สวัสดีค่ะสาวๆ ไม่ได้เข้าบล๊อคนานมาก แต่บล๊อคนี้ไม่ไหวแล้วเห่อมากอยากตั้ง
คือถ้ายังพอจะจำหน้ากันได้บ้างสาวๆ คงจะเห็นว่าเราหน้าแบนมาก ราบเรียบ ไร้มิติ
เหมือนกับคนที่มีหน้าผากแล้วก็มาเป็นรูจมูกเลย
อะ เผื่อจำไม่ได้ เอารูปไปดูก่อน
และถ้าหากใครที่เป็นแฟนจีบันแลบก็คงจะจำได้ว่า เราเคยไปฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว 1 ครั้ง
หลังจากที่ลองฉีด ตอนนั้นรู้สึกว่าชอบหน้าและจมูกตัวเองมาก เพราะมันโด่งกำลังดี มองดูเป็นธรรมชาติ
แต่ข้อเสียของฟิลเลอร์ก็คือพอผ่านไป 5- 6 เดือน หน้าที่เคยมีมิติของเราก็กลับมาแบนเหมือนเดิม :(
เลยเป็นข้อสรุปในการตัดสินใจว่าไหนๆ ถ้าอยากจะโด่งแล้วล่ะก็ ยัดซิลิโคนไปเลยละกัน
เราใช้เวลาหาข้อมูลอยู่พอสมควรในการเลือกคุณหมอที่จะมาช่วยเสริมดั้ง
ในเคสของเรานั้น ที่ต้องการคือไม่อยากพักฟื้นนาน ไม่อยากให้มีรอยช้ำบนใบหน้าเยอะ
และก็รูปแบบของซิลิโคนคืออยากได้เป็นแบบนิ่ม
มีอยู่หลายที่นะคะ ที่มีซิลิโคนนิ่ม แต่รอยช้ำบนใบหน้ายังเยอะเกินไปสำหรับเรา
บทสรุปจึงมาจบที่
Siam Laser Clinicหลังจากที่ได้คุยกับที่ปรึกษาของคลีนิคตกลงเรื่องราคากันเสร็จสรรพ ก็นัดวันเป็นวันที่ 29 พฤษภาคม 2555
คุณหมอนัดบ่าย 2 แต่เราก็ไปถึงก่อนเวลานิดหน่อย อารมณ์ตอนนั้นคือตื่นเต้นมาก
พยาบาลพาไปทำความสะอาดหน้า เพราะเดี๋ยวเราต้องเข้าห้องผ่าตัดกันค่ะ
ไม่ลืมบันทึกรูปน้องแบน ไว้ก่อนเข้าห้อง ฮี่ๆ
เปลี่ยนชุดคลุมก่อนเข้าห้องผ่าตัด
หลังจากที่ทำความสะอาดหน้ากันเรียบร้อย ก็มานั่งรอคุณหมอก่อน คุณหมอจิ๊ปมีเคสเยอะมาก
ระะหว่างที่รอทีมงานก็เลยเอาซิลิโคนมาให้เราลองเลือกๆ ดูก่อน ว่าอยากได้แบบไหน
ความตั้งใจของเราคือ ไม่อยากได้โด่งมาก แบบหน้าเปลี่ยนไปเลยอะไรแบบนี้ คือไม่เอา
ขอแบบโด่งสวยเป็นธรรมชาติ ไม่ดูหลอกตา
นั่งเลือกไปเล่นๆ สักพักคุณหมอก็ออกมา หมอถามว่าอยากได้โด่งแบบไหน บอกหมอไปว่าขอแบบสวยธรรมชาติ
หมอเลยหยิบซิลิโคนออกมาให้ 2 อัน อันแรกหมอบอกถ้ายัดอันนี้เข้าไปเนี่ยหน้าจะเปลี่ยนไปมากคือมันจะโด่งมาก
จนคนทัก
คำถามที่หมอถามคือ "แล้วเราจะมั่นใจมั้ย ถ้าหากมีคนทักมากๆ "และถ้ามันโด่งมาก แต่หน้าเราสั้นมันก็จะไม่สมส่วน เดี๋ยวก็จะวิ่งมาให้หมอทำคางให้อีก อืมม ไม่โอเคค่ะ
ส่วนอีกอันจะโด่งน้อยกว่า หมอบอกว่าใส่อันนี้จะสวยธรรมชาติ อย่างที่ใจเราอยากได้
คุณหมอแนะนำอันหลังมากกว่า ซึ่งเราก็โอเค เพราะไม่อยากดูเปลี่ยนไปมากนัก
หลังจากเลือกซิลโคนเรียบร้อยช่วงเวลาขึ้นเขียงก็มาถึง
พอขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว(แอบสั่นเล็กๆ) คุณหมอก็วาดแนวสันจมูก (เวลาที่ทำอะไรคุณหมอจะบอกก่อนทุกครั้ง)
ทำความสะอาดภายในรูจมูก หลังจากนั้นก็มาถึงจุดที่ใครๆ ก็บอกเอาไว้ว่าเจ็บที่สุด
นั่นก็คือการ
"ฉีดยาชา" คุณหมอฉีดยาชาไปทั้งหมด 4 จุด 8 เข็ม ความรู้สึกเราว่าไม่เจ็บเท่าที่คิดไว้ (อันนี้แล้วแต่ความอึดของแต่ละคน)
พอยาชาออกฤิทธิ์หมอก็เริ่มกระบวนการ ซึ่งที่รู้สึกคือมีอะไรกุกกักๆ ในโพรงจมูกไม่รู้สึกเจ็บอะไร
ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย..ย
พยาบาลแปะพลาสเตอร์ให้เรียบร้อย
หลังจากทำเสร็จก็มานั่งในห้องพักฟื้น เราไม่ได้รู้สึกมึนหัวหรือว่าเป็นอะไรเลยนะคะ
แต่เค้าให้มานั่งพักประคบเย็นก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน
แต่ถ้าใครไม่ได้ขับรถมาและอยากกลับก่อนก็กลับได้ค่ะ เอาไปประคบต่อในแท็กซี่ได้
เรานั่งประคบเย็นอยู่สักพัก ก็กลับเปรี้ยวมากค่ะกลับ BTS
ระหว่างยืนโหนรถไฟฟ้า เลือดก็ออกมาจากจมูกบ้างประปรายให้คนข้างๆ ได้เสียวเล่น
เราใช้ผ้าก๊อซซับออกเบาๆ
กลับถึงบ้านวันแรก ตรงหัวตาเริ่มบวมเล็กๆ รอยช้ำก็มีบ้าง
เลือดยังไหลออกจากจมูกตลอด ต้องนอนหมอนสูงๆ
วันที่ 2
ตื่นเช้าไปทำงานได้เลย ไม่ได้พัก อาการโดยรวมก็มีตรงหัวตาที่บวมขึ้นจนดึงตาเข้ามามากกว่าเดิม
ใต้ตามีรอยช้ำเป็นสีม่วงทั้ง 2 ข้าง ชัดกว่าวันแรก มีอาการตึงๆ บริเวณจมูกแต่ไม่รู้สึกปวด
เช้านี้เราใช้คอนซีลเลอร์กลบบริเวณรอยช้ำ แล้วปัดแป้งฝุ่นทับไปทำงานได้
วันที่ 3
หลังจากทำ
ครบ 48 ชั่วโมง หลายคนบอกว่าหน้าจะบวมกว่าเดิม ซึ่ง
"จริงมาก"ใต้ตาไม่ช้ำเท่าวันที่ 2 แต่ตาบวมขึ้น จมูกใหญ่ขึ้น อาการตึงๆ ยังอยู่
ปล.วันนี้ไม่ได้แต่งหน้าอะไรเลย
วันที่ 4
ความสวยเริ่มปรากฎแล้ว.....
ตายังบวมและตึงอยู่มาก สังเกตุว่าหน้าบวมกว่าวันที่ 3 ด้วย
วันนี้หมอให้เอาพลาสเตอร์ออกได้แล้ว
ใต้ตารอยช้ำสีม่วงๆ เริ่มหายไปกลายเป็นสีเขียวๆ เหลืองๆ แทน
จมูกยังบวมอยู่ แต่ก็แต่งหน้าบางๆ กลบได้สบาย
วันที่ 5
จมูกเริ่มยุบ และเป็นทรงมากกว่าเดิม รอยเช้ายังมีอยู่ แต่น้อยมากแล้ว
ผ่านไปแค่ 5 วัน เราก็ไปดูคอนเสิร์ตแล้วจ้า
วันที่ 6
อาการโดยรวม จมูกบวมอยู่ อาการตึงๆ มีนิดหน่อย
ใต้ตาต้องใช้คอนซีลเลอร์กลบเพราะยังเขียวๆ เหลืองๆ อยู่บ้าง
วันที่ 7
ไม่น่าเชื่อว่า แค่ 7 วันของการยัดซิลิโคน จะไม่เหลืออาการโหดๆอีกแล้ว
วันนี้จมูกบวมน้อยกว่าเดิมมาก...ก ตาก็ไม่บวม รอยช้ำก็หายไปหมด
กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปรกติ แต่ช่วงนี้การล้างหน้ายังต้องระมัดระวังอยู่มาก
1 Week
วันนี้คุณหมอนัดไปตัดไหม ได้รับคำเตือนมาว่าการตัดไหมเจ็บมาก ชักตื่นเต้น..
ไปถึงพยาบาลก็ให้นอน ทำไปคุยไปสักพัก พยาบาลบอกเสร็จแล้วค่ะ
อ้าว...ที่หลายคนบอกว่าเจ็บนั้นก็ไม่จริงน่ะสิ เพราะมันไม่เจ็บเลย
สรุป โดยรวมแล้ว เราพอใจกับการเสริมจมูกที่ Siam Laser Clinic มาก
ลบภาพเดิมๆ ที่ฝังอยู่ในหัวออกไปจนหมดสิ้น
เราว่าถ้าใครอยากจะเสริมจมูก ลองหาข้อมูลดีๆ หาคุณหมอที่เชื่อถือได้
เมื่อตัดสินใจได้แล้วมั่นใจแล้วก็ลุยโลด