Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
SHISEIDO
<<
พฤศจิกายน 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
1 พฤศจิกายน 2554
REVIEW • REVEAL :: เล่าประสบการณ์การกำจัดขนด้วยวิธีต่างๆ
All Blogs
REVIEW • REVEAL :: แต่งผมง่ายๆในแบบฉบับ oHLa ด้วย Lucido-L Hair Wax
Colour Test :: LA ROCHE-POSEY Toleriane Teint Mineral Compact Powder
Colour Test :: TOO FACED Sweet Indulgences Palette
Colour Test :: ANNA SUI Christmas Makeup Set 2012 #pink
REVIEW • REVEAL :: PhD Age Repair Serum for Face & Around Eyes
[update] GUERLAIN Makeup Christmas 2012
REVIEW • REVEAL :: PhD Age Repair Eye Cream Extra Treatment
[update] TOO FACED Holiday 2012 Collection
[update] DERMALOGICA Christmas Sets 2012
[update] BURT'S BEES Christmas Sets 2012
REVIEW • REVEAL :: RJK Multi-Whitening Night Cream
oHLa's must-have masks (August 2012)
REVIEW • REVEAL :: Physio Gel/ Physiogel Cream
REVIEW • REVEAL :: Hiruscar เจลใสสำหรับแก้ปัญหารอยแผลเป็นต่างๆ
REVIEW • REVEAL :: SMOOTH-E White Babyface Cream
Colour Test :: M.A.C Cremeblend Blush สี Something Special และ Posey
REVIEW • REVEAL :: THURSDAY PLANTATION Tea Tree Daily Face Wash
REVIEW • REVEAL :: BISOUS Bisous Brightening BB SPF25 PA++
REVIEW • REVEAL :: ผมเงาขึ้น สวยขึ้นด้วย ASIENCE Shine Therapy
REVIEW • REVEAL :: สารพัด BB Cream จากหลากหลายแบรนด์
REVIEW • REVEAL :: SMOOTH-E White Therapie กับผลหลังการใช้
REVIEW • REVEAL :: เล่าประสบการณ์การกำจัดขนด้วยวิธีต่างๆ
REVIEW • REVEAL :: ผลการทดลองใช้ DOVE Damage Therapy
REVIEW • REVEAL :: ถุงลอกเท้า Revival Care
Colour Test :: ETTUSAIS BB Mineral Cream
GARNIER :: Instant Fairness BB Moisturizer + Eye Roll-On
VEET อีกหนึ่งทางเลือกในการกำจัดขนด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
Colour Test :: AVON Ultra Moisture Rich Lipstick SPF15
VASELINE :: Healthy White Skin Lightening Lotion
ORIGINS :: Plantscription Anti-aging serum
SUNPLAY :: Skin Aqua UV Moisture Milk SPF50+ PA+++
LAURA MERCIER :: Universal Invisible Loose Setting Powder
Colour Test/ Review • Reveal :: M.A.C Cream Colour Base #MADLY MAGENTA และ # VIRGIN ISLE
ARTISTRY :: Pure White Powder Foundation SPF28 PA+++
INDEED :: Snoxin กับประสบการณ์ทดลองใช้ 1 เดือน
INDEED :: Nanoblur ใช้แล้วเป็นยังไงมาดูกัน
แบ่งปันประสบการณ์ฉีดจมูกด้วย H.A. filler ที่ Immagini&Daisy Diva
เปิดกรุแปรงแต่งหน้าที่มีอยู่ในครอบครองถูกแพงปนกัน พร้อมรีวิว
NIVIA :: Express Hydration Body Lotion
Sunplay :: Super Block Sun Block Lotion SPF 130 PA+++
Avon :: Reversalist Renewal Cream DAY&NIGHT
Dermalogica :: Skin Hydrating Booster
Aviance :: UV Expert SPF50/PA+++ RSF98%
Colour Test :: Skinfood ยาทาเล็บสีส้มจี๊ดๆ
Model Co. :: More Brows แก้ปัญหาคิ้ว คิ้ว
Colour Test :: Mac Lipglass - Crazy Haute
BSC :: Honei V Facial Foam Smooth & Soft
Darphin :: Arovita C Line Response Cream
Origins :: Eye Doctor
GPO Curmin :: Hydrating Toner Alcohol Free PH 5.5
Lisange :: MX SPF50+, PA+++
Eucerin :: Acne Prone Skin Clarifying Facial Tonic
คิ้วใหม่ กับ Era Belle
Asience :: Deep Nourish Shampoo, Conditioner, and Treatment
Prada :: Lightening Gel/Face
set or single?
beauty tag
4-day trip มาดูกันว่าพกสกินแคร์และเครื่องสำอางอะไรไปมั่ง
เรื่องของ Cellulite
Spring Sunshine Looks
ผมสีๆที่ไม่ต้องย้อม
Eye Make Up Remover ประจำตัว
eye cream review
Karin Herzog :: Vita-A-Kombi3
~ g l o s s ~
แพ้อะไร ~ มาชนะกันเถอะ!!
ชวนกันมาแต่งตัว Vol. 1 (cool-rock)
...ห อ ม...ห อ ม...
กำจัดสิว
แน่ใจเหรอว่าไดร์เป่าผม????
บ้านใหม่ของใครกัน?
ร้อนอย่างงี๊ หาสกินแคร์ชุดใหม่มาใช้ดีกว่า
Shelf Life
รีวิวครีมกำจัด และ ครีมชลอการขึ้นของขน
Anya H. อีกรอบ
บอลจบแล้ว มารีวิวของที่สอยดีกว่า
=>รีวิว skincare สำหรับฤดูร้อน<=
สินค้าใหม่น่าลอง 5 อย่าง เมษายน 2005
5 อันดับครีมบำรุงผิวยอดเยี่ยม โดย Style.com
กระเป๋าโปรดอีก 1 Brand
จัดอันดับ Eye Cream โดย นิตยสาร Glamour
REVIEW • REVEAL :: เล่าประสบการณ์การกำจัดขนด้วยวิธีต่างๆ
บล็อกวันนี้ขอเป็นเวอร์ชั่นไดอารี่สักหน่อยแล้วกันนะคะ
การกำจัดขนตามร่างกายนั้นก็มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การโกนขน การใช้ครีมกำจัดขน การแว็กซ์ และก็การใช้เลเซอร์ ที่บอกมานั้นเก๋ลองมาทั้งหมดแล้ว
เริ่มตั้งแต่วิธีง่ายที่สุด –
การโกนขน
วิธีการนี้ ง่ายสะดวก ถูกและเห็นผลไวที่สุด แต่ผลที่ตามมานั้นแย่ที่สุด เพราะว่าเมื่อเราโกนขนด้วยใบมีดบ่อยๆ นอกจากจะทำให้เส้นขนที่ขึ้นใหม่นั้นหนาขึ้น ดกขึ้นแล้ว ขนขึ้นใหม่ไวกว่าเดิม ยังทำให้เกิดภาวะขนคุด เป็นตุ่มก้อนขนใต้ผิวหนังได้อีกด้วย แล้วก็เพราะการโกนขนเล่นๆในตอนเด็กทั้งๆที่ไม่ได้มีปัญหานี่แหละเป็นต้นเหตุให้ขนหน้าแข้งขึ้นเยอะกว่าเดิม จนเก๋ต้องคอยสรรหาวิธีกำจัดขนเรื่อยมาในตอนโต
จำไว้นะคะว่าถ้าไม่จำเป็นอย่ากำจัดขนด้วยการโกนเด็ดขาด
ต่อมาก็คือ
การใช้ครีมกำจัดขน
– วิธีนี้ราคาแพงขึ้นมาอีกหน่อย ครีมกำจัดขนที่วางขายตามท้องตลาดสนนราคาอยู่ที่หลักร้อยต่อหลอด มีวิธีการใช้ไม่ยุ่งยาก ไม่เจ็บ แต่ว่าค่อนข้างจะเลอะเทอะง่าย จึงควรทำในห้องน้ำจะดีที่สุด และครีมกำจัดขนนั้นจะทำปฏิกิริยากับเส้นขนที่โผล่พ้นผิวหนังมาแล้วเท่านั้น ไม่สามารถกำจัดแบบถอนรากถอนโคนได้ ความถี่ในการกำจัดขนก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ว่าเป็นมนุษย์พันธุ์ขนมากน้อยแค่ไหน? ปกติทั่วไปเท่าที่เก๋ลองทำมาก็จะอยู่ที่ 4-5 วันต่อครั้ง ก่อนที่จะลองทำก็ควรจะทดสอบการแพ้ดูก่อนด้วยนะคะ เพราะบางคนก็อาจจะแพ้ส่วนผสมบางตัวของครีมกำจัดขนได้เช่นกัน และก็ควรจะหมั่นสครับผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อป้องกันปัญหาขนคุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
การแว็กซ์
– วิธีนี้เก๋เคยลองทั้งแบบร้อน แบบเย็น แบบแผ่นสำเร็จรูปที่ใช้เองได้ง่ายที่บ้าน และแบบไปรับบริการตามสถาบันความงามเฉพาะ ครั้งแรกที่ลองทำนั้นเป็นแว็กซ์เย็นแบบแผ่น ที่เพิ่งวางขายในอังกฤษช่วงนั้น ก็ลองใช้แค่ครั้งเดียวแล้วกลัวการแว็กซ์ด้วยตัวเองไปพักใหญ่ เพราะนอกจากขนจะหลุดออกมาไม่หมดแล้ว ยังทำให้ห้อเลือดไปทั้งขา ต้องใส่กางเกงขายาวตลอดช่วงฤดูร้อนไปเลย พอกลับมาไทยก็อยากลองอีกคราวนี้เลยไปใช้บริการที่ร้านที่เค้าเชี่ยวชาญเรื่องการแว็กซ์โดยเฉพาะ สนนราคาที่ประมาณ 500 บาทต่อครั้งสำหรับการกำจัดขนเฉพาะครึ่งขาล่าง ตั้งแต่หัวเข่าลงมาถึงตาตุ่ม วิธีนี้ใครที่ยังไม่คุ้นชินก็จะรู้สึกเจ็บ แต่พอทำไปเรื่อยๆก็จะชินและเจ็บน้อยลง อีกปัจจัยนึงที่จะชี้วัดว่าเราจะเจ็บหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทของขี้ผึ้งที่ใช้และความชำนาญของช่างที่ให้บริการด้วย ความถี่ในการแว็กซ์ก็จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่ปัญหาที่เก๋เจอก็คือ ขนบางเส้นจะมีสีเข้ม และหนาขึ้นกว่าเดิม
การใช้เลเซอร์ในการกำจัดขน
– ที่เก๋ได้ลองก็มีเลเซอร์ 2 ชนิดหลักๆ ก็คือ Long Pulse ND-YAG (Gentle YAG) กับ Diode (Soprano XL) ซึ่งทั้ง 2 ระบบนั้นจะเป็นการส่งพลังงานความร้อนที่มีคลื่นความยาวที่สามารถเข้าไปทำลายได้ถึงรากขน ซึ่งทั้ง Gentle YAG และ Soprano XL นั้นจะมีข้อดีตรงที่ทำลายเฉพาะเส้นขน แต่ไม่ทำร้ายผิว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีผิวขาว ผิวสองสี หรือผิวคล้ำก็ใช้ได้อย่างปลอดภัย
Gentle YAG นั้นจะใช้วิธีเป่าลมเย็นเพื่อบรรเทาความเจ็บ ส่วน Soprano XL นั้นจะใช้เจลเย็นทาลงบนผิวก่อนเพื่อบรรเทาความเจ็บ และเป็นสื่อในการกระจายความร้อนลงสู่รากขน
Soprano XL จะแยกออกมาอีกเป็น 2 ระบบตามความเหมาะสมกับขนาดของเส้นขน คือ
1. Pulse Type ระบบนี้จะเป็นการยิงเลเซอร์ลงไปทำลายรากขนทีละ shot เหมาะกับสภาพเส้นขนที่บาง และมีสีอ่อน
2. Paint Type ระบบนี้จะเป็นการลากหัวเลเซอร์ไปมา คล้ายๆกับการทาสี จะเป็นการแผ่กระจายความร้อนให้ค่อยๆลงไปสะสมที่รากขนทีละน้อย จนถึงจุดที่สามารถทำลายรากขนได้
คลิปอธิบายความแตกต่างระหว่าง Gentle YAG กับ Soprano XL ตั้งแต่นาทีที่ 4.30
โชคดีที่
Immagini & Daisy Diva
เค้ามีเครื่องเลเซอร์ทั้ง 2 แบบอยู่ครบ เก๋ก็เลยลองครบทั้ง Gentle YAG กับ Soprano XL แบบที่เจ็บน้อยที่สุดก็คือ Soprano XL แบบ Paint Type จะเป็นลักษณะหัวเลเซอร์มนๆคล้ายๆโรลออน ใช้วนบริเวณผิวหนังที่ต้องการกำจัดขน โดยที่จะค่อยๆส่งผ่านความร้อนลงไปที่รากขน ทำให้รากอ่อนแอ เส้นขนจึงค่อยๆหลุดออกมาในอีก 2-3 วันหลังจากใช้บริการ
ส่วน Gentle YAG นั้นจะเป็นการยิงเลเซอร์ลงไปที่ขนทีละเส้น โดยจับความเข้มของเม็ดสีที่เส้นขน เพราะฉะนั้นตอนที่ยิง Gentle YAG จะเห็นว่าเส้นขนที่มีสีเข้มมากๆจะเด้งหลุดออกมาเต็มเบาะ เรียกว่ายิงเลเซอร์ปุ๊บเห็นผลปั๊บ อีกแบบนึงที่ได้ลองคือ Soprano XL แบบ Pusle Type หน้าตาหัวยิงจะเป็นช่องสี่เหลี่ยม ใช้ยิงความร้อนแผ่ไปทีละส่วน คล้ายๆกับการทำ finescan laser เจ้า Soprano XL แบบหัวยิงนี้จะเจ็บพอๆกับการใช้ Gentle YAG แต่จะกำจัดขนเส้นบางๆ ที่มีสีอ่อนๆได้ดี
ยังไงก็เลือกตามความเหมาะสมนะคะ ถ้าใครที่กลัวเจ็บมากๆ หรือไม่แน่ใจว่าจะทนความเจ็บได้ไม๊ก็บอกให้พนักงานช่วยทายาชาไว้ก่อนได้เลย หรือถ้าเป็นมือใหม่ที่อยากลองทำเลเซอร์และมีเส้นขนที่เข้มและเห็นชัดอาจจะลองปรึกษาทางคลินิกดูว่าสามารถใช้เลเซอร์ Soprano XL แบบ Paint Type แทนได้ไม๊ พอชินแล้วค่อยลองเปลี่ยนมาใช้ Soprano XL แบบ Pulse Type หรือ Gentle YAG แทน เพราะยังไงเค้าก็คิดราคาเท่ากัน ถ้าซื้อคอร์สแล้วก็สามารถลองสลับชนิดเลเซอร์ระหว่าง Gentle YAG และ Soprano XL ได้
คลิปเบื้องหลังการยิงเลเซอร์แบบ Gentle YAG
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์นั้นสนนราคาสูงกว่าการกำจัดขนทุกชนิดที่บอกมาข้างต้น ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อครั้ง
แต่กลับเป็นวิธีที่เก๋ชอบมากที่สุด เหตุผลก็เพราะว่าให้ผลระยะยาวได้ดีที่สุด
เพราะความถี่ในการทำนั้นเฉลี่ยที่ 1 ครั้งต่อ 1-2 เดือนเท่านั้น ในช่วง 2-3 ครั้งแรกนั้นเก๋จะทำ 1 เดือนต่อ 1 ครั้ง แต่หลังจากนั้นด้วยว่าขนที่ขึ้นมาใหม่จะมีเส้นที่บางลง ปริมาณที่ลดลง และขึ้นช้าลงด้วย ความถี่ในการทำก็เลยลดลงตามไปด้วย ยิ่งใครที่มีขนน้อยและบางอยู่แล้วก็ยิ่งจะประหยัดลงไปได้อีกเยอะ อย่างตัวเก๋เองตอนนี้ก็ยิงเลเซอร์มาแล้วทั้งหมด 6 ครั้ง ขนขานี่แทบจะไม่ขึ้นใหม่แล้ว ส่วนขนที่รักแร้ยังคงมีอยู่บ้าง ถ้าลองเทียบราคากับผลลัพธ์ที่ได้ รวมถึงความถี่ในการทำแล้วล่ะก็ การยิงเลเซอร์นั้นดูจะเป็นวิธีที่คุ้มค่าที่สุด
ก็หวังว่าประสบการณ์ที่เขียนแบ่งปันไว้นี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของเพื่อนๆ
-NB แต่ละคนมีสภาพเส้นขนที่ต่างกัน ฮอร์โมนที่ต่างกัน
เพราะฉะนั้นอาจจะใช้ของแต่ละอย่างแล้วได้ผลที่ต่างกันนะคะ
-
find out more
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2554 16:19:21 น.
2 comments
Counter : 19923 Pageviews.
Share
Tweet
คุณเก๋ไปทำที่ เดซี่ ดิว่า สาขาสยามใช่มั๊ยค่ะ เห็นภาพใน VDo สถานที่คุ้นๆ เพราะเป็นลูกค้าที่นั่นเหมือนกันจ้า
โดย: ดีดี๊ IP: 125.24.142.214 วันที่: 15 พฤษภาคม 2555 เวลา:11:33:46 น.
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายจ้า
ห้องสมุด
สุขภาพ
ผู้หญิง
ศัลยกรรม
ความสวยความงาม
แม่ตั้งครรภ์
หลังคลอด
ทารกแรกเกิด
เด็กโต
ครอบครัว
โดย:
น้องเมย์น่ารัก
วันที่: 28 กรกฎาคม 2557 เวลา:1:27:04 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
oHLa
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [
?
]
Loading...
oHLa's tips - พรางให้จมูกดูเล็กลง+โครงจมูกดูชัดขึ้น
ด้วย 2 steps ง่ายๆ ^^
oHLa's tips - ลิปสติกเนื้อครีมทายังไงให้สวย
ประสบการณ์ฉีดจมูกด้วย H.A. filler
ที่ Immagini&Daisy Diva
New Comments
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add oHLa's blog to your web]
Links
oHLa's Channel on YouTube
oHLa on Facebook Page
oHLa's Twitter
oHLa on blogspot
oHLa on wordpress
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.