just one who nobody
แนน เก้าแก้ว

"เอ๊ย ข่าวว่าเซ็งมากมายหรือไง"

"เออ อยู่นี่ไม่มีตะบักตะบวยอะไรทำ"


นี่คือคำทักทายกันฉันเพื่อนเก่ากันมานาน
แล้วก็โต้กันในเรื่อง หาอะไรให้มันทำดี

ประเด็นก็คือ ระบบชีวิตมัน กับระบบชีวิตผมคล้ายกัน
คือ "ไม่มีระเบียบในการดำรงชีวิต" เพราะฉนั่น
ถ้าจะทำงานอยู่ที่บ้าน ทำของแฮนเมคไปเรื่อยๆ(ซึ่งมันถนัด)คงเป็นแค่ของแก้เบื่อ
แต่อย่างมัน คงเบื่อก่อนที่ของจะออกมาแยะพอจะขาย

เราได้ข้อสรุปกันอย่างหนึ่งว่า ใครว่าพวกเรารักอิสระเกินกว่าจะยึดกฏระเบียบได้
"เราเพียงแค่หาความเหมาะสมให้กับชีวิตตัวเอง"ก็เท่านั่น

เพราะถ้าตามใจตัว มีหวัง อย่างเราก็คงนอนเล่นเนททั้งวันไม่หลับไม่นอน
แล้วอย่างมันคงเมาทั้งวันแน่ ต่างคนต่างรู้ตัวดี ถึงออกมาหาข้อจำกัดของข้างนอกมาขีดจำกัดชีวิตตัว
แต่ข้อจำกัดอันนั่น ต้องอยู่ในภาวะที่รับได้ เพราะมากไป กรูก็ไม่ทำ

นั่นหล่ะ ต่างคนต่างก็กำลัง หาความเหมาะสมให้กับชีวิต ในแบบที่เราเป็น




เรื่อยมาจากเรื่องชีวิต มาถึงปัญหาของมัน มันเป็นคนสนุก มีมุมอะไรแปลกๆที่ไม่คิดว่า คนสติดีจะคิดกัน ก็ว่าจะเขียนหนังสือท่าจะดี เลยแนะนำเขียนลงบล๊อกดิ คนเข้ามาอ่านเพื่อซาวเสียง ได้หัดแก้ไขไปเรื่อย เพราะนิสัยเยี่ยงมัน เขียนลงกระดาษ ถ้าไม่เก็บไว้เรื่อยจนหาไม่เจอ ก็คงเขียนแล้วเก็บจนหายแน่ ชาติหน้าถึงทำบุญมาดี คงไม่ได้อ่านของมัน

แนะนำไปเราก็ลืม เทคโนโลยีกับตัวมัน สวนทางกันยิ่งกว่าขั้วเหนือใต้ ผลคือ กำของกระผมต้องมานั่งสมัครพันทิพ รวมถึงบล๊อกแก๊งซ์ให้

สติมา ปัญญาเกิด ไอเดียบรรเจิตว่า มันบอกเรื่องแรกคงเขียนว่า
" ทำไมดื่มไวน์แล้วถึงสะอึก "
แล้วก็ไม่พ้นเรื่องพวกนี้ซักที คาดว่าตอนที่คุยคงกำลังนั่งกินไวน์ไปด้วยแน่

ปัญหาต่อไป ท่านไม่พบบัตรประชาชน แม่เก็บไว้เพราะกลัวหาย ก็เข้าใจอยู่ ขนาดรองเท้าแตะยังหายไปหลายสิบคู่ นับประสาอะไร เอาฟระ จัดให้สมัครให้ เองเลือกชื่อมาเลย

" เก้าแก้ว"


นี่คือชื่อที่มันตอบมาในบัดดล เหมือนคิดเอาไว้แล้ว ฟังแล้วขำทันที
มันไม่ใช่แค่ชื่อเพราะๆ สวยๆ ธรรมดานะครับ มันมีที่มา


เมื่อสมัยที่ยังอยู่เกาะกัน พวกเรานั่งกินกันทุกวัน
กินอะไรหน่ะหรอ ก็กินเหล้านั่นหล่ะครับ เลิกงานก็กิน ทำงานอย่ก็กิน วันๆไม่ทำอะไร ทำงาน กินเหล้า ชีวิตมีอยู่แค่นั่น

ที่กินประจำก็คือ บาร์ข้างๆที่ทำงานนั่นเอง ถือว่าเป็นสถานที่ที่ทุกคนเข้าไปกันเสมอ แถวพวกที่นั่งกันอยู่ก็คุ้นตา ทำงานก็เจอ มากินเหล้าก็เจอกันอีก บรรยากาศสบายๆ ชีวิตจะมีอะไรดีไปกว่านั่งบนทรายล มีเหล้าคนละแก้ว แล้วก็นอนดูดาว

ที่กินกันประจำคือว๊อกก้า ไม่ใช่ติดหรูนะครับ แต่เพราะมันถูกสุดแล้ว เหล้าที่เกาะที่พวกเราสามารถหาซื้อมากินได้ นอกจากแสงโสมก็จะเห็นมีแต่ว๊อกก้า นอกนั่นไร้ปัญญาครับ แพงจัด บลูอีเกิ้อ สเปร์ หรือผู้ชายร้อยคนพวกผมไม่รู้จักครับ ไม่มีขาย

ปกติเราจะมีติดห้องกันไว้ขวดสองขวด เผื่อฦฉุกเฉิน เวลาไม่ได้ลงมาที่บาร์ ถ้าวันไหนไปตลาดก็จะซื้อติดมือมา วิธีกินคือง่ายๆ ยกใส่ปาก หรือรินใส่แก้วถ้าหาได้ ไม่มีมะนาว ไม่มีโซดา หรือเครื่องอะไรทั้งนั่น แน่นอนน้ำแข็งด้วย ว่ากันเพียวๆ นั่นหล่ะ
ครั้นมากินที่บาร์ มีคนมาเสริฟ ได้มีเจือจางด้วยม๊อกเซอร์ต่างๆ รู้สึกตัวเองไฮโซมาทันที บางทีอารมณ์ดี สั่งทำมาเป็นค๊อกเทล ให้รื่นเริงใจ ให้มันหนักน้ำเข้าไว้ ก็แค่....ยืดเวลาเมา กับเมื่อยขาเพราะเดินไปชี่บ่อย

แต่กับแนนไม่ใช่ แนนเป็นมังสวิรัตแบบเต็มรูปแบบเท่าที่เคยเจอ กินแต่ผักแต่หญ้า เพราะฉะนั่น มันว่าในเมื่อเหล้าทำจากพืช ไม่ใช่สัตว์ มันสามารถกินได้โดยไม่ผิดคอนเซ็บ เอากะมัน

เหล้า ๑ ขวด ขายที่เกาะประมาณ ๕ ถึง ๖ ร้อยบาท เอามาทำค๊อกเทลส่วนใหญ่ใช้แค่ช๊อตเดียว หรือบางทีก็ไม่ถึง สนนราคาขาย แก้วละ ร้อยยี่สิบบาท(มั้ง) ราคากันเอง คิดดูว่า เหล้าขวดนึง เขาได้กำไรกันกี่บาท แต่กับพวกผม ซึ่งกินกันจนเจ้าของบาร์เกรงใจบอกให้ซื้อเหล้ามาเก็บไว้นี้เถอะ จะขายกันขนาดนั่นก็มีเคืองหล่ะ

แต่อย่าถามว่าแก้วเท่าไหร่ ไม่เคยถามเจ้าของบาร์มันเหมือนกัน
รู้แต่ว่า เวลามันชงมา มันต้องมากกว่า ๒ ช๊อตหล่ะ
เพราะเคยกินแก้วชาวบ้าน นั่นมันน้ำโซดาชัดๆ ๕๕๕๕๕

เคยนับแก้วที่กิน กินกันทั้งคืน ทุกคนไม่เคยเกิน ๖ ถึง ๗ แก้ว มันต้องมีใครซักคนเมาวิ่งลงทะเล หรือเมาหลับ เมาอ้วกไปก่อนทุกที แต่กับคุณแนน เธอไม่อย่างนั่น ร่างกายเธอไหลเวียนด้วยแอลกอฮอล์ ทุกคนเมาแล้ว แนนยังนิ่ง แต่ต้องกลับเพราะต้องลากคนอื่นเดินขึ้นเขากลับบ้านพักอีก ค่อยไปกินบนห้องอีกทีแล้วค่อยหลับ

และแล้วหนตำนานก็เกิดขึ้น อย่ามาถามว่าคืนไหน เอาว่าคืนหนึ่ง พวกเราก็หนีงานไปนั่งกินกันเช่นเคย สั่งมาอย่างเคย ว๊อกก้าโทนิคคนละแก้ว วันนั่นนึกคึกนั่งนับแก้วกันอีก อยากรู้ว่าเหลือปริมานตับที่ใช้ได้อีกเท่าไหร่ กินไปจนค่อนคืน ผมเมาแระ วิ่งลงทะเล กลับมาอีกที

! ! ! พระเจ้า ! ! !

ผมได้เห็นสิ่งที่ไม่นึกว่าในช่วงชีวิตนี้จะได้เจอ แนนมันเมาแล้ว เออ วุ้ย ไม่น่าเชื่อ เพื่อนเราเมาเป็นด้วยแฮะ นับแก้วข้างตัว เออ ๘ แก้ว แก้วที่เก้าอยู่ในมือพอดี

แนนเลยได้ชื่อว่า แนนเก้าแก้ว ตั้งแต่นั่นมา




จากเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ พร้อมกับคำพูดที่ว่า
"แก้วที่เก้าแล้วก็ยังอยากกินต่อ" โดย คุณ แนน บัณฑิตา


อีกหน่อยเมื่อได้ล๊อกอินแล้ว คงมีเรื่องแก้วต่อไปของแนนมาให้ครื้นเครง



เรื่องราวจากสมัยเป็นคนเกาะยังถูกฝังในซอกหลืบสมองอีกมากมาย
ไม่ว่าจะ "คุณปลายแสง(โสม)" "แม่ปุ้มเรือข้าวต้ม"
"พี่ดอมกับหมอศัลยกรรมและฝูงหมา"
"แกงไตปลา กินกับอะไรอร่อยของนายหมุด"






โอ้ ละ หนอ ชีวิตนี้ ข้าน้อยขอ เอาแก้วนำ แล้วก้าวตาม



Create Date : 14 มีนาคม 2551
Last Update : 14 มีนาคม 2551 2:22:34 น. 2 comments
Counter : 502 Pageviews.

 
อืม!!! ชื่อมันมีที่มาที่ไปจริง ๆ เนอะ เหอ ๆ


โดย: annie l (Annie l ) วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:16:46:20 น.  

 
อยากให้เขียนต่อ
จะรออ่าน
ถ้ารวมเล่ม
ก็จะรอซื้อ


โดย: เหมียวน้อยไร้เวทย์ (NonMagicKitty ) วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:13:48:10 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

outside islander
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




พอเถอะ ผู้หญิง
Khor T ( May i? ) - Noodle Formula
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
14 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add outside islander's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.