|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
"การฝึกสติ ด้วยการเจริญวิปัสสนา"
พุทธทาสภิกขุ ..................
กิจกรรมของชมรมจริยธรรม ที่นำมาเสนอสมาชิก
ได้แก่ การฝึกสติ ด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
เป็นการปฏิบัติธรรม ที่เป็นทางสายเอก สู่ การเป็น
ผู้รู้ ผู้ตื่นจากหลับ หรือ พุทธ
ผลจากการฝึก สติ หรือ ปฏิบัติวิปัสสนา จะทำให้เห็นว่า
สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปตามธรรมชาติ ตามเหตุ-ปัจจัย
ไม่เป็นไปตามใจของเรา ต้องทำเหตุ จึงเกิดผล ตามมา
รู้ความจริง ว่า แม้แต่ตัวเราเองก็เป็นการรวมกันของเหตุ
ปัจจัย ต่าง ๆ ทำให้เกิดการยึดมั่น เป็น ตัวกู ของกู
เมื่อฝึกสติ จะรู้ เกิด พุทธ ละความเห็นแก่ตัว
ตามคำสอนท่านพุทธทาส ที่ว่า
"อย่าเห็นแก่ตัว"
แต่ก่อนฝึกสติ ควรทราบ
ธรรมะที่ เกี่ยวข้องกับการฝึกสติ หรือ เจริญวิปัสสนา
เพื่อทำให้ไม่ออกนอกทาง ในการปฏิบัติของตนเอง
และ ทำให้การเจริญวิปัสสนาได้ผลดีเพิ่มขึ้น
ปริยัติ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ย่อมส่อง
การปฏิบัติ ทำให้ปฏิบัติธรรม ได้ถูกต้อง
ย่อมนำผลการปฏิบัติธรรม หรือ ปฏิเวธ
ทำให้เห็นจริงตามความจริงแท้ หรือ ปรมัตถสัจจะ
ไม่ใช่ ความจริงชนิดที่สมมติขึ้น หรือ สมมติสัจจะ
หัวข้อธรรมที่ควรทราบ ได้แก่
โพธิปักขิยธรรม ๓๗ คือ
ธรรมที่เป็นองค์ตรัสรู้ หมายความว่า
การที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรม หรือ
พระอรหันต์ ได้ บรรลุธรรม ก็ได้ใช้
เข้ามาประกอบเกื้อหนุน อันประกอบไปด้วย
๑. สติปัฏฐาน ๔ คือ
(๑) กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ
การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย
ให้รู้เห็นความเป็นจริงว่า กาย ก็สักว่ากาย
ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา
(๒) เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ
การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา
ให้รู้เห็นความความเป็นจริงว่า อารมณ์ สุข ทุกข์
ไม่สุข ไม่ทุกข์ (เวทนา )
ก็สักแต่ว่า เวทนาไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา
(๓) จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ
การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต
ให้รู้เห็นความความเป็นจริงว่า จิต
ที่รับรู้ ทาง อายตนะ ๖ ก็สักแต่ว่า จิต
ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา
(๔) ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ
การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม
ให้รู้เห็นความเป็นจริงว่าเป็น ธรรมฝ่ายดี
หรือ ฝ่ายชั่ว ก็สักแต่ว่า ธรรม ไม่ใช่สัตว์
บุคคล ตัวตน เราเขา
แยกรูป นาม ออกจากกัน มีสติ รับรู้ ปล่อยวาง
หยุดการปรุงแต่งเป็นบุคคล ตัวตน เราเขา
๒. สัมมัปปธาน ๔ คือ
(๑) สังวรปธาน คือ การเพียรไม่ให้บาปที่ยังไม่เกิด
ไม่ให้เกิดขึ้นในตน
(๒) ปหานปธาน คือ การเพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
ให้ลดน้อย จนหมดไปจากตน
(๓) ภาวนาปธาน คือ การเพียรให้กุศลที่ยังไม่มี
ให้เกิดมีขึ้นในตน
(๔) อนุรักขนาปธาน คือ การเพียรรักษากุศล
ที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อม หายไปจากตน
๓. อิทธิบาท ๔ คือ
(๑) ฉันทะ คือ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
(๒) วิริยะ คือ ความเพียรหมั่นประกอบในสิ่งนั้น
(๓) จิตตะ คือ ความเอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
ไม่ทอดทิ้งธุระ
(๔) วิมังสา คือ การใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง
หาเหตุผลในสิ่งนั้น
๔. พละ ๕ คือ
(๑) สัทธา คือ ความเชื่อ
(๒) วิริยะ คือ ความเพียร
(๓) สติ คือ ความระลึกได้
(๔) สมาธิ คือ ความตั้งมั่น
(๕) ปัญญา คือ ความรอบรู้
พละทั้ง ๕ ประการนี้ จัดเป็น กำลังในการปฏิบัติธรรม
๕.อินทรีย์ ๕ มีองค์ธรรมเดียวกัน กับ พละ ๕
เป็นใหญ่ในการปฏิบัติธรรม หรือ ปฏิบัติหน้าที่
๖. โพชฌงค์ ๗
หมายถึง ธรรมที่เป็นองค์ตรัสรู้ หรือ
เป็นองค์ในการบรรลุธรรม มี ๗ ประการ คือ
(๑) สติ คือ ความระลึกได้
(๒) ธัมมวิจยะ คือ ความสอดส่องธรรม
(๓) วิริยะ คือ ความเพียร
(๔) ปีติ คือ ความอิ่มใจ
(๕) ปัสสิทธิ คือ ความสงบสบายใจ
(๖) สมาธิ คือ ความตั้งมั่น
(๗) อุเบกขา คือ ความวางเฉย
๗. มรรคมี องค์ ๘ ได้แก่
(๑) สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ เห็นอริยสัจ ๔
(๒) สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ
ดำริในการออกจากกาม ดำริในการไม่พยาบาท
และดำริในการไม่เบียดเบียน
(๓) สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ เว้นจากวจีทุจริต
(๔) สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ
(๕) สัมมาอาชีวะ ทำอาชีพชอบ คือ
เว้นจาก การเลี้ยงชีพในทางที่ผิด
(๖) สัมมาวายามะ เพียรชอบ คือ
เพียรใน ๔ สถาน (สัมมัปปธาน ๔)
(๗) สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ระลึกในสติปัฏฐาน ๔
(๘) สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ คือ เจริญฌาน ๔
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
อ้างอิง จากเวบลานธรรมจักร ข้างล่าง
//www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12594
มีเวบ ตอบปัญหาการปฏิบัติธรรม โดย
พระโพธิญาณเถระ (ชา สุภัทโท)
พระผู้นำจีวร ไปห่มหิมะ แห่ง วัดหนองป่าพง
อ.วารินชำราบ จ.อุบราชธานี ที่
//mahamakuta.inet.co.th/practice/mk722.html#mk722_3
Create Date : 12 เมษายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 18 เมษายน 2552 18:35:07 น. |
Counter : 1538 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
ฉะเชิงเทรา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
นายแพทย์สำเริง ไตรติลานันท์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมชุมชน แพทย์ครอบครัว ร.พ.พนมสารคาม และ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพ ต.เขาหินซ้อน ประธาน"ชมรมจริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม" ..................................................
เธอจงระวังความคิดของเธอเพราะความคิดของเธอจะกลายเป็นความประพฤติของเธอ จงระวังความประพฤติของเธอเพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ จงระวังความเคยชินของเธอเพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอเธอ จงระวังอุปนิสัยของเธอเพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนดชะตาชีวิตของเธอชั่วชีวิต....หลวงพ่อชา
|
|
|
|
|
|
|
|