Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

Midnight Sun; Chapter 8: Ghost

ผมไม่ค่อยได้เจอหน้าแขกของแจสเปอร์เท่าไหร่ ระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่ฟอร์คในช่วงสองวันที่แดดออกนี้ ผมกลับบ้านก็เพื่อไม่ให้เอสเม่ห่วงเท่านั้นล่ะ ไม่ยังงั้นชีวิตผมคงจะดูเป็นคนเฝ้ามากกว่าจะเป็นแวมไพร์

ผมแอบอยู่ตามที่ร่ม ที่ที่ผมจะตามคนที่ผมรักและคิดถึงตลอดเวลา ที่ที่ผมจะได้เห็นได้ยินจากความคิดของมนุษย์โชคดี ที่เดินกลางแดดเคียงข้างเธอได้ แถมบางที ก็มีโดนผมเธอได้ด้วย เธอก็ไม่ได้ตกใจอะไรครับ เพราะมือพวกเขาก็อุ่นเหมือนกันหมด

ไม่เคยเลยซักครั้ง ที่พอไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วจะทำให้ผมทรมานได้แบบนี้ ดูเธอจะมีความสุขที่แดดออก ผมเลยไม่โกรธเท่าไหร่ อะไรที่เธอชอบผมก็เห็นดีด้วยล่ะ

เช้าวันจันทร์ ผมแอบฟังบทสนทนา ที่ดูท่าจะทำให้ผมเสียความมั่นใจ แล้วก็ทำให้เวลาต้องอยู่ท่างจากเธอมันทรมานยิ่งขึ้น เขากล้ากว่าที่ผมให้เครดิตเขาครับ วันนี้เขาจะลองอีกครั้ง

เบลล่าไปถึงโรงเรียนแต่เช้า เธอนั่งบนเก้าอี้ปิคนิคที่ไม่มีคนนั่งเท่าไหร่ รอให้ระฆ้งเข้าเรียนดัง ดูเหมือนเธอตั้งใจว่าจะอยู่กับแดดให้นานที่สุด ผมเบลล่าสะท้อนแสงแดดแปลกๆครับ ดูออกเป็นสีแดงๆแบบที่ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้

ไมค์เจอเธอครับ จินตนาการล่องลอย แถมดีใจด้วยว่าวันนี้โชคดี
ผมเจ็บปวดที่ได้แต่แอบดูอยู่ในป่า ในร่มข้างๆแดดจ้า ทำอะไรไม่ได้
เธอทักเขาด้วยความกระตือรือร้นระดับที่ทำให้เขาปลื้มจนล้น และเป็นระดับที่ให้ผลตรงข้ามกับผม

'เห็นไหมเล่า เธอชอบเรา ไม่ชอบไม่ยิ้มยังงี้หรอก พนันได้เลย ว่าอยากไปงานเต้นรำกับเรา สงสัยจริงๆว่าซีแอตเติ้ลสำคัญอะไรนักหนา...'
เขาเห็นว่าผมเธอเปลี่ยนไป "ฉันไม่ได้สังเกตมาก่อน ผมเธอออกแดงด้วย"

ผมเผลอถอนต้นสนเล็กๆที่ผมกำลังจับอยู่ ตอนเห็นเขาจับเส้นผมเธอ
"แค่เวลาออกแดดเท่านั้นล่ะ" เธอพูด ด้วยความสะใจลึกๆ เธอผงะถอยตอนเขาเอาผมไปทัดหูเธอ

ไมค์ใช้เวลาหนึ่งนาทีรวบรวมความกล้า เขาเสียเวลาไปส่วนหนึงคุยเรื่องทั่วๆไป เธอเตือนเขาเรื่องเรียงความที่ต้องส่งวันพุธ ดูจากสีหน้าพอใจหน่อยๆแล้วก็ เธอทำเสร็จแล้วล่ะ ส่วนเขาลืมสนิท
และนั่นทำให้เขาเสียเวลาว่างที่คิดว่ามีอยู่ไป
'ว่ะ... เรียงความบ้านี่'

สุดท้ายเขาก็เข้าเรื่อง (ผมกัดฟันแรงมากจนน่าจะบดหินแกรนิตได้) แต่เขาก็ยังไม่กล้าถามตรงๆ
"ฉันจะถามว่า เธออยากออกเที่ยวบ้างไหม?"
"โอ้" เธอตอบ
แล้วก็เงียบไปครู่นึง
'โอ้เหรอ? แปลว่าอะไร? จะตกลงหรือเปล่า? เดี๋ยวก่อน -- เรายังไม่ได้ชวนนี่หว่า'
เขากลืนน้ำลายแรงๆ
"ก็ประมาณว่าเราอาจออกไปกินข้าวเย็นกัน... ไว้ฉันทำการบ้านทีหลัง"
'โง่ชิบ นี่ก็ยังไม่ใช่คำถาม'
"ไมค์..."

ความเจ็บปวดและความโกรธจากอารมณ์หึงทุกเม็ด รุนแรงพอๆกับที่ผมรู้สึกเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมทำต้นไม้หักไปอีกต้นขณะพยายามควบคุมตัวเอง ผมอยากจะวิ่งเข้าไปในโรงเรียน เร็วแบบตาคนมองไม่ทัน แล้วก็ขโมยเธอออกมาจากหมอนั่น ผมเกลียดมันสุดๆจนฆ่ามันแล้วก็ยังพอใจได้เลยนะ
เธอจะตอบตกลงไหมนะ?
"ฉันว่าไม่ดีหรอก"
ผมเริ่มหายใจอีกครั้ง ร่างกายตึงๆของผมผ่อนคลายลง
'สุดท้าย ซีแอตเติ้ลก็แค่ข้ออ้าง ไม่น่าชวนเลย คิดอะไรอยู่วะเรา? ไอ้พิลึกคัลเล่นนั่นแน่...'
"ทำไมล่ะ?" เขาถามเศร้าๆ
"ฉันว่า..." เธอลังเล "แล้วถ้ายังเซ้าซี้กับเรื่องที่ฉันกำลังจะบอกนะ จะทุบให้ตายเลย..."
ผมหัวเราะเสียงดังตอนได้ยินเสียงขู่ถึงตายจากปากของเธอ นกร้องเสียงดังเพราะตกใจเสียงหัวเราะของผม ก่อนบินหนีไป
"ฉันว่าเจสสิก้าจะเสียใจ"
"เจสสิก้า?" 'อะไรนะ? เดี๋ยว.... อ๋อ... โอล่ะ รู้สึกว่า... งั้นก็... อืม'
ความคิดเขาเริ่มไม่เป็นกระบวน
"จริงดิ ไมค์ เธอตาบอดหรือไง?"

ผมเห็นด้วยกับเธอ
เบลล่าไม่ควรหวังว่าคนอื่นๆจะช่างสังเกตเหมือนเธอ แต่เรื่องนี้มันชัดซะยิ่งกว่าชัด ที่ไมค์รู้สึกยากลำบากเวลาชวนเบลล่าออกเที่ยวนี่ เขาจะเคยคิดไหม ว่ามันจะไม่ยากขนาดนี้เลยถ้าเป็นเจสสิก้า?
คงเพราะความเห็นแก่ตัวแหละครับ เขาเลยไม่สนใจคนอื่นๆ แต่เบลล่าไม่เห็นแก่ตัว เธอเลยสังเกตเห็นทุกอย่าง
'เจสสิก้า เหรอ ว้าว เหรอ' "โอ้ว" เขาพูดออกมาจนได้
เบลล่าอาศัยช่วงที่เขากำลังสับสน ขอตัวออกมาก
"ได้เวลาไปเรียนแล้ว ฉันไปสายไม่ได้แล้วด้วย"

จากนั้นผมก็มองเธอผ่านไมค์ไม่ได้ พอเขาเริ่มคิดวนไปเวียนมาเรื่องเจสสิก้า เขาก็เห็นว่าเขาชอบนะที่เจสสิก้าเห็นเขาน่าสนใจ ก็อันดับสองล่ะครับ ถ้าเบลล่าเป็นคนรู้สึกยังงั้นจะดีกว่า
'แต่เธอก็น่ารักล่ะนะ หุ่นดี นกน้อยในกำมือ...'

จากนั้นเขา ก็ไปแล้ว...เริ่มจินตนาการเรื่องใหม่ที่หยาบช้าสามานย์ พอๆกับที่เคยคิดถึงเบลล่า แต่ทำให้ผมแค่รู้สึกกวนประสาทนะไม่ได้โกรธจัดแล้ว เขาไม่เหทาะกับสาวคนไหนทั้งนั้น กับเขาแล้ว พวกเธอสลับกันไปมาก็ยังได้ จากนั้นผมก็เลิกเข้าไปอ่านความคิดเขา

พอเธอไม่อยู่ในสายตาของใคร ผมก็นั่งพิงต้นสนใหญ่ แล้วก็เข้าไปในหัวคนนั้นคนนี้ พยายามมองหาเธอ ผมดีใจเวลาพบว่าแองเจลิน่า เวบเบอร์ เป็นคนที่มองเห็นเธออยู่ ผมหวังนะว่าจะขอบใจเธอได้บ้างที่เป็นคนดี ผมรู้สึกดีที่เห็นเบลล่าพบคนที่มีคุณค่าพอจะเป็นเพื่อนได้

ผมมองหน้าเบลล่าจากทุกๆมุมที่โอกาสอำนวย ผมเห็นครับว่าเธอเศร้าอีกแล้ว ผมแปลกใจนะ นึกว่าแสงแดดจะทำให้เธอยิ้มได้ทั้งวัน ช่วงพักกลางวัน ผมเห็นเธอหันมามองโต๊ะคัลเล่นว่างๆบ่อยๆ ผมรู้สึกเนื้อเต้น ทำให้ผมรู้สึกมีหวัง บางทีเธออาจจะคิดถึงผมเหมือนกัน

เธอวางแผนจะไปเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิง ผมก็วางแผนตามดูแลทันที แต่แผนก็ล้มเพราะไมค์ชวนเจสสิก้าไปเที่ยวซะก่อน ก็ที่เขาวางแผนจะชวนเบลล่าในตอนแรกแหละครับ

ผมก็เลยตรงดิ่งไปบ้านเธอแทน ผมเช็คป่าก่อน ให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายใดๆเข้ามาใกล้เธอ ผมรู้ว่าแจสเปอร์เตือนพี่น้องของเขา ว่าให้หลีกเลี่ยงเมืองนี้ (บอกพวกเขาว่าผมกำลังบ้า ซึ่งถือว่าอธิบายและขู่พวกเขาในคราวเดียวกัน) แต่ผมก็ไม่เสี่ยงหรอก ปีเตอร์กับชาร์ลอตต์ตั้งใจจะไม่ทำให้อะไรให้ครอบครัวเราไม่พอใจ แต่ความตั้งใจมันก็เปลี่ยนแปลงได้...

โอเคล่ะ ผมก็ทำเกินไปหน่อย ผมรู้

ยังกับเธอรู้ว่าผมกำลังมองอยู่ ยังกับรู้ว่าผมทรมานเวลาไม่เห็นเธอ เบลล่าเดินออกมาหลังบ้าน หลังจากอยู่ในนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แสนจะยาวนาน เธอหอบหนังสือแล้วก็ผ้าออกมาด้วย

ผมปีนขึ้นต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆเงียบๆ มองลงไปที่สนามหญ้า
เธอปูผ้าลงบนพื้นหญ้าชื้นๆ แล้วก็นอนคว่ำหน้า เปิดหนังสือเก่าๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนกับจะหาซักหน้า ผมอ่านหนังสือเหนือไหล่เธอ
อา.. ชอบแนวคลาสสิค เธอเป็นแฟนออสเตน

เธออ่านอย่างรวดเร็ว ไขว้ขาที่ยกขึ้นฟ้า เดี๋ยวไขว้เดี๋ยวเลิก ขณะผมมองแสงแดดแล้วก็ลมที่กำลังพัดผมเธออยู่ จู่ๆเธอก็ตัวแข็ง มือหยุดนิ่งอยู่ที่หน้านึง เท่าที่ผมเห็นคือ เธออ่านถึงบทที่สามก่อนเปิดข้ามไปปึกหนึ่งแล้วก็ดันหนังสือออกไป ผมทันเห็นชื่อปกพอดี Manfields Park

เธอเริ่มเล่มใหม่ หนังสือนิยาย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอเปลี่ยนเรื่องไวขนาดนี้ จากนั้นอีกครู่นึงเธอก็ปิดหนังสือแรงๆ หน้าบึ้ง ดันหนังสือออกไปแล้วก็นอนหงาย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆเหมือนพยายามผ่อนคลายอารมณ์โกรธ รูดแขนเสื้อขึ้นแล้วก็หลับตา ผมจำนิยายได้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่านิยายเรื่องนี้มีอะไรทำให้เธอไม่พอใจได้ ผมถอนหายใจ อีกหนึ่งเรื่องลึกลับครับ

เธอนอนนิ่งมาก ขยับตัวครั้งนิ่งเพื่อปัดเส้นผมออกจากหน้า ผมสยายอยู่เหนือหัวเหมือนสายน้ำสีน้ำตาลแก่ แล้วเธอก็นิ่งไป
เธอหายใจช้าๆ ผ่านไปหลายนาที ปากเธอเริ่มสั่น ละเมอครับ
ผมไม่มีทางทนได้ ผมเริ่มฟังให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฟังเสียงจากบ้านที่อยู่รอบๆ

'แป้งสองช้อนชา... นมหนึ่งแก้ว...'
'เอาหน่อย! ลงห่วงไป! อาววว ให้ตาย!'
'แดงหรือน้ำเงินดี ... หรือว่าจะใส่ที่มันสบายๆกว่านี้...'

ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆครับ ผมกระโดดลงจากต้นไม้ ปลายเท้าสัมผัสพื้นอย่างเงียบเชียบ ผิดมหันต์ เสี่ยงสุดขีด ครั้งนึงผมบังอาจวิจารณ์เอ็มเม็ตต์ว่าเขาทำอะไรไม่ค่อยคิด ว่าแจสเปอร์ไม่ค่อยมีวินัยได้ยังไง ตอนนี้ผมละเมิดทุกกฎอย่างจงใจ ทำให้เรื่องที่พวกเขาทำกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย ผมเคยเป็นคนมีความรับผิดชอบนะ

ผมถอนหายใจ แต่ก็ค่อยๆก้าวออกไปหาแดงแดด ไม่สนใจแล้ว

ผมไม่มองตัวเองใต้แสงแดด แย่พอแล้ว ที่ผิวของผมแข็งเหมือนหินแล้วก็ไม่เหมือนมนุษย์ในที่ร่ม ผมไม่อยากเห็นตัวเองกับเบลล่าข้างๆกันใต้แสงแดดเลย ผมทำอะไรกับความต่างของเราไม่ได้ นี่ก็เจ็บพอแล้วโดยไม่ต้องมีภาพนั้นเข้าไปเพิ่มในหัวผมอีก
แต่พอผมเข้าไปใกล้ ผมก็ต้องเห็นแสงสะท้อนสีรุ้งบนตัวเธออยู่ดี ผมกัดฟันที่เห็นแสงนั่น จะมีประหลาดกว่านี้อีกไหม? ผมนึกออกว่าเธอจะกลัวแค่ไหน ถ้าเกิดลืมตาขึ้นมาตอนนี้...
ผมกำลังจะถอย แต่เธอก็เริ่มพึมพำอีกครั้ง ทำให้ผมนิ่งกับที่
"อืม... อืม"
ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ผมจะรออีกหน่อย

ผมค่อยๆยื่นมือแอบไปหยิบหนังสือเธอ กลั้นหายใจด้วย เผื่อไว้ก่อน ผมเริ่มหายใจอีกครั้งหลังจากถอยออกมาสองสามหลา ลองชิมว่าแสงแดดกับที่โล่งอย่างนี้มีผลกับกลิ่นเธอยังไงบ้าง ดูเหมือนความร้อนจะทำให้กลิ่นเธอหวานขึ้น ไฟกระหายเผาคอผม ไฟรุนแรงขึ้นมาอีก เพราะผมอยู่ห่างจากเธอนานเกินไป
ผมใช้เวลาควบคุมตัวเองครู่หนึ่ง จากนั้นก็บังคับตัวเองให้หายใจผ่านจมูก ก่อนเปิดหนังสือดู เธอเริ่มจากบทแรก... ผมเปิดเร็วๆไปจนถึงบทที่สามของ Sense and Sensilbility พยายามมองหาว่าเธอโกรธอะไรในหนังสือที่แสนจะสุภาพเล่มนี้ของออสเตน

พอตาผมเหลือบไปเห็นชื่อตัวเองในหนังสือ (แนะนำตัวละครชื่อเอ็ดเวิร์ด เฟอร์ร่าส์เป็นครั้งแรก) เบลล่าก็พูดอีกครั้ง
"อืม เอ็ดเวิร์ด" เธอถอนหายใจ

ครั้งนี้ผมไม่กลัวแล้วว่าเธอตื่นอยู่ เพราะเธอใช้เสียงต่ำๆ น้ำเสียงโหยหา ไม่ใช่เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจที่ลืมตามาเห็นผมในตอนนี้
ผมทั้งสุขทั้งโกรธตัวเองปนๆกัน เธอยังฝันถึงผมอยู่ อย่างน้อยก็
"เอ็มมุนด์ อา ใกล้...ไป..."
เอ็ดมุนด์?

หะ! ผมรู้แล้ว เธอไม่ได้ฝันถึงผมซะหน่อย อาการโกรธตัวเองกลับมา เธอฝันถึงตัวละครในหนังสือ เพ้อฝันจริงๆผม
ผมเอาหนังสือเธอไปวางที่เดิม แล้วก็กลับไปที่ร่ม ที่ของผม

บ่ายนั้นผ่านไป ผมดูเธอ แล้วก็เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ร่มไม้เริ่มขยายตัวไปถึงเธอ ผมอยากดันมันให้หดกลับไปที่เดิม แต่ความมืดก็ไม่มีใครเอาชนะได้ สุดท้ายมันก็กลืนร่างของเธอ พอไม่มีแสง ผิวของเธอก็ดูซีดเซียว เหมือนผี ผมเธอเข้มจัดอีกแล้ว เกือบดำเมื่อเทียบกับผิวหน้าของเธอ

เป็นภาพที่น่ากลัวครับ เหมือนภาพนิมิตของอลิสกลายเป็นจริง มีแต่เสียงหัวใจที่เต้นสม่ำเสมอเท่านั้นที่ยืนยัน เสียงที่ทำให้วินาทีนี้ไม่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนฝันร้าย
ผมโล่งใจเมื่อพ่อของเบลล่าถึงบ้าน
ผมได้ยินเขาเพียงเล็กน้อยขณะเขาขับรถตรงมาที่บ้าน มีความรู้สึกรำคาญรางๆ...จากเวลาก่อนหน้านี้ จากที่ทำงานในวันนี้ ความหวังบวกกับความหิว... ผมเดาว่าเขาคงคิดถึงมื้อค่ำอยู่ แต่ความคิดเขามันเบาแล้วก็จำกัดเกินไป จนผมไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า ผมรู้สึกได้ไม่มากเท่าไหร่
ผมอยากรู้ว่าแม่เธอเป็นยังไง เพราะส่วนผสมของยีนหรือเปล่า ที่ทำให้เธอออกมาไม่เหมือนใครแบบนี้

เบลล่าเริ่มตื่น เธอสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง พอเสียงล้อรถบดถนนหน้าบ้าน เธอมองรอบๆตัว แปลกใจที่มืดแล้ว ครู่นึงตาเธอหันมาตรงที่ผมอยู่ ก่อนจะหันไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
"ชาร์ลี?" เธอถามเสียงต่ำๆ ตายังมองต้นไม้รอบๆสวน
เสียงปิดประตูรถดังขึ้น ทำให้เบลล่าหันไปทางเสียง เธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วก็เริ่มเก็บข้าวของ ก่อนหันมองทางป่าอีกครั้ง

ผมขยับตัวมาอยู่หลังต้นไม้ใกล้ๆหน้าต่างครัว แล้วก็แอบฟังพวกเขาคุยกัน ฟังชาร์ลีพูด เทียบกับความคิดเขา น่าสนใจครับ ความรักความห่วงใจที่เขามีให้ลูกสาวแทบจะล้นปรี่ กระนั้นคำพูด น้ำเสียงเขาก็ฟังดูสบายๆ ส่วนใหญ่พวกเขานั่งกันเงียบๆ
ผมได้ยินเธอเล่าเรื่องแผนไปพอร์ต แองเจิลลิสพรุ่งนี้ให้พ่อฟัง แล้วผมก็เปลี่ยนแผนของตัวเองตาม แจสเปอร์ไม่ได้บอกปีเตอร์กับชาร์ลอตให้อยู่ห่างๆพอร์ต แองเจิลลิส ถึงผมจะรู้ว่าพวกเขากินอิ่มมาแล้วและไม่ได้มีแผนการจะมาล่าแถวๆบ้านเรา ผมก็จะดูแลเธอ เผื่อมีอะไร ยังไงซะ ก็มีคนแบบพวกผมอยู่ข้างนอกนั่นเหมือนกัน ไหนจะอันตรายของมนุษย์อื่นๆอีก ที่ผมไม่ได้สนใจมาก่อนหน้านี้
ผมได้ยิน ว่าเธอกังวลที่พ่อต้องทำอาหารค่ำเอง ผมยิ้ม ทฤษฎีผมได้รับการยืนยัน ครับ เธอเป็นจำพวกดูแลคนอื่น

จากนั้นผมก็กลับ ผมจะกลับมาหลังจากเธอหลับแล้ว

ผมจะไม่แอบดูเรื่องส่วนตัวของเธอ เหมือนพวกถ้ำมองโรคจิต ผมมาที่นี่เพื่อคุ้มครอง ไม่ใช่มามองเธอเยิ้มๆ แบบที่ไมค์ทำแน่ถ้าเขาสามารถเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่วบนยอดต้นไม้ได้อย่างผม ผมจะไม่ทำหยาบช้ากับเธอ

บ้านผมไม่มีคนอยู่ตอนไปถึง ซึ่งก็ไม่มีปัญหา ผมไม่ได้คิดถึง ความคิดงงๆ ดูถูก หรือสงสัยว่าผมเสียสติหรือเปล่าหรอก เอ็มเม็ตต์ทิ้งโน้ตไว้ให้

เตะบอลที่เรนเนียร์ -มาหน่อย ได้ไหม?

ผมเจอปากกาแล้วก็เขียนตอบ 'ขอโทษนะ' ไม่มีผมสองทีมก็คนเท่ากันพอดี

ผมออกล่าโดยใช้เวลาสั้นๆ จัดการสัตว์พวกตัวเล็กๆไม่มีพิษภัย ที่รสชาดไม่ได้ดีเหมือนพวกสัตว์นักล่า ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งกลับฟอร์ค

คืนนั้นเบลล่าหลับไม่สบายนัก เธอดิ้นอยู่ใต้ผ้าห่ม หน้าตาบางทีก็ดูกังวล บางทีก็เศร้า ผมอยากรู้ว่าเธอกำลังฝันร้ายอะไรอยู่... แต่จากนั้นผมก็คิดได้ว่าผมไม่อยากรู้หรอก

พอละเมอ เธอก็จะพึมพำเรื่องไม่ดีทั้งหลายเกี่ยวกับฟอร์ค มีครั้งนึงที่เธอพูดว่า "กลับมา" พร้อมกับแบมือ แสดงออกถึงการร้องขอ แบบที่ไม่ต้องพูดออกมา ผมพอจะหวังได้ไหมครับว่าเธอกำลังฝันถึงผม

วันรุ่งขึ้น วันสุดท้ายที่แดดจะขังผมไว้ได้ ก็ไม่มีอะไรต่างจากวันก่อน ดูเบลล่าจะเศร้ากว่าวันก่อนอีก จนผมสงสัยว่าเธอยังจะไปเที่ยวอยู่ไหม ดูเธอไม่ค่อยจะมีอารมณ์เที่ยวเท่าไหร่
แต่ คนอย่างเบลล่า คงจะเห็นความสุขของเพื่อนสำคัญกว่าของตัวเองอยู่แล้ว
วันนี้เธอใส่สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งขับผิวจนทำให้มันดูเหมือนครีมสด

หลังโรงเรียนเลิก เจสสิก้าตกลงจะขับไปรับคนอื่นๆ แองเจล่าจะไปด้วย ผมดีใจครับ
ผมกลับไปเอารถที่บ้าน ปีเตอร์กับชาร์ลอตต์ยังอยู่ ผมเลยตัดสินใจว่าให้สาวๆล่วงหน้าผมไปก่อนซักหนึ่งชั่วโมงก็ได้ ผมคงไม่มีทางทนขับตามหลังตาพวกเขาต้อยๆ ด้วยความเร็วขนาดนั้นได้แน่ แค่คิดก็สยองแล้ว
ผมเข้าบ้านทางครัว พยักหน้าให้เอ็มเม็ตต์กับเอสเม่ที่ทักทายผม ขณะที่ผมเดินผ่านพวกเขาไปทางหน้าบ้าน ผมตรงไปที่เปียโน

'อี๋ กลับมาแล้ว' เสียงโรซาลี่ แน่นอนครับ
'โอ เอ็ดเวิร์ด ไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวดยังงี้เลย' เอสเม่ห่วงผม เธอควรจะห่วงจริงๆ เพราะเรื่องราวความรักที่เธอเห็นอยู่นี้ ดูจะเอียงไปทางโศกนาฏกรรมชัดขึ้นๆทุกวัน
'คืนนี้เที่ยวพอร์ตแองเจิลลิสให้สนุกนะ' อลิสคิดอย่างแจ่มใส 'บอกด้วยแล้วกันว่าเมื่อไหร่ฉันถึงจะคุยกับเบลล่าได้'
'นายที่น่าสมเพชว่ะ ไม่อยากเชื่อว่านายไม่มาเล่นกับพวกเราเพื่อไปดูคนหลับ' เอ็มเม็ตต์บ่น

แจสเปอร์ไม่คิดอะไรเกี่ยวกับผม ถึงเพลงที่ผมกำลังเล่น ออกจะดุเดือดเกินไปหน่อย เพลงเก่าครับ เนื้อหาเดิมๆประมาณ 'ทนไม่ไหวแล้ว' แจสเปอร์บอกลาเพื่อนๆซึ่งกำลังมองผมอย่างแปลกใจ
'เป็นคนที่แปลกจริงๆ' ชาร์ลอตต์ที่ตัวเท่าๆกับอลิส ผมสีบลอนด์สว่างๆกำลังคิด 'ครั้งที่แล้วก็ยังปกติแล้วก็ดูสุภาพดีนี่นา'
ความคิดของปีเตอร์ก็สอดคล้องกับเธอ ซึ่งก็แหงอยู่แล้ว
'สงสัยเพราะเลือดสัตว์แน่ สุดท้ายแล้วการขาดเลือดมนุษย์ก็ทำให้พวกเขาเป็นบ้าได้' เขาสรุป ผมของเขาสีเกือบเหมือนเธอแล้วก็เกือบยาวเท่ากัน ดูเหมือนกันมากทั้งหน้าตาและความคิด (ยกเว้นขนาดตัวนะครับ เพราะเขาสูงพอๆกับแจสเปอร์) ผมคิดมาตลอดว่าพวกเขาเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก

ทุกคนเลิกคิดเรื่องผมยกเว้นเอสเม่ ผมเล่นเพลงที่นุ่มนวลขึ้น พวกเขาจะได้ไม่สนใจผม
ผมไม่สนใจพวกเขาพักนึง ปล่อยให้บทเพลงนำผมให้พ้นความไม่สบายใจทั้งหลาย ยากครับที่จะไม่เห็นเธอและไม่คิดถึงเธอ ผมกลับมาสนใจพวกเขาอีกครั้งพอเสียงร่ำลาดูท่าจะจบลงแล้ว
"ถ้าเจอมาเรียอีก" แจสเปอร์พูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวังเล็กน้อย "ฝากความหวังดีให้เธอด้วย"

มาเรียคือแวมไพร์ที่สร้างทั้งแจสเปอร์กับปีเตอร์ แจสเปอร์ ตอนช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 ส่วนปีเตอร์เพิ่งไม่นานมานี้ ราวๆปี 1950 มาเรียดูแลแจสเปอร์ช่วงที่พวกเราไปที่แถบคาลแกรี่ ตอนนั้นเกิดเหตุการณ์มากมาย พวกเราย้ายออกมาแทบไม่ทัน แจสเปอร์ขอเธออย่างสุภาพให้อยู่ห่างๆเราในอนาคต
'ไม่คิดว่าจะได้เจอไวๆนี้หรอก' ปีเตอร์ตอบพร้อมกับหัวเราะ มาเรียอันตรายมาก อีกอย่าง ระหว่างปีเตอร์กับเธอก็ไม่หลงเหลือความรักใดๆอีกแล้ว จะว่าไป ก็ปีเตอร์นี่แหละที่เป็นคนทำให้แจสเปอร์เอาใจออกห่าง แจสเปอร์เป็นคนโปรดของมาเรีย เธอเลยมองว่าจะฆ่าเขาทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้
"แต่ ถ้าได้เจอ ฉันจะบอกให้"
จากนั้นพวกเขาก็จับมือกัน เตรียมตัวจะกลับ ผมค่อยๆเล่นให้เบาลงจนจบ แล้วก็รีบลุกขึ้น
"ชาร์ลอตต์ ปีเตอร์" ผมเรียกพวกเขา พร้อมกับพยักหน้าให้
"ดีใจที่ได้เจอเธออีก เอ็ดเวิร์ด" ชาร์ลอตต์พูดแบบไม่แน่ใจ ส่วนปีเตอร์แค่พยักหน้ารับ
'เสียสติ' เอ็มเม็ตต์ว่าผม
'ปัญญาอ่อน' โรซาลี่คิด จังหวะเดียวกับเขา
'น่าสงสาร' ของเอสเม่
และอลิส ด้วยน้ำเสียงตำหนิ 'พวกเขาจะไปทางตะวันออก ซีแอตเติ้ล ห่างไกลพอร์ตแองเจิลลิส' เธอแสดงภาพเพื่อยืนยัน
ผมทำเหมือนไม่ได้ยิน ข้ออ้างของผมมันเบาหวิวพอแล้ว
ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น พอได้เข้าไปอยู่ในรถ เสียงเครื่องยนต์ที่โรซาลี่เคยแต่งให้ปีที่แล้ว เมื่อครั้งเธอยังอารมณ์ดี ช่วยให้ผ่อนคลายได้จริงๆ ทุกๆไมล์ที่รถวิ่งไป ผมรู้สึกโล่งใจที่กำลังเคลื่อนที่ โล่งที่รู้ว่ากำลังจะเข้าใกล้เบลล่า




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2552
6 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2552 13:50:12 น.
Counter : 3843 Pageviews.

 

เย้..มาแล้ว ดีใจจัง ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

วันนี้ลองเปิดดูเผื่อจะมีมาเพิ่ม พอมีจริงๆ หยุดอ่านไม่ได้เลย งานการหยุดทำกระทันหัน สนุกมากเลย รู้สึกอินกับความคิดเอ็ดเวิร์ดมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

 

โดย: mawantha 29 มิถุนายน 2552 10:29:36 น.  

 

เง้อ คอมมเม้นไปรอบนึงแล้วไมไม่ติดน้อ
ขอบคุณมากเลยค่าาา ที่แปลให้อ่าน ชอบความคิดเอ็ดเวิร์ดมากกว่าของเบลล่าอีกอะ ติดตามๆ

 

โดย: JEEZAA 29 มิถุนายน 2552 17:43:46 น.  

 

ขอบคุณนะคะ ติดตามตลอดเลยค่ะ

เม้นหลายรอบกว่าจะติด

 

โดย: Miracles in my life 30 มิถุนายน 2552 13:45:21 น.  

 

คุณ mawantha อินกะเอ็ดเวิร์ดเหมือนกันค่ะ ตอนนี้เป็นโรคอ่านแล้วอ่านอีก .. หยิบ twilight มาอ่าน แล้วก็เหมือนได้คำตอบ ว่าทำไม้ เอ็ดเวิร์ดถึงตอบแบบนี้ ใน twilight เข้าใจว่า Stephenie คงมีไอเดีย Midnight sun ประกบตั้งแต่เขียน Twilight แล้วล่ะเนาะ

คุณ JEEZAA จริงค่ะ เอ็ดเวิร์ดชอบบอกว่า หัวแองเจล่าอยู่แล้วสบายใจ ส่วนพวกเราเห็นว่าอยู่หัวเอ็ดเวิร์ดนี่ช่างบันเทิงเหลือหลาย :)

คุณ Miracles in my life ขอบคุณที่เขียนคอมเม้นต์ให้นะคะ ทำอะไรออกมาแล้วมีคนชอบ แล้วก็ชื่นใจค่ะ

 

โดย: hs3puk 1 กรกฎาคม 2552 8:48:14 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
ตอนแปดนี้มันสั้นไปหน่อยอ่ะค่ะ
อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจจริง ๆ

 

โดย: loukkid (kenaji ) 2 กรกฎาคม 2552 10:49:25 น.  

 

ในความคิดของเอ็ดเวิร์ดนี่โคตรจะน่ารักเลยอ่าาาาาค่ะ

 

โดย: aorp 2 กรกฎาคม 2552 12:59:34 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


hs3puk
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add hs3puk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.