Bloggang.com : weblog for you and your gang
ชีวิต...คือความหลากหลาย
Group Blog
ที่เห็นและเป็นไป
เพียงลมพัดผ่าน
หนังสี่จอ
หนังแผ่น
ตะลอนทัวร์ไปกับพิน
หนังสือดีมีไว้บอกต่อ
จารึกไว้ในแผ่นดิน
เพลงนี้มีเรื่องราว
แด่นายูง 3 ปีที่จะไม่ลืม
<<
ธันวาคม 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
18 ธันวาคม 2550
รักแห่งสยาม : love is all around
All Blogs
รัก/สาม/เศร้า : เพื่อนรัก.รักเพื่อน
กอด : โปรดถือด้วยความระมัดระวัง
No Country for Old Men : ยุคสมัยของมารครองเมือง คนดีก็คงไม่มีที่อยู่
I am Legend : แสงสว่างในความมืด
รักแห่งสยาม : love is all around
Michael Clayton :
Lions for Lambs : คำถามที่เราเองต้องตอบ
Once in a Summer : ก็หนังรักอีกเรื่องหนึ่ง
The Kingdom : แค้นต้องชำระ (ไปถึงไหน)
2 days in Paris : เรื่องรักของคนธรรมดา
เพื่อนแพง สมกับที่รอคอย
แผลเก่า : หนังเรื่องแรกในความทรงจำ
ไชยา : เพื่อนรัก เพื่อนตาย
Nobody Know : ขอคารวะหัวใจดวงเล็กๆ
Paris, je t'aime : หลากรสหลากสไตล์
Bourne Ultimatum : มันส์พะยะค่ะ
Hula girls :โลกแห่งรอยยิ้ม
Pan's Labyrinth : โลกนี้โหดร้ายเกินทน
Me...,myself ขอให้รักจงเจริญ ขอให้หนังไทยจงเจริญ
เมล์นรก หมวยยกล้อ : อ้าวนี่มันหนังการเมืองนี่หว่า
Sunshine : ตะลุยอวกาศแบบ Danny boyle
แฝด : หนังผีตามมาตรฐาน
แสงศตวรรษ : ขอไว้อาลัยให้กับตัวผมเอง
300 : โลกของความรุนแรง
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ : ประกาศอิสรภาพ
Final Score : ครั้งหนึ่งในชีวิตเด็กไทย
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช : เรียนรู้จากรากเหง้า
13 เกมสยอง เรียลลิตี้ครองเมือง
Seasons change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย : ถึงเวลาที่ต้องเลือก
Ice Age 2 : The Meltdown บันเทิงเริงใจ
My Girl and I : ความรักและการพลัดพราก
Daisy : ไม่แข่งยิ่งแพ้
เด็กหอ : เพื่อนตายหาง่าย ไปหน่อยไหม ?
Crash : มนุษย์สีอะไร ?
Brokeback Mountain : หุบเขาเร้นรัก
Munich : มดงานตัวหนึ่ง
An Unfinshed Life : เรียนรู้การให้อภัย
มาบอกรักผ่านหนังกัน
Just like heaven : อย่าลืมรักษาตัวเอง
รักแห่งสยาม : love is all around
หลังจากลังเลอยู่นานว่าจะไปดูคนเดียวหรือรอพิน กลับมา
แล้วค่อยดุพร้อมกัน เพราะมัวแต่คิดว่า พิน จะไม่ชอบหนังแบบนี้หรือเปล่า
โดยเฉพาะประเด็น ชายรักชาย ที่ได้ยินคนเขาพูดกัน
แต่คิดดูอีกทีแล้ว พิน ก็ไม่ใช่คนที่จะตั้งแง่อะไรกับเรื่องแบบนี้
ก็ตัดสินใจรอดูด้วยกันดีกว่า
โชคดีที่ยังมีรอบให้เราได้ดูกัน แม้ว่าตอนไปถึงหนังจะเริ่มไปนิ๊ดนึงแล้วก็ตาม
เรื่องราวของโต้งและมิว เพื่อนสนิทในวัยเด็กที่แยกย้ายกันไป
ก่อนที่จะกลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อโตขึ้น
โต้งเป็นเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่มีปัญหา เนื่องจาก การหายไปของ
แตง (พลอย เฌอมาลย์) พี่สาวของโต้ง ที่หายตัวไปจากการไปเที่ยวเดินป่า
ตั้งแต่นั้น กร (กบ ทรงสิทธิ์) พ่อของโต้ง ก็จมอยู่กับเหล้า
เฝ้าโทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่ปล่อยให้ลูกสาวไปเที่ยว
ภาระในครอบครัวจึงตกอยู่ที่ สุนีย์ (สินจัย เปล่งพานิช) เพียงคนเดียว
..........................................................................................
ส่วนมิวนั้นใช้ชีวิตตัวคนเดียว ตั้งแต่อาม่าเสียไป
มองจากภายนอกแล้วก็ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป
แต่ลึกๆ แล้ว มิว มักจะรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่เสมอ
อย่างที่มิวได้บอกกับโต้ง ว่า ความโดดเดี่ยวมันเป็นยังไง
เป็นหนังที่ดูแล้วชอบ
ชอบในความใส่ใจของคนสร้าง
ชอบในมาตรฐานความเป็นหนังที่มีเรื่องมีราว
มันช่วยยืนยันว่า หนังดี ไม่จำเป็นต้องมีอะไรหวือหวา
หลักใหญ่ใจความคือ บทหนัง ที่ดีต้องมาก่อน
ตัวละครแต่ละตัว มีคาแรกเตอร์และบทบาท
รู้สึกได้ถึงความเป็นมนุษย์ ที่เราคุ้นเคย
ทำให้รู้ว่า คนเขียนบท ใส่ใจในรายละเอียด
ประเด็นของเรื่องความรัก ชาย-ชาย
ในเรื่องนี้ด้วยความลงตัวของเรื่องราว
ทำให้ผมดูแล้วไม่รู้สึกประดักประเดิด
หากเทียบกับ Brokeback moutain
ผมยังรู้สึกไม่แนบเนียนสักเท่าไหร่
คือดูแล้วรู้สึกได้ว่า มิว มีความเป็นหญิงแบบรู้สึกได้
โดยไม่ต้องแสดงออกอะไรให้มากมาย
หากจะมีคนถามว่า หนังเรื่องนี้เป็นแนวไหน
คงจะบอกว่าเป้นหนังสำหรับครอบครัวมากที่สุด
เพราะหนัง อบอวลไปด้วยความรักในหลายรูปแบบ
...............................................................................
ความรัก ของพ่อ - แม่ที่มีต่อลูก
กร จมอยู่กับความทุกข์ จากการสูญเสียแตงไป
รักมากเมื่อสูญเสียก็ย่อมทุกข์มาก
แต่กับ กร แล้วความทุกข์และเสียใจ
ยิ่งเพิ่มทวีคูณจากความผิดในใจ ที่คิดว่า ตนเอง เป็นคนผิด
ที่อนุญาตให้ แตง ไปเที่ยวกับเพื่อน
คุณกบ ทรงสิทธิ์ ทำได้ดีในบทนี้ แม้จะไม่ค่อยมีบทบาทนัก
แต่ฉากนั่งกินข้าวแค่ฉากเดียวนั้น ก็เยี่ยมสุดๆ แล้ว
การแก้ปัญหาของกร ก็คือหนีจากโลกความเป็นจริง
ในขณะที่ สุนีย์ เลือกอีกทาง
เธอใช้ อดีตเป็นบทเรียน เพื่อวันข้างหน้า
กับ โต้ง เธอจึงต้องไปรับ-ส่ง ทั้งๆ ที่โต้งเองก็เข้ามัธยมปลายแล้ว
เมื่อลูกหายไปในคืนหนึ่ง เธอถึงออกตามหาไปทั่ว
ทั้งๆ ที่กรุงเทพไม่ใช่เล็กๆ
แต่อดีต ที่ฝังใจคงหลอกหลอนเธอ จนไม่สามารถจะอยู่เฉยๆ ได้
บทที่ดี ทำให้เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ
แม้ว่าเธอจะทำอะไรที่ดู เกินเหตุ เช่นการไปพบกับมิว
เราก็สามารถเข้าใจเธอ ได้ว่า
สำหรับสุนีย์แล้ว เธอ ไม่ต้องการจะสูญเสียใครในครอบครัวอีกแล้ว
บทที่ดี เมื่ออยู่ในความรับผิดชอบของนักแสดงที่ดีแล้ว
ก็ได้ผลลัพธ์ดีๆ อย่างที่เห็น จาก คุณ นก สินจัย
ในเรื่องนี้ ผมจะแปลกใจมาก ถ้าเธอไม่ได้รางวัลจากบทนี้
สำหรับใครที่เป็นลูก ไปดุหนังเรื่องนี้แล้ว
อาจจะทำให้รู้ได้ว่า พ่อแม่นั้นรักลูกมากแค่ไหน
...........................................................................................
ความรักของวัยรุ่น
มีเรื่องการแอบรัก ของ หญิง ที่เฝ้าแอบชอบชายข้างบ้าน
ก็เป็นธรรมดาของวัยรุ่นที่เราๆ ท่านๆ คงเคยผ่านกันมาแล้ว
ความรักแบบฉาบฉวย
อย่างคู่ของ โดนัทและโต้ง
สื่อถึงความรักที่ไม่ได้มีความหมายอะไรนัก
โดนัท เอง เป็นตัวแทนของ วัยรุ่นที่ดูเหมือน
ยังไม่เข้าใจอะไรกับคำว่า ความรัก เลย
เพียงต้องการให้มีคนสนใจ และคนใส่ใจเพียงเท่านั้น
ขอแค่ใครก็ได้
ส่วนหญิงเอง ก็เป็นเรื่องของวัยรุ่นกับการแอบรัก
ที่เราก็พบเห็นได้ในสังคมทั่วไป
รัก โดยที่ยังไม่รู้เลยว่า คนที่เราไปรักนั้นเป็นยังไง
ส่วนมิว-โต้ง นั้น แตกต่างออกไป
ตรงที่ ทั้งสองคนดูจะเข้าอกเข้าใจกัน
เนื่องจากภูมิหลังที่เคยรู้จักกันมาก่อน
โต้งเองจึงเข้าใจมิว เมื่อมิวเล่าให้ฟังถึงความโดดเดี่ยว
เมื่อสุนีย์ มาบอกกับมิว ว่า โต้งเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่
ด้วยความรัก และความเข้าใจ มิวถึงได้เลือก
และเข้าใจสิ่งที่โต้งมาบอกในตอนท้าย ของเรื่อง
เมื่อตัดเรื่อง เพศออกแล้ว เราคงต้องยอมรับว่า
ทั้งสองคน รักกันจริง
ถ้าใครเป็นวัยรุ่น(รวมทั้งผมด้วย)
ไปดูหนังเรื่องนี้ ก็คงได้แง่มุมดีๆ ของความรัก
...............................................................................
ความรัก ระหว่าง สามี - ภรรยา
สุนีย์ - กร คู่สามีภรรยา ที่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย
เมื่อลูกสาว หายตัวไป
หลังจากดูไปเราจะรู้สึกได้ว่า
สุนีย์นั้นรัก กรมากแค่ไหน
เพราะไม่ว่าภาระที่เธอแบกไว้จะหนักหนาเพียงไหน
ก็แทบจะไม่มีการโวยวายหรือด่าทอกรเลย
จนกระทั่งถึงที่สุดจริงๆ เท่านั้น
ฉากที่เธอนำกับข้าวใหม่มาให้กร
ทำให้เรา รวมทั้ง กร ซึ้งในน้ำใจของคนที่เป็นภรรยา
แต่นั่นก็เป็นจุดอ่อนจุดหนึ่งของหนัง
ที่ทำให้ผม เกิดความสงสัยว่า เหตุใด สุนีย์ถึงทนอยู่ได้
ทนอยู่กับผู้ชายที่หันหลังให้ทุกอย่างได้
และฝ่ามรสุมชีวิตไปลำพัง พร้อมแบกสองชีวิตไว้บนบ่า
นึกถึงสังคมปัจจุบันที่เห็นมา
ถ้าปกติ ป่านนี้ ภรรยาคงทิ้งสามีไปนานแล้ว
ในหนังเองก็ไม่ได้ปูพื้นไว้ว่า
เหตุใด สุนีย์จึงได้รักกร ขนาดนี้
(หรือมีแอบบอกไว้แต่ผมไม่รู้ก็ไม่ทราบได้)
..................................................................................
มีอีกเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของหนัง
ก็คือการแสดงของ มิวและโต้ง
ไม่รู้สิ ก็ถือว่าดี แต่บางฉากบางจังหวะมันยังดูแข็งๆ อยู่
แต่ก็ โอเค ครับ สำหรับมือใหม่
จะให้ไปเทียบกับคุณสินจัย มันก็เกินไป
................................................................................
สุดท้ายแล้วดูหนังจบ แล้วมีความสุขครับ
มีความสุขที่ได้ดูหนังดีๆ
มีความสุขที่ได้ดูหนัง กับพิน
หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบปี
และสุดท้ายมีความสุขที่พินบอกว่า
หนังดี คุ้มสมกับที่ได้มาดูหนังที่เมืองไทย
คือ พิน เค้าไม่ค่อยชมหนังเรื่องไหนง่ายๆ นะ
ฝากคำชมนี้ไปถึงผู้กำกับและทีมงานด้วยครับ
..............................................................................
คะแนน 8/10
โรงภาพยนตร์ EGV ซีคอนสแควร์
วันที่ 15 ธันวาคม 2550
ข้อมูลภาพยนตร์
รักแห่งสยาม (2550)
ผู้กำกับ ชูเกรียติ
นักแสดง : สินจัย หงษ์ไทย (สุนีย์) , ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี (กร)
มาริโอ้ (โต้ง) , วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล (มิว)
Create Date : 18 ธันวาคม 2550
Last Update : 21 ธันวาคม 2550 17:29:29 น.
3 comments
Counter : 493 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีค่ะ
แสงตะวัน ไปดูมาตั้งแต่วันลอยกระทงที่ผ่านมา
ตอนนี้ให้มาคุยกันคงจะไม่ได้อารมณ์เหมือนตอนออกจากโรงใหม่ๆ อาจจะลืมๆบางจุดไปบ้าง
แต่โดยสรุปแล้ว
ชอบหนังเรื่องนี้มากเช่นกันค่ะ
มันสะท้อนชีวิตจริงได้มากทีเดียวนะ
แสงตะวันชอบตอนที่โต้งช่วยคุณแม่ติดตุ๊กตาบนต้น X'mas แล้วต้นก็ไม่กล้าติดตุ๊กตาเพราะไม่มั่นใจว่าแม่จะพอใจหรือไม่ ชอบประโยคที่โต้งพูดกับแม่
แสงตะวันก็รู้สึกนะ บางครั้งการตีกรอบ สร้างกฎเกณฑ์อะไรมากมาย บางทีมันก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น กลับทำให้อีกคนต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง
แต่ดูแล้วเราก็หดหู่เหมือนกัน
ความรูสึกมันเศร้าน่ะ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวของโต้ง
ข้อสงสัยที่คุณ Pigletdora บอกว่า
ทำไมสนีย์ถึงไม่ยอมทิ้งกรที่ เหตุใดเพราะทนอยู่ได้
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะทิ้งไปแล้วก็ได้
อันนี้แสงตะวันไม่สงสัยเลยนะ
ก็ไม่รู้นะนะว่าถ้าเจอกับตัวจะเป็นอย่างไร
แต่แสงตะวันคิดว่าสุนีย์ทนเพราะ
1.ความรักที่สุนีย์มีให้กร มันไม่เคยหายไป อย่างไรก็เป็นสามีอยู่ดี จะให้ทอดทิ้งกันก็คงไม่ได้ จริงๆแล้วกรไม่ใช่คนไม่ดี แต่เขาเป็นอย่างนั้นเพราะการสูญเสียลูกสาว
2.เพื่อลูก ถ้าครอบครัวแตกแยก ลูกจะเป็นอย่างไร ลูกคงไม่อยากเป็นเด็กที่ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ เพราะเท่าที่เป็นอยู่มันก็เลวร้ายมากมายพอแล้วสำหรับพวกเขา
---------------------------------
นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว แสงตะวันก็ชอบเพลงมากเลยนะ
จะบอกว่าฟังก่อนนอนทุกวันเลย
วันที่ไปดูเรื่องนี้ ก็มีจัดกิจกรรมประกวดร้องเพลงด้วย
แสงตะวันเลยมีโอกาสได้เห็นดาราตัวจริง
ทั้งน้องมิว และน้องโดนัท แต่เสียดายไม่ได้เห็นโต้งอ่ะ
โดย:
เเสงตะวัน
วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:18:57:14 น.
ฉากที่คุณแสงตะวันพูดถึง
ก็เป็นฉากที่ชอบครับ
เป็นการสะท้อนว่า การที่สุนีย์ ดูแลโต้ง มากจนเกินไป
จนเกือบๆ กลายเป็นการตีกรอบ
ก็ทำให้โต้งมีบุคลิกที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง
หรือเกรงแม่ซะจน ไม่กล้าที่จะทำอะไรด้วยตัวเองซะเลย
ส่วนเรื่องของกร เห็นด้วยกับคุณแสงตะวันครับ
เพียงแต่ว่า
หนังไม่ได้ลงรายละเอียด
หรือปูพื้นไว้บ้างเลยว่า สองคนนี้รักกันขนาดไหน
ทำให้ เราต้องมาคิดเอาเอง เออเอง
ทั่งๆ ที่ประเด็นอื่นๆ ในส่วนของบทนั้นจะมี
การปูพื้นไว้เกือบหมดเลยครับ
เมื่อวานได้มีโอกาส เอา เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
มาดูอีกครั้ง ดูจบแล้ว ได้คนละรสชาติ
แต่สาระได้คล้ายๆ กัน
ดูจบแล้ว ก็ต้องบอกว่า ชอบทั้งสองเรื่องเหมือนเดิมครับ
โดย:
pigletdora
วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:6:59:46 น.
แวะมาอ่านคอมเม้นท์ค่ะ
โดย:
เเสงตะวัน
วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:11:26:19 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
pigletdora
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
ปลาทอง Golden Fish
เเสงตะวัน
Doungtawan
a_somjai
ทะเลสีฟ้าจัง
คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก
JewNid
Webmaster - BlogGang
[Add pigletdora's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
แสงตะวัน ไปดูมาตั้งแต่วันลอยกระทงที่ผ่านมา
ตอนนี้ให้มาคุยกันคงจะไม่ได้อารมณ์เหมือนตอนออกจากโรงใหม่ๆ อาจจะลืมๆบางจุดไปบ้าง
แต่โดยสรุปแล้ว
ชอบหนังเรื่องนี้มากเช่นกันค่ะ
มันสะท้อนชีวิตจริงได้มากทีเดียวนะ
แสงตะวันชอบตอนที่โต้งช่วยคุณแม่ติดตุ๊กตาบนต้น X'mas แล้วต้นก็ไม่กล้าติดตุ๊กตาเพราะไม่มั่นใจว่าแม่จะพอใจหรือไม่ ชอบประโยคที่โต้งพูดกับแม่
แสงตะวันก็รู้สึกนะ บางครั้งการตีกรอบ สร้างกฎเกณฑ์อะไรมากมาย บางทีมันก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น กลับทำให้อีกคนต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง
แต่ดูแล้วเราก็หดหู่เหมือนกัน
ความรูสึกมันเศร้าน่ะ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวของโต้ง
ข้อสงสัยที่คุณ Pigletdora บอกว่า
ทำไมสนีย์ถึงไม่ยอมทิ้งกรที่ เหตุใดเพราะทนอยู่ได้
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะทิ้งไปแล้วก็ได้
อันนี้แสงตะวันไม่สงสัยเลยนะ
ก็ไม่รู้นะนะว่าถ้าเจอกับตัวจะเป็นอย่างไร
แต่แสงตะวันคิดว่าสุนีย์ทนเพราะ
1.ความรักที่สุนีย์มีให้กร มันไม่เคยหายไป อย่างไรก็เป็นสามีอยู่ดี จะให้ทอดทิ้งกันก็คงไม่ได้ จริงๆแล้วกรไม่ใช่คนไม่ดี แต่เขาเป็นอย่างนั้นเพราะการสูญเสียลูกสาว
2.เพื่อลูก ถ้าครอบครัวแตกแยก ลูกจะเป็นอย่างไร ลูกคงไม่อยากเป็นเด็กที่ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ เพราะเท่าที่เป็นอยู่มันก็เลวร้ายมากมายพอแล้วสำหรับพวกเขา
---------------------------------
นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว แสงตะวันก็ชอบเพลงมากเลยนะ
จะบอกว่าฟังก่อนนอนทุกวันเลย
วันที่ไปดูเรื่องนี้ ก็มีจัดกิจกรรมประกวดร้องเพลงด้วย
แสงตะวันเลยมีโอกาสได้เห็นดาราตัวจริง
ทั้งน้องมิว และน้องโดนัท แต่เสียดายไม่ได้เห็นโต้งอ่ะ