รีวิว การอัพหน้าให้เด้งภายในเวลา...หกเดือน ตอน รีวิวเครื่องสำอางรวบยอดให้สมกับที่หายไปแปดเดือน)
สวัสดีค่ะ แอลค่ะ กลับมาหลังจากหายหัวไปเกินครึ่งปี อิอิ ตอนที่สามของเมื่อปีที่แล้วตั้งใจว่าจะเริ่มเขียนถึงเครื่องสำอางที่ใช้อย่างละเอียด ตั้งใจรีวิวเครื่องสำอาง ประสิทธิภาพ และอื่นๆ รวมทั้งลงรูป before/after เป็นขั้นเป็นตอนในทุกๆ เดือนตามที่เคยทำ face diary ของตัวเองเอาไว้ แต่มาถึงตอนนี้นึกไม่ออกแล้วแฮะว่าจะเขียนอะไรทำนองนั้นได้ เพราะความทรงจำเกี่ยวกับตอนนั้นเริ่มเลือนๆ ไปแล้วตามกาลเวลาและหลายๆ เรื่องที่ประดังประเดเข้ามาในชีวิต เพราะฉะนั้นจะรวมๆ ไปเลยแล้วกันค่ะ รูป before... อย่าลงเลยค่ะ ปวดใจ ฮ่าๆ ขนาดของต้นปี 51 ว่าโอเคแล้วมาดูตอนนี้ยังอยากร้องไห้ รับตัวเองได้บ้างเป็นบางขณะ (ที่อารมณ์ดี) เพราะว่าสิวหัวขาวเม็ดเล็กๆ เพียบ หน้ามันแผลบ รูขุมขนบะเฮิ่ม มีชีวิตอยู่ได้ด้วยรองพื้นและแป้งผสมรองพื้น เวลาออกไปข้างนอกต้องทำการโบก กลบ และผลก็คือหน้าลอยค่ะ ขาวเว่อ ฮ่าๆ เครื่องสำอางที่ใช้ เน้นกันอีกครั้งค่ะว่านี่เป็นการทดลองส่วนตัว ผลที่เกิดขึ้นนั้นวัดจากความพึงพอใจส่วนตัวเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่รับประกันผลหรือประสิทธิภาพเผื่อใครทั้งสิ้นค่ะ เริ่มต้นด้วยการปรับสภาพด้วย artistry ชุดพื้นฐานสำหรับผิวมันค่ะ ใช้อยู่หนึ่งชุด เพราะไม่แพ้ (ถ้าอ่านตอนที่ 1 มาจะรู้ว่าแอลแพ้เครื่องสำอางสะบั้นหั่นแหลกค่ะ แต่ที่ใช้ artistry ก็เพราะคำว่า "รับประกันความพอใจ" ถ้าไงแพ้ก็คืนเงินได้ ก็เลยยอมควักตังล่ะค่ะ) นอกจากนี้แล้วก็ใช้ skin refinishing lotion ผสมด้วย ผลคือไม่แพ้ หลังจากนั้นก็เลยอัพเกรดไปใช้ artistry ชุด time defiance สำหรับผิวมันทั้งชุด หน้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าความพอใจจะไม่ค่อยมากพอที่จะทำให้ใช้ต่อ และเนื่องจากเข้าใจว่าหน้าตัวเองแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็เลยมีความกล้าที่จะทดลองกับเครื่องสำอางอื่น เรื่องทั้งหมดจนถึงตอนคิดลองของนี่คือตอนประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงเวลาลองของใหม่แล้ว เครื่องสำอางที่ถ้าแพ้คงไม่ได้เงินคืนแบรนด์แรกที่แอลตัดสินใจลองคือ l'occitane เนื่องมาจากการสอบถามเพื่อนหลายคน (ซึ่งไม่มีใครให้คำตอบได้เพราะไม่มีใครใช้) และความอยากลองของแบบสุดๆ เป็นการส่วนตัว (ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อยากใช้มากมาย) ก็เลยรีๆ รอๆ งี้งั้นงู้นอยู่สักพักใหญ่ ในที่สุดก็ได้ความจากน้องสาวซึ่งใช้โฟมล้างหน้า immortelle ก็ได้ความว่าหน้าขาว (พื้นฐานผิวของน้องสาวแข็งแรงและดีมากค่ะ ผิดกับพี่สาวลิบลับ) บวกกับเพื่อนของน้องสาวบอกว่าแบรนด์นี้ดีมาก ดีทุกตัว ... อืมม เท่านั้นแหละค่ะ แอลเป็นหนูซื่อ เชื่อคนง่าย ไม่รีรอ ลองเลย! ช่วงนั้น artistry ยังไม่หมดเลยค่ะ แต่สิ่งแรกที่ลองใช้คือ oil ล้างเครื่องสำอางในกลุ่มแอปเปิลอัลมอนด์ แต่นึกไงไม่รู้วันนั้นเกิดอยากได้อย่างอื่นด้วย ก็เลยซื้อมาทั้งยาสระผม ครีมนวดผม สครัปขัดตัว โลชั่น และสครัปขัดหน้า ฯลฯ... หลังจากจ่ายเงิน พอกลับมาถึงบ้านก็เกิดสติกลับมาอยู่กับตัว นั่งมองข้าวของแล้วก็นั่งงงกับตัวเอง (นี่แกเป็นบ้าอะไรไปนังแอล ตัวอะไรเข้าสิงเนี่ย ปกติงกเกลือเรียกพี่ไม่ใช่เราะ!) เริ่มหน้าซีดเผือด ประมาณว่าถ้าแพ้จะทำไงดีวะ ฉิบหายจะเกิดไหม คืนเงินก็ไม่ได้ ตายแล้ว! ผลค่ะ... แปลกมาก ประหลาดใจสุดๆ แอลไม่แพ้ ทั้งที่เคยแพ้ออยกระจายมาแล้วครั้งหนึ่งจนต้องทิ้งทั้งขวด! ค่ะ ต้องเรียกว่าโชคดีไป แต่ก็นั่นแหละค่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเสียเงินให้กับแบรนด์นี้ เพราะนอกจากไม่แพ้แล้วยังดีกับตัวเอง ถูกกันเป็นบ้า (แต่ราคาไม่ถูกใจ) แต่เนื่องจากเราเคยแพ้อย่างอื่นแหลกราญมาแล้วไซร้ ก็เลยยึดหลักการว่าไม่เปลี่ยนใจไปลองของอื่นอีกแล้ว สรุปว่าหลังจากนั้นแอลก็กลายเป็นสาวก l'occitane ดังนั้นรีวิวนี้จะมีแต่แบรนด์นี้เท่านั้น ถ้าเกิดว่าใครอยากรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางแบรนด์อื่นคงต้องไปดูที่อื่นนะคะ เอาล่ะค่ะ ทีนี้มาดูผลของการใช้กัน 1. แชมพูและครีมนวดผมเยี่ยมมากค่ะ ไม่ได้ใช้ที่เป็นลาเวนเดอร์นะคะ แต่ใช้เป็น essential oils หลายๆ ชนิดน่ะค่ะ ใช้แล้วไม่เกิดอาการเลวร้ายที่เป็นมาตลอดค่ะ เพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกค่ะว่า "น้ำ" รดถึงหนังหัวจริงๆ ผมสะอาด หนังหัวสะอาด และนั่นก็ทำให้หัวไม่อับ ไม่เหนียว ไม่เกิดรังแค และผมไม่ร่วง โอ้ว เยี่ยมมาก! ปัจจุบันใช้มาแล้วขึ้นขวดที่สาม มี travelling size เอาไว้สำหรับไปร้านสระผมและไปค้างคืนที่อื่น มีขวดใหญ่ตุนไว้อีกหนึ่งขวด หมดเมื่อไรได้ไม่วุ่นวาย ถ้าให้คะแนนล่ะก็ 10 เต็มค่ะ ไม่ใช้อย่างอื่นแล้ว 2. ครีมทาตัวเยี่ยมสุดๆ ให้ 10 เต็มสำหรับ milk concentrate ในกลุ่มอัลมอนด์ ให้ความชุ่มชื้นดี ผิวเนียนขึ้น (เพราะใช้ทุกวันอย่างเมามัน) มีแรงจูงใจในการทามากถึงมากที่สุด กลิ่นหอมอ่อนๆ เนื้อครีมเนียนบาง ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะไม่เยิ้มไม่ว่าห้องจะร้อนขนาดไหน พิสูจน์ได้จากการทาแล้วอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ทางทิศตะวันตกซึ่งไม่มีวันเปิดแอร์เพราะเจ้าของห้องงกค่าไฟ แอลใช้ครีมรุ่นนี้มาสองกระปุกค่ะ ผิวดีขึ้นมาก ไม่แห้งกร้าน ไม่แตกระแหง แจ่มจริง ปลื้ม แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้ต่อ เพราะว่าเกิดนึกอยากจะลองกลิ่นอื่นๆ บ้าง แล้วก็มารู้ที่หลังว่าไม่ควรเปลี่ยน เพราะว่าพอมาใช้โลชั่นในกลุ่มลาเวนเดอร์แล้วเกิดอาการเฉยๆ กลิ่นหอมดีค่ะ หวานๆ ลาเวนเดอร์ ทาแล้วชวนหลับ แต่ว่าความรู้สึกในการทาจะเฉยถึงเฉยที่สุด เพราะมันคือโลชั่นธรรมดา เลยไม่มีแรงจูงใจในการทาเท่าไร อีกอันที่ให้สิบเต็มคือ ultra rich cream ของเชียร์บัตเตอร์ค่ะ เยี่ยมมาก ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น พิสูจน์จากการไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ ไปช่วงเดือนมีนาคม อากาศหนาว แห้ง แต่ไม่มีใครเกิดอาการคันหรือผิวลอกกลับมาค่ะ เพราะสี่คนพี่น้องอาบเชียร์บัตเตอร์ตัวนี้กันแบบไม่เกรงใจสปอนเซอร์ (แอลไงคะ) ชนิดที่ว่ากระปุก 200 g ใช้กันสี่คนสี่วันก็หมดกระปุกค่ะ เยี่ยมมาก....T_______T เพียงแต่น้องๆ จะบ่นว่ากลิ่นมันหอมแบบยายๆ ป้าๆ ไปหน่อย (อาของแอลบอกว่ากลิ่นเหมือนเครื่องสำอางสมัยอายังเอ๊าะ) น้องๆ เลยจะชอบโลชันอีกตัวของ l'occitane ในกลุ่มองุ่นมากกว่า แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้หลอดใหญ่ไป เอาไปเฉพาะซองขนาดทดลอง เพราะไม่คิดว่ากระปุก 200 g ที่ควรจะใช้ได้นานเป็นเดือนจะหมดเร็วขนาดนั้น หอมดี มีกลิสเตอร์ ทาไปมีบลิ้งๆ แม่แอลก็ชอบ ประสิทธิภาพในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นไม่แตกต่างจากเชียร์บัตเตอร์มากนะคะ ตอนที่ไปฝรั่งเศสกับแม่ตอนเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แอลกับแม่อาบน้ำเช้าเย็น ใช้ออยสำหรับอาบน้ำของกลุ่มองุ่นกับโลชั่นตัวนี้ แต่ลูกสาวชะโลมโลชั่นแบบอาบ แต่คุณแม่ทานิดหน่อยพอเป็นพิธี (กลัวโลชั่นจะหมด) ผลคือขาแม่เริ่มเป็นขุยๆ และคัน ก็เลยต้องเพิ่มปริมาณเป็นอาบ ผลก็คือหายค่ะ แล้วก็ไม่คัน กลับมาผิวเนียนนุ่มทั้งแม่ลูก เยี่ยมค่ะ แต่ถ้าถามว่าจะซื้อรุ่นนี้ใช้อีกไหม คำตอบคือคงไม่ซื้อค่ะ กลิ่นน่ะชอบ แต่ไม่ชอบบลิ้งๆ กลิสเตอร์ที่อยู่ในเนื้อครีม ทาออกไปข้างนอกก็โอเคนะคะ แต่ว่าทาตอนนอนแล้วจะรู้สึกแปลกๆ น่ะค่ะ 3. สบู่ของ l'occitane ที่แอลเคยใช้มีหลายรุ่นนะคะ ที่ประทับใจก็คือสบู่ขัดจักกะแร้ในกลุ่มอัลมอนด์ หอมมากค่ะ เอามาขัดทั้งตัวเลย ฮ่าๆ กลายเป็นสบู่สครัป แต่ว่าเปลือกอัลมอนด์มันแข็งไปหน่อย แล้วก็ออยสำหรับอาบน้ำกลุ่มองุ่นก็ใช้ได้ดีในยามอากาศหนาว สบู่เหลวกลุ่มลาเวนเดอร์นี่เจ๋งมากค่ะ หอม เย็น (เย็นจริงๆ ค่ะ อาบตอนหน้าร้อนนี่ใช้ได้เลย) สบู่ขัดตัวอีกอันที่ใช้เป็นรุ่นมะกอกผสมมะเขือเทศ อันนี้ก็อาบมันค่ะ ใช้ขัดสิวที่หลัง (ปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก แต่คนข้างใจ (คนปัจจุบันและหวังว่าจะเป็นตลอดไป) รู้สึกว่าจะชอบ เขาไม่แคร์ค่ะว่าหลังแฟนจะเป็นสิวเล็กๆ น้อยๆ เพราะมันทำให้แฟนเขาไม่กล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นแผ่นหลัง...พ่อคนขี้หวงเอ๊ย! แอล: "อยากใส่เสื้อคอกว้าง อยากใส่เสื้อแขนกุด อยากใส่เสื้อแขนเว้า" คุณท่าน: "เธอจะใส่ทำไม ใส่เสื้อ ben10 น่ะดีแล้ว พี่ชอบ!" ... เอ่อ ปัญหาหนักใจปัญหาใหม่ เสื้อผู้ใหญ่ใส่ไม่ได้ ใส่ได้แต่เสื้อเด็กไซส์ m คุณแฟนเลยพาไปโซนเสื้อผ้าเด็ก ซื้อ ben10!) แล้วก็ตอนนี้ที่ใช้อยู่เป็นสบู่เหลวในกลุ่ม essential oil ค่ะ กลิ่นโรสแมรี ผสมไพน์ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่จำไม่ได้ หอมเย็นชื่นใจ อาบแล้วสดชื่น ล้างออกง่ายทั้งที่ฟองฟอด อิอิ 4. ครีมกันแดด l'occitane เพิ่งออกใหม่ค่ะเมื่อปีที่แล้วนี่เองชื่อกลุ่ม do brazil แอลใช้ spf30 เนื้อครีมจะออกสีเหลืองอ่อน เพราะฉะนั้นเวลาทาผิวก็จะไม่ขาวเว่อ เนียนกริบ ซึมเร็ว กันน้ำ อันนี้คุณแฟนบอกมาค่ะ ซื้อให้เป็นของฝากจากฝรั่งเศส คุณท่านปลื้มมาก เลยใช้อย่างประหยัดเฉพาะเวลาออกรอบ มานั่งบอกว่าดีจังเลย เช้ายันเย็นก็ไม่เป็นคราบ เหงื่อออกก็ไม่เหนียวตัว เยี่ยมมากจ้ะแฟนพี่ ^_^ เอ่อ... พี่คะ หนูให้พี่ใช้ทุกวันค่ะ ก่อนพี่จะดำเป็นเหนี่ยงไปมากกว่านี้ (แต่ไม่ยักใช้แฮะ) ถ้าถามว่ากันน้ำดีไหม แฟนตอบว่าดีมากค่ะ ต้องใช้สบู่ล้างถึงจะออก แต่ข้อบังคับในการทาครีมกันแดดรุ่นนี้ก็คือ จงทาก่อนใส่เสื้อค่ะ เพราะว่าสีมันเหลือง ถ้าเกิดว่าโดนเสื้อผ้าเข้าล่ะก็ได้เป็นคราบเหลืองอ๋อย แต่พอซักแล้วก็หายนะคะ สุดท้ายค่ะ หน้า...อิอิ รีวิวสั้นๆ เฉพาะที่ใช้เท่านั้นนะคะ กลุ่มที่ล้างเครื่องสำอาง 1. oil ล้างเครื่องสำอางในกลุ่มอัลมอนด์ เป็นน้ำมันที่โดนน้ำแล้วจะกลายเป็นน้ำนม บอกคำเดียวว่าเยี่ยมค่ะ ไม่แพ้ ล้างสะอาดมาก ถ้าเกิดว่าเวลานวดหน้าแห้งๆ สิวเสี้ยนจะหลุดออกมา ใช้แล้วสิวไม่บุกหน้า เพราะว่าแอลใช้เสร็จนอกจากจะล้างด้วยน้ำเปล่า (ซึ่งควรจะเป็นน้ำอุ่น) แล้วจะใช้โฟมล้างหน้าล้างอีกครั้ง เพราะพี่คนหนึ่งบอกว่าถ้าใช้ออยต้องล้างให้เกลี้ยง ตอนนี้ใกล้หมดแล้ว แต่มีสำรองเรียบร้อยแล้วค่ะ 2. cleansing water ในกลุ่มเชียร์บัตเตอร์ อันนี้ก็ดีค่ะ ใช้เช็ดพวกอายไลน์เนอร์ อายแชร์โดว์ออกดีนักแล แต่ว่าถ้าจะเช็ดมาสคาร่าหรือรองพื้นต้องใช้เยอะหน่อย ส่วนใหญ่แอลเลยใช้อันนี้สำหรับเวลาแต่งหน้าพลาดค่ะ เช็ดอายไลเนอร์ที่เกินๆ หรือว่ามาสคาร่าเลอะๆ ออกสะดวกดี 3. milk makeup remover ในกลุ่ม immortelle อันนี้เฉยๆ ถึงขั้นเฉยมากค่ะ มันก็ล้างเครื่องสำอางออกดีนะคะ แต่ถ้าเทียบกันแล้วชอบ oil มากกว่า แอลซื้อ travelling size มาใช้สำหรับเวลาเดินทางค่ะ
กลุ่มโฟมล้างหน้า ตั้งแต่ใช้มาก็มีแค่ brightening cleansing foam ในกลุ่ม immortelle เท่านั้นค่ะ ใช้มาสามขวดแล้ว ชอบค่ะ หอมนิดๆ ล้างหน้าแล้วสะอาด สดชื่น ไม่แพ้ แต่คราวหน้าคิดว่าจะลองเปลี่ยนไปใช้มะกอกดูบ้าง (ฮ่าๆ เบื่อแล้ว) กลุ่มโทนเนอร์ ใช้แค่ brightening toner ของ immortelle อีกนั่นแหละค่ะ ใช้ดีค่ะ ไม่แพ้ สดชื่น กลุ่มครีมทาหน้า 1. very precious cream เป็นครีมในฝันเลยค่ะ ทั้งประสิทธิภาพและราคา...เอาเป็นว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งกระปุก ก็จะกลายเป็นครีมที่อยู่ในความฝันต่อไป เป็นครีมที่สร้างความประหลาดใจให้แอลที่สุดถึงที่สุด เพราะแอลเชื่อมาตลอดเวลาว่าตัวเองผิวมัน แต่ว่าหน้าลอกๆ แสบๆ ตรงแก้มประจำ นึกไงไม่รู้ถึงซื้อครีมรุ่นนี้มา ผลคือว่าใช้ได้ค่ะ แล้วหน้าดีขึ้นด้วย ไม่ลอก ไม่แสบแก้ม เยี่ยมมาก แล้วก็เลยแน่ใจว่าส่วนหนึ่งที่หน้ายังคงมันอยู่น่าจะเป็นเพราะว่าใช้แต่เครื่องสำอางที่ควบคุมความมัน ทำให้หน้ายิ่งขาดน้ำไปกันใหญ่ ผิวก็เลยผลิตน้ำมันออกมาทดแทน เลยกลายเป็นยิ่งหน้ามัน มัน และมันๆๆๆๆๆ แต่พอมาได้ความชุ่มชื้นเต็มที่ ผิวเลยไม่ต้องผลิตน้ำมันมามากมาย ตอนนี้ก็เลยผิวดีขึ้น ไม่มัน ไม่แห้ง 2. precious cream ซื้อครีมรุ่นนี้ให้แม่ใช้ค่ะ แม่ชอบ ตอนไปฝรั่งเศส very precious cream มันกำลังจะหมดกระปุกก็เลยเอา precious cream ของแม่ไป เนื้อครีมจะเบากว่า แต่ว่าให้ความชุ่มชื้นดีเหมือนกัน ทาแล้วอยู่ได้ทั้งวัน ไม่แสบผิว ไม่ลอก สรุปว่าดีค่ะ 3. very precious fluid spf40 เป็นโลชั่นสูตรน้ำผสมกันแดดที่ใช้ตอนกลางวัน แอลใช้มาจะสองขวดแล้ว หน้าไม่ขาวเว่อซึมซาบเร็ว เวลาใช้แอลจะทา very precious cream ก่อนทุกครั้งตามคำแนะนำของ ba แต่พี่ที่สนิทกันบอกว่า ultra mositurizing fluid spf20 ใช้ดีกว่า เพราะว่าเวลาบ่าย เหงื่อออก ตัวนี้มันเหมือนจะลอยๆ แอลไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะว่าพี่เขาทาเฉพาะ fluid หรือเปล่า เพราะแอลไม่เคยมีอาการแบบนั้น ก็เลยคิดว่าถ้าหมดจะลองรุ่นนั้นแหละค่ะ 4. ultra rich face cream อันนี้ซื้อมาเพราะแน่ใจแล้วว่าผิวตัวเองขาดน้ำแน่ๆ รุ่นนี้รับประกันว่า hydration for 24 hours ผลการใช้แล้วประทับใจค่ะ หน้าไม่มัน นุ่ม แล้วก็ไม่แห้ง ทากลางคืนตื่นมาไม่แห้ง เยี่ยมค่ะ สรุป... อย่างที่บอกว่าแอลใช้ l'occitane ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็หมายความว่ายังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้อีก แต่ตอนนี้ขี้เกียจ ไว้ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟัง ทั้งซีรัม สครัปหน้า สครัปตัว มาส์กทั้งหน้าและผม แฮนด์โลชั่น ฟุตโลชั่น กลอส มาสซาจออย และน้ำหอม ถ้าถามว่าดีไหม แอลก็ว่าดีทั้งนั้นล่ะค่ะ เพราะแอลใช้แล้วไม่แพ้และมันเห็นผลจริงๆ สำหรับตัวแอล (เป็นความเห็นส่วนตัวมากๆ โปรดใช้วิจารนญาณในการอ่าน) เพียงแต่จะประทับใจมากเป็นบางอย่างและประทับใจน้อยเป็นบางอย่าง แล้วถ้าถามว่าแอลจะเปลี่ยนไปลองแบรนด์อื่นไหม ก็ตอบว่าตอนนี้ไม่และคงอีกนานมากกว่าจะเปลี่ยนใจ แต่ข้อเสียสุดๆ ของแบรนด์นี้ก็คือเรื่องราคาค่ะ ราคาที่เคาน์เตอร์แพงโหด ไม่รู้จะแพงไปถึงไหน แล้วก็ไม่ค่อยลดเสียด้วย (ยกเว้นที่เพนนินซูล่า รู้สึกว่าจะลด 10% จากราคาเคาน์เตอร์ตามห้างนะคะ ไม่แน่ใจ กรุณาเช็กอีกที) ถ้าหากว่าแอลไม่ได้ใช้ทุกอย่างก็คงจะไม่บ่นหรอกค่ะ แต่นี่มันใช้ทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้านี่สิ ส่วนใหญ่แอลก็เลยจะฝากคนรู้จักซื้อจากดิวตี้ฟรีค่ะ ทุ่นไปได้หน่อย แล้วก็ตอนที่ไปฝรั่งเศสแอลก็เลยขนซื้อมาตุนเพราะถูกกว่ากันเยอะมากๆ อิอิ จบการรายงานด้วยหน้าตาปัจจุบันค่ะ ถ่ายด้วยกล้องมือถือค่ะ ตอนนี้หน้าใส แต่ว่ามีสิวคู่ที่คาง แต่แฮปปี้ค่ะ
Free TextEditor
Create Date : 17 มกราคม 2552 |
|
13 comments |
Last Update : 17 มกราคม 2552 18:53:44 น. |
Counter : 6197 Pageviews. |
|
|
|