Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Change นายกมือใหม่ หัวใจประชาชน





 นายกมือใหม่ หัวใจประชาชน




"ด้วยสองตาที่เหมือนกับท่าน ผมสัญญาว่า
ผมจะมองปัญหาที่มีอยู่ในการเมืองขณะนี้ และแก้ไขมันให้ถูกต้อง

ด้วย สองหูที่เหมือนของท่าน ผมสัญญาว่า
ผมจะตั้งใจฟังเสียงจากผู้อ่อนแอในสังคม แม้มันจะแผ่วเบาสักแค่ไหนก็ตาม

ด้วยขาสองข้างที่เหมือนกับท่าน ผมสัญญาว่า
ผมจะเดินเข้าไปในที่ใดก็ตามที่กำลังเกิดปัญหาโดยไม่ลังเล

ด้วยสองมือที่เหมือนพวกท่าน ผมสัญญาว่า
จะใช้มันทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและจะชี้นำประเทศไปสู่หนทางที่ควรจะเป็น

ทุกสิ่งทุกอย่างของผม ,ทุกสิ่งทุกอย่างของตัวผม ก็เหมือนกับของทุกท่าน"




เคตะ อาซากุระ (รับบทโดย ทาคุยะ คิมูระ) คุณครูสอนนักเรียนชั้นประถม วัย 35 ปี ทายาทนักการเมืองชื่อดังในเขตจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคญี่ปุ่นก้าวหน้า (นิฮนเซยู) เพราะไม่ชื่นชอบชีวิตในเส้นทางการเมืองของผู้เป็นพ่อนัก เคตะจึงไม่เคยคิดสนใจการเมือง แต่กลับเลือกใช้ชีวิตอย่างอิสระบนเส้นทางของตัวเอง เขาเลือกไปเป็นคุณครูในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งที่จังหวัดนางาโนะ มีความสุขอยู่กับเด็กนักเรียน และดวงดาวที่สวยงามบนท้องฟ้า (งานอดิเรกของเคตะ คือการส่องกล้องดูดาว) แต่แล้วชีวิตต้องผกผัน เมื่อพ่อของเคตะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ของเขต 12 จังหวัด ฟุกุโอกะ เสียชีวิตกะทันหันเพราะประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะบินกลับจากเวียดนามพร้อมกับพี่ชายของเคตะ ลูกชายคนโตที่ถูกวางตัวไว้เป็นผู้สืบทอดทางการเมืองต่อจากผู้เป็นพ่อ




โชอิจิ คัมบายาชิ (รับบทโดย ทาราโอ อากิระ)  นักการเมืองเฒ่าจอมทะเยอทะยาน ประธานกรรมการบริหารพรรคญี่ปุ่นก้าวหน้า เขาต้องการรักษาฐานคะแนนเสียงในฐานะพรรครัฐบาลไว้ ดังนั้น จึงมอบหมายให้ ริกะ มิยามะ เลขานุการส่วนตัวของเขาเอง ไปลงพื้นที่เพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้






ริกะ มิยามะ
(รับบทโดย เอริ ฟุคะสึ) เลขานุการของโชอิจิ คัมบายาชิ หลังจากที่เธอจบการศึกษาจากคณะนะนิติศาสต์มหาวิทยาลัยโตไดที่มีชื่อเสียง ก็ได้ทำงานประจำการอยู่ที่กระทรวงการคลัง จนมีโอกาสพบกับคัมบายาชิ เธอรู้สึกชื่นชมเขาในฐานะนักการเมืองที่เธอคิดว่า เป็นคนดีน่านับถือ เธอมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้เป็นนักการเมือเช่นนั้นบ้าง เมื่อคัมบายาชิเรียกตัวเธอไปทำงานเป็นเลขานุการ เธอจึงตกลงใจและยังยึดถือคัมบายาชิเป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่ดีพยายามเรียนรู้งานจากเขาเพื่อหวังสร้างโอกาสทางเมืองในอนาคตให้แก่ตัวเอง

เป้าหมายของพรรค ญี่ปุ่นก้าวหน้า คือชนะการเลือกตั้งซ่อม เหตุนี้ .. เมื่อริกะรู้ว่า อาซากุร มาโกโตะ พ่อของเคตะ ยังมีลูกชายอีกคน และเขาเป็นครูอยู่ที่จังหวัดนางาโนะ ริกะ จึงไม่ยอมปล่อย "ทางเลือกที่ดีที่สุด" นี้ไป เธอเดินทางไปพบเคตะ และขอร้องให้เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 12 ของจังหวัด ฟุกุโอกะ

สำหรับเคตะ นอกจากเขาจะไม่ประสีประสาทางการเมืองแล้ว เขายังเป็นลูกนักการเมือง ย่อมรู้ดีว่าการเมืองมันสกปรกอย่างไร และการเมืองนี้เองที่เป็นเหตุให้เขาหันหลังให้กับครอบครัวมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เขาไม่เคยสนใจแม้แต่จะอ่านข่าวการเมืองด้วยซ้ำไป การที่เคตะปปฏิเสธคำขอร้องขอริกะจึงเป็นเรื่องที่คาดเดาคำตอบได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่การที่ริกะเองเป็นคนไม่ยอมแพ้ เธอจึงคอยตามตื๊อและพยายามหว่านล้อมเคตะด้วยวิธีต่างๆ นานา รวมถึงไม้ตายสุดท้าย ถ้าเคตะไม่ลงสมัคร เธอจะขอให้คุณแม่ของเคตะเป็นตัวแทนพรรคและลงสมัครแทน เจอไม้นี้เคตะจำต้องยินยอม เพราะหากมีใครสักคนต้องแปดเปื้อนกับภาระทางการเมืองที่สืบทอดมาอย่างนี้ คนๆ นั้นควรเป็นเขา ไม่ใช่แม่ของเขา เคตะยอมภายใต้เงื่อนไขที่ว่า หากการเลือกตั้งไม่ประสบความสำเร็จ ริกะ จะต้องไม่มายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเขาอีก เพราะเคตะเชื่อว่า จะอย่างไรผลของการเลือกตั้งก็ต้องแพ้แน่นอนอยู่แล้ว มันไม่มีทางจะเป็นไปได้เด็ดขาด การรับปากริกะ ก็เหมือนกับเป็นการยอมทำให้มันจบๆ ไปแค่นั้น

แต่มันไม่จบ...




ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งเคตะได้รับความช่วยเหลือจากนักวางแผนการเลือกตั้ง คัทสึโทชิ นิราซาวา (รับบทโดย ฮิโรชิ อะเบะ) นักวางแผนการเลือกตั้งมือฉมัง เป็นผู้วางแผนกลยุทธ์หาเสียงและปรับภาพลักษณ์ของเคตะจากครูหัวหยิกท่าท่างเด๋อด๋า มาปรับทรงผมตลอดจนบุคลิกการแต่งตัวใหม่ให้ดูภูมิฐานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองมืออาชีพ โดยมี มิยาโมโต้ ฮิคาระ ( รับบทโดย คาโต้ โรซ่า) ลูกสาวของหนัวหน้ากลุ่มผู้สนับสนุนอาซากุระ มาโกโตะ รับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผู้สมัครฯ และตัวเธอเองก็ชื่นชอบเคตะเป็นอย่างมาก

ด้วยความที่เป็นคนหนุ่มหน้าตาดีและบารมีของบิดาที่เป็นอดีตผู้แทนในเขตดังกล่าว ทำให้คะแนนนิยมของเคตะตีตื้นคู่แข่งขึ้นมาเรื่อยๆ แต่แล้ว...ในวันก่อนวันเลือกตั้งกลับมีข่าวหนังสือพิมพ์โจมตีบิดาของเคตะที่เสียชีวิตไปว่าเขาได้เคยรับเงินนอกกฎหมายเมื่อหลายสิบปีก่อนซึ่งส่งผลกระทบต่อความนิยมของเคตะในหมู่ประชาชนอย่างรุนแรง

เคตะเองก็รู้ดีว่าความจริงเป็นอย่างไร ในฐานะครูเขาไม่อยากสอนเด็กว่าความชั่วร้ายเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีบนโลกใบนี้ การที่ "การเมืองมันมีค่าใช้จ่ายสูง" ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเหตุผลให้นักการเมืองกระทำความผิดได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่เขายอมรับว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริง แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เขายังชนะการเลือกตั้ง และกลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

นักการเมืองหน้าใหม่ และ 'หน้าตาดี' บวกกับบุคลิกซื่อตรง จริงใจ ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจประชาชนในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมู่ประชาชนคนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาว จนได้รับฉายา 'เจ้าชายแห่งรัฐสภา'




จากนั้นไม่นาน อุไค ทาเคฮิโกะ หัวหน้าพรรคญี่ปุ่นก้าวหน้า และเป็นนายกรัฐมนตรี จำใจต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งเพราะถูกเปิดโปงเรื่องชู้สาว ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้สถานะความนิยมของพรรคฯ ที่ตกต่ำอยู่แล้วให้ย่ำแย่ลงไปอีก คัมบายาชิและกลุ่มนักการเมืองผู้มีอิทธิพลซึ่งต่างมุ่งหวังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นคนต่อไป ต่างรู้ดีว่าในสถานการณ์ที่กำลังประสบกับวิกฤตศรัทธาของประชาชนขณะนั้น ไม่มีหวังเลยที่จะชนะการเลือกตั้ง (ครั้งหนึ่งแพทย์ประจำตัวนายกรัฐมนตรีพลั้งปากพูดไปว่าอัตราความนิยมของรัฐบาลลดน้อยถอยลงไปต่ำกว่าอัตราภาษีเสียอีก) ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าจะแพ้ หนทางเดียวที่มีอยู่ แม้ไม่รู้จะทำให้ชนะได้หรือไม่ แต่ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดู



หนทางที่ว่าก็คือ เคตะ หากเป็นเขา บางทีเรื่องไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นได้   เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ครั้งก่อน ทั้งที่เขายอมรับข่าวฉาวการกระทำผิดของผู้เป็นพ่อว่าเป็นความจริง เขายังอุตส่าห์ชนะการเลือกตั้งมาได้แม้คะแนนเสียงจะฉิวเฉียดเบียดคู่แข่ง

ในภาพลักษณ์ของนักการเมืองหนุ่มรูปหล่อฉายาเจ้าชายรัฐสภาที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ความเป็นนักการเมืองหนุ่มรุ่นใหม่ และยังมีมือที่ 'ใสสะอาด' สิ่งเหลานี้อาจจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันการเมืองรวมถึงพรรคการเมืองของเขาด้วย คัมบายาชิจึงผลักดันให้เคตะ ที่ยังไม่ทันได้เรียนรู้เรื่องการเมืองมากนักขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ เพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หากจับพลัดจับผลูทำเรื่องไม่คาดฝันให้เกิดขึ้นได้ ด้วยการชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ อีกครั้ง คัมบายาชิในฐานะแกนนำของกลุ่มนักการเมืองผู้มีอิทธิพล  ก็มีแผนสำหรับตัวเองรออยู่แล้วในการที่จะให้เคตะ เป็นเพียงหุ่นเชิด หลังจากนั้นจึงค่อยกำจัดเขาออกไปให้พ้นทาง และขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแทน  ในตอนแรก เคตะ (ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าตัวเองตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคัมบายาชิ) ปฏิเสธที่จะยอมรับการผลักดันนั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติพอ คนอย่างเขาน่ะหรือ จะลงสมัครนายกฯ เขาเพิ่งได้รับการเลือกตั้งมาเป็น ส.ส. และยังไม่รู้เรื่องอะไรดีเลยสักอย่างเกี่ยวกับการเมือง มันจะเป็นไปได้อย่างไร     แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างก็ทำให้เคตะตัดสินใจ ยอมลงสมัครในที่สุด




จากคุณครูของเด็กนักเรียนประถม กลายเป็น "สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร"และมาเป็น "นายกรัฐมนตรี" เป็นการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของประเทศ ด้วยเส้นทางการเมืองอันสั้นกุด เคตะจะรับมือกับความผกผันในชีวิตนี้อย่างไร .......

*****
ร่วมด้วยนักแสดงสมทบ

 

อุบุคาตะ ซึเนโอะ (รับบทโดย อิชิคุระ เคน) สส.หนุ่มในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นคนหนุ่มเลือดใหม่เช่นเดียวกันกับเคนตะ และพร้อมสนับสนุนเคตะให้ก้าวเข้าสู่วงการการเมืองอย่างถูกต้อง


 
ทสึคิโอกะ รุมิโกะ (รับบทโดย โฮริอุจิ เคโกะ) หมอประจำตัวอดีตรัฐมนตรีอุไค ทาเคฮิโกะ มักอยู่ข้างกายอดีตรัฐมนตรีดีเสมอ หลังจากเคนตะได้รับตำแหน่งแล้วก็ยังคงคอยดูแลเคนตะ ห้องรักษาของเธอจึงเปรียบเสมือน ที่พักพิงทางใจและเป็นที่ปรึกษาให้กับทุกคนแม้กระทั่งเคนตะก็เช่นเดียวกัน

  

อาซากุระ ทาคาเอะ (รับบทโดย ฟูจิ ซูมิโกะ) แม่ของเคตะ ซึ่งเกือบจะต้องเข้าสมัครชิงตำแหน่งส.ส.แทนสามี และลูกชายเสียชีวิต แต่แล้ว เคตะซึ่งเป็นลูกชายที่เหลืออยู่ก็เข้ามารับหน้าที่นี้แทน เพื่อไม่ให้แม่ต้องลำบาก



อาคิยามะ ทาโร่คันสึเกะ (รับบทโดย สุสุกิ โคสุเกะ) เลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีประจำทำเนียบนายกฯ

คาคิอุจิ ทัตสึฮิโกะ (รับบทโดย โอบายาชิ ทาเคชิ) อดีตนายกรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ คณะรัฐบาล ผู้ไม่เคยพอใจในตำแหน่งและอำนาจที่มี เป็นผู้ที่แอบวางแผนการอยู่เสมอ

ซาคาเอะ นิเฮ (รับบทโดย คามิยามะ ชิเงรุ) หัวหน้ากลุ่มนิเฮ คณะรัฐบาล สส.อาวุโสผู้มีมองการณไกลอยู่เสมอ มักมีความเห็นต่อยอดกับกลุ่มคันบายาชิ

โอโนดะ อาซาโอะ (รับบทโดย นากามุระ เทราโอะ) พรรครัฐบาล เป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นับแต่อดีตมาเขาเป็นคนที่ได้รับการยอมรับน้อยที่สุด เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนคณะรัฐบาลและสุดท้ายยอมรับความดีของเคนตะในที่สุด


 


เป็นซีรีย์ที่สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง ก็จะมีละครสักกี่เรื่องกันที่จะหยิบยกเอาเนื้อหาทางการเมืองมาเป็นโครงหลักของเรื่อง แถมยังถ่ายทอดความคิด มุมมอง ความรู้สึกของคนที่เป็นประชาชน ที่มีต่อการเมืองและนักการเมือง ออกมาได้อย่างถึงใจ คำพูดแต่ละประโยคอันเกี่ยวข้องกับการเมืองและนักการเมือง ที่ส่งผ่านออกมาจากปากของตัวละครหลายๆ คน เป็นคำพูดตรงใจและแทนใจที่ตัวเราเองอยากจะพูดออกไปดังๆ ให้นักการเมือง(บ้านเรา)ได้ยินบ้าง และเพราะเหตุนี้แหละจึงเชื่อว่าถ้าให้นักการเมืองไทยได้ดู คงจะนึกเกลียดซีรีย์เรื่องนี้เข้าไส้ เพราะเนื้อหาที่นำเสนอมันเหมือนเป็นการตบหน้ากันโครมๆ เลย

แม้จะเป็นเรื่องราวของการเมือง แต่ก็ทำให้น้ำตาไหลได้โดยไม่ต้องพึ่งพารักทรมานหรือดราม่าชีวิตอันรันทด ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะซึ้งใจ แต่เพราะสังเวชใจ เพราะสิ่งที่ Change สื่อออกมานั้น มันคงเป็นได้แค่การเมืองในอุดมคติที่ไม่มีอยู่ในความเป็นจริง ถึงเป็นเรื่องการเมือง แต่มั่นใจได้เลยว่า ถ้าคุณได้ดูแล้วจะไม่ผิดหวังกับซีรีย์เรื่องนี้อย่างแน่นอน ( เว้นแต่ว่าคุณเป็นคนที่ชอบแนวรักโรแมนติก ที่พระเอกนางเอกจะต้องรักกันจี๊ดจ๊าด เพราะถึงแม้ซีรีย์เรื่องนี้พระเอกนางเอกจะรักกัน แต่ต่างก็เป็นผู้ใหญ่มีหน้าที่การงานสูงในแวดวงการเมือง พวกเขาย่อมไม่ค่อยมีเวลามาจี๋จ๋ากันให้คนดูอย่างเราได้ชื่นมื่นหัวใจ (ให้ตายสิ เพราะใจจจริงแล้ว ก็อยากจะให้พระเอกนางเอกกุ๊กกิ๊กกันกว่านี้หน่อย)




ความโดดเด่นของซีรีย์เรื่องนี้
ก็ย้ำกันอีกครั้งในเรื่องของประโยค ถ้อยคำของตัวละครที่มันช่างกินใจเหลือเกิน อะไรมันจะตรงใจคนที่เป็นประชาชนอย่างเราๆ ขนาดนั้น อะไรๆ ที่เสียดสีแดกดันการเมือง มันก็ช่างจะจริงในความเป็นจริงอย่างน่าขมขื่น

ความสนุกของซีรีย์เรื่องนี้
ลองคิดดูนะคะครูเด๋อด๋าบ้านนอกคนนึงที่มีชีวิตธรรมดา จู่ๆ ก็กลายเป็น นายกรัฐมนตรีของประเทศ ชีวิตที่ไม่ธรรมดาและใครหลายคนก็ใฝ่ฝันถึง คนที่ไม่รู้จักการเมือง ไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยมความโสมมของวงการนี้

พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นสิ่งแปลกปลอม นั่นแหละค่ะ ต้องมาผจญกับเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองที่มีอำนาจมีอิทธิพลทางการเมืองไว้สำหรับแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว ใครๆ ต่างก็คิดว่าเขาจะเป็นแค่หุ่นเชิดเป็นของกล้วย ๆ ที่จะกำจัดออกไปให้พ้นทางเมื่อไหร่ก็ได้แต่เอาเข้าจริงมันกลับไม่ง่ายอย่างนั้น

     

ความประทับใจที่มีต่อซีรีย์เรื่องนี้
ความเป็น 'หัวใจประชาชน' ในฐานะนายกฯ เคตะพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เขาจะทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์ความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาของคนทั้งประเทศ และเขาก็พยายามทำจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน ในขณะที่รัฐมนตรี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการในสำนักนายกฯ ควรจะเป็นขุมกำลังพลคอยช่วยเขาให้ได้ทำในสิ่งที่สัญญาไว้ แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม นักการเมืองรุ่นใหญ่ที่มีอิทธิพลคอยสุมหัวกันแสวงหาผลประโยชน์
ส.ส. ตัวเล็กตัวน้อยรวมถึงพนักงานข้าราชการต่างตกอยู่ภายใต้อำนาจบารมี เคตะต้องทำงานด้วยความยากลำบาก ต้องรับมือกับการใส่ร้ายป้ายสี เล่ห์เหลี่ยมในเกมการเมืองที่นักการเมืองเลวๆ สุมหัวกันวางแผนมา 'รุมทึ้ง' เพื่อจะดึงเขาลงจากตำแหน่งให้ได้ (จากนั้น จะไปฟัดกันเองเพื่อตำแหน่งนายกฯที่มีตำแหน่งเดียว ) เคตะของเรา นายกรัฐมนตรีมือใหม่ที่ใจซื่อมือสะอาด ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีอำนาจ ไม่มีพวกพ้อง ไม่มีอะไรเลยที่จะไปสู้รบตบมือกับเขาได้ในสงครามการเมืองนี้ แต่เพราะเขามีสิ่งหนึ่ง นั่นคือมี ‘หัวใจประชาชน’ ที่ 'จริงใจ' จะรับใช้ประชาชน ไม่ใช่มาคอยกดขี่เอารัดเอาเปรียบอย่างที่เห็นกันอยู่ในความเป็นจริงจนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาเป็นนิสัยถาวรของคำว่า 'นักการเมือง' และหัวใจประชาชนนี้เองคือสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง(Change)และสร้างการเมืองใหม่

ฉากการแสดงสุดประทับใจ
ความจริงแล้วชอบอยู่หลายฉากมาก เช่น ตอนที่เคตะปราศรัยก่อนวันเลือกตั้งซ่อม ส.ส. การดีเบทกับผู้สมัครคู่แข่งในการเลือกตั้งนายกฯ การปราศรัยครั้งสุดท้าย (คำกล่าวที่ยกมาด้านบน ...ด้วยสองมือที่เหมือนกับท่านฯ ) แต่ละฉากบทพูดยาวมากและที่ประทับใจสุดๆ ไปเลย ถึงกับต้องกรอกลับมาจับเวลาดูอีกครั้งคือการกล่าวสุนทรพจน์หรือจะเรียกว่าเป็นแถลงการณ์ต่อประชาชนฉากนั้น เฮียแกพูดคนเดียวนานมากกกกก มันนานเสียจนต้องกรอกลับไปจับเวลาดู เพราะอยากรู้ว่ามันยาวเท่าไร ผลคือ 21 นาทีเชียวนะคะ ที่ทาคุยะต้องแสดงในฉากนั้น อ่านพบในอินเทอร์เน็ตว่าตัวบทมีความยาวถึง 15 หน้า จำบทอย่างเดียวก็หนักหนาแล้ว ยังต้องแสดงสีหน้าอารมณ์ให้ออกมาสอดคล้องควบคู่กับเนื้อหาที่พูดด้วย ซึ่งเรื่องการแสดงคงไม่ต้องเป็นห่วง เฮียทาคุยะแกเล่นได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว แต่สำหรับบท 15 หน้าที่ต้องพูดคนเดียวยาวต่อเนื่อง 21 นาทีนี้ ขอนับถือสมองในการจดจำของเฮียท่านจริงๆ






อาคารรัฐสภาแห่งญี่ปุ่น


user posted image










Link ที่เกี่ยวข้อง และอยากให้อ่าน (จากคุณต่อพงษ์อีกแล้วค่ะ ประมาณว่าอะไรที่เป็นสาระเขียนเองไม่ได้ อิอิ ถึงจะไม่ได้เห็นด้วยที่คุณต่อพงษ์ เปรียบ เคตะ กับ อภิสิทธิ์ แต่การหยิบเนื้อหาในเรื่องนี้ออกมาวิจารณ์การเมือง มันก็น่าอ่านมากเลยล่ะ

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ(1)/ต่อพงษ์

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ ( 2) : คำขอโทษ/ต่อพงษ์

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ (3) : สส. ต้องฟังเสียงคนที่อ่อนแอ/ต่อพงษ์

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ (4) : นายกฯ ต้องทำงานด้วยสายตาเดียวกับประชาชน

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ (5) : รัฐบาลต้องกล้ารับผิดกับสิ่งที่ทำ/ต่อพงษ์

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ (6) : ตัวอย่างของการเจรจากับต่างชาติ...เพื่อชาติ

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ (7) : เมื่อฝ่ายค้านกับนายกฯ จับมือกัน...การเมืองใหม่หรือความบ้า?

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ (8) : โศกนาฏกรรมของนายกเทพประทาน

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ (9) :นายกฯ ที่หัวใจวายกลางสภา

Change ซีรี่ส์การเมืองใหม่โดยคนรูปหล่อ (อวสาน): เป็นนายกเพื่อใคร? คนหน้าใหม่จบหลักสูตร




...................................................


ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก

topicstock.pantip.com
talk.mthai.com
uf.popcornfor2.com
i401.photobucket.com
baanseries.com
pic80.picturetrail.com
molecularkitten.exteen.com
manager.co.th
updee.com
photobucket.com




Create Date : 27 มิถุนายน 2552
Last Update : 6 กรกฎาคม 2554 21:03:53 น. 3 comments
Counter : 5519 Pageviews.

 
เป็นซีรีส์ในดวงใจของเราเรื่องหนึ่งเลยค่ะ ดูแล้วได้แต่สะท้อนใจ นักการเมืองดีๆนี้ หายากจังเลยนะ แม้แต่ประเทศเจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น การเมืองก็เน่าไม่แพ้บ้านเรา ประชาชนเขาเองก็ใฝ่ฝันอยากมีนายกอย่างอะซากุระ เคตะเหมือนกัน ทาคุยะแสดงได้ยอดเยี่ยมอีกแล้ว สมเป็นking of jdoramaจริงๆ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.71.159 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:22:38:28 น.  

 
เขียนได้ยาวเยอะ

แต่เสียดาย

ถ้ากระแสแรงคงได้แลกเปลี่ยนความคิด

กัน เพราะตอนนี้เริ่มลืมๆแล้ว


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:17:12 น.  

 
"ความอิจฉาและความโลภ เป็นสิ่งที่ทำให้รัฐสภายังดำเนินต่อไป" คำกล่าว หนึ่งในคำพูดโดนๆ จากซีรีย์เรื่อง Change
และทำให้เห็นว่า การเมืองในญี่ปุ่นแทบไม่ต่างกับบ้านเราเมืองไทย จุดนี่แหละที่ทำให้อเมริกาบอกว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยมาถึงทางตันที่มีข้อบกพร่อง ไม่ได้เป็นระบอบที่ดีที่สุดอย่างในอุดมคตอีกต่อไป แต่พวกเขาก็ยังหาทางแก้ไขไม่ได้

หลังจากดูเรื่อง Change จบ ขอบอกว่า คนตั้งชื่อเรื่องตั้งได้ถึงแก่นตรงกับเนื้อหาของเรื่อง เรียกว่าเป็นคำที่ควรใช้สรุปเรื่องราวทั้งหมดก็ว่าได้ รวมถึงผู้เขียนเรื่องเขียนได้เจ๋งจริงๆ เขียนให้เรื่องการเมืองเป็นเรื่องเข้าใจง่าย และดำเนินเรื่องราวไม่น่าเบื่ออย่างที่กังวล เพราะเราอาตี้เข้าใจมาตลอดว่า ถ้าเป็นละครการเมือง คงเป็นอะไรที่เครียดและน่าเบื่อสุดๆ

แต่เพราะการเขียนบท โดยเฉพาะบทของพระเอกที่มีตำแหน่งเป็นถึงนายกฯ กลับมีบุคลิกที่ดูเบาสบายแถมยังโก๊ะ และลั้นลาได้อย่างไม่น่าจะเป็น แต่จริงๆ ผู้เขียนได้แฝงไว้ว่า ภายในใจของนายกคนนี้ แสนจะเครียดซีเรียสมากมาย แต่ไม่เคยแสดงออกมาให้ใครๆ เห็น จนถึงกับเป็นลมกลางสภา

ชื่อเรื่อง chang ครอบคลุมคนสองคนผู้เป็นแกนหลักในการดำเนินเรื่องคือ เคตะ (พระเอก) และ โชอิจิ คัมบายาชิ ผู้หนุนให้เคตะ ครูธรรมดาๆ คนหนึ่งกลายมาเป็นนายก ในเวลาเพียงไม่ถึงเดือน จะเรียกว่าเพียงชั่วข้ามคืนก็ได้ ในขณะที่ สส. คนอื่นตลอดชีวิตได้เพียงแค่ฝันถึง
แต่ความจริงแล้ว จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเคตะไม่มีพลังทั้งทางกาย และพลังความคิดพิเศษที่สามารถแก้ไขสถานะการเฉพาะหน้า บวกกับอุดมคติทางความคิดที่เป็นเลิศ

การที่เคตะจะผ่านด่านทั้งคะแนนจากประชาชน และหัวหน้าพรรคผลักดันให้เขาได้เป็นนายก คงเป็นเรื่องที่ใครคงไม่กล้าไว้วางใจให้คะแนนเสียง ถ้าเขาไม่มีพลังขับภายในที่เป็นเลิศแฝงอยู่

chang สำหรับตัวละครหลักทั้งสองคนจึงเกิดขึ้นดังนี้

chang ของเคตะ

1.เปลี่ยนตัวเอง คือเปลี่ยนจากครูประถมที่มีโลกส่วนตัวสูงในการติดตามเฝ้ามองดวงดาว ไปเป็นคนที่ให้ความใส่ใจกับปัญหาของทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวหรือประชาชนที่เดือดร้อน เขาทำงานอย่างลืมตาย เพียงเพื่อรักษาคำสัญญาที่ตัวเองได้ให้ไว้ในการเลือกตั้ง เพราะใครๆ ก็มักคิดว่า สส.มักลืมคำพูดของตัวเอง เมื่อได้รับเลือกเข้าไปแล้ว ลืมอุดมการณ์ที่จะทำเพื่อประชาชน ไปเป็นทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเคตะไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นกับตัวเขา

ดังนั้นเคตะจึงทำงานสวนทางกับหัวหน้าพรรค โชอิจิ คัมบายาชิ ผู้เป็นคนหนุนหลังให้เขาขึ้นมาเป็นนายก เหตุเพราะเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจหรือมีอคติแฝงกับอาชีพ สส. อยู่แล้ว หากเขาลุยไปเรื่อยๆ แล้วมีอะไรผิดพลาดให้ต้องออกจากการเป็น สส. หรือนายก เขาก็จะไม่รู้สึกเสียดายเลย เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็น สส. หรือนายก อยู่แล้ว เพียงแต่ขณะที่ดำรงค์ตำแหน่งอยู่ก็ขอให้ตัวเองได้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่านั้น ตามปรัชญาของเขา ที่มักบอกกับเด็กนักเรียนของเขาว่า "วิ่งไปให้สุดกำลังแม้สุดท้ายจะล้มก็ตาม"

2.เปลี่ยนความคิดและหัวใจของคนอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกันในรัฐบาลที่มีอคติต่อตัวเขาอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว ด้วยความคิดที่ไม่เข้าใจระบบบริหารสภา จึงมักให้เลขาอธิบายแบบใช้ระะบบโรงเรียนมาเปรียบเทียบกับระบบสภา (ระบบการปกครอง) และเขาเองก็ปฏิบัติกับคนอื่นๆ เหมือนตอนที่เขายังเป็นครู คือให้เกียรติกับความคิดของเด็กๆ การเป็นครูที่ดีคือพยายามเข้าใจหัวใจของเด็กประถมให้มากๆ เพื่อตามความคิดพวกเขาให้ทัน

เด็กๆ มักทะเลาะกันแต่เขาจะสอนว่า เราแตกต่างทางความคิดได้ เพราะเรามีความคิดเป็นของเราเอง แต่เราก็ควรเคารพในความคิดของเพื่อนเช่นกัน และหัวใจอันนี้ ทำให้ สส.คนอื่นๆ ตลอดจนผู้ช่วยนายก ที่ต่างเคยตั้งแง่เห็นนายกอย่างเขาเป็นเพียงหุ่นเชิด ค่อยๆ เปลี่ยนความคิดมาอยู่ข้างเคตะ โดยที่ตัวเคตะเองก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขามีความเฉพาะตัวในเรื่องนี้อยู่ภายในตัวของเขา ไม่เว้นแม้แต่การแก้ปัญหากับฑูตการค้าจากสหรัฐอเมริกา ก็ยังชื่นชม

ประกอบกับเคตะจะใช้ภาษาพูดที่ง่าย ไม่ใช้ศัพท์การเมือง ทำให้เขามีบุคลิกที่ผ่อนคลาย สบายๆ ทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกสบายเป็นกันเองไปกับเขาด้วย

อีกประเด็นคือความไม่ถือตัว (Ego) เคตะคงเป็นนายกคนแรกและคนเดียวกระมัง ที่ก้มหัวขอบคุณและขออภัยได้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ช่วยของเขา นี่คือความไม่เหมือนใคร ที่กลายมาเป็นความโดดเด่นในตัวเขา นั่นคือการให้เกียรติผู้อื่นอย่างสูง แม้แต่กับ โชอิจิ คัมบายาชิ ผู้ที่คอยถือมีดทิ่มแทงข้างหลังเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเล่ห์กลต่างๆ เขาก็ยังคอยขอบคุณอยู่เสมอที่สอนให้เขาได้เรียนรู้

3.เปลี่ยนประเทศ นายกอย่างเขาเดินทางเข้าไปแก้ไขปัญหาถึงต้นตอด้วยตัวเอง ก่อนจะเซ็นต์เอกสารใดๆ เขาจะต้องอ่านปัญหานั้นก่อน เขาจึงเอามันไปอ่านในรถ และตอนกลางคืน ทำให้ไม่ได้นอนอยู่บ่อยๆ ซึ่งแม้ผลจะทำให้เขาล้มทั้งยืนในสภาอย่างไม่รู้ตัว ปัญหาทุกปัญหาที่ผ่านสายตาเคตะ ไม่เคยเลยผ่านไป จนทำให้แม้แต่นักเรียนที่เขาสอนก็ยังชื่นชมคุณครูหัวฟูของพวกเขา

มีฉากที่ประทับใจคือ ตอนที่เขาถูกทาบทามให้ลงสมัครเป็นนายก เขาลังเลใจ จึงเดินทางกลับไปที่โรงเรียน และเล่นเกมคล้ายๆ A E I O U หยุด กับนักเรียนของเขา ขณะหาทางออกให้กับการตัดสินใจครั้งนี้ เราอาตี้มองว่า ชีวิตจริงจะมี สส. คนไหนไหม? ที่มามัวเล่นกับเด็กๆ ในขณะที่ตัวเองมีตำแหน่งเป็นถึง สส. จังหวัด แบบนี้ หุหุ น่ารักมากๆ

รวมถึงฉากที่เคตะต้องลาออกจากการเป็นนายก โดยต้องกล่าวสุนทรพจน์ออกทีวีสดนานเกือบ 20 นาที (สงสัยอันนี้เบื้องหลังคงมีสคริปตัวโตๆ มาติดให้อ่านเพื่อเป็นการช่วยเหลืออยู่บ้างแน่ๆ เพราะต้นฉบับจริงมันคงประมาณ 15 หน้าแหนะ) ฉากนี้ทำได้ดี ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนว่ากำลังเป็นพลเมืองญี่ปุ่นที่กำลังติดตามฟังคำพูดของนายกของพวกเขา ด้วยการแสดงออกทางภาษากาย ทำให้การรอฟังเคตะพูดนานเกือบ 20 นาทีอย่างเรา เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ไม่น่าเบื่อ รวมถึงบทพูดที่กินใจ ด้วยภาษาง่ายๆ ที่นายกเคตะบอกว่า ผมจะอธิบายอย่างครูประถม เพราะผมเป็นครูประถมมาก่อน ทำให้ประชาชนคนฟัง พอมีใจอยากฟัง เพราะรู้ว่า พวกเขาจะฟังนายกคนนี้ได้เข้าใจ ไม่เจอคำศัพท์วิชาการที่ฟังไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน ฉากนี้ทำได้ดีค่ะ

ที่สำคัญ ต้องยกความชอบให้คนเขียนเรื่อง ที่เขียนให้นายกเคตะเป็นอะไรที่ลั้นลามาก แม้จะเครียดแค่ไหน แต่ก็แสดงออกอย่างลั้นลาได้ตลอด ไม่เคยถือยศถืออย่างว่าข้าเป็นผู้กุมอำนาจของประเทศ

ส่วนเรื่องความรักแม้จะไม่ได้แสดงออกอย่างโจ๋งครึ่ม แต่ก็น่ารักพอจั๊กจี้ได้ในตอนใกล้จบ


chang ของโชอิจิ คัมบายาชิ

1.พยายามเปลี่ยนแปลงคะแนนนิยมของพรรคตัวเอง เพราะความนิยมของพรรคที่ประชาชนมีให้ กำลังตกที่นั่งลำบาก เขาจึงมองหาใครสักคนที่กำลังเป็นที่สนใจของประชาชนมาเป็นหุ่นเชิด ซึ่งในขณะนั้นเองเคตะบังเอิญเป็นที่จับตามองในฐานะ เจ้าชายรัฐสภา (ดูไปก็นึกถึงคุณอภิสิทธิ์ในสมัยก่อน) โชอิจิ คัมบายาชิ จึงหลอกใช้เคตะเพื่อดึงความนิยมของพรรคให้กลับมาเฟื่องอีกครั้ง โดยหวังใช้เขาเป็นบันไดไปสู่การเป็นนายกต่อจากเคตะที่จะกลายเป็นหุ่นเชิดให้เขาเพียงแค่ 2-3 เดือน แล้วเขาจะดึงเคตะลงมา ด้วยอำนาจหัวหน้าพรรค และอำนาจมืดที่เขามีอยู่

2.พยายามเปลี่ยนเคตะ (ควบคุมเคตะ) และคนอื่นๆ ในรัฐบาล เพื่อให้ตัวเองได้เป็นนายกในเวลาต่อมา ด้วยการหลอกใช้พระเอก แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะเคตะมีความคิดเป็นของตัวเอง ตรงนี้ตรงกับปรัชญาหลายข้อคือ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน โชอิจิ คัมบายาชิ ที่คิดว่าจะควบคุมเคตะได้อย่างแน่นอนแล้ว ก็ต้องอึ้ง ความไม่เปลี่ยนแปลง ได้เปลี่ยนแปลงไป (Change) อย่างมากมาย โดยเฉพาะจิตใจของ สส. แทบทุกคนในสภา ที่เห็นพลังแฝงซ่อนอยู่ภายในเคตะ และยอมจับมือ ร่วมมือด้วยอย่างเต็มใจ
แม้แต่ฝ่ายค้าน เคตะก็สามารถเจรจาด้วยคำพูดง่ายๆ อย่างที่เคยพูดกับนักเรียนของเขา ดึงให้มาเป็นพวกจนได้


สรุป ดั้งนั้น change จึงเป็นซีรีย์ที่สมชื่อ เป็น chang in chang หรือเปลี่ยนในเปลี่ยน ได้อย่างน่าทึ่ง จนถึงที่สุดที่เราอาตี้จำได้เลาๆ ว่า เป็นเพราะซีรีย์เรื่องนี้นี่แหละ ที่ทำให้การดื่มชาในรัฐสภาจริงๆ ของญี่ปุ่นเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาได้ดูซีรีย์เรื่องนี้ และได้นำความคิดเรื่องการแจกกระติกน้ำชาจากในซีรีย์เอามาใช้ในการประชุมสภาญี่ปุ่นจริงๆ นั่นเอง (ถ้าเราอาตี้จำไม่ผิดนะคะ ถ้าจำผิดต้องขออภัยด้วยค่ะ)

ซีรีย์เรื่อง chang จึงเป็นซีรีย์ chang in chang จริงๆ ให้ตายเถอะ คนเขียนเรื่องแจ่มจริงๆ


โดย: อาตี้เจ้าเก่ามาบุกแล้ว IP: 119.46.167.30 วันที่: 6 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:29:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.