้เส่เยี่ยนั่งบนพื้นเรือเพราะเกรงว่านางจะไม่สบาย เส่เยี่ยไม่อยากให้เขาโกรธ จึงยอมตามใจและนั่งบนตักของชายหนุ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาและนางได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ ชีเส้าเฟยรู้สึกมีความสุขจนไม่อาจเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาได้ หญิงสาวเองก็รู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ เขาเช่นกัน

ลมทะเลพัดมาเป็นระรอก ทำให้ชีเส้าเฟยได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายของหญิงสาว ชีเส้าเฟยเอาคางของเขามาเกยอยู่บนไหล่ของนาง
"เส่เยี่ยข้าไม่อยากให้เช้าเลย" ชายหนุ่มทำเสียงออดอ้อน
"ข้าอยากจะอยู่กับเจ้าเช่นนี้ตลอดไป ได้หรือเปล่าเส่เยี่ย" คนถามว่าแล้วก็จ้องไปที่หน้าของหญิงสาว เส่เยี่ยได้แต่ยิ้มอายๆ นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาตอบเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
"คำถามนี้ข้อนี้ ข้าน่าจะถามท่านมากกว่า ท่านมีเรื่องสำคัญต้องทำมากมาย ท่านจะสามารถละวางสิ่งเหล่านั้นเพื่อข้าได้รึเปล่าหล่ะ" หญิงสาวถามกลับ ชีเส้าเฟยยอมรับว่าเขาไม่อาจละทิ้งค่ายเหลียนอิ๋นและชาวบ้านไปได้ หากแต่เมื่อสงครามสงบแล้ว เขาก็คิดที่จะสร้างครอบครัวกับนางจริงๆ ชายหนุ่มขอโทษหญิงสาวที่เวลานี้เขายังไม่สามารถทำให้นางสมหวังได้ เส่เยี่ยยิ้มและปลอบใจเขาว่านางไม่เคยนึกโกรธเขาเลย สิ่งเหล่านี้กลับเป็นสิ่งที่ทำให้นางชื่นชมในตัวเขา ชีเส้าเฟยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุข ชายหนุ่มโอบเอวของหญิงสาวแน่น ใบหน้าของเขาก็แนบกับใบหน้าของนาง ชายหนุ่มมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ในใจก็นึกขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเส่เยี่ยมาให้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขานึกถึงและทำเพื่อผู้อื่นมาตลอด นั่นก็เพราะเขาไม่เคยรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได้พบกับเส่เยี่ย เขาจึงได้รู้ว่านางคือสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของเขา จากนี้ไปนางคือสตรีคนเดียวที่เขาคิดจะปกป้องและดูแลตลอดไป

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

อีกด้านหนึ่ง

ชายหนุ่มสองคนเดินทางอย่างเร่งรีบมาตลอดทั้งวัน กว่าจะรู้ตัวก็ค่ำเสียแล้ว คังซื่อท่าทางเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด จนองครักษ์เหอต้องเข้าไปประคองแล้วบอกให้เขาหยุดพักก่อน ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่กลางป่าแห่งหนึ่งท่าทางเปลี่ยวและน่ากลัว องครักษ์เหอเสนอให้ย้อนกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อหาโรงเตี๊ยมพักก่อน แต่คังซื่อไม่เห็นด้วย พวกเขาเดินเลยตัวเมืองมาไกลแล้ว หากย้อนกลับไปก็จะทำให้เสียเวลา ชายหนุ่มยินดีที่จะพักอยู่ในป่านี้ เพื่อที่รุ่งเช้าจะได้รีบเดินทางต่อไป ตอนนี้ใจของเขาร้อนรนอยากจะไปให้ถึงหมู่บ้านหลิวเร็วๆ คังซื่อรู้สึกว่าหญิงสาวอยู่ไม่ห่างจากตนแล้ว การเดินทางในครั้งนี้ เขาจะต้องได้พบกับนางแน่ๆ องครักษ์เหอเห็นฮ่องเต้เอาจริงจึงไม่อยากขัด เขาก่อกองไฟเล็กๆ แล้วก็ทำที่นอนอย่างง่ายๆ ให้กับฮ่องเต้

คังซื่อเอนตัวลงนอนแต่ก็ไม่สามารถหลับตาลงได้ เขามองดูดวงดาวบนฟ้า ในใจก็คิดว่าเส่เยี่ยอาจจะกำลังมองดาวดวงเดียวกับเขาอยู่ก็ได้ ชายหนุ่มคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

เช้าวันต่อมา ณ เรือเหลียนอิ๋น

เมื่อคืนหลังจากหญิงสาวหลับไปแล้ว ชีเส้าเฟยเกรงว่านางจะไม่สบาย จึงได้ถอดเสื้อคลุมของเขามาห่มให้กับนาง ส่วนชายหนุ่มก็นั่งตากน้ำค้างทั้งคืน พอเช้ามา ชีเส้าเฟยก็ไข้ขึ้นสูงและจามไม่หยุด เส่เยี่ยบังคับให้เขานอนพักอยู่ในห้อง แต่ชีเส้าเฟยยืนยันว่าเขามีเรื่องสำคัญต้องทำ เส่เยี่ยเถียงสู้เขาไม่ได้ จึงต้องยอมตามใจ นางมีข้อแม้ว่าเขาต้องให้นางอยู่ด้วยตลอด ชายหนุ่มก็ตกลง

ชีเส้าเฟยเรียกประชุมบรรดาศิษย์ที่เหลือทั้งหมด เขาสั่งให้อ้อมหมิงเจิ้งนำกำลังออกไปหาเสบียงในตัวเมือง แล้วก็สั่งให้ลู่เสี่ยวฟงนำกำลังอีกส่วนเดินทางเลี่ยงเมืองออกไป ทางหนึ่งเพื่อไม่ให้ดูว่ามีคนเยอะเกินไป อีกทางหนึ่งก็เพื่อคุ้มภัยให้กับอ้อมหมิงเจิ้งอยู่ห่างๆ ส่วนกงซุนเช่อกับศิษย์ที่เหลือให้ออกเรือได้เลยในเช้านี้ เรือของพวกเขากำลังถูกทางราชการหมายตา หากจอดอยู่นานๆ อาจจะเป็นอันตรายได้ ทั้งหมดได้ฟังแล้วก็พยักรับทราบ กงซุนเช่อถามขึ้นว่าแล้วชีเส้าเฟยจะพักอยู่บนเรือใช่ไหม เนื่องจากเขากำลังไม่สบาย ชีเส้าเฟยส่ายหน้า เขาหันมามองหน้าเส่เยี่ยแล้วบอกว่าเขามีธุระต้องไปทำที่หมู่บ้านหลิว

หญิงสาวได้ยินแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีทันที นางไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย ทำไมอยู่ๆ ชีเส้าเฟยถึงได้คิดจะไล่นางไปอีกแล้ว เมื่อวานนี้ก็ยังดีๆ กันอยู่เลย หญิงสาวเดินหนีเขาลงไปยืนน้ำตาซึมอยู่ที่กาบเรือ พวกหัวหน้าคนอื่นๆ ก็พยักหน้าให้เขารีบตามนางไป ชีเส้าเฟยมองหน้าคนอื่นแบบงงๆ แต่ก็เดินตามหญิงสาวไป
"เส่เยี่ยเจ้าเป็นอะไรไป" ชายหนุ่มถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ไม่ต้องมายุ่งกับข้า ข้าไม่อยากพูดกับท่านแล้ว" คนตัวเล็กกว่าหันหน้าหลบไปทางอื่น
"นี่เส่เยี่ยข้าไม่สบายอยู่นะ เจ้าจะโกรธอะไรข้า ก็นึกว่าสงเคราะห์คนป่วยเถิด" คนพูดทำเสียงน่าสงสารพร้อมกับกระแอมเบาๆ
"ก็ท่านทำไมต้องไล่ข้ากลับบ้านด้วย" ชายหนุ่มได้ยินแล้วก็มองนางด้วยความเอ็นดู
"เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้จะไปส่งเจ้าที่หมู่บ้านหลิวหรอกนะ"
"ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมท่านบอกกับพี่น้องของท่านว่ามีเรื่องต้องไปทำที่นั่นหล่ะ"
"ก็เพราะข้ามีเรื่องต้องไปทำที่นั่นจริงๆ หน่ะสิ" คนพูดยิ้ม
"ถ้าไม่ใช่ไปส่งข้าแล้วท่านยังมีอะไรต้องไปทำที่นั่นอีก" หญิงสาวถามเขาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
"ข้าก็ต้องไปสู่ขอเจ้ากับจอมยุทธซุนอย่างไร" ชีเส้าเฟยมองหญิงสาวด้วยแววตาหวานเยิ้ม
"ท่าน..." หญิงสาวได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็หน้าแดง นางบีบมือตัวเองแก้เขิน
"พวกเราก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นนานแล้ว อีกอย่างข้าเคยสัญญากับเจ้าว่าจะพาเจ้าไปเยี่ยมพ่อของเจ้ายังไงหล่ะ" ชายหนุ่มอธิบายต่อ
"แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่ทีแรก" หญิงสาวหันมามองเขาแบบเขินๆ
"เจ้านี่ขี้งอนจังเลย เมื่อกี๊ข้าวิ่งตามเจ้าแทบไม่ทัน ตอนนี้ข้ารู้สึกเจ็บตรงนี้จังเลย" ชายหนุ่มทำหน้าบิดเบี้ยว แล้วก็บีบไปที่อกของตน เส่เยี่ยเห็นว่าเขาไม่สบายจริงๆ ก็รีบเข้าไปประคอง
"ข้าขอโทษนะคะ ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า" คนพูดทำหน้าสำนึกผิด
"ถ้าข้าเป็นอะไรไป เจ้าจะดูแลข้าชั่วชีวิตรึเปล่าหล่ะ" ชายหนุ่มแกล้งหยอกหญิงสาว
"ถึงท่านไม่เป็นไร ข้าก็จะดูแลท่านชั่วชีวิตอยู่แล้ว" หญิงสาวพูดจบก็เดินหนีชายหนุ่มไป ชีเส้าเฟยได้ยินแล้วก็หัวใจพองโต เขารีบโฉบไปดักหน้าหญิงสาวไว้
"อ๊ะๆ นี่ท่านไม่ได้ป่วยแล้วงั้นเหรอ" เส่เยี่ยชี้หน้าเขาอย่างรู้ทัน ชีเส้าเฟยก็รีบแก้ตัวว่าเขาไม่สบายจริงๆ แต่พอได้ยินคำพูดของนางแล้วอาการก็หายเป็นปลิดทิ้ง หญิงสาวหัวเราะแล้วก็เตือนให้ชายหนุ่มรีบออกเดินทาง ชีเส้าเฟยเห็นด้วย พวกเขาจึงไปลากงซุนเช่อ จากนั้นก็ลงจากเรือพร้อมกับลู่เสี่ยวฟงและอ้อมหมิงเจิ้ง

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ทั้งหมดเดินทางมาได้สักระยะ ชีเส้าเฟยก็ขอแยกไปกับเส่เยี่ย พวกของลู่เสี่ยวฟงกับอ้อมหมิงเจิ้งยังคงมุ่งหน้าต่อไป พอเข้าตัวเมืองแล้วลู่เสี่ยวฟงจึงค่อยแยกไปอีกที

ลู่เสี่ยวฟงเห็นอ้อมหมิงเจิ้งตั้งหน้าตั้งตาเดินไม่สนใจเขา ก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากแกล้งนาง แต่นึกอะไรไม่ออก จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วก็ผิวปากอย่างอารมณ์ดี
"นี่อยู่เงียบๆ ไม่เป็นหรือไง" หญิงสาวตวาดขึ้นเสียงดัง ลู่เสี่ยวฟงก็ยักคิ้วอย่างมีชัยที่ทำให้นางสนใจเขาได้
"ทำไมหล่ะ ข้าอารมณ์ดีไม่ได้งั้นเหรอ" คนพูดทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ท่านนี่ก็แปลกนะ ข้าเคยเห็นแต่คนอกหักแล้วร้องไห้ แต่ท่านอกหักแล้วกลับผิวปากอย่างอารมณ์ดี" หญิงสาวหัวเราะในลำคอแล้วทำหน้ายิ้มเยาะใส่เขา
"อกหัก ใครอกหักกัน" ชายหนุ่มทำหน้างง
"อ้าวก็หัวหน้าใหญ่กับแม่นางเส่เยี่ยคืนดีกันแล้ว ตอนนี้เจ้ากลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว ไม่เรียกอกหักแล้วจะเรียกว่าอะไรหล่ะ" คนพูดหางตามองชายหนุ่ม
"เหอะ ใครว่าข้าชอบแม่นางเส่เยี่ยกัน จริงอยู่นางทั้งอ่อนหวานและน่ารัก แต่ว่าก็ยังรู้สึกว่านางไม่เหมาะกับข้าอยู่ดี ผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาของข้ามันต้องสมน้ำสมเนื้อกว่านี้หน่อย" คนพูดกระพริบตาให้หญิงสาว อ้อมหมิงเจิ้งก็จ้องเขากลับด้วยความไม่พอใจ นางเร่งฝีเท้าแล้วก็เดินหนีเขาไปอย่างรวดเร็ว ลู่เสี่ยวฟงได้แต่มองตามแบบงงๆ ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวเป็นอะไร

ทันใดนั้นก็มีอาวุธลับซัดมาที่ชายหนุ่ม
"ฟรึบ!!!" ลู่เสี่ยวฟงใช้วิชาตัวเบาเตะเท้าแล้วตีลังกาหลบ มือซ้ายของเขาคีบอาวุธลับนั้นเอาไว้ได้ทัน อ้อมหมิงเจิ้งเห็นเหตุการณ์ก็รีบวิ่งมาหาเขา ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ลู่เสี่ยวฟงส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร พอดูอาวุธลับก็พบว่ามันเป็นแค่ไม้ไผ่เท่านั้น ทั้งสองมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจหาตัวคนร้าย ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมา...

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



Artist: Julian Cheung Chi Lam
Album: I AM CHILAM 2009
Song: You are too good



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 19 มีนาคม 2560 2:39:43 น. 19 comments
Counter : 582 Pageviews.

 
แค๊กๆๆๆ สำลักความหวีดและความสุข ต้องทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติก่อน อิอิ อ่านจบแหล่วววววววววววววว ใช้เวลา 1ม.เต็มๆๆๆๆ ดีใจๆๆๆๆ กว่าฟิคจะคลอด ทำเอาลุ้นทุกวันๆๆ แล้วก็สมกับการรอคอย

นี่ซ้อกุอ่านทุกบันทัดทุกประโยค แบบละเอียดยิบเลยนะเนี่ย อ่านไปยิ้มไป เหมือนกำลังชมหนังเรื่องนึงเลยง่ะ เรียกว่ามีอารมณ์ร่วมสุดๆ

ตอนพี่ลูลู่ช่วยเป็นสื่อรักนี่ทำเอายิ้มขำไปด้วย แล้วก็ลุ้น หนญ.ให้หึงเส่เยี่ยออกมาให้เห็น แต่ก็ หนญ.กลับไม่หึงออกมาให้เห็น กลายเป็นหึงเงียบซะงั้น

ตอนเส่เยี่ยโกรธ จิ้นหน้าแม่นางอาเส่ในเทพมารฯออกเลยค่ะ เย็นยะเยือกเลยง่ะ แล้วตอนเส่เยี่ยต่อว่าท่านลุงชีด้วยความอัดอั้น โอ้ยยย คนอ่านพลอยลุ้นไปด้วย เชียร์อยู่ข้างๆว่า ด่าเข้าไปๆๆ ท่านลุงชีจะได้สำนึกซักที 555และแล้วทั่นลุงก็จนมุมกับการรุกของเส่เยี่ยในที่สุด บทหวีดอ้ายยยย จาเป็นโลม มองเห็นภาพเลยง่ะ ผกก.ทำเอาคนอ่านใจสั่นไปด้วย ราวกับเป็นเส่เยี่ยซะเอง ระทวยไปโม้ดดดเลย หนญ.นะ ยามซื่อยามบื้อก็ฉุดไม่อยู่ ยามบทรักก็ไม่แพ้กับเพลงกระบี่เลยนะเนี่ย
เขินแทนเส่เยี่ยมั่กๆ ว่าแต่ ทำไมเส่เยี่ยพูดได้อ่ะ ตอนเรียกสติ เพราะปากไม่ว่างไม่ใช่เหรอก๊ะ ผกก. ซ้อกุงงค่ะ ไขความกระจ่างด้วย
เฮ้อ....ตอนนี้สมกับเป็นโปรเจครับวาเรนไทน์ซู๊ดเลยค่ะ ตอนนี้หน้าคนอ่านบานไปหมดและ ปาดกรามมากเลยง่ะ ยิ้มไม่หุบเลยค่ะ
ในที่สุดพระนางก็เข้าใจกันซะที ลุ้นมาเป็นแรมปีเลย แต่พอเห็นคังซื่อออกรอนแรมตามแม่นางเส่เยี่ย ก็สงสารนิดๆนะเนี่ย แต่ไม่ได้ๆ เส่เยี่ยต้องคู่กับทั่นลุงคนเดียว
รอน้องมลเยี่ยมาดามอกละกัน โหะๆๆ


โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:47:19 น.  

 
พยายามได้ดีที่สุดแค่นี้นะคะเพื่อนๆ หวังว่าจะชอบกัน หวานๆ แบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว ผกก.ไม่ถนัดจริงๆ

สวัสดีปีใหม่และก็สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ


โดย: realtomtam วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:49:28 น.  

 

โอ้ย...เขินยังไม่หายเลยง่ะ เขินแทนเส่เยี่ย



โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:56:56 น.  

 
อ้าว กะจะแปะภาพปลากรอบ เขินเกินพิกัดไปหน่อย ทำเอากดผิดกดถูก ชักอยากส่องรูตอนสองคนเข้าหอแล้วจิ



ผกก.ต๋อมแต๋ม โปรดอย่าถล่มตัวค่ะ แค่นี้ทำเอาน้ำหมากกระเซ็นแล้วง่ะ อย่าว่าจะไม่มีบทหวีดอีกสิคะ ใจเสียหมดเลย ขออีกๆๆ แต่นานๆ ครั้งก็ได้ค่ะ บ่อยมากก็จะจืดไป ขอบคุณ ผกก.ที่สละเวลายุ่งๆ มาเขียนฟิควันแห่งความรักให้พวกเรานะคะ ตอนต่อไปจะมีเมื่อไหร่น้ออออ นับวันรอคอยต่อไปค่ะ


โดย: หลินอี้ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:59:29 น.  

 
เพิ่งเห็นคอมเม้นของหลินกุ แบบว่าเชียร์หัวหน้าใหญ่ออกหน้ามากๆ ขนาดซ้อสี่เอาฮ่องเต้มาเบรกแล้วยังไม่ยอมใจอ่อนเลย

แต๋มไม่เคยดูเทพมารนะ แต่ก็เคยดูคลิปที่โย่ส่งให้ ก็คิดถึงอาเส่ในเรื่องนี้นี่แหละ บุคลิกน่าจะคล้ายๆ กัน

ก็ตามที่ตกลงกันไว้นะคะว่านางเอกจะต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน ไม่งั้นหัวหน้าใหญ่ของเราไม่ยอมเผยความในใจแน่นอน หลังจากรู้ว่าสาวมีใจให้แล้ว ท่านลุงถึงได้กล้ารุกไง งานนี้คังซื่อจอดสนิท รู้สึกท่านลุงจะคุมเกมเก่งกว่านะ แบบว่าดุอะไรเส่เยี่ยก็เชื่อ ไม่เหมือนตอนอยู่กับคังซื่อเลยเนอะ ชีหมดฤทธิ์ไปเยอะ โหะๆ

หลินกุกว่าจะเขียนตอนนี้ได้เกือบตายจริงๆ นะ คนแต่งอ่านแล้วยังเลี่ยนเองเลยอ่ะ มุขนี่ลิเกสุดๆ ขอกลับไปโหมดกำลังภายในเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ เขียนง่ายกว่า ไม่ต้องแอบหวงพระเอกด้วย ก๊ากกก

เอ่อฉากเรียกสติ เข้าใจว่าเส่เยี่ยพูดในลำคอนะคะ ไม่รู้ได้เขียนบรรยายไว้หรือเปล่า ไปดูเอาเองนะ ผกก ไม่อยากอ่านตอนนั้นซ้ำค่ะ

ตอนต่อไปคิดไว้หมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีเวลามาเกลาเมื่อไหร่ ช่วงนี้ขอเว้นไปนานๆ เลย งานยุ่ง เครียด แล้วมันเขียนไม่ดีค่ะ ตอนต่อไปสำคัญเสียด้วย

btw ดีใจที่ซ้อกุชอบค่ะ


โดย: realtomtam วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:18:14 น.  

 
มิทราบว่าใครเอายา love ให้ท่านลุงชีกินเข้าไปค่ะ ถึงได้กล้าเยี่ยงนั้น บทจะหวานขึ้นมาก็ไม่มีเบรคเอาซะเลย โอ้ว...แม่เจ้า สงสาร ผกก.ม๊ากมาก คงทำใจไม่ให้หวงลำบากเนอะๆๆ แต่ตอนนี้หวานจริงๆ หวานมากๆสมกับเป็นวันแห่งความรักเลยค่ะ ควรค่าแก่การรอคอย หว๊านหวานขั้นอุดมศึกษา แต่ยังไม่ขึ้นเรท 18 นะ โหะๆๆ คิดว่าคงขึ้นเรทนั้นไม่ได้แน่ๆ เพราะใกล้จะแตะเรท 18 เมื่อไหร่ ผกก. คงตัดฉับพอดี ก็ดูอย่างตอนนี้สิ ยังให้เส่เยี่ยเรียกท่านลุงก่อนที่อะไรๆมันจะไปไกลซะเลย ใช่มิๆ

ไม่รวบฉากก่อนหน้านู้นนะ ที่ยังตัดฉับ เส่เยี่ยมานอนอยู่บนเตียง โหะๆๆ

ป.ล. ทำไมคนอ่านมันจำฉากแบบนี้แม่นจังฟร่ะ


โดย: ทับทิม IP: 125.26.40.47 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:52:51 น.  

 
ว้าว . . ผกก แต๋ม ใกล้กว้างมากค่ะ ที่ยอมให้ท่านลุงชีเปลืองตัวขนาดนี้
จะบอกว่าเปลืองตัวกว่าคังซื่ออีกนะ ตอนคังซื่อแค่แป๊บๆ แล้วตัดฉับ
แต่ท่านลุงชีเดี๋ยวจุ๊บ เดี๋ยวกอด เดี๋ยวนั่งตัก เดี๋ยวซบ โห . . ผกก ทุ่มทุนจริงๆ

ขอบคุณสำหรับฟิคสวีทหวานสมใจวันวาเลนไทน์นะคะ ชอบที่สุดก็ตอนที่ท่านลุงชีกลัวเส่เยี่ยจะหนาว
ก็เลยให้เส่เยี่ยนั่งตัก แหม่ . . ตอนยังไม่รู้ใจนางก็ไว้เชิงน่าดู พอเริ่มรู้ใจเท่านั้นแหล่ะ
ท่านลุงเดินหน้าแบบไม่แตะเบรกกันเลย แถมคิดไปไกลถึงเรื่องมีลูก เป็นแฟนปุ๊บขอแต่งงานปั๊บ
ทำคะแนนนำโด่งเลยค่ะ สงสารก็แต่องค์คังซื่อ โธ่ โถ เดินทางยากลำบาก ยามดูดาวก็นึกถึงนาง
หารู้ไม่ นางในดวงใจดูดาวอยู่ในอ้อมกอดคนรักอย่างสบายใจไร้กังวล

แต่ว่าก็ไม่สงสารองค์คังซื่อมากนักค่ะ เพราะยังไงก็มีฮองเฮาและเหล่าสนมรอปลอบใจอยู่แล้ว

คะแนนสงสารตอนนี้ยกให้พี่ลู่ค่ะ ก็ตอนที่พี่ลู่วางแผนล่อให้หัวหน้าใหญ่หึง
แต่ท่านลุงหึงเงียบ นึกถึงหน้าหนุ่มทะเล้นต้องมาซีดเพราะผิดแผน
แถมต้องผวากลัวโดนหัวหน้าใหญ่โกรธเอาอีก หัวหน้าคนเดียวก็แย่แล้ว
งานนี้ถ้าแผนไม่สำเร็จบรรดาหัวหน้าคนอื่นๆ เล่นงานพี่ลู่แน่นอน แค่คิดก็หยองแทน



โดย: O-yohyo วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:58:18 น.  

 
ตอนเส่เยี่ยโมโห 55 นึกถึงแม่นางฉินเมิ่งเหยาเหมือนกับหลินกุเลยค่ะ
เสียดายน้องคอมเจ๊งไปแล้วเลยหาภาพลำบาก ยังไงก็จิ้นจากภาพที่เคยดูละกันนะ
ตอนเส่เยี่ยโดนพี่ลู่แกล้ง ก็นึกถึงตอนที่เล่นหัวกับพี่ฟั่นเหลียงจี๋
คือให้ความรู้สึกเหมือนพี่น้องเล่นหัวกัน ดูไปก็อดอมยิ้มไปไม่ได้

ฉากดูดาวบนเรือ ไม่คิดว่าท่านลุงจะสวีทขนาดให้เส่เยี่ยนั่งตัก
คือคิดว่าท่านลุงจะแค่ถอดเสื้อคลุมมาปูพื้นให้นั่ง แค่นี้ก็กันหนาวได้แล้ว
ท่านลุงก็มีอะไรเหนือความคาดหมายเหมือนกันนะเนี่ย ชอบมากๆ เลยค่ะ
จิ้นภาพท่านลุงกอดเส่เยี่ยไว้ นึกถึงการ์ตูนที่เคยอ่าน
นางเอกนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้วพระเอกโอบอยู่ข้างหลังนางเอก ชวนกันดูวิวที่โปรยไปด้วยหิมะ
ทั้งหวาน ทั้งซึ้ง เป็นภาพประทับใจจริงๆ อยากให้อาเส่เล่นแบบนี้บ้าง
พอแต๋มเขียนฉากดูดาว อูย . . สมใจอยาก เสียดายตอนดูดาวมืดไปติ๊ด จิ้นไม่แจ่ม


โดย: O-yohyo วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:58:58 น.  

 
ตอนท่านลุงบอกเส่เยี่ยให้เรียกเส้าซัง อย่าเรียกว่าท่านลุงอีก เดี๋ยวลูกจะงง
โห . . ท่านลุงคิดไปนู่น อีกอย่างคงกลัวคนมองว่าเลี้ยงต้อยล่ะมั้ง
ทั้งๆ ที่ท่านลุงก็ออกจะหน้าอ่อน แค่วางมาดเข้มเท่านั้นเอง 55

ที่ชอบอีกตอนก็ตอนที่หัวหน้าคนอื่นๆ ให้ท่านลุงไปง้อเส่เยี่ย
ตอนที่เส่เยี่ยงอนว่าท่านลุงจะพากลับหมู่บ้าน คือรู้สึกดีใจว่าทุกคนคงยอมรับเส่เยี่ยเป็นนายหญิง
เป็นสิ่งที่ดีใจที่สุดเลยค่ะ เพราะว่าพวกคนในค่ายก็คือครอบครัวของท่านลุงชีนี่หน่า
แต่หนักใจแทนเส่เยี่ย แบบนี้ก็เจ้าชู้ยากอ้ะดิ จะไปจิ๊จ๊ะกับหนุ่มอื่น
ก็คงจะมีสายตาคนในค่ายสอดส่องอยู่ตลอดเวลา


ตอนหน้าขอช่วงวันหยุดวันมาฆบูชานะคะ 1 มีนาคม


โดย: O-yohyo วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:00:17 น.  

 
โหแม่นางเทียนอวี้ (เจ้าแม่เลิฟซีน ) บอกว่าถึงขั้นอุดมศึกษเลยเหรอเนี่ย ชักเครียดแล้วหล่ะสิ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะให้เรทขนาดนั้น เอาไว้จะแก้ไขใหม่ให้กลับไปอยู่ระดับมัธยมต้นเหมือนเดิมดีกว่า ไม่อยากให้ผิดคอนเซฟค่ะ

โย่ ก็ท่านลุงเป็นพระเอกนี่ (รึเปล่า) ก็ย่อมมีสิทธิ์ได้แต๊ะอั๋งนางเอกเยอะหน่อย อันนี้เอาความรู้สึกตัวเองนะ แบบไม่ชอบให้พระรองหรือคนอื่นมาถูกตัวนางเอก ยอมพระเอกคนเดียวเท่านั้น โหะๆๆ อีกอย่างหลังจากนี้จะไม่มีหวานแล้ว (ซ้อกุไม่ต้องรอ) มีแต่เศร้ากับสู้ค่ะ ตอนนี้ถือว่าสมนาคุณจริงๆ

โย่ ที่บอกว่าจินตนาการว่าพระเอกนั่งกอดนางเอกในเกี้ยวเนี่ย แต๋มก็พยายามจิ้นตามนะ แต่จิ้นไปจิ้นมา ดันไปนึกถึงคนที่แบกเกี้ยวอยู่ข้างนอกอ่ะดิ คงจะหนักน่าดู ฮ่าๆๆๆ

ว่าแต่ตอนที่ท่านลุงชะงักไป คงเพราะได้ยินเส่เยี่ยเรียกว่าท่านลุงนี่แหละมั๊ง เลยหมดรมณ์ ก๊ากกก

ตอนหน้าขอเป็นพฤษภาเลยนะ มีนานี่คงไม่ไหวจริงๆ


โดย: realtomtam วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:57:46 น.  

 

อ๊าย . . ไม่ต้องอ่านตอนเศร้า ก็เศร้าตั้งแต่แต๋มบอกว่าจะไม่มีคิวสวีทแล้วล่ะค่ะ โธ่ . . สงกะสัยต้องอ่านตอนนี้หลายๆ รอบให้คุ้มเพราะว่าจะไม่มีอีกแล้วเหรอเนี่ย


ฉากที่พระเอกโอบอยู่ข้างหลังนางเอกอยู่ในเกี้ยว ตอนนั้นเค้าวางเกี้ยวลงแล้วก็ชมทิวทัศน์รอบๆ ค่ะ รู้สึกการ์ตูนจะชื่อ “เมื่อคุณหญิงจอมแก่นแต่งงาน” อ่านตั้งแต่สมัยอยู่ ม.ต้น อ่านแล้วซึ้งมาก สงสารท่านชายที่ต้องไปบวช เป็นความรักที่บริสุทธิ์และเจ็บปวด อ่านแล้วค้างใจอยู่อย่างก็คือ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าท่านชายท่านนั้นไปอยู่ที่ไหน อยู่หรือว่าจากไปยังอีกโลกแล้ว (ท่านชายไม่ใช่พระเอกค่ะ แต่หล่อเทพกว่าพระเอกเยอะ)

ตอนต่อไปเดือนพฤษภา ฮือ ฮือ ถึงจะนานแต่ก็จะอดทนรอคอยให้ ผกก ทำงานให้สบายใจไปก่อนค่ะ เข้าใจด้วยว่ายังมีภารกิจดูพี่ลู่ด้วยใช่ป่ะ ดูจบตอนแรกไปแล้ว สนุกดีล่ะ พี่ลู่น่ารักที่สุดตอนที่แกล้งทำท่าผีหลอก 55 พักนี้อ่านฟิคพี่ลู่ก็คะแนนนำ แถมดูซีรีส์พี่ลู่อีก



โดย: O-yohyo วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:01:14 น.  

 
หา!!! หัวเราะอมยิ้มมีความสุขแค่คืนเดียว ก็ได้ข่าวร้ายดังฟ้าผ่าว่า ต่อไปจะไม่บทหวีดหวานอีกแหล่ววว มีแต่เศร้ากับโหด แหง้งงงงงง อารมณ์เปลี่ยนเป็นเศร้า ณ บัดนาวเลยง่ะ ไม่ยอมๆเด้อ ผกก.แต๋มมี่ อย่าใจร้ายงั้นสิจ๊ะ เดี๋ยวชิแลมไม่รักนะ เป็นน้องสาวของพี่ชายต้องใจดี อ่อนโยน มีเมตตา หวีดน่ารักเหมือนพี่ชายจิ (เกี่ยวมั้ยเนี่ย ) ถ้าพี่ชายจางรู้ว่าต่อไป หนญ.จะตกระกำลำบาก เจอแต่บทโหด เศร้ารันทด จะพลอยไม่รัก ผกก. และก็จะเสียใจเอานะคะ จริงๆนะ ไม่เชื่อดูภาพปลากรอบจิ



โดย: หลินอี้ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:21:18 น.  

 
ชิแลมฝากบอกมาว่าชอบบทท้าทายค่ะ ง่ายๆ ไม่ชอบเล่น

ทางอาเส่ก็ฝากบอกมาว่า เลิฟซีนฉากนั้นจูบจริง ขืนมีบ่อยๆ เกรงว่าทางแฟนคลับชิแลมจะไม่พอใจค่ะ


โดย: realtomtam วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:21:27 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!


โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:27:42 น.  

 
ส่งข่าว ผกก. ทนไม่ไหว ขอ rewrite ฉากเลิฟซีนนะคะ รู้สึกว่าอันเก่ามันร้อนแรงไปนิด เดี๋ยวจะไม่เหมาะกับเยาวชน

คนที่ตามมาอ่านที่หลังไม่ต้องขอเวอร์ชั่นเต็มนะ ผกก.ลบเกลี้ยงไม่ได้เซฟไว้


โดย: realtomtam วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:10:20 น.  

 
แง ผกก ใจร้าย มาตัดฉากสวีทออกทำไม ไม่ยอมด้วย

กระซิก กระซิก กระซิก


โดย: O-yohyo วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:36:57 น.  

 
แวะมาบอกผกก.ว่า โชคดีจังที่อ่านทันก่อน ver. cut โหะๆๆๆๆ

พี่หลิน ถึงไม่บอกมลเยี่ยก้อจ้องจะงาบคังซื่ออยู่ดีน่ะแหละค่ะ 555


โดย: Cipher IP: 203.152.13.62 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:15:24 น.  

 
มลร้ายกาจมากนะเนี่ย กะว่าคนที่อ่านทีหลังก็อดเวอร์ชั่น uncut ไป ที่ไหนได้ มลมาอ่านไปเรียบร้อยแล้ว


โดย: realtomtam วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:40:20 น.  

 
ก้อมลเยี่ยรู้ใจผกก.ไงค่ะ แบบว่าคราวนี้มันแปลกไปเล็กน้อย ฉากสวีทแต่ไม่มีไอคอนน้ำตาตก หรือโอดครวญแม้แต่น้อย ก้อเลยคิดว่าผกก.น่าจะใจแข็งปล่อยฉากสวีทให้ลอยนวลได้ไม่นาน น่าจะสั่งเซ็นเซอร์ 555

ปล.คำว่าถอยร่น ของตอนถัดไป คำว่า "ร่น" สะกดด้วย "ร" นะคะ

แต่เค้ายังไม่เม้นต์นะ ยังอ่านไม่จบ แต่ก้อเห็นผกก.เอาคืนแล้วล่ะ เศร้าแทนเส่เยี่ยจัง


โดย: Cipher IP: 58.8.142.96 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:04:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

realtomtam
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add realtomtam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.