ของขวัญรัก
|
||||
เป็นเบาหวานขณะท้อง ทำไงดี ระหว่างการตังครรภ์ ว่าที่คุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรตค่อนข้างมาก ในขณะเดียวกันฮอร์โมนในการตั้งครรภ์ต่างๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ Human Placental Lactogen ซึ่งสร้างจากรก รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ต้านอินซูลินอื่นๆ ได้แก่ โปรเจสเตอโรน (Progesterone) คอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้เกิดภาวะแอนตี้อินซูลิน (Insulin Resistance) ในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งส่งผลให้มีการสร้างกลูโคสจากตับเพิ่มขึ้น น้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น เป็นภาวะเดียวกับเบาหวานชนิดที่ 2 โดยภาวะนี้จะดำเนินไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ นายแพทย์ภูรีพงศ์ บัวประดิษฐ์ อายุรแพทย์สาขาเบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestation Diabates Mellitus - GDM) ในการประชุมวิชาการประจำปีสมิติเวช 2550 ซึ่งจัดขึ้นโดยโรงพยาบาลสมิติเวช ณ อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้โดยได้เปิดเผยว่า อุบัติการณ์ของเบาหวานที่พบในขณะตั้งครรภ์มีประมาณร้อยละ 1-14 ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ ภาวะเบาหวานที่พบในขณะตั้งครรภ์อาจมีผลทำให้ทารกในครรภ์ผิดปกติหรืออาจจะทำให้แท้งได้ ถ้าไมได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม นายแพทย์ภูรีพงศ์ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุมากกว่า 25 ปี เคยมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในครรภ์ก่อน เคยมีประวัติคลอดบุตรมากกว่า 4,000 กรัม เคยมีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ (Glucosuria) กลุ่มสตรีที่ชาติเสี่ยง ได้แก่ African, Hispanic, Asian และ Aborigine น้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์อยู่ในเกณฑ์อ้วน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง ภาวะซีสต์รังไข่ (polycystic Overy Syndrome) นายแพทย์ภูรีพงศ์ ได้ให้ข้อมูลว่าสำหรับการตรวจเบาหวานขณะตั้งครรภ์นั้น หญิงที่ตั้งครรภ์ทุกรายสามารถตรวจได้ ระหว่างช่วงอายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์ หรือจะเลือกตรวจเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงตามรายละเอียดข้างต้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยทางการแพทย์ สำหรับว่าที่คุณแม่ที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรได้รับการดูแลรักษาภาวะนี้อย่างเหมาะสม ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานขณะตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้ทั้งต่อทารกในครรภ์และต่อคุณแม่ ในส่วนของผลต่อทารกจะทำให้มีภาวะเสี่ยงดังนี้ 1. ภาวะทารกตัวโต หมายถึง รกมีน้ำหนักแรกคลอดมากกว่า 4,000 กรัม ซึ่งพบได้ร้อยละ 10-20 ของทารกที่แม่เป็นภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ และมีโอกาสที่ทารกจะมีขนาดใหญ่มากกว่าอายุครรภ์ด้วย ทำให้ทารกเสี่ยงต่ออาการคลอดติดไหล่หรือไดรับอันตรายระหว่างคลอดได้ 2. การเสียชีวิตของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ 3. ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ ส่งผลให้ทารกมีอาการชักได้ 4. ภาวะเลือดข้น 5. ภาวะเหลือง ส่วนภาวะแทรกซ้อนในมารดา อาจทำให้เสื่อมต่อครรภ์เป็นพิษ การติดเชื้อที่กรวยไต ภาวะน้ำคร่ำมากกว่าปกติ และอาจจำเป็นต้องคลอดด้วยวิธีผ่าตัดทางหน้าท้องแทนการคลอด การดูแลรักษาเบาหวานขณะตั้งครรภ์ นายแพทย์ภูรีพงศ์ กล่าวว่ามี 3 วิธีหลักๆ ได้แก่ การควบคุมและประเมินระดับน้ำตาลในเลือด โดยสอนให้ว่าที่คุณแม่ใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลด้วยตนเอง เพื่อประเมินระดับน้ำตาลในเลือดว่าควบคุมได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้หรือไม่ วิธีที่สองคือ ใช้การควบคุมอาหารเป็นวิธีรักษาหลัก ว่าที่คุณแม่จำแม่จำเป็นต้องรับประทานให้ถูกต้องทั้งปริมาณและสัดส่วนของอาหาร คุณหมอแนะนำว่า สำหรับว่าที่คุณแม่ที่ก่อนตั้งครรภ์ไม่อ้วน ควรจำกัดอาหารที่ให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่ ต่อกิโลกรัมต่อวัน ออกกำลังกายเบาๆ และสม่ำเสมอจะมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยการควบคุมอาหาร เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ของมารดาและทารกในครรภ์ ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลขอบแพทย์ นายแพทย์ภูรีพงศ์ แนะนำว่าภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์สามารถหายได้หลังจากคลอดบุตร คุณหมอยังแถมเคล็ดลับการป้องกันภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ทำได้ไม่ยาก นั่นคือก่อนตั้งครรภ์ว่าที่คุณแม่มีน้ำหนักตัวมาก ควรลดน้ำหนักเสียก่อน และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ เพิ่มผัก ผลไม้ ลดอาหารไขมัน โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวซึ่งควรปฏิบัติอย่างต่อเนื่องไปจนกระทั่งระหว่างตั้งครรภ์ ถ้าได้อย่างนี้แล้ว ว่าที่คุณแม่มือใหม่ทั้งหลายก็ไม่ต้องกังวลกับภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์อีกต่อไป ที่สำคัญว่าที่คุณแม่ควรไปพบแพทย์ที่ฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลในปัสสาวะตามที่แพทย์กำหนด ซึ่งแพทย์ก็จะช่วยดูแลเรื่องเบาหวานอย่างเหมาะสม เพราะตัวคุณแม่เองจะไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า ตนเองได้มีภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์เกิดขึ้น (update 25 มีนาคม 2008) [ ที่มา.. นิตยสารบันทึกคุณแม่ No.173 December 2007] |
ของขวัญรัก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?] |