(28) พร้อมทั้งกายและใจ กับการอบรมเตรียมคุณแม่ก่อนคลอดที่ BNH
มีโอกาสไปอบรมหลักสูตร เตรียมคุณแม่ก่อนคลอด และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ที่ BNH มา สำหรับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ขึ้นไป ซึ่งเค้ารับไม่เกินรุ่นละ 30 คน (15 คู่) แบ่งการอบรมเป็น 2 ครั้ง
ครั้งแรกวันที่ 19 Apr, 8.30-12.30
วิทยากร : คุณวาริศา วิเศษสรรพ์ อาจารย์พยาบาล วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย หัวข้อในการอบรม วันแรก - การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ในช่วงไตรมาสสุดท้าย - การบริหารร่างกาย เพื่อลดความไม่สุขสบาย และเตรียมพร้อมก่อนคลอด - การฝึกหายใจ และการปฏิบัติตัวเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด - อาการแสดงเมื่อเข้าสู่ระยะใกล้คลอด - กลไกการคลอด และการคลอดโดยวิธีต่าง ๆ - การปฏิบัติตัวภายหลังคลอด
ครั้งที่สองวันที่ 26 Apr, 8.30-12.30
วิทยากร : คุณอาทิตยา, คุณธาริณี เบ็ญจวัฒนานันท์ พยาบาลประจำแผนกทารกแรกเกิด หัวข้อในการอบรม วันที่สอง - การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ - การดูแลทารกแรกเกิด : การให้นม, การอุ้ม, การอาบน้ำ, การใส่ผ้าอ้อม - การเตรียมเอกสารแจ้งเกิด และกระบวนการแจ้งเกิดใน BNH - เยี่ยมชมห้องคลอด, ห้องทารกแรกเกิด, ห้องพักหลังคลอด
ต้องขอบคุณพี่ป๋อมที่มาแจ้งข่าวแต่เนิ่นๆ ให้ไปสมัคร เพราะเป็นการอบรมที่มีประโยชน์มากมาย จริงๆ เนื้อหาก็เหมือนในหนังสือตำรามากมาย ที่เราได้อ่านมาตลอด แต่การได้ไปนั่งฟัง มีส่วนร่วม มันทำให้เข้าใจ และ in มากขึ้น ห้องที่เรียนก็จัดให้ดูสบายๆ นั่งเรียนจนไหลเรื่อยๆ ไปท่านอน สบายไปไหม ช่วง break ก็มีของว่างจาก S&P พร้อมน้ำส้มให้ทาน ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่จำเป็นต้องฝากท้องที่ BNH ก็เข้าร่วมการอบรมได้ ภาพสถานที่อบรม ที่ดูสบายๆ เป็นกันเองและนั่ง (นอน) สบายเป็นที่สุด มีแจกหนังสือเรียน และผลิตภัณฑ์นมพร้อมกระเป๋าน่ารักๆ จาก Dumex
สำหรับครั้งแรกที่ไปอบรม เค้าเน้นเรื่องการเตรียมตัวคลอด (ธรรมชาติ) ซึ่งเรามีความตั้งในเป็นอย่างมากที่จะคลอดเอง แต่ก็กลัวสุดๆ สิ่งสำคัญเลยคือสภาพร่างกายต้องแข็งแรง หัวใจ ปอด หลอดเลือด จะช่วยให้ร่างกายอดทนได้ดีขึ้น และการหายใจอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ ด้วยเหตุนี้ เราเริ่มออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ และนั่งสมาธิ (ช่วยให้ใจสงบด้วย) นอกจากสภาพร่างกาย จิตใจเป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันน่ะ ที่จะทำให้คลอดได้ง่ายขึ้น เราต้องไม่กลัว ไม่เครียด ไม่วิตก (จะพยายามน่ะ จะนอนเบ่งอย่างลัลลา
.)
เนื้อหาสาระสำคัญๆ ที่จดมาได้
อาการแสดงล่วงหน้าก่อนคลอด
- ระดับหน้าท้องจะลดลงล่วงหน้า 3 สัปดาห์ เพราะลูกเริ่มกลับหัวลงไปด้านล่าง (ช่วง 36 weeks จะเป็นช่วงที่ยอดมดลูกสูงสุด อยู่ใต้ราวนม จะอึดอัดมากมาย) - ปวดปัสสาวะบ้อยบ่อย เพราะกระเพาะปัสสาวะโดนเบียด (ทุกวันนี้ก็เดินไปห้องน้ำเป็นงานหลักแล้วน่ะเนี่ย อีกหน่อยต้องย้ายไปอยู่ในห้องน้ำเลยไหมเนี่ย) - ปวดหลัง & บั้นเอว อันนี้บรรเทาอาการปวดได้ โดยอย่าให้น้ำหนักขึ้นมากจนเกินไป โดยเฉลี่ยควรขึ้น 12-16 โล เอาให้ดี หญิงท้องแก่ ควรนอนพักหลังทานอาหาร
อาการเข้าสู่ระยะคลอด
เจ็บครรภ์จริง มดลูกจะบีบตัว & คลายตัว ถี่ขึ้นๆๆๆ ถ้าบีบทุก 5 นาที แสดงว่าช่องคลอดเปิดแล้ว 3cm ก็ไปโรงพยาบาลได้ (สำหรับท้องแรก) ถ้าท้องหลัง เปิดทุก 10 นาทีก็ไปได้เลย
ช่วงก่อน 5cm ควรนั่งยองๆ เกาะขอบเตียง เพื่อให้เด็กเคลื่อนตัวลงมาเร็ว หลังเปิด 5cm มดลูกจะเปิด 1Cm ต่อ 1 ชั่วโมง จะเจ็บมาก ให้นอนตะแคงซ้าย และนวดไล่ลงจากเหนือสะดือไปที่หัวหน่าว สามีก็ช่วยนวดด้านหลัง บริเวณนั้นเอวและก้นเป็นเลขแปด 10cm ก็พร้อมจะให้หัวลูกออกมาได้
เจ็บร้าวช่วงบั้นเอวลงมา เพราะลูกดันตัวลงมา
มีมูกเลือดออกมาเป็นสีน้ำตาล ต้องระวังอย่าให้เชื้อโรคเข้าไปได้
ถุงน้ำคร่ำรั่วหรือแตก ถ้ารั่วเหมือนปัสสาวะเล็ด ถ้าแตกจะดังโป๊ะและเหมือนฉี่ราด ถ้าถุงน้ำคร่ำแตก จะช่วยให้ช่องคลอดลื่นและทำให้เด็กออกมาง่าย แต่ถ้าแตก ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพราะเสี่ยงเรื่องสายรกพันคอเด็ก และอาจมีเชื่อโรคสวนเข้าไป
ระยะคลอดมี 4 ระยะ
ระยะที่ 1 เป็นระยะที่มดลูกมีการบีบตัว & คลายตัว ท้องแรก ใช้เวลา 12-16 ชั่วโมง (ใช้เวลานาน เพราะท้องสาว มดลูกจะแข็งแรงกว่า) ท้องหลัง ใช้เวลา 6-12 ชั่วโมง
ระยะที่ 2 เป็นระยะเบ่งคลอด เริ่มตั้งแต่ปากมดลูกเปิดถึงทารกคลอด เป็นระยะที่มีลมเบ่ง และทรมานที่สุด ท้องแรก ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ท้องหลัง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
ระยะที่ 3 คลอดรก 15-30 นาที มดลูกจะหดจากแตงโมเท่าฝรั่งอยู่ใต้สะดือ
ระยะที่ 4 ดูอาการ 2 ชั่วโมงหลังคลอด ส่วนมากแม่จะเหนื่อยจากการคลอดและอยากพักผ่อน แต่ไม่ใช่แค่แม่ที่เหนื่อย ลูกก็เหนื่อยจากการพยายามเอาตัวออกมาให้ได้เหมือนกัน ดังนั้นเค้าจะหิวนมแล้วแหละ นมจะไปช่วยล้างกระเพาะและลำไส้ให้เด็กด้วย ปกติเด็กจะทานนมทุกๆ 3 ชั่วโมง และน้ำนมแม่จะมาดีก็ 3 วันหลังคลอด แต่ถ้าแม่คลอดยากและเหนื่อยมาก ก็มีผลกะน้ำนมน่ะ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคลอด
กำลังการหดตัวของมดลูก หัวใจ ปอด หลอดเลือดแข็งแรง ก็ทำให้มดลูกแข็งแรง ช่องทางคลอด เชิงกรานต้องมีขนาดไม่เล็กเกินไป ปกติคนตัวเล็กเชิงกรานจะเล็ก ทารก ต้องไม่ตัวใหญ่เกินไป ให้พอดีกับเชิงกรานของแม่ และทารกต้องกลับหัวลง ทำท่าได้ถูกต้อง สุขภาพจิต ถ้าดี ไม่กลัว ไม่เครียด จะมีฮอร์โมนมาช่วยให้คลอดง่าย
สาระอื่นๆ
- รกทำหน้าที่แทนปอดเด็ก ขนาดเท่าฝ่ามือ เกาะที่ผนังมดลูก เป็นตัวกลางที่เชื่อมเส้นเลือดของแม่และเด็ก เพื่อถ่ายสารอาหารจากแม่ไปยังเด็ก - ที่ปากมดลูกจะมีมูกปิดอีกชั้นนึง เพื่อคอยจับเชื้อโรคกิน เด็กก็จะอยู่ข้างในอย่างปลอดภัย - ปกติร่างกายคนเรามีเลือด 5 ลิตร ช่วงตั้งครรภ์จะมีเพิ่ม 1 ลิตรเพื่อให้เลือดมีการหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น และช่วงคลอดที่เราเสียเลือดมากๆ ก็คือไอ้เจ้า 1 ลิตรเนี่ยแหละ - ลูกจะชอบเล่นช่วงหลัง 2 ทุ่มและหลังอาหาร ให้เราเล่นและคุยกะเค้า - สีของน้ำคร่ำบอกถึงสุขภาพ ควรมีสีเหมือนน้ำมะพร้าว - หัวใจลูกเต้น 120-160 ครั้ง - ท้องแรกผ่า ท้องหลังก็ต้องผ่า เพราะมดลูกมีแผลแล้ว
วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ไปอบรม แทบไม่ได้ lecture เพราะเน้นปฏิบัติ การอบรมวันนี้ เน้นสอนการให้นมลูก การอาบน้ำให้ลูก พยายามถ่ายภาพมา เดี๋ยวจะลืมซะก่อน ตอนทำกะตุ๊กตา ก็ดูเหมือนง่าย แต่ถ้าเป็นลูกเรา เราคงเกร็งกว่านี้แน่นอน
วันนี้ Avent มาตั้ง booth เลยได้ถามเรื่องเครื่องปั้มนม แต่คงไม่ได้ซื้อเพราะเกตให้ยืมมาแล้ว ที่ Nursery ของ BNH จะใช้ของ Avent และมีให้คุณแม่ที่คลอดที่นี้ใช้ ถ้าซื้อจาก Nursery ก็ได้ลด 20% ราคาเต็ม ถ้าเป็นเครื่องปั้มมือ ราคา 2 พันกว่าๆ ถ้าเป็นเครื่องปั้มไฟฟ้า + มือก็ 9 พันกว่าๆ แต่ชอบขวดนมเค้า ที่ design จุกนมให้มีสรีระเหมือนหัวนมแม่
นี้เป็นของสมนาคุณคราวนี้ จาก Avent & Thai Stemlife Avent แจกที่ซับน้ำนม VCD การให้นมลูก & Baby Lotion (น่าจะแจกขวดนมด้วยน่ะ) ส่วน Thai Stemlife แจกหนังสือ Baby Guide สำหรับ baby-เด็ก 3 ขวบ น่าอ่านมาก
วิทยากรที่มาสอนคราวนี้ น่ารักดี สอนสนุก ได้หัวเราะตลอดเวลา มาถึงก็ สอนการอุ้ม และการให้นมลูก หลักๆ มี 3 ท่า ท่าอุ้มปกติ ท่าอุ้มด้านข้าง ท่านอน (เหมือนในรูป) แล้วก็ การจับลูกเรอ มี 2 แบบ แบบพาดบ่า และแบบคว่ำหน้านิดนึง
- 6 เดือนแรกให้แต่น้ำนมแม่ ไม่จำเป็นต้องให้น้ำหรืออาหารเสริมใดๆ เพราะระบบการย่อยของเด็กในตอนนี้ จะย่อยแต่น้ำนมเท่านั้น - หลัง 6 เดือนค่อยให้อาหารเสริม ซึ่งควรเน้น ไข่แดง และ ตับ เพราะเป็นแหล่งสำคัญของธาติเหล็ก - น้ำลายที่ออกมาเปื้อนปากเด็ก เป็นน้ำย่อยแป้ง - เด็กที่กินนมแม่ เหมือนปากจะแห้ง แต่เป็นธรรมชาติ เพื่อให้ปากเค้าเกาะเต้านมแม่ได้ดี - น้ำนมในเต้า ส่วนแรกเป็นแป้งและน้ำตาลซึ่งย่อยง่าย ส่วนสุดท้าย (แบบเกลี้ยงเต้า) เป็นไขมันที่ช่วยให้เด็กอิ่มนาน - ถ้ากินนมทั้ง 2 เต้า ขวาก่อน ซ้ายหลัง ครั้งต่อไปที่ให้นม ต้องเริ่มที่เต้าซ้ายก่อน เพราะการกินนมช่วงแรกของทุกครั้ง เด็กจะมีแรงกระตุ้นมากกว่า เต้าทั้ง 2 ข้างจะได้ทุกกระตุ้นพอๆ กัน เพื่อให้มีน้ำนม - ฟันเด็กจะขึ้นประมาณอายุ 4-6 เดือน ซึ่งอาจงับนมเราทำให้เจ็บได้ ให้เราบีบจมูกลูกเบาๆ เพื่อให้ปากเด็กเปิดออก
ต่อมาเป็น การใส่ผ้าอ้อมให้ลูก ด้วยการผูก หรืออาจใช้เข็มกลัดติดก็ได้ เพื่อความแน่นยิ่งขึ้น
ได้เวลา พาลูกไปอาบน้ำ แล้ว ต้องห่อตัวให้มิดชิด ไม่ให้ลูกหนาวเกินไป ถ้าสระผมก็ห่อตัวแบบนี้ แล้วสระผมไป เวลาสระก็ใช้มือเราดีที่สุด เพราะฟองน้ำบางทีมัน control ยากและอาจทำให้น้ำเข้าตาลูก เท shampoo มาที่มือเรา ไม่ใช่หัวลูก เดี๋ยวเผลอไปขยี้แรง หัวลูกยังอ่อนมากๆ
เวลาอาบน้ำก็ใช้น้ำประปาปกติ แต่ถ้าเช็ดตา ควรใช้น้ำต้มเก็บใส่ขวดไว้ เอาข้อศอกเราแตะน้ำว่าอุ่นพอดีไหม แล้วเอาลูกลงไปลึกแค่ช่วงอก เริ่มจากอาบด้านหน้า ตามด้วยด้านหลัง เน้นถูตามซอกๆ ไม่ต้องใช้สบู่เยอะ เด็กไม่ได้สกปรกมากมาย ร่างกายเด็กต้องปรับตัวกับอากาศ ควรทำให้เร็ว สระผม 5 นาที อาบน้ำ 5 นาที แต่งตัว 5 นาที ไม่เกินนี้
การใส่เสื้อให้ลูก ซึ่งเป็นเด็กอ่อน ควรใช้เสื้อที่ผูกหรือติดกระดุมที่ด้านหน้า เวลาใส่ก็ใส่ที่แขนข้างนึงก่อน พับม้วนด้านที่เหลือแล้วจับลูกตะแคงเพื่อลอดไปอีกด้าน แล้วก็ใส่ให้เรียบร้อย โดยไม่ต้องพลิกลูกไปมาบ่อยๆ เด็กจะรำคาญ
ที่เรียนมาวันนี้ ดูเหมือนไม่ยาก เพราะทำกับตุ๊กตา แต่ถ้าเป็นลูกเรา เค้าคงไม่อยู่นิ่งแบบนี้ ก็ต้องฝึกกันไปให้คล่อง แรกๆ คงโดนอาม่าแย่งทำอ่ะน่ะ ก็ต้องปล่อยไปก่อน
เสียดายมาก จริงๆ วันนี้เค้าจะพา Tour ห้องคลอด แต่มีคิวคลอด 4 คนแน่ะ เลยไม่ได้ดู ไม่เป็นไร ไว้ได้อยู่นานๆ แน่วันที่เราคลอด เหอ เหอ
กะว่าหลังจากคลอดเจ้าณชเล จะไปอบรมอีก กับหลักสูตร นวดสัมผัสรัก พัฒนาลูกน้อย สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ที่มีบุตรอายุไม่เกิน 1 ปี
วิทยากร : พญ. สุธีรา เอื้อไฟโรจน์กิจ กุมารแพทย์ คุณรัชดาวรรณ แก้วกระจ่าง พยาบาลประจำแผนก ทารกแรกเกิด ซึ่งหัวข้อในการอบรมดูน่าสนใจทีเดียว - กระตุ้นพัฒนาการด้วยการนวดสัมผัส - ประโยชน์ด้านอื่น ๆ จากการนวดสัมผัส : ลดความเครียด : เพิ่มปฏิสัมพันธ์ - การฝึกทักษะการนวดสัมผัสต่าง ๆ
//www.bnhhospital.com/image/whatup/mother_seminar2009.pdf
ก็ต้องขอบคุณทาง ร.พ. BNH วิทยากร และเจ้าหน้าที่ทุกคนน่ะค่ะ ที่มอบโอกาสให้ได้เรียนรู้ และเตรียมพร้อมแบบฟรีๆ หวังว่าเราคงไม่ลืมที่เรียนมาไปซะก่อนน่ะ 55555
Create Date : 26 เมษายน 2552 |
|
15 comments |
Last Update : 26 เมษายน 2552 16:08:16 น. |
Counter : 7202 Pageviews. |
|
|
|