ความงดงามของธรรมชาติและการเดินทางที่ไม่มีวันหยุดน่ิง
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
3 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 
sapa & fansipan vietnam

สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบเดินทาง ผมมีข้อมูลต่างๆ ที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางไปยังทางเหนือของเวียดนามครับ
โดยจะเน้นไปที่เมืองซาปา และเดินป่าสู่ยอดแฟนซิปาน ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของกลุ่มประเทศอินโดจีน
ซึ่งผมจะรวบรวมข้อมมูลการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ที่กิน และบริษัททัวร์ที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะนึกได้ครับ

บนเส้นทางแห่งความงดงามซาปา แฟนสิปาน



เริ่มต้นกันที่ฮานอยครับ
หาซื้อตั๋วรถไฟเพื่อไป Lao cai จากเอเย่นซึ่งอยู่ตามโรงแรมใหญ่ๆ หรือบริษัททัวร์ โดยเลือกเป็นตู้นอนแบบที่นอนนุ่ม หรือที่นอนแข็ง แอร์หรือพัดลมก็ได้ครับ ถ้าเป็นSofe Sleeper แอร์ พัดลม ห้องละ 4 คน ราคา 20 $ แต่หาซื้อได้ไม่เกิน 16 $
แต่ถ้าเป็น Hard Sleeper แอร์ พัดลม ห้องละ 6 คน ราคา 18$ น่าจะซื้อได้ไม่เกิน 15$
แต่ก็ไม่เสมอไปครับ
รถออกจากฮานอยราว21.30 น.ครับ ถึง Lao Cai ราว 6.00 น.เที่ยวนี้เข้าท่าสุดครับ เพราะไม่ต้องจ่ายค่าโรงแรม 1 คืน อาศัยนอนบนรถไฟ
จากหน้าสถานีรถไฟ ไปซาปาง่ายดายมากครับ เพราะมีรถตู้มากมายรอรับนักเดินทาง อาศัยว่าต้องจ่าย 2$ ครับ แต่ตอนกลับจากซาปามา สถานีLao Cai จะถูกกว่าครับ ราว 1.50$
ระยะทาง 34 กม. ก็ถึง Sapa ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชม.



เมื่อมาถึงSapa เลือกที่พักกันตามสบาย ชอบแบบเห็นวิวเทือกFansipan ก็เดินลงไปด้านล่างผ่านทางตลาดสดลงไป มีให้เลือกมากมายก่ายกอง ทั้งเก่า ใหม่ และกำลังจะเกิด ราคาเริ่มตั้งแต่ 7 - 20$ หรือเลือกแบบไม่เห็นทิวทัศน์แต่ราคาต่ำมาก ประมาณห้องเตียงคู่ 4 - 6$




ซาปา เมืองเล็กๆ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,650 เมตร มีประชากรอาศัยอยู่ราว 37,000 คน รวมทั้งยังเป็นบ้านของชาวเขา ซึ่งมีความหลากหลายทางด้านชาติพันธุ์มาก และออกมาจับจ่ายใช้สอยเพียงอาทิตย์ละครั้ง ยกเว้นกลุ่มชาวเขาที่ขายของที่ระลึก ที่อยู่ร่วมกับนักท่องเที่ยวได้อย่างสบาย
เมืองเล็กๆ แห่งนี้เริ่มต้นเป็นเมืองแห่งการพักผ่อน เมื่อฝรั่งเศษซึ่งปกครองเวียดนามอยู่ในขณะนั้นได้มาสร้างสถานีภูเขาขึ้น ในปี พ.ศ.2465 จากนั้นจึงเริ่มมีชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในฮานอย มาพักผ่อนช่วงวันหยุดเป็นประจำ เพราะอากาศดีและเงียบสงบ จนเมื่อคนเดินทางได้รับข่าวและมาเห็นถึงบรรยากาศจริงๆ เหล่าคนเดินทางจากทั่วโลกก็ได้รับสารเหล่านี้เช่นกัน นั่นจึงทำให้ปัจจุบันที่นี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ที่สำคัญนอกจากบรรยากาศแล้ว บรรดาชาวเขาที่อยู่ในบริเวณนี้ก็น่าสนใจไปเยี่ยมชมมากเช่นกัน และนาขั้นบันใดที่มากมายท่ามกลางลาดไหล่เขาที่ทอดตัวอย่างมีสเน่ห์ ก็ทำให้ที่นี่มีความสมบูรณ์ของคนมาเที่ยวแบบสบายๆ ได้เป็นอย่างดี หรือถ้าชอบเดินป่าก็มียอดแฟนซิปาน (Fansipa Mountain) ให้พิชิต บนความสูง 3,143 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งสูงสุดในละแวกอินโดจีนเชียวครับ





บริเวณตัวเมืองซาปาเริ่มต้นเริงร่ากันตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะชาวเขาในหมู่บ้านห่างไกล เดินทางออกมาหาจับจ่ายใช้สอยกันตั้งแต่เพิ่งเริ่มสว่าง นั่นทำให้ตลาดค่อนข้างคึกคักไปด้วยผู้คน ที่ยังคงแต่งกายประจำเผ่าแบบเต็มยศออกมา ซึ่งในตลาดซาปา จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชั้น ชั้นล่างแบ่งเป็นของสดจำพวกปลา เนื้อ หมู อยู่ทางด้านซ้ายมือ ตรงกลางเป็นพวกร้านขายอาหารมีก๋วยเตี๋ยว ข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารตามสั่ง ทั้งหมดเป็นสไตล์เวียดนาม ซึ่งก็น่าลองลิ้มชิมรสดู แต่ต้องบอกแม่ค้าเอาเองหากไม่ชอบให้ใส่ผงชูรสเยอะๆ เพราะเค้าไม่ค่อยยั้งมือเท่าไหร่ ถัดออกไปเป็นตลาดผัก ผลไม้ ที่มีมากมาย ผลไม้บางส่วนก็นำเข้ามาจากจีน ถัดไปเป็นร้านจำหน่ายเครื่องแต่งกาย รองเท้า ผ้า ซึ่งมีหลากหลายสไตล์คุณภาพพอประมาณ ชั้นสองก็เป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าล้วนๆ ครับ แต่อีกฝั่งแบ่งไว้เฉพาะของแฮน เมด จากชาวเขา ซึ่งมีทั้งตัดเย็บแล้ว ผ้าเป็นผืน กระเป๋าของที่ระลึก และอีกมากมายให้เลือกซื้อหา ราคาก็ต่อรองได้ส่วนใหญ่พอรับได้ ผ้าที่นี่สีพื้นจะเน้นออกไปทางสีเข้มๆ ทั้งสิ้น แต่จะมีลายปักและประดับตกแต่งด้วยสิ่งต่างๆ สีสดใส
จากตลาดหากเดินไปตามถนนลงไปด้านล่างสองฝั่งถนนจะมีร้านอาหาร เกสเฮาท์ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก เอเย่นทัวร์ ไปตลอดทาง หากต้องการเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาแฟนซิปาน ก็เดินไปทางด้านนอกไม่กี่ร้อยเมตรจะมีพื้นที่โล่งๆ หรือจะนั่งรับประทานอาหาร ดื่มกาแฟ เพื่อชมวิวก็มีหลายร้านให้เลือก




ในบริเวณรอบตัวเมืองซาปาซึ่งสามารถเดินไปได้ จากโบสถ์คริสต์กลางเมืองเดินเลียบด้านข้างไปยังอีกแหล่งท่องเที่ยว ก็คือเดินเท้าขึ้นไปยังภูเขาฮาม รอง (Ham Rong) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเอกชน มีจุดชมวิวสำหรับชมเมืองซาปาได้เกือบรอบด้าน โดยทางสวนได้จัดเส้นทางไว้อย่างดีและมีจุดเที่ยวชม 11 จุดด้วยกัน
เมื่อผ่านด่านที่ขายตั๋วราคา 15,000 ด่อง ก็ขึ้นไปตามทางปูนอย่างดี ซึ่งจะเข้าสู่บริเวณสวนกล้วยไม้ ที่ได้นำเอากล้วยไม้ป่ามาปลูกเลี้ยงเลียนแบบธรรมชาติไว้เกือบ 200 ชนิด ทางด้านขวาสุดของสวนมีจุดชมวิวที่เห็นเมืองซาปา ในเช้าอากาศดีๆ สามารถมองเห็นทะเลหมอกซึ่งคลุมซาปาได้จากจุดนี้ ขึ้นไปด้านบนก็มีสวนไม้ดอก จุดชมการแสดงพื้นเมือง และขึ้นไปจุดสูงสุดมองเห็นซาปาอีกด้าน การเดินเที่ยวบนภูเขาฮาม รอง น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 – 1.30 ชม.
ช่วงกลางคืนก็มีอีกบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เพราะจะมีแม่ค้านำข้าวโพด เกาลัด มัน มาปิ้งกันร้อนๆ ไว้รอบริการ โดยมีม้านั่งเตี้ยให้นั่งรับไออุ่น ส่วนใครชอบอ้อยควั่นก็มีให้เลือกในอัตราทุกอย่าง 2,000 ด่อง ลองนั่งเอาบรรยากาศก็เหมาะนะครับ มีอยู่สองจุดใหญ่คือหน้าโบสถ์คริสต์กับตลาดใหม่อยู่เยื้องกันครับ







ตลาดบั๊ก ห่า (Bac Ha Market) ศูนย์รวมสีสันแห่งชนเผ่า

ที่ตั้ง
อยู่ในจังหวัดห่า บั๊ก ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ติดกับจังหวัดลาวไค

การเดินทาง ตลาดบั๊ก ห่า ห่างจากฮานอย 350 กม. จากลาวไค 30 กม. และจากซาปา 110 กม. มีรถโดยสารออกจากลาวไค – บั๊กห่า ทุกวันเวลา 6.30 น. 11.00 น. และ 13.00 น. จากบั๊ก ห่า – ลาวไค 05.30 น. 11.30 น. 13.00 น. หรือจะนั่งรถมอเตอร์ไซค์ก็สามารถทำได้
หากคุณอยู่ที่ซาปาแนะนำให้ซื้อแพ็คเกจทัวร์ซึ่งมีอยู่มากมาย ราคา 10 ดอลล่า/คน ซึ่งรวมค่ารถตู้ไป – กลับ ไกด์ อาหารกลางวัน และเดินชมหมู่บ้านชาวเขาใกล้ๆ กับตลาดบั๊ก ห่า

สำหรับจังหวัดบั๊ก ห่า เป็นจังหวัดเล็กๆ อยู่ใกล้กับชายแดนประเทศจีน บนความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 700 เมตร ทำให้อากาศดีและเย็นตลอดปี มีประชากรราว 70,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าต่างๆ และยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งนอกจากซาปา เพราะวัฒนธรรมที่ยังคงความงดงามของชาวบ้าน ได้นำคนต่างถิ่นเข้ามาได้อย่างไม่น่าเชื่อ สามารถสังเกตได้จากโรงแรมและเกสเฮาต์ที่กำลังเปิดตัวหลายแห่งเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
วันอาทิตย์ ตลาดบั๊ก ห่า จะเป็นวันที่มีสีสันสุดในรอบสัปดาห์ เพราะชาวเขาเผ่าต่างๆ จะเดินทางลงมาเพื่อเลือกซื้อข้าวของไปใช้ โดยใช้วิธีการเดินและใช้ม้าเป็นพาหนะ ซึ่งสามารถเห็นลานจอดม้าอยู่ทางเหนือสุดของตลาด คล้ายกับลานจอดรถของคนเมืองเลยทีเดียว หลากหลายรูปแบบทั้งลากเลื่อน ส่วนบุคคล และบรรทุก ทางเข้าสู่ตลาดอยู่บริเวณ 4 แยก กลางเมือง เดินเข้าไปด้านในก็มีร้านจำหน่ายของต่างๆ มากมายทั้งที่เป็นของชาวเขานำมาขายกันเอง และคนเมืองเอามาจำหน่าย







สินค้าที่น่าจะเลือกซื้อก็เป็นผ้าทอมือ ซึ่งมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ และมีการนำมาจำหน่ายอยู่หลายร้าน เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็จะเป็นอาคารร้านจำหน่ายอาหารซึ่งส่วนใหญ่เป็นเฝอหรือก๋วยเตี๋ยว ที่สามารถสั่งให้ใส่กับอะไรก็ได้ ทั้งหมูสามชั้นต้ม ไก่ต้ม เครื่องในหมู เป็นต้น สนนราคาไม่แพงและมีให้เลือกหลายสิบร้าน จำพวกขนมก็มีให้ชิมกันหลายแบบ ซึ่งรสชาติก็เข้าท่าไม่น้อย
ถัดไปด้านบนเขามีร้านตีเหล็ก มารอให้บริการอยู่หลายร้าน ทั้งตีมีด ขวาน ไถ ถัดลงมาด้านล่างตามซอยก็จะมีเหล้ากลั่นจากหลายเผ่ามาให้เลือก ซึ่งเมืองบั๊ก ห่า เป็นเสมือนโรงงานผลิตสุรากลั่นขนาดย่อมเลยทีเดียว เพราะขนมาจำหน่ายกันอย่างมโหฬาร ทั้งเหล้าข้าวเหนียว เหล้าข้าวโพด แม้กระทั้งจากมันสำปะหลังก็มีให้เลือก ส่วนใหญ่รสชาติดี กลิ่นหอม แต่แรงมากถึงมากที่สุด ราคาก็ไม่แพง ซึ่งหากต้องการชิมก็มีให้ลิ้มลองรับรองไม่ถึงครึ่งซอยต้องเดินเซแน่นอน
อีกกลุ่มที่พลาดไม่ได้หากได้ไปเดินในตลาดสดของเวียดนามก็คือ ผัก เพราะคนเมืองนี้รับประทานผักกันเก่งมาก และมีผักที่คุณภาพดีมากมายอีกด้วย ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวเขานำผักสวนครัวของเขามาขายกัน แม้นคนละไม่เยอะแต่รวมๆ กันแล้วมากมายมหาศาล นอกจากนี้ยังมีผลไม้อีกหลายชนิดที่น่าสนใจ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเห็นจะเป็นอ้อย เพราะส่วนใหญ่ต่างถือติดมือกันคนละลำ ซึ่งถือเป็นเรื่องราวที่น่ารักยิ่งนัก
เมื่อความสีสันของตลาดชาวเขากันจนอิ่มเอมใจ ก็ออกไปเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้านในละแวกนี้กันสักหน่อย ทางเดินจะพาไปยังหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งเหมาะยิ่งนักในการสัมผัสวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด โดยระยะทางทั้งสิ้นราว 3 กม. ซึ่งจะผ่านนาขั้นบันใดสวยๆ เหมาะสำหรับถ่ายภาพโดยเฉพาะในวันที่อากาศดีๆ ใช้เวลาทั้งสิ้นราว 1 ชม. รับรองความงดงามครับ
จากความงดงามของวิถีชีวิตแห่งชนเผ่าทำให้ตลาดบั๊ก ห่า มีชื่อเสียงขจรไปทั่วทุกมุมโลก จนนักเดินทางต้องมีที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางในการมาเยือนภาคเหนือของเวียดนาม ซึ่งเชื่อแน่ว่าวัฒนธรรมอันดีงามเหล่านี้จะยังคงอยู่ต่อไป และจะชักนำคนเดินทางมาเยือนได้อีกมากมาย



เดินป่าสู่ยอดแฟนสิปาน 3,143 เมตร (Fansipan Trekking)


ที่ตั้ง จุดเริ่มต้นเดินเท้าอยู่ห่างจากตัวเมืองซาปาไปราว 15 กม.

การเดินทาง ควรเลือกซื้อแพ็คเกจทัวร์จากเอเย่นในเมืองซาปา จะมีรถไปส่งที่จุดเริ่มต้นเดินเท้า ตอนลงมาจากยอดแฟนซิปาน ก็จะมีรถไปรับกลับเข้ามาในเมือง

แฟนซิปานยอดเขาสูงสุดแห่งเวียดนามและในภูมิภาคินโดจีน จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “หลังคาแห่งอินโดจีน” บนความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 3,143 เมตร และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงอย่างยิ่ง สภาพป่าก็ยังคงความสมบูรณ์และสวยสดงดงามมาก ทว่าการเดินเท้าสู่ยอดเขาแห่งนี้ไม่ได้สะดวกสบายเลย เพราะสภาพเส้นทางที่ค่อนข้างชัน จนมีเฉพาะผู้พิสมัยการเดินป่าจากทั่วโลกเลือกเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับทดสอบกำลังใจ และชื่นชมความงามของผืนป่าดิบร้อนแห่งเอเชีย
สำหรับนักเดินทางที่ต้องการเดินเท้าสู่หลังคาอินโดจีน ต้องมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงเนื่องจากสภาพเส้นทางค่อนข้างโหด เมื่อมาถึงซาปาก็มีบริษัททัวร์มากมายให้เลือกซื้อแพ็คเกจเดินป่าสู่ยอดแฟนสิปาน ขอแนะนำให้เลือก 3 วัน 2 คืน เนื่องจากเหมาะสมในด้านราคาและไม่เหนื่อยจนเกินไป โดยราคาจะเริ่มที่ประมาณ 50 ดอลล่า/คน ซึ่งจะมีไกด์ 1คน ลูกหาบ 2 คน ค่าขออณุญาตเดินป่า อาหารทุกมื้อ แค้มป์พัก ถุงนอน รถรับ – ส่ง (ราคาอาจถูกหรือแพงกว่านี้ขึ้นอยู่กับออฟชั่น เช่น ต้องการลูกหาบเพิ่มเพื่อแบกสัมภาระส่วนตัว อาหารพิเศษ เป็นต้น)
จุดเริ่มต้นเดินเท้าจะออกจากตัวเมืองซาปา ไปทาง Tram ton pass อันเป็นเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดลาวไคและไลโจ มีอาคารสำนักงานของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หงเหลียน เส้นทางช่วงแรกเป็นดินปนทรายและหินผ่านป่าดิบเขาไปเรื่อยๆ ตลอดสองข้างทางมีไม้ดอกให้ชมมากมาย โดยเฉพาะชนิดที่หายากในเมืองไทย อย่างกุหลาบเลื้อย ชมพูพิมพ์ใจ แอสเตอร์ เป็นต้น โดยวันแรกจะเดินกันราว 5 กม. ทั้งขึ้นเนินและลงเนินสลับกันไป แต่ช่วงท้ายก่อนถึงแค้มป์พักแรมเดินลงอย่างเดียวเกือบหนึ่งชั่วโมง รวมใช้เวลาเดินราว 5 – 6 ชม. รวมพักรับประทานอาหารกลางวัน และจะไปพักแรมกันที่แค้มป์ถาวรบนความสูงประมาณ 1900 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ริมธารน้ำที่เขียวสดไปด้วยมอสและเฟิน ทั้งยังมีน้ำตกเล็กๆ ให้เล่นหากชอบน้ำเย็นๆ
สภาพป่าโดยทั่วไปในช่วงที่ผ่านมาวันแรกคล้ายกับป่าดิบเขาของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เพราะต้นไม้ส่วนใหญ่ได้รับการห่มคลุมจากมอส เฟิน กล้วยไม้และพรรณไม้อิงอาศัยอื่นๆ จนเป็นต้นไม้ห่มผ้า แลสดชื่นชุ่มฉ่ำยิ่งนัก
วันที่สองเริ่มต้นเดินจากแค้มป์พักเวลา 08:00 น. เพื่อขึ้นสู่ยอดแฟนสิปาน จากแค้มป์เดินลงเพียงครั้งเดียวจากนั้นเส้นทางชันจะค่อยพาให้คนเดินทางต้องเอากำลังกายและกำลังใจเข้าแลก ซึ่งสภาพเส้นทางในช่วง 3 ชม.แรก จะมีลักษณะคล้ายกับป่าเขาหลวง แห่งนครศรีธรรมราช เพราะมีพรรณไม้หลายชนิดที่เหมือนกัน ทั้งบัวแฉกใหญ่ เฟินหายากที่เจอทางภาคใต้ของประเทศไทย กล้วยไม้ ต้นไม้ พื้นดินก็เหมือนเดินบนใบไม้แน่น ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสภาพป่าทำให้ค่อนข้างเพลิดเพลิน ลดความเหนื่อยจากทางชันได้พอสมควร จนขึ้นมาถึงบริเวณความสูง 2,200 เมตร จึงพ้นแนวหมอกที่ปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ทางด้านตะวันอกมองเห็นทะเลหมอกสุดสายตาอัดแน่นอยู่อย่างงดงาม
จากจุดชมวิวแห่งนี้ต้องเดินผ่านป่าดิบเขาระดับสูงและป่าไผ่แคระไปอีกราว 2 ชม.ก็เข้าสู่บริเวณที่เป็นทุ่งหญ้าเปิดโล่งที่ความสูง 2,900 เมตร ก่อนจะต้องไต่เนินเล็กๆ และป่าไผ่ไปอีกราว 40 นาที ก็จะถึงจุดสูงสุดของยอดเขาแฟนสิปาน ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ 360 องศา และหากอากาศเปิดก็จะเห็นตัวเมืองซาปา ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะมองเห็นทะเลหมอกที่อัดแน่นอยู่ในหุบเขาเบื้องล่างได้ตลอดทั้งวัน
สำหรับยอดเขาแฟนสิปาน มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,143 เมตร เป็นหินกลุ่มใหญ่ให้ขึ้นไปยืนและมีพีระมิดทำจากสแตนเลสตั้งไว้เป็นสำคัญ เมื่อมายืนอยู่ตรงจุดสูงสุดจะมีความรู้สึกเหมือนอยู่เหนือเมฆเลยทีเดียว ความเหนื่อยจากการเดินเท้าที่แสนล้าได้รับการทดแทนจากความงดงามของทัศนียภาพอันตระการตา และความมหัศจรรย์ของป่าดิบเขาอันอุดมสมบูรณ์
เมื่อชมความงามของทิวทัศน์กันจนอิ่มเอมใจก็เดินกลับลงมายังแค้มป์พักแรมที่นอนคืนแรกอีกครั้ง ใช้เวลาตอนเดินกลับราว 4 ชม. หรืออาจจะใช้เวลามากกว่านี้หากเดินช้า แนะนำให้เอาไฟฉายส่วนตัวขึ้นไปด้วยเพราะอาจจะมืดก่อนถึงแค้มป์
วันที่ 3 ออกเดินตั้งแต่เช้าเพื่อกลับสู่ซาปาอีกครั้ง ช่วงแรกต้องเดินขึ้นเนินไปราว 1 ชม. ก่อนจะเดินลงไปตามเส้นทางที่แสนชันอีก 4 ชม. ก็จะถึงหมู่บ้านซินใจ่ ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้ง และต่อรถไปอีกราว 10 นาที ก็ถึงตัวเมืองซาปา เป็นอันจบการเดินป่าสู่ยอดเขาแฟนสิปาน
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเดินป่าสู่ยอดแฟนสิปาน
1. ถุงนอน
2. เสื้อกันหนาว
3. ไฟฉายส่วนตัว
4. ถุงมือ
5. เสื้อกันฝน
6. ถุงเท้าใส่เดินและใส่นอน
7. ร้องเท้าเดินป่า
8. ช็อคโกเลต เผื่อสำหรับพลังงานสำรอง
9. ยาแก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ
10. กล้องถ่ายภาพ (หากเป็นดิจิตอล ควรนำแบตเตอรี่ไปให้พอ)




Create Date : 03 ธันวาคม 2548
Last Update : 27 มีนาคม 2550 20:41:58 น. 18 comments
Counter : 2536 Pageviews.

 
รอดูต่อครับ ฟิล์มเสร็จหรือยังครับ


โดย: น้าโหด IP: 203.113.67.7 วันที่: 4 ธันวาคม 2548 เวลา:18:33:14 น.  

 
ฟิล์มเสร็จแล้วครับพี่ จพยามยามสแกนให้ได้ดีครับ ผมทำให้มันใหญ่ๆ ไม่เป็นอะคับ


โดย: JUNGLE MAN วันที่: 4 ธันวาคม 2548 เวลา:20:28:24 น.  

 
น่าไปจัง ท่าทางจะหนาวน่าดูนะครับ


โดย: แมงเม่า IP: 202.142.195.71 วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:9:38:31 น.  

 
ขอบคุณที่นำมาลงในบล็อคให้หลายคนได้อ่านครับ


โดย: สำเภางาม วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:22:41:07 น.  

 
มาอ่านครับ


โดย: นายยล วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:22:49:24 น.  

 
ภาพสวย เนื้อเรื่องดี รอติดตามใน นิตยสารอยู่ครับ


โดย: Amder IP: 61.91.243.211 วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:9:04:19 น.  

 
ได้บรรยากาศดีครับ....เห็นแล้วอยากไปเที่ยวบ้าง

ขอบคุณที่เอามาให้ชมนะครับ ...ภาพสวยๆครับ


โดย: ไผ่เล่นลม วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:20:20:21 น.  

 
ดูแล้วก็ฝัน สักวันจะไปให้ถึงครับ


โดย: Oatz IP: 58.10.64.59 วันที่: 24 ธันวาคม 2548 เวลา:19:12:54 น.  

 
ขอบคุณมากครับทุกท่านที่ติดตาม


โดย: จอ กอ มอ IP: 203.151.140.118 วันที่: 24 ธันวาคม 2548 เวลา:22:48:15 น.  

 
แวะมาอ่าน เรื่องราว และข้อมูลค่ะ


โดย: sun-flower วันที่: 27 ธันวาคม 2548 เวลา:1:57:41 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ เรื่องน่าอ่านทั้งนั้นเลย แต่ไม่รู้จะมีโอกาสไปมั่งรึเปล่า


โดย: noojew วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:12:13:07 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ

แต่ไม่ไปฟานซิปานดีก่า

ไม่ไหวๆ


โดย: มุมมองใหม่ที่ค้นหา IP: 125.24.68.197 วันที่: 11 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:08:41 น.  

 
ข้อมูลเหมือนในหนังสือ Trip magazine ฉบับเวียดนามเปี๊ยบเลย คนเดียวกันเขียนหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย


โดย: ผ่านมาอ่าน IP: 58.8.9.161 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:16:23:42 น.  

 
คนเดียวกันครับพี่ อิ อิ
แต่ชื่อผมเค้าใส่ให้ตัวนิดเดียว


โดย: JUNGLE MAN วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:11:44:20 น.  

 
ไปกะแก้มยุ้ยอีกรอบไหมคะพี่เล็ก ซื้อตั๋วหางแดง 0 บาทได้แล้ว เย้ๆ



โดย: หมวยแก้มป่อง วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:10:53:09 น.  

 
ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วเพลินมากเลย กำลังจะดินทางหาข้อมูลอยู่


โดย: ่่ IP: 58.8.156.161 วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:15:41:48 น.  

 
This is great information Ka My Hasband & I have plan to go to Sapa. this is very much helpful

Thank you so much ka


โดย: Tistimoni IP: 58.8.60.249 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:19:13:50 น.  

 
จองตั๋วฮานอยไว้แล้วทั้งครอบครัว 10 คน ไปเดือน พ.ย.6 วัน 5 คืน กะจะไปซาปา มีเด็ก 5 ขวบ 1 คน นอกนั้นเป็นผู้ใหญ่ อยากทราบว่าหากจะไปยอดฟานซิปาน มีอะไรจะแนะนำกันบ้างครับ ใครจะไปช่วงนั้น อาจจอยกันไปได้นะ อีเมล์ผม rbpump@ego.co.th


โดย: พุฒิพัฒน์ IP: 192.168.1.111, 124.120.219.184 วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:0:03:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

JUNGLE MAN
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add JUNGLE MAN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.