|
ดีเซลมีสิทธิ์พุ่งไปถึงลิตรละ 38 บาท
ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 16 ม.ค.2555 ที่ผ่านมา ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ อีก 1.07 บาทต่อลิตร ยกเว้น E85 ที่จะลด 11 สตางค์ ส่วนดีเซลขึ้นอีก 64 สตางค์ต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ที่ต้องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุน
ซึ่งเสียงสะท้อนของภาคเอกชน นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า ภาคอุตสาหกรรมต้องการให้รัฐบาลช่วยตรึงราคา น้ำมันดีเซลในระดับ 30-31 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 2-3 เดือน เพื่อไม่ให้ค่าขนส่งและสินค้าปรับขึ้นราคา เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับขึ้นในขณะนี้ ไม่ได้เป็นไปตามกลไกของเศรษฐกิจโลก แต่มาจากความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและกลุ่มประเทศตะวันตก
ทั้งนี้ หากรัฐบาลปล่อยให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นอยู่ ที่ 31.13 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันเบนซินก็ปรับขึ้นอีกลิตรละ 1 บาทจะทำให้ต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้น ซึ่งหากต้นทุนขนส่งสูงขึ้น ราคาสินค้าหรือค่าโดยสารคงต้องปรับขึ้นราคา แต่ที่น่าห่วงคือเมื่อราคาสินค้าปรับขึ้นแล้วปรับลงยาก ซึ่งต่างกับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นและลงได้ตามกลไกตลาด
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันได้ ก็ควรปล่อยให้ปรับขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนที่สูงขึ้นด้วยเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการรับภาระมากเกินไป
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก บอกว่า ช่วงนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกสูงมากจึงไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะกลับมาเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลจากที่ลดลงไปก่อนหน้านี้ 8.30 บาทต่อลิตรในวันที่ 1 ก.พ. โดยควรเลื่อนไปไตรมาส 2 ที่เป็นช่วงขาลงของดีเซล อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจะเก็บก็น่าจะทยอยจัดเก็บ แต่หากเก็บภาษีเต็มที่แล้ว ราคามีโอกาสจะเห็น 38 บาท/ลิตร
ขณะเดียวกันเช้านี้ ก๊าซแอลพีจีก็ปรับขึ้นอีก 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม (กก.) และเอ็นจีวี 50 สตางค์ต่อ กก.จาก 8.50 บาทต่อ กก.เป็น 9 บาทต่อ กก. ซึ่งถือเป็นการปรับราคาครั้งแรกในช่วง 9-10 ปีที่ผ่านมา
Create Date : 16 มกราคม 2555 |
Last Update : 16 มกราคม 2555 13:45:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 667 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|