|
|
| | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
| 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
| 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
| 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
| 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
Siggraph 2005
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ปีนี้เราเก็บรายละเอียดงานได้น้อยมาก เพราะไปแบบฉุกลหุกมากค่ะ
ปีนี้เป็นปีที่เราลงเรียน Summer ไปสองวิชา แล้วก็ดันตรงกับวันจันทร์กับพฤหัสซะด้วย
ก็มีวางแผน คุยกับเพื่อนล่วงหน้าเป็นเดือนนะว่าจะไป Siggraph จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่า...มารู้ตัวอีกทีก็อีกสามวันเดินทาง แถมเป็นข่าวร้ายซะด้วย
คือ กำหนดไว้ว่าจะขาดเรียนวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม เพราะเดินทางตอนเช้า แล้วจะกลับมาเข้าเรียนวันพฤหัสที่ 4 สิงหาคม โดยจะกลับมาเครื่องบินเที่ยวเช้า ถึงซานฟราน 10 โมง มีเรียนตอนเที่ยง แต่ปรากฏว่า... มันดันเป็นช่วง final ต้องส่งงาน แล้วเพื่อนๆในห้องกว่าครึ่งขึ้นไป Siggraph โดยจะขาดเรียนวันพฤหัสกัน... ครูเราก็เลยจะให้เรา Present งาน final project ในวันพฤหัสที่เราจะกลับมาตอน 10 โมงน่ะแหละ เพื่อที่คนที่ขาดวันพฤหัสจะได้ present งานในวันจันทร์สุดท้ายได้หมดทุกคน
ตอนแรกตั้งใจว่า ปีนี้จะไม่เอา laptop ไป ขี้เกียจแบก สุดท้าย ก็ต้องเอาไปทำงานต่อที่นั่นจนได้ เช้าดูงาน เย็นๆ ดึกๆ ก็ทำงาน...
มาว่าเรื่อง Siggraph ดีกว่าค่ะ แก้ตัวไปเยอะแล้ว
ก็ปีนี้ รู้สึกว่างานจะเล็กลงหรือเปล่า ไม่แน่ใจ หรือเพราะคนเยอะขึ้นมาก ก็เจอเพื่อนๆ ที่โรงเรียนในงานเยอะนะ แต่ เรียกว่า เจอกันครั้งเดียวแล้วไม่เจออีกเลย (ถ้าไม่โทรตาม) ไม่เหมือนปีที่แล้ว ที่เดินชนกันแล้วชนกันอีก
เนื่องจากเวลาน้อย เราก็เลยมุ่งไปแต่บูธที่สนใจ
สำหรับข่าวด้านเทคโนโลยี ซอฟท์แวร์อัพเดท หลายคนคงอ่านตามเวปกันไปเรียบร้อยแล้ว เราเองก็ไม่คล่องเรื่องอย่างนี้ด้วย อาจจะเล่าได้ไม่เต็มที่นะคะ
ปีนี้ motion capture ไม่ค่อยมาแรงเหมือนปีที่แล้ว Vicon แก้ปัญหาเรื่องแสงรบกวนได้ดีมาก ด้วยการทำโดมครอบบูธซะเลย ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าไปดูข้างใน เพราะเวลาน้อย ไม่อยากต่อคิว motion capture เท่าที่เราเห็นว่าเด่นคือ จากค่าย motion analysis ที่ทำ endorphine อึ้งมาก ทั้งๆ ที่เป็น optical เช่นเดียวกับ vicon แต่การเก็บค่า real time data เรียกได้ว่า เก็บได้ทุกเม็ด นักแสดงก็เต้น ทั้งบิดมือ กระโดด สลับขา ตัวละครในจอ ก็ทำตามแบบไม่มีปัญหาเรื่อง data หาย หรือจุดถูกบังเลย จนเราเองยังสงสัยว่า เตี้ยมตัวละครกับนักแสดงไว้หรือเปล่าเนี่ย เพราะจังหวะการหมุนแขน พลิกมือ กอดอก เนี่ย มันค่อนข้างแน่นอนว่าจะบังจุดที่ติดที่ตัวสำหรับสะท้อนแสงอินฟราเรดแน่ แต่ทำไมตัวละครยังอ่านค่า data ได้ล่ะ หรือว่า เขามีโค้ตประเมินความเป็นไปได้ของทิศทางของจุดที่หายไป แล้วก็ใช้ค่านั้นมา sample ซะ... ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้จริง broadcast real-time mocap คงเกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่
Alias กับ Discreet คนแน่นมากๆ ด้วยความที่เราใช้ Maya เราก็เลยเดินไปดูบูธ discreet แทน...
แหะ แหะ.. แบบว่า สนใจเจ้าตัวคอมโพสตัวใหม่ที่เพิ่งออกมา Toxik น่ะค่ะ ข้องใจมากว่า มันต่างจาก combustion ยังไง ค่ายเดียวกันอีกต่างหาก ไปถึงเขาก็กำลัง present 3D max 8อยู่ แต่.. ฟังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ มันเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ งงมากว่า ทำไมเขา เดโมเป็นภาษาญี่ปุ่น เขาบอกว่า เขาแบ่งเป็นรอบๆ ของแต่ละภาษา ซึ่งก็มี อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน เพราะฐานลูกค้าเขาอยู่ที่นั่นเยอะ ท่าทางจะมีบริษัทญี่ปุ่นมากันเยอะด้วย สาวๆ ที่นั่งฟังเดโมตอนนั้น ก็แต่งกิโมโนกันน่ารักมากๆ เลย ดีจัง มาแบบเป็นกลุ่ม แล้วมีเสื้อทีมด้วย เฮ้อ.. อยากมีทีมกับเขาบ้างจัง
ส่วนคำถามเรื่อง toxik เขาก็อธิบายมาว่า combustion น่ะเหมาะกับ user ทั่วไป เหมือนกลุ่มตลาดย่อยรายบุคคล แต่ Toxik เขาจะให้อยู่ใน High-End เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้หลายคนทำ หรือ เหมาะกับองค์กร หรืองานใหญ่ๆ มากกว่า
ด้วยความรีบ เลยลืมดูตระกูล autodesk เลย ตั้งใจจะดู matchmover ก็ลืมซะสนิท.. เฮ้อ..
วกกลับมาบูธ alias ก็คนแน่นอีกเช่นเคย ด้วยความขี้เกียจยืนก็เลยเดินไปที่ Houdini แทน บูธโล่งว่าง มีที่นั่ง ตอนนั้นมี demo artist จาก orphanage (ไม่แน่ใจว่าจำชื่อบริษัทถูกหรือเปล่า) มา present ขั้นตอนการทำงานหนังเรื่อง stealth แต่.. ด้วยความที่เราเพลีย ไม่ค่อยได้นอน บวกกับเสียงที่ราบเรียบแสนสงบของ demo artist ก็เลย.. หลับค่ะ... คือ หัวเริ่มโยกเยกแล้ว เลยรู้ตัวว่า ขืนนั่งต่อ ได้หลับให้ขายหน้าแน่.. เลยลุกออกไปดูส่วนอื่นๆ ต่อ
Disney animation ก็ยังคงโชว์ Chiken little ไก่น้อยพิทักษ์โลก (ตั้งชื่อให้เล่นๆ นะ ) พร้อมกับแจก Rubic ภาพจากหนังเรื่องไก่น้อยนี่แหละ แล้วก็มีโชว์ teaser การ์ตูนเรื่องใหม่ อีก 2-3 เรื่องหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่จำได้แม่นคือเรื่อง Rapunzel เจ้าหญิงผมยาวที่ถูกขังบนหอคอยนะค่ะ teaser โชว์ผมที่พลิ้วไหว สวยมากๆ เลย แต่.. จำได้ว่า เรื่องนี้ Mainframe เคยทำเมื่อ 2-4 ปี ก่อน เป็น animation feature ให้กับ Mattel ที่ทำตุ๊กตา Barbie นี่นา ไหง Disney ถึงยังคิดจะทำอีกเนี่ย??? โทนสีภาพก็ใกล้เคียงกันซะด้วย ต้องรอดูแล้วล่ะว่า concept art จะเป็นยังไง
ไม่ไกลกันก็มีบูธของ Dreamwork ก็โชว์ Wallace and gourmet.. เรื่องนี้ทำโดย Aardman studion ที่มีผลงานอย่าง Chicken run .. เป็นงาน Stop motion ค่ะ แต่งานที่ต่อจาก Wallace and Gourmet (จำชื่อไม่ได้แล้ว) เขาจะทำเป็น 3D-animation แต่ในสไตล์ของ Aardman stop motion ซี่งก็น่าสนใจ ต้องลองติดตามดูต่อไป...
อ้อ...
บูธนี้พนักงานใส่เสื้อ Shrek3 ด้วย เป็นรูปยักษ์เขียวโชว์ 3 นิ้ว.. แต่ยังไม่เห็นตัวอย่าง เลยไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นยังไง .. อยากได้เสื้ออ่ะ.. แต่ตอนนั้นเขายังไม่แจก. .. เลยอด...
เสร็จจาก Dreamwork ก็ต้องไป Pixar ..
ปีนี้ Pixar จัดบูธเหมือนปีที่แล้วเลย แต่เปลี่ยนจากรูป Incredible เป็น Car แทน แล้วก็ได้จ๊ะเอ๋กับเพื่อนที่เคยไป Intern ที่ Pixar เลยได้กาน้ำเดินได้สีทองของ renderman มา (เป็นของแจกในงานที่หมดเร็วมากๆ ปีที่แล้วไม่ได้อ่ะ น่าเสียดาย ปีที่แล้วทำเป็นสีแม่สีด้วย) แล้วก็เลยไปดูเจ้า renderman ซะเลย.. ซึ่งเราเองก็ใช้ไม่เป็นหรอก เคยได้ยินแต่ชื่อและกิตติศัพท์ความยากในการใช้งาน .. ปีนี้ pixar ออก Renderman for Maya เป็นเหมือน plugin เสริมให้มายาไปเลย ไม่จำเป็นต้องเขียน shaders ใหม่ ใช้งานเหมือน mental ray ที่ฝังอยู่ใน Maya 6up แค่กดๆ เลือกๆ ใน render global แล้วก็กด render ก็จบแล้ว..
Renderman for Maya ที่เห็นในงาน มีทั้งกับ mac และ window แต่ตัวที่เขาสาธิต ณ เวลาที่เราดู คือ run อยู่บน window .. ตอนนั้นเขาพูดเรื่องเรื่องของ deep shadow ซึ่งเขาเอามาใช้แทน raytracing เรนเดอร์ได้เร็วกว่า แถมได้คุณภาพงานใกล้เคียงกันเลย จากนั้นก็ทดสอบ render particle โดยเปิด deep shadow (particle พุ่งขึ้นจากกาน้ำ) render เป็นภาพนิ่ง ณ เวลาที่จำนวนพาร์ติเคิลอยุ่ที่ 18000 ... โอ พระเจ้าจอร์จ.. มันยอดมากเลย.. สามารถเรนเดอร์เสร็จได้ภายในเวลาไม่ถึง หนึ่งนาที... ลืมถามไปว่าสเปคเครื่องเขาเท่าไร.. แต่... ต่อให้สเปคสูงยังไง การเรนเดอร์ในระยะเวลากับจำนวน particles ขนาดนนี้ ก็ยังเรียกได้ว่าเร็วนะเนี่ย... เริ่มเห็นความหวังรำไร กับงาน dynamics.. แต่ทว่า.. ณ ตอนนี้ renderman for maya ยังทำงานได้กับ software render เท่านั้น...
พูดถึงตัวเรนเดอร์.. ก็รู้ข่าวมาว่า Brazil จะทำ Brazil for maya นะ ก็เลยแวะไปดู เงียบมาก... ขึ้นป้ายว่า Brazil for maya แต่.. released date : To be announced .. แต่เขาก็โชว์ interface กับภาพเรนเดอร์ใน maya นะ เพียงแต่ว่า จังหวะที่เราไปไม่ค่อยดีเท่าไร demo artist ยังไม่มา เลยถามอะไรไม่ได้มาก
แล้วก็มีไปบูธ apple ซึ่งต้องไปลงทะเบียนตั้งแต่ 10 โมงเช้า เพื่อเข้าคลาส shake , advanced shake, final cut pro5 (จริงๆ ไม่ถึงกับ class เป็นแค่ว่า demo artist โชว์ประสิทธิภาพของโปรแกรม แล้วให้เราทำตาม) เพิ่งรู้ว่าตัวคอมโพสที่ทำอยู่กับระบบภาพ 32 bit มันต่างกันขนาดไหน.. จะว่าไป แต่ก่อนเราก็ไม่เคยรู้เรื่องเลยว่า ระบบภาพมีแบ่งเป็น 8, 16,32 bit ด้วย... shake 4 เป็นการทำงานบนระบบภาพ 32bit ทำให้การคุมรายละเอียดของภาพทำได้มากขึ้น (After Effect เป็นระบบภาพ 8bit ค่ะ) เช่นว่า เวลาเราปรับ brightness ของภาพ ถ้าทำใน AE จะเหมือนกับการ เพิ่ม/ลดค่า alpha แต่.. ถ้าเป็นบน shake 4 มันจะเหมือนกับการที่เราหรี่ไฟเลยค่ะ มันยังรักษาค่า specular ของแสงบนวัตถุนั้นได้ เหมาะมากสำหรับเวลาที่เราต้องการแก้ไขแสงแบบเร่งด่วน โดยไม่ต้องไปเสียเวลาเรนเดอร์ใหม่
ส่วน animation theatre นี่ ได้เข้าไปดูนิดหน่อย เก็บไม่หมด ไว้รอดู dvd แทน
แต่อีกส่วนที่เข้าไป (เป็นแดนโปรดของเราเลย นอกเหนือจากส่วน exhibition) คือ Emerging Technology ซึ่งเป็นส่วนแสดงเทคโนโลยีที่ยังอยู่ในการค้นคว้า ปีที่แล้วที่เด่นก็มีเรื่องของ HDRI, Virtual Reality แล้วก็พวก Detecting censor ที่ตอบสนองกับคน แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างที่เราดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร
ปีนี้... ก็มีหลายอย่างที่น่าสนนะ แต่เวลาน้อย กับเรื่องบางเรื่องต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์เยอะ (พูดง่ายๆ คือ อิชั้นไม่เข้าใจมันค่ะ) เลยเก็บมาได้นิดหน่อยเอง.. ที่ชอบสุดก็มี Fog Screen จะเป็น projector ยิงควันออกมา แล้วจะมีการฉายภาพบนม่านควัน ส่วนคนดู สามารถใช้อุปกรณ์ของเขาที่ยิงแสง หรือเขี่ยๆ กดปุ่มที่จอได้เหมือนใช้เมาส์ แถมคนยังสามารถเดินผ่านจอหมอกได้ด้วย โดยไม่เป็นอันตรายใดๆ เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนมาก ไอเดียแรกที่เราคิดก็คือ ละครเวทีเรื่องทวิภพ ฉากที่แม่มณีเดินทะลุกระจก ติดเจ้า fog screen ยิงภาพฉากห้องท่านเจ้าคุณ หรือ ห้องแม่มณีไป แล้วจังหวะเดินผ่าน ก็สามารถสร้าง fx ให้เหมือนภาพน้ำกระเพื่อมๆ ได้ คงจะสนุกดี.. (คิดเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ แบบว่าเสียดายไม่ได้ดูละครเวทีเรื่องนี้ ดูจากแผ่นคาราโอเกะเอา)
อีกอันที่น่าสนใจคือ มันจะเป็นแท่งทรงกระบอกขนาดใหญ่ สูงเกือบเท่าเรา แต่ข้างในฉายภาพเคลื่อนไหว คล้าย hologram (คือ แท่งมันสูงเกือบเท่าเรา แต่พื้นที่ฉายภาพอยู่แค่ 1ฟุต ใกล้ ยอดกระบอกนะคะ) ซึ่งเจ้าภาพที่ฉายเนี่ย เราสามารถเดินรอบกระบอก แล้วก็เปลี่ยนวิวไปเหมือนเราเดินรอบมองดูของชิ้นหนึ่งเลย ซึ่งถ้าเขาสามารถทำภาพได้ชัดกว่านี้ ต่อไปเราคงเห็นเจ้านี่ในพิพิธภัณฑ์แสดงของมีค่า หรือ โบราณวัตถุแน่ๆ เลย
งานนี้เรียกว่าไปแบบเหนื่อยมากค่ะ ทั้งวิ่ง ทั้งเดินในงาน แถมกลับมาตอนเย็นก็ต้องทำงานอีก ปีนี้เลยไม่ได้ไป party หรือ user group meeting เลย... กลับจากงาน ไปเรียน ส่งงานอะไรเรียบร้อย ก็สลบฟุบหลับเป็นวันเลยค่ะ
| Create Date : 13 สิงหาคม 2548 |
| Last Update : 13 สิงหาคม 2548 12:53:28 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 744 Pageviews. |
 |
|
|
| โดย: patchara IP: 203.148.245.11 วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:10:23:56 น. |
|
|
|
| โดย: นิมิต นิรัติศัย IP: 58.147.122.237 วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:1:54:24 น. |
|
|
|
| โดย: pla IP: 58.10.80.40 วันที่: 24 มกราคม 2551 เวลา:17:58:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [