Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
REVIEW • REVEAL :: เล่าประสบการณ์การกำจัดขนด้วยวิธีต่างๆ

บล็อกวันนี้ขอเป็นเวอร์ชั่นไดอารี่สักหน่อยแล้วกันนะคะ

การกำจัดขนตามร่างกายนั้นก็มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การโกนขน การใช้ครีมกำจัดขน การแว็กซ์ และก็การใช้เลเซอร์ ที่บอกมานั้นเก๋ลองมาทั้งหมดแล้ว

เริ่มตั้งแต่วิธีง่ายที่สุด – การโกนขน วิธีการนี้ ง่ายสะดวก ถูกและเห็นผลไวที่สุด แต่ผลที่ตามมานั้นแย่ที่สุด เพราะว่าเมื่อเราโกนขนด้วยใบมีดบ่อยๆ นอกจากจะทำให้เส้นขนที่ขึ้นใหม่นั้นหนาขึ้น ดกขึ้นแล้ว ขนขึ้นใหม่ไวกว่าเดิม ยังทำให้เกิดภาวะขนคุด เป็นตุ่มก้อนขนใต้ผิวหนังได้อีกด้วย แล้วก็เพราะการโกนขนเล่นๆในตอนเด็กทั้งๆที่ไม่ได้มีปัญหานี่แหละเป็นต้นเหตุให้ขนหน้าแข้งขึ้นเยอะกว่าเดิม จนเก๋ต้องคอยสรรหาวิธีกำจัดขนเรื่อยมาในตอนโต จำไว้นะคะว่าถ้าไม่จำเป็นอย่ากำจัดขนด้วยการโกนเด็ดขาด

ต่อมาก็คือ การใช้ครีมกำจัดขน – วิธีนี้ราคาแพงขึ้นมาอีกหน่อย ครีมกำจัดขนที่วางขายตามท้องตลาดสนนราคาอยู่ที่หลักร้อยต่อหลอด มีวิธีการใช้ไม่ยุ่งยาก ไม่เจ็บ แต่ว่าค่อนข้างจะเลอะเทอะง่าย จึงควรทำในห้องน้ำจะดีที่สุด และครีมกำจัดขนนั้นจะทำปฏิกิริยากับเส้นขนที่โผล่พ้นผิวหนังมาแล้วเท่านั้น ไม่สามารถกำจัดแบบถอนรากถอนโคนได้ ความถี่ในการกำจัดขนก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ว่าเป็นมนุษย์พันธุ์ขนมากน้อยแค่ไหน? ปกติทั่วไปเท่าที่เก๋ลองทำมาก็จะอยู่ที่ 4-5 วันต่อครั้ง ก่อนที่จะลองทำก็ควรจะทดสอบการแพ้ดูก่อนด้วยนะคะ เพราะบางคนก็อาจจะแพ้ส่วนผสมบางตัวของครีมกำจัดขนได้เช่นกัน และก็ควรจะหมั่นสครับผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อป้องกันปัญหาขนคุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้

การแว็กซ์ – วิธีนี้เก๋เคยลองทั้งแบบร้อน แบบเย็น แบบแผ่นสำเร็จรูปที่ใช้เองได้ง่ายที่บ้าน และแบบไปรับบริการตามสถาบันความงามเฉพาะ ครั้งแรกที่ลองทำนั้นเป็นแว็กซ์เย็นแบบแผ่น ที่เพิ่งวางขายในอังกฤษช่วงนั้น ก็ลองใช้แค่ครั้งเดียวแล้วกลัวการแว็กซ์ด้วยตัวเองไปพักใหญ่ เพราะนอกจากขนจะหลุดออกมาไม่หมดแล้ว ยังทำให้ห้อเลือดไปทั้งขา ต้องใส่กางเกงขายาวตลอดช่วงฤดูร้อนไปเลย พอกลับมาไทยก็อยากลองอีกคราวนี้เลยไปใช้บริการที่ร้านที่เค้าเชี่ยวชาญเรื่องการแว็กซ์โดยเฉพาะ สนนราคาที่ประมาณ 500 บาทต่อครั้งสำหรับการกำจัดขนเฉพาะครึ่งขาล่าง ตั้งแต่หัวเข่าลงมาถึงตาตุ่ม วิธีนี้ใครที่ยังไม่คุ้นชินก็จะรู้สึกเจ็บ แต่พอทำไปเรื่อยๆก็จะชินและเจ็บน้อยลง อีกปัจจัยนึงที่จะชี้วัดว่าเราจะเจ็บหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทของขี้ผึ้งที่ใช้และความชำนาญของช่างที่ให้บริการด้วย ความถี่ในการแว็กซ์ก็จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่ปัญหาที่เก๋เจอก็คือ ขนบางเส้นจะมีสีเข้ม และหนาขึ้นกว่าเดิม

การใช้เลเซอร์ในการกำจัดขน – ที่เก๋ได้ลองก็มีเลเซอร์ 2 ชนิดหลักๆ ก็คือ Long Pulse ND-YAG (Gentle YAG) กับ Diode (Soprano XL) ซึ่งทั้ง 2 ระบบนั้นจะเป็นการส่งพลังงานความร้อนที่มีคลื่นความยาวที่สามารถเข้าไปทำลายได้ถึงรากขน ซึ่งทั้ง Gentle YAG และ Soprano XL นั้นจะมีข้อดีตรงที่ทำลายเฉพาะเส้นขน แต่ไม่ทำร้ายผิว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีผิวขาว ผิวสองสี หรือผิวคล้ำก็ใช้ได้อย่างปลอดภัย

Gentle YAG นั้นจะใช้วิธีเป่าลมเย็นเพื่อบรรเทาความเจ็บ ส่วน Soprano XL นั้นจะใช้เจลเย็นทาลงบนผิวก่อนเพื่อบรรเทาความเจ็บ และเป็นสื่อในการกระจายความร้อนลงสู่รากขน

Soprano XL จะแยกออกมาอีกเป็น 2 ระบบตามความเหมาะสมกับขนาดของเส้นขน คือ
1. Pulse Type ระบบนี้จะเป็นการยิงเลเซอร์ลงไปทำลายรากขนทีละ shot เหมาะกับสภาพเส้นขนที่บาง และมีสีอ่อน
2. Paint Type ระบบนี้จะเป็นการลากหัวเลเซอร์ไปมา คล้ายๆกับการทาสี จะเป็นการแผ่กระจายความร้อนให้ค่อยๆลงไปสะสมที่รากขนทีละน้อย จนถึงจุดที่สามารถทำลายรากขนได้


คลิปอธิบายความแตกต่างระหว่าง Gentle YAG กับ Soprano XL ตั้งแต่นาทีที่ 4.30


โชคดีที่ Immagini & Daisy Diva เค้ามีเครื่องเลเซอร์ทั้ง 2 แบบอยู่ครบ เก๋ก็เลยลองครบทั้ง Gentle YAG กับ Soprano XL แบบที่เจ็บน้อยที่สุดก็คือ Soprano XL แบบ Paint Type จะเป็นลักษณะหัวเลเซอร์มนๆคล้ายๆโรลออน ใช้วนบริเวณผิวหนังที่ต้องการกำจัดขน โดยที่จะค่อยๆส่งผ่านความร้อนลงไปที่รากขน ทำให้รากอ่อนแอ เส้นขนจึงค่อยๆหลุดออกมาในอีก 2-3 วันหลังจากใช้บริการ

ส่วน Gentle YAG นั้นจะเป็นการยิงเลเซอร์ลงไปที่ขนทีละเส้น โดยจับความเข้มของเม็ดสีที่เส้นขน เพราะฉะนั้นตอนที่ยิง Gentle YAG จะเห็นว่าเส้นขนที่มีสีเข้มมากๆจะเด้งหลุดออกมาเต็มเบาะ เรียกว่ายิงเลเซอร์ปุ๊บเห็นผลปั๊บ อีกแบบนึงที่ได้ลองคือ Soprano XL แบบ Pusle Type หน้าตาหัวยิงจะเป็นช่องสี่เหลี่ยม ใช้ยิงความร้อนแผ่ไปทีละส่วน คล้ายๆกับการทำ finescan laser เจ้า Soprano XL แบบหัวยิงนี้จะเจ็บพอๆกับการใช้ Gentle YAG แต่จะกำจัดขนเส้นบางๆ ที่มีสีอ่อนๆได้ดี

ยังไงก็เลือกตามความเหมาะสมนะคะ ถ้าใครที่กลัวเจ็บมากๆ หรือไม่แน่ใจว่าจะทนความเจ็บได้ไม๊ก็บอกให้พนักงานช่วยทายาชาไว้ก่อนได้เลย หรือถ้าเป็นมือใหม่ที่อยากลองทำเลเซอร์และมีเส้นขนที่เข้มและเห็นชัดอาจจะลองปรึกษาทางคลินิกดูว่าสามารถใช้เลเซอร์ Soprano XL แบบ Paint Type แทนได้ไม๊ พอชินแล้วค่อยลองเปลี่ยนมาใช้ Soprano XL แบบ Pulse Type หรือ Gentle YAG แทน เพราะยังไงเค้าก็คิดราคาเท่ากัน ถ้าซื้อคอร์สแล้วก็สามารถลองสลับชนิดเลเซอร์ระหว่าง Gentle YAG และ Soprano XL ได้

คลิปเบื้องหลังการยิงเลเซอร์แบบ Gentle YAG


การกำจัดขนด้วยเลเซอร์นั้นสนนราคาสูงกว่าการกำจัดขนทุกชนิดที่บอกมาข้างต้น ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อครั้ง แต่กลับเป็นวิธีที่เก๋ชอบมากที่สุด เหตุผลก็เพราะว่าให้ผลระยะยาวได้ดีที่สุด เพราะความถี่ในการทำนั้นเฉลี่ยที่ 1 ครั้งต่อ 1-2 เดือนเท่านั้น ในช่วง 2-3 ครั้งแรกนั้นเก๋จะทำ 1 เดือนต่อ 1 ครั้ง แต่หลังจากนั้นด้วยว่าขนที่ขึ้นมาใหม่จะมีเส้นที่บางลง ปริมาณที่ลดลง และขึ้นช้าลงด้วย ความถี่ในการทำก็เลยลดลงตามไปด้วย ยิ่งใครที่มีขนน้อยและบางอยู่แล้วก็ยิ่งจะประหยัดลงไปได้อีกเยอะ อย่างตัวเก๋เองตอนนี้ก็ยิงเลเซอร์มาแล้วทั้งหมด 6 ครั้ง ขนขานี่แทบจะไม่ขึ้นใหม่แล้ว ส่วนขนที่รักแร้ยังคงมีอยู่บ้าง ถ้าลองเทียบราคากับผลลัพธ์ที่ได้ รวมถึงความถี่ในการทำแล้วล่ะก็ การยิงเลเซอร์นั้นดูจะเป็นวิธีที่คุ้มค่าที่สุด

ก็หวังว่าประสบการณ์ที่เขียนแบ่งปันไว้นี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของเพื่อนๆ

-NB แต่ละคนมีสภาพเส้นขนที่ต่างกัน ฮอร์โมนที่ต่างกัน
เพราะฉะนั้นอาจจะใช้ของแต่ละอย่างแล้วได้ผลที่ต่างกันนะคะ -



find out more




site stats



Create Date : 01 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2554 16:19:21 น. 2 comments
Counter : 19869 Pageviews.

 
คุณเก๋ไปทำที่ เดซี่ ดิว่า สาขาสยามใช่มั๊ยค่ะ เห็นภาพใน VDo สถานที่คุ้นๆ เพราะเป็นลูกค้าที่นั่นเหมือนกันจ้า


โดย: ดีดี๊ IP: 125.24.142.214 วันที่: 15 พฤษภาคม 2555 เวลา:11:33:46 น.  

 


โดย: น้องเมย์น่ารัก วันที่: 28 กรกฎาคม 2557 เวลา:1:27:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

oHLa
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]



























New Comments
Friends' blogs
[Add oHLa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.