Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Ugly Betty สาวเปิ่นขอเดิร์น

ถ้าอยากเปลี่ยนอารมณ์ตื่นเต้นระทึกใจและลุ้นจนตัวโก่ง จาก Prison Break , 24 หรือ เปลี่ยนอารมณ์จิตๆ ซาดิสก์นิดๆ แบบ Dexter หรืออารมณ์ติดตามอยากรู้อยากเห็นแบบ Lost ลองเปลี่ยนมาดูซีรีย์คลายเครียดอย่าง Ugly Betty ดูสิคะ รับรอง ฮา.....นักแสดงทุกคนในเรื่องนี้แม้จะมีบุคลิกแตกต่างแต่ก็สร้างความฮาได้ทุกคน



Betty Suarez สาวน้อยจาก Queens ย่านโลโซแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค ครอบครัวของเธอเป็นอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกัน เธอมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียนที่ได้ทำงานในวงการนิตยาสาร แต่ในวงการนี้ภาพลักษณ์ดูเหมือนจะเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่สำคัญ แม้ใบสมัครงานจะได้รับความสนใจแต่เมื่อเผยโฉมเธอก็กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย




อาจจะเป็นผลของความไม่ย่อท้อ ที่อยู่ๆ วันนึง “โอกาส” ก็ลอยมาหล่นทับ แต่จะเรียกว่าบุญหรือกรรมนั้นสุดแต่จะพิจารณา เมื่อเบ็ตตี้ได้รับการติดต่อให้เข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยบรรณาธิการฝ่ายบริหารของนิตยาสารแฟชั่นสุดฮ็อตแห่งหนึ่งของอเมริกา

แม้ตอนแรกๆ จะทำใจลำบากนิดหนึ่งกับการดูเรื่องนี้ สาเหตุคือนางเอก ที่การใช้คำสุภาพอย่างคำ “ไม่สวย” ดูจะเป็นคำบรรยายที่ไม่เพียงพอ จึงต้องขอใช้คำ “ขี้เหร่” อันเป็นสาเหตุที่ต้องใช้ความอดทนเล็กน้อยกับการทนดูซีรีย์เรื่องนี้ในระยะแยก ก็คุณเธอทั้งตัวเตี้ยสั้น ตุ้ยนุ้ยตัวตัน หัวฟู คิ้วหนา จมูกแบน สุดจะต้องทนดูอีกสองอย่างคือแว่นตากับเหล็กดัดฟันที่ใหญ่หนาเตอะไม่แพ้กัน แถมยังแต่งตัวด้วยสารพัดลายและสีสันแจ๊ดแจ๋ อันบ่งบอกได้ถึงความเป็น “บ้านน๊อก..บ้านนอก” สุดแสนจะเด๋อด๋า กระเปิ๊บกระป๊าบ และเฉิ่มเบ๊อะสุดๆ ภาพลักษณ์ของเธอไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับความเป็นนิตยาสารสุดหรูอย่าง “MODE” สักนิดเดียว แต่ดูไปไม่กี่ตอนต้องยอมรับว่า “ความเป็นเบ็ตตี้” ทำให้รู้สึกชอบซีรีย์เรื่องนี้ขึ้นมาอย่างมากมาย


แล้วมีอะไรอยู่ที่ “Mode” ?


มีพระเอกค่ะ รูปหล่อ พ่อรวย มีชื่อเสียง เป็นคุณสมบัติอันเพียบพร้อมของหนุ่มเพลล์บอยเสเพล อย่าง Daniel Meade เขาได้รับมอบหมายจาก Bradford Meade ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อวงการสิ่งพิมพ์ ให้เข้ารับตำแหน่งบรรณาธิการบริหารของ Mode และก็เพราะนิสัย “ฟันไม่เลือก” ของดาเนียลนี่เอง ที่ทำให้แบรดฟอร์ด ตัดสินใจเลือกเบ็ตตี้มาเป็นผู้ช่วยฯ



และมันก็ได้ผล เพราะนอกจากจะลืมไปได้เลยว่าแดเนียลจะทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดเหมือนอย่างเคยแล้ว เขายังไม่ชายตาแลเพราะทนดูหน้าตาการแต่งตัวที่พิลึกพิลั่นของเธอไม่ได้อีกด้วย แดเนียลคิดว่าผู้ช่วยฯ อย่างเบ็ตตี้ทำให้เขาเสียภาพพจน์ความเป็นผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อไฟแรง ที่กำลังฮ๊อตสุดๆ ในอเมริกา จึงทำทุกวิถีทางเพื่อจะบีบให้เบ็ตตี้ลาออกไป

แต่ก็เพียงระยะแรกเท่านั้น เพราะหลังจากได้เรียนรู้นิสัยใจคอของลูกน้องสาวเฉิ่มคนนี้ไม่นาน เบ็ตตี้ก็กลายเป็นคนสำคัญของดาเนียลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ในเชิงชู้สาวนะคะ แต่ในฐานะมือขวา หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นมือเป็นเท้าแทน เปรียบอีกทีคือเป็น เหมือนคุณแจ๋วของแดเนียลก็ไม่ปาน และ

จริงๆ แล้วแดเนียล ก็ไม่เชิงเป็นคนไม่เอาไหนหรอกนะคะ ตัวเขาเองก็มุ่งมั่นจะพิสูจน์ตัวเองเพื่อลบเงาของพี่ชายที่คิดว่าดีกว่าเก่งกว่าพ่อรักมากกว่า อันเป็นปมด้อยในใจมาตลอด แต่ปัญหาของแดเนียลคือท้อแท้ง่าย และการติดผู้หญิงก็เป็นการสร้างปัญหาเพิ่ม ให้เบ็ตตี้ต้องปวดหัวไม่รู้จบ (นึกๆ ไปยังตลกไม่หายนะคะเนี่ย)

มีอะไรอีกที่ Mode ?




Wilhelmina Slater วิลเลมิน่า บรรณาธิการฝ่ายศิลป์ มาดของเธอเปรียบประดุจนางพญา เธอเป็นเหมือนนังแม่มดแก่ตัวร้าย ที่จับจ้องตำแหน่งบรรณาธิการบริหารตาเป็นมัน และพยายามทุกวิถีทางจะเลื่อยขาเก้าอี้ของแดเนียล ศึกป้องกันตำแหน่งนี้ใหญ่หลวงนัก (ฟังดูเหมือนหนังจีนมั้ยคะ) พัวพันถึงความสัมพันธ์และอดีตอันซับซ้อนของบุคคลในครอบครัวของแดเนียลเอง เป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของเบ็ตตี้ที่ต้องคอยออกหน้ารับมือ และแก้ปัญหาให้แดเนียล ในขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามารุมเร้าครอบครัวของตัวเองอยู่ไม่ขาด วิลเลมิน่าก็เป็นอีกหนึ่งคุณป้าที่สร้างความฮาได้หน้าตาย โดยเฉพาะการมีคู่ปรับอย่าง "ฟาเบีย" นักโฆษณาสาววัยทองวัยเดียวกัน ที่ไม่ออกมาบ่อยนัก แต่มาครั้งใดก็พกพาความเว่อร์มาเต็มที่ให้ได้ฮากัน


Marc St. James และ Amanda Tanen โดยรวมแล้วชอบตัวละครทุกคนในเรื่องนี้ แต่ มาร์คและอแมนด้า เป็น “สุดโปรด” จริงๆ เพราะออกมาครั้งใด ก็มีเรื่องให้ฮาครานั้น ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเกย์ตุ้งติ้งของฝรั่งนัก แต่ มาร์ค ผู้ช่วยของวิลเลมิน่า ในเรื่องเล่นได้น่ารักมาก เช่นเดียวกับอแมนด้า ประชาสัมพันธ์สาวสายที่เป็นคู่หูตัวแสบ แรดได้ใจและโอเวอร์ได้ทุกเรื่อง นักแสดงสองคนนี้เล่นได้ดีมากค่ะ โดยเฉพาะหน้าตาแอ้บแบ๊วของมาร์ค และสายตาจิกกัดของอแมนด้า ที่ทำได้น่าดูสุดๆ





สองคนนี้จะคอยรวมหัวกันจิกกัดเบ็ตตี้ให้เจ็บๆ คันๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส โดยมี Christina McKinney สาวใหญ่ฝ่ายเสื้อผ้า คอยจิกกัดโต้ตอบแทนเบ็ตตี้ คริสตินาทำงานเป็นดีไซน์เนอร์ฝ่ายเสื้อผ้า แต่กลับเป็นคนที่ไม่ฝักใฝ่หลงใหลในแฟชั่นและเธอถูกใจในความซื่อตรงไปตรงมาอย่างเบ็ตตี้เป็น จึงเข้ากันได้อย่างง่ายดายและกลายเป็นเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวที่เบ็ตตี้มีไว้คอยเป็นที่ปรึกษา ระบายความในใจและช่วยเหลือกัน

นอกวงการ Mode ล่ะ?

ครอบครัวของเบ็ตตี้ อิ๊คนาซิโอ คุณพ่อที่น่ารัก ฮิลาดาพี่สาวที่จัดจ้านถึงพริกถึงขิง แม้จะไม่ได้เรื่องหน่อยๆ แต่เธอก็รักลูกรักพ่อรักน้องและพร้อมจะปกป้องทุกคนตามวิธีห่ามๆ ของเธอ จัสติน ลูกชายของฮิลด้า หลานชายขอเบ็ตตี้หนุ่มน้อยหน้ามนที่รักการแสดงและรอบรู้เรื่องแฟชั่นเสียยิ่งกว่าเบ็ตตี้ ราวกับเขาเป็น “กูรู” ในด้านนี้ก็ไม่ปาน และความคลั่งแฟชั่นของจัสตินก็เรียกความเฮฮาและเป็นสีสันที่สนุกสนานอย่างหนึ่งของเรื่อง

ส่วนทางด้านครอบครัวของแดเนียลก็มี คุณแม่ตัวดี คุณพี่ตัวแสบ และคุณพ่อตัวร้าย คิดดูนะคะว่ามันจะปั่นป่วนยุ่งเหยิงขนาดไหน




เสน่ห์ของซีรีย์ เรื่องนี้ ?

ไม่รู้คนอื่นๆ ดูแล้วคิดยังไง แต่เชื่อว่าดูแล้วคงจะชอบเรื่องนี้อยู่เหมือนกันไม่มากก็น้อย โดยส่วนตัวแล้ว ชอบ Ugly Betty ขึ้นมาอย่างมากมายตรงที่

1. ความเป็นครอบครัว
หนังเรื่องนี้สื่อให้เห็นความหมายของความเป็นครอบครัวได้ดีจริงๆ คุณจะเห็น “ความเป็นครอบครัว” ในหลายๆ แบบ เช่น ครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองของเบ็ตตี้ที่รักกันอยู่ข้างเคียงกันต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคที่รุมเร้า ครอบครัวที่ร้าวฉานของแดเนียลที่ต่อให้โกรธเกลียด ชิงชังกันแค่ไหน สายใยบางๆ ก็ยังซ่อนอยู่ในนั้น และสุดท้ายแล้ว เมื่อยามชีวิตไม่มีใคร ที่พึ่งสุดท้ายที่จะเหลียวมองหาก็หนีไม่พ้นคนในครอบครัว

หรือแม้แต่ช่องว่างระหว่างวัยและการดำเนินชีวิตของวิลเลมิน่าที่บ้างานบ้าตำแหน่งกับลูกสาวที่ก่อเกิดเป็นกำแพงของความเย็นชาเหินห่าง หรือครอบครัวของมาร์คที่ไม่สามารถจะเข้าใจและยอมรับความเป็นตัวตนจนเขาต้องปิดบังเอาไว้ ก็ล้วนแล้วแต่ให้แง่คิดดีๆ กับคนดูทั้งนั้น





2. ความเป็นเพื่อน
เรื่องนี้ได้เห็นความเป็นเพื่อนที่น่ารักมากกๆ แม้ว่าฉากหน้าตัวละครจะไม่ได้มีฐานะเป็นเพื่อนกัน เป็นลูกน้องกับเจ้านาย เป็นพี่กับน้อง หรือแม้กระทั่งเป็นคนไม่ชอบหน้ากัน แต่คุณจะได้เห็นมิตรภาพ ความจริงใจที่มีอยู่แม้กระทั่งในความไม่กินเส้นกันเหล่านั้น



และการที่แดเนียลกับเบ็ตตี้ในฐานะพระเอกนางเอก ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรในเชิงชู้สาวแม้แต่น้อยนิดในซีซั่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้หนังลดความน่าดูลงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม มันกลับอบอวลด้วยมิตรภาพความเป็นเพื่อน และทำให้ Ugly Betty เป็นซีรีย์ที่ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว



3. ความเป็นคนธรรมดา
นางเอกเรื่องนี้คงได้ใจคนดูไปไม่น้อย ในฐานะที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งทั่วโลก (ดูแล้วอาจจะนึกถึงตัวเอง กรณีที่เราไม่ใช่คนสวยด้วยกัน 555) นี่คือจุดของซีรีย์ที่ต่างจากเรื่อง the devil wear prada อย่างเห็นได้ชัด แอน แฮทาเวย์ ในเรื่อง The devil น่ารักอยู่แล้วในตอนแรก แต่ concept ของหนังคือการที่เธอได้แปลงโฉมจนเริ่ดเป็น Pretty woman และหลงระเริงไปในชีวิตไฮโซหรูหรา กว่าจะได้สตินึกย้อนกลับมาถึงคุณค่าที่แท้จริงในตัวเอง

แต่ใน Ugly Betty นี้ เบ็ตตี้ไม่ได้ทิ้งความเป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด เธอไม่หวั่นไหวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของ Mode จึงกลายเป็นคนเด่นคนดังในฐานะ “สิ่งแปลกปลอม” ไปโดยไม่รู้ตัว และถ้าคุณดูแล้วรู้สึกชอบเบ็ตตี้ ไม่เลิกดูซะก่อนเพราะไม่ชอบที่ต้องทนดูนางเอกไม่สวย นั่นหมายถึงคุณเข้าใจแล้วจริงๆว่า การคบคนที่นิสัยไม่ใช่หน้าตานั้นเป็นอย่างไร และรับรองว่าถ้าเหลียวมองไปรอบข้าง คุณมีเพื่อนแท้ดีๆ อยู่รอบตัวคุณแน่นอน

แล้ว What will going on in next seasons ?

เรื่องราวในซีซั่นต่อๆ ไปจะเป็นยังไงนะ นี่เป็นประเด็นที่น่าสนใจ

อ่านในเน็ตเจอบางคนที่คิดว่า ทางผู้สร้างจะต้องให้แดเนียลคู่กับเบ็ตตี้ และไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะอยากให้สองคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทและรู้ใจกันเหมือนในตอนนี้ (อย่างที่บอกไปแล้ว คือใน season 1 แดเนียลกับเบ็ตตี้ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งเลยค่ะ นอกจากเป็นเจ้านายลูกน้องที่เหมือนเป็นเพื่อนรู้ใจแค่นั้นจริงๆ ต่างคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง เบ็ตตี้ก็มีความรักที่ลุ่มๆ ดอนๆ ของตัวเอง ส่วนแดเนียลก็เป็นปรมาจารย์ด้านความเจ้าชู้อยู่เหมือนเดิมตลอดซีซั่น) การที่คิดว่ายังไงหนังมันก็ต้องน้ำเน่าถึงจะขายดี ตามสไตล์ซินเดอเรลล่าที่คนส่วนใหญ่ชอบ เรากลับไม่คิดอย่างนั้นนะ



กลับมองว่าถ้าเรื่องนี้ต่อไปแดเนียลจะคู่กับเบ็ตตี้จริงๆ (ซึ่งตอนนี้ยังมองไม่เห็นทาง ให้นึกภาพเอาก็นึกไม่ออกว่า หล่อรวยเริ่ด! อย่างแดเนียลจะรักยัยเฉิ่มเบ๊อะอย่างหล่อนเข้าไปได้ยังไง) ก็เป็นชีวิตจริงๆ ที่ไม่น้ำเน่า ถ้าเรามองดูคนทั่วไป อาจจะมีหลายครั้ง ที่เราสงสัยว่า คนหน้าตาดีๆ เหล่านั้นทำไมถึงมีแฟนหน้าตาเห่ยจัง บางครั้งเรารู้สึกเสียดายความหล่อของผู้ชาย หรือเสียดายความสวยของผู้หญิงว่าน่าจะหาคู่ได้ดีกว่านั้น จริงมั้ยล่ะคะ ที่คนหล่อคนสวยไม่ได้มีคู่ครองที่หล่อที่สวยเสมอไป มีความแตกต่างมากมายที่เข้ากันได้ไม่ว่าจะเป็นฐานะ การศึกษา ระดับสังคม



ดังนั้น ถ้าให้มอง Ugly Betty ในเรื่องนี้ คงไม่มองว่าเป็นเรื่องของซินเดอเรลล่า เพราะเท่าที่ดู ดูเหมือนเบ็ตตี้จะเป็นผู้ใหญ่ในวัยอันน้อยนิด (ในเรื่องเบ็ตตี้อายุ 22 ค่ะ) เป็นที่พึ่งให้แดเนียลเสียมากกว่า และถ้าให้เดาความสัมพันธ์ของดาเนียลกับเบ็ตตี้ต่อไปก็คิดว่าเหมาะแล้วหากจะคู่กัน เบ็ตตี้นั้นลมหายใจเข้าออกของผู้หญิงมีมันสมองอย่างเธอ (แม้จะเฉิ่มเบ๊อะ) คือการดูแลเคี่ยวเข็ญแดเนียลให้เผชิญหน้ากับปัญหา มีความรับผิดชอบและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เธอเห็นแดเนียลเป็นเพื่อนที่ต้องตักเตือนมากกว่าจะทำตามคำสั่งอย่างเดียวในฐานะเจ้านาย


มามองดูฝ่ายดาเนียลบ้าง ผู้ชายเสเพลหนุ่มเพลล์บอยที่ผ่านผู้หญิงสวย ผู้หญิงเก่ง ไม่ว่าจะดารา นางแบบ นักเขียน ทนาย ฯลฯ (พ่อคุณท่านฟันเรียบค่ะ) ถึงขนาดจำคนที่นอนด้วยไม่ได้ (เยอะเกิน) แต่ไม่มีใครสักคนที่จะเป็นพี่พักใจ พูดคุยบอกเล่าหรือมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเค้า ถ้าเกิดแดเนียลจะคู่กับเบ็ตตี้จริงๆ ก็มีเหตุผลนะ เพราะการที่เขาผ่านผู้หญิงสวยๆ มากมาย ใช้ผู้หญิงเปลืองเหมือนกินข้าว สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้มีความหมาย ไม่ได้ให้อะไรจนต้องเสาะแสวงหาอีก



ถึงเวลานั้นแดเนียลน่าจะก้มมองต่ำลงมา (เพราะเบ็ตตี้ตัวเตี้ย) และจะเห็นว่าความสุขความสบายใจแท้จริงอยู่ตรงไหน อยู่กับใครที่คอยอยู่เคียงข้าง คอยฉุดคอยดึงให้อยู่ในลู่ในทาง ตอนนี้แดเนียลอาจยังไม่รู้สึกตัวเพราะความเคยชิน และถ้าต่อไปเขาจะรู้สึกว่าชีวิตขาดเบ็ตตี้ไม่ได้มันก็ไม่ดูไร้เหตุผลจนเกินไปแค่เพียงเพราะเบ็ตตี้ไม่สวยนะคะ



ถ้าดู S1 จะเห็นว่า แดเนียลนั้นแคร์เบ็ตตี้อยู่ไม่น้อยด้วยความเป็นคนใจดีด้วยส่วนหนึ่งด้วยความสนิทคุ้นเคยด้วยส่วนหนึ่ง การที่เขาใจดีกับเบ็ตตี้และผู้คนรอบข้างทำให้เป็นผู้ชายที่น่ารักมาก (อยากได้เป็นแฟนจัง อิอิ) ยกเว้นการจำผู้หญิงที่นอนด้วยไม่ได้นี่ใจดำสุดๆ ฉากที่เบ็ตตี้กับแดเนียลบังเอิญมีเหตุให้ได้ไปเดินเล่นด้วยกันแม้จะในฐานะเจ้านายลูกน้อง แต่แดเนียลก็ผ่อนคลายสบายใจ เราว่านี่แหละจุดสำคัญของความเป็นเพื่อนและถ้าต่อไปจะรักมันก็ไม่ยากเย็นนัก อย่างที่มีบางคนเคยกล่าวว่า "ความรักเกิดจากความเคยชิน"

แต่ยังไงมันก็เป็นการิเคราะห์แบบคาดเดานะคะ จริงๆ แล้ว สองคนนี้อาจไม่ได้คู่กันก็ได้ (แต่คงทำร้ายจิตใจน่าดูที่หนังจะเป็นแบบนั้น เพราะมันคงจะบ่งบอกว่า ยังไงหน้าตาและฐานะที่เหมาะสมก็มาก่อนเพราะมันสำคัญกับสถานภาพของคนในสังคมมากกว่าจิตใจ ) แต่ไม่แน่อีกนั่นแหละเบ็ตตี้ อาจจะแปลงโฉมเป็นสาวน้อยแสนสวยขึ้นมาก็ได้ แบบภาพนี้




นี่แหละ เหตุผลที่ต้องคอยติดตาม Drama Comedy เรื่องนี้ต่อไป

ประโยคที่ชอบมากคือที่แดเนียลพูดกับเบ็ตตี้บ่อยๆ ว่า
“อย่ามองผมด้วยสายตาที่บอกว่าคุณกำลังผิดหวังในตัวผมแบบนั้น ”

และมีอยู่ครั้งนึ่งที่กินใจ คือตอนที่แดเนียล มาหาเบ็ตตี้เพื่อจะให้เธอดูสิ่งที่เขาทำ ตามที่เธอบอกให้ทำ แล้วเบ็ตตี้ถามว่าทำไมไม่โทรมา คำตอบของแดเนียลคือ

“ที่ผมอยากมาด้วยตัวเอง เพราะผมอยากมาเห็นสายตาที่ไม่ผิดหวังของคุณสักครั้ง”


จำไม่แม่นทุกคำแต่ประมาณนี้ล่ะค่ะ จะจำไปใช้กับใครสักคนบ้างก็ได้นะคะ





Create Date : 12 ตุลาคม 2551
Last Update : 12 ตุลาคม 2551 14:35:46 น. 3 comments
Counter : 3992 Pageviews.

 
เรื่องนี้ดูเหมือนกันค่ะ สนุกดี


โดย: เจ้าชายสีฟ้า (sendho ) วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:5:25:14 น.  

 
ชอบ Mark Amanda ค่ะ ฮาแตกมากมาย
หลานเบ็ตตี้ก็ โอ้ว ! ตัวขโมยซีนชั้นดีเลย ออกมาเนี่ย เด่นทุกฉาก จนแอบสงสัยว่า แต๋วจริงอ๊ะป่าวเนี่ย
ซีซั่น 2 แอบเอื่อยๆ ไปนิดค่ะ


โดย: Wisther วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:20:12:11 น.  

 
ugly จริงๆ
ดูได้แค่ตอนเดียว
ซีรีย์แนวตลกจากฝั่งมะกัน
ในหัวข้าพเจ้า มันไม่ซึมเข้าเนื้อกันเลย
นับจากเรือง friend ที่เขาว่าดีนักดีหนา
กับอีกเรื่อง ไม่รู็ว่าสะกดถูกอะป่าว
ที่ว่า separate housewife อันนี้พอได้ไม่กี่ตอน
เป็นต้องลา

เออ เจอผู้ก่อการร้ายในคอมเมนต์
นี้ขณะประกาศเคอร์ฟิวส์แล้วนะเนี่ย
เจอหลายคำถามที่ชวนนิ้วคันหยิกๆ
ไม่ตอบไม่ได้เลย

เอาเป็นว่า คัดบางความเห็นนะครับ
แต่อย่างไรก็ขอบคุณที่แวะเวียน
ที่กลับมาวาดอะไรเกี่ยวกับธรรมะไม่ได้
เพราะผู้วาด ไม่มีธรรมในใจแล้วละท่าน
แบบว่า อคติต่อม็อบไปแล้ว
เห็นแล้วก็รู้สึกอยากแสดงออก
แต่จะไปด่า ไปว่า กลัวว่าเราเองจะไม่ต่างไปจากเขา
ก็ผ่านการ์ตูนไปละกัน
เพราะเชื่อว่า ท่านๆทั้งหลายก็คงไม่อยากรับรู้อะไรที่มันเครียดๆอีกแล้ว
ได้ปลดปล่อยก็สบายใจ
ขำบ้าง เป๊กบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมชาตินะครับ

พยายามเป้นคนคิดบวก
แม้ประจุในตัวจริงๆจะเป็นลบ
ก็คงเหมือนคำคมที่ท่านว่า
ถอยได้แต่ห้ามหนี เพราะปัญหานี้
ก็ยังอยู่ในที่เดิม
แม้ซีรีย์ มันก็ดีในส่วนนี้นี่แหละท่าน


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:59:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.