=ตาเห็นแต่สิ่งที่อยากมอง หูได้ยินแต่สิ่งที่อยากฟัง=
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
7 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
ศีล สมาธิ ปัญญา และการนอนไม่หลับ





สาเหตุที่เขียนเกี่ยวกับเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น

เกิดมาจากเมื่อสองสามวันก่อน นอนไม่หลับ

พยายามทำสมาธิ แต่ก็ไม่หลับซักที

.
.






เลยนอนคิดๆ ดูว่าเกิดจากอะไร ใจเราฟุ้งซ่านเพราะอะไร

อ๋อ... ก่อนนอนเราเล่นเกมส์ อย่างเป็นบ้าเป็นหลังนี่เอง

ทำให้สมองเราคิดแต่เรื่องเกมส์ไม่หยุดหย่อน

เลยคิดว่า ก่อนเราจะมีสมาธิ เราจะต้องมี ศีล ซะก่อน

.
.







ตามความเข้าใจของเรา ศีล คือการปฎิบัติดี (หรือเปล่า ไม่แน่ใจ อิๆ)

ในวันที่เรานอนไม่หลับ เราเล่นแต่เกมส์ เหมือนปล่อยให้ตัวไหลไปทางหย่อนมากเกินไป

ก็เหมือนว่าไม่รักษาศีล ทำให้สมาธิไม่เกิด

.
.

เมื่อก่อนก็เคยสงสัยว่า ทำไมต้องเรียงจากศีล สมาธิ ปัญญาด้วย

ปัญญาเกิดมาเองได้เลยหรือเปล่า แล้วทำไมศีลต้องมาก่อน

ก็เลยลองเปิดในอินเตอร์เน็ตดู ได้พบข้อความที่ตอบคำถามได้

คาดว่าเป็นของท่านพุทธทาสนะคะ

.
.

ท่านกล่าวว่า เรื่องศีล สมาธิ ปัญญานั้น ถ้าจะให้ถูกเราต้องมีปัญญามาก่อน

หมายความว่า เราต้องมีสัมมาทิฐิก่อนว่า สิ่งที่เราปฏิบัติเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริง

ไม่ใช่ทึกทักเอาว่า สิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ถูกเสมอ (งงไม๊ )

จากนั้นเราก็จะมีศีล ซึ่งเป็นสมาทานศีล (สมาทานแปลว่า ถือเอาไว้อย่างดี)

ไม่ใช่อุปทานศีล คือการยึดมั่นเอาศีลเป็นเรื่องขลัง ทำให้อวดดี ยกตนข่มท่าน

ถ้ามีปัญญาแล้ว เราก็จะไม่มีอุปทานศีล ซึ่งเกิดจากความโง่เขลานั่นเอง (อวิชชา)

.
.








เรื่องที่ว่านำปัญญามาก่อน ท่านพุทธทาสบอกว่า บางคนอาจแย้งว่าผิดจากความเชื่อเดิม

แต่ท่านให้แง่คิดว่า สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว ดังนี้



อริยมรรคมีองค์ ๘ , ๘ ประการนั้นท่านตรัสปัญญา ศีล สมาธิ

แต่เราไม่ได้ยินว่าอย่างนั้น เราได้ยินว่า สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ไปเสียเลยไม่รู้ ไม่ได้สังเกต

ถ้าเป็นคนสังเกตสักหน่อย ก็จะพบได้ด้วยตัวเองว่า ในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านจะตรัสไว้ในฐานะเป็นทางปฏิบัติแล้ว ท่านก็ตรัสเป็นลำดับเป็นปัญญา ศีล สมาธิ โดยนัยดังที่กล่าวมานี้



.
.







แล้วก็อ่านต่อไปถึงเรื่องของสมาธิ ว่าในมรรค 8 นั้น สัมมาสมาธิ เปรียบได้ว่าเป็นประธาน

ซึ่งมีสัมมาทิฐิเป็นทัพหน้า และข้ออื่นๆ เป็นทัพเสริม เพื่อส่งเสริมให้สมาธิเกิด


สมาธิ เปรียบเสมือนอาวุธเพื่อจะไปทำลายกิเลส


นั่นก็คือ เมื่อเรามีสมาธิ ซึ่งเป็นสมาธิที่มีความเห็นชอบอยู่ด้วยแล้ว

กิเลสก็จะถูกกำจัดไป นั่นเอง





.
.

(ที่มา: //www.agalico.com/board/showthread.php?t=4312 โดยคุณ sukhawadee 03-17-2006, 05:52 PM )


ถูกผิดประการใด ขอคำชี้แนะด้วยนะคะ




Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2552 3:57:16 น. 12 comments
Counter : 941 Pageviews.

 
บางอย่างเรียงได้เป็น 1-2-3
แต่บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเรียง
หรือไปคิดว่าอันไหนมาก่อนหลัง

หุหุหุ

พี่ก๋าจะพานอกลู่นอกทางหรือเปล่าเนี่ย

ศีล - สมาธิ - ปัญญา

จะให้ดีที่สุด
คือให้มันมาพร้อมกันเป็นก้อนเดียวนี่แหละครับ

อย่าไปจับแยก
เดี๋ยวมันวุ่นวาย








โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:7:12:11 น.  

 
ผมเคยมีปัญหากับการนอนหลับ
จนถึงกับต้องกินยานอนหลับทุกคืน

แต่หลังๆมานี่แทบไม่ค่อยได้ใช้เลย
ยกเว้นไปในที่อึกทึกครึกโครมมากๆอาจจะกินบ้าง

ผมลองควบคุมเรื่องการหายใจ
และการเพ่งความคิดตอนนอนครับ

พระเจ้าจอร์ชมันยอดมาก....มันได้ผลจริงๆครับ


โดย: Dr.Manta วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:7:44:31 น.  

 
พี่ก๋านั่งคุยกับอาแปะเมื่อเที่ยงนี้เอง
พอดีอาจารย์มา
ศิษย์ก็เลยใคร่รู้ครับ หุหุหุ
พีก๋านำคำถามของน้องนุ้ย
พูดคุยกับอาแปะ

อาแปะพี่สรุปว่า

ศีล คือ การรักษากายให้อยู่ในภาวะบริสุทธิ์

สมาธิ คือ ความตั้งมั่นในสัจธรรมแห่งความเป็นจริง

และปัญญาทำให้เรากระจ่างแจ้งในสัจธรรมแห่งการเกิด-ดับ


เพราะฉะนั้นทั้งสามสิ่งต่างรวมเป็นหนึ่ง
และถ้าเรามีทั้งสามสิ่งนี้
เราจะ "รู้แจ้ง"
รู้แจ้งในความจริงของชีวิตที่ว่า
โลกนี้เกิดจากผู้สร้างและสิ่งที่ถูกสร้าง
ถ้าเราเข้าใจการเกิดและดับของสิ่งที่เที่ยงแท้
กับสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ได้
เราจะเข้าใจชีวิต

ตอนนี้พี่ก๋าเข้าใจ
แต่ไม่แน่ใจว่าพอยิ่งอธิบาย
มันจะทำให้น้องนุ้ยยิ่งงงหรือเปล่า

เปรียบเทียบตามความเข้าใจของพี่ก๋าอีกครั้งก็คือ
ศีลเหมือนข้อบังคับที่ทำให้กายเราไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ผิดศีธรรมหรือฝืนธรรมชาติ

ส่วนสมาธิทำให้เรานิ่ง
เมื่อนิ่ง

ก็จะได้มีโอกาศใช้ปัญญาหรือความรู้แจ้งที่มีอยู่แล้วในตัวเรา
เพื่อแก้ปัญหาต่างๆหรือทุกข์ต่างๆที่เราเผชิญอยู่


ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา
ทำให้เรารู้ทัน "ความคิด" ของตัวเรา
รู้ทันสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา
และทำให้เราแยกแยะได้ว่าอันไหนเที่ยงแท้และอันไหนไม่เที่ยงแท้

เช่น รู้ว่าความรัก เงินทอง และชีวิตเป็นของไม่เที่ยง
และรู้ว่าความตายเป็นของที่เที่ยงแท้ เปลี่ยนแปลงไม่ไ่ด้ เป็นต้น


อธิบายไว้คร่าวๆตรงนี้ก่อนนะครับ




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:45:06 น.  

 
ถ้าตอบว่าการนอนไม่หลับ
เราจะขจัดความฟุ้งซ่านนี้ได้อย่างไร
ก็น่าจะเป็นการทำใจให้ว่าง

ทำใจให้ว่าง
ไม่ได้แปลว่าไม่คิดนะครับ
เราต้องคิด
เพราะธรรมชาติสร้างสมองมาให้เราคิด

แต่เราอยู่เหนือความคิดนี้ได้
ด้วยการรู้ว่า "ความคิด" ที่เราคิดอยู่นี้มันไม่เที่ยง
มันมาแล้วมันก็ไป
เพราะฉะนั้นอย่าไปมั่นหมายมัน อย่าไปจำและคิดย้ำๆอยู่แต่กับสิ่งนี้

เหมือนอกหัก
ก็ต้องรู้ให้ได้ว่าความรักมันไม่เที่ยง
เจอกันตอนนี้ไม่เลิกกันวันนี้
อีก 10 ปีก็อาจจะต้องตายจากกัน
คิดแบบนี้่กลับยิ่งทำให้รักกันมากขึ้น
เพราะไม่รู้ว่าเราจะจากกันเมื่อไหร่

ไม่ใช่ไปคิดย้ำๆว่าทำไมถึงต้องเลิกกัน
หรือไปพยายามที่จะหลอกตัวเองว่าไม่คิด อย่าคิด
ทั้งๆที่ยังไงสมองมันก็สั่งให้เราคิด


นี่พี่ก๋าอธิบายมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย 555555




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:49:21 น.  

 
นอนไม่หลับเพราะติดเกมส์เหมือนกันค่ะ
ต้องเล่นทุกวันไม่งั้นจะลงแดง


โดย: DollyAnGel วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:32:31 น.  

 
หวัดดีครับน้องนุ้ย

อาแปะเป็นพี่ชายพ่อพี่ก๋าเอง
เคยเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย
แต่ไม่กี่ปีให้หลังก็ล้มละลายครับ
ตอนนี้ก็เลยหันเข้าหาการปฏิธรรม
แต่เพราะพื้นฐานเป็นคนที่อ่านหนังสือมาก ชอบดูข่าวสารมาก
อาแปะเลยรู้ลึก รู้เยอะครับ

อายุจะเจ็ดสิบแล้วแต่ความจำดีมาก

ช่วงนึงอาแปะกับพี่ก๋านั่งคุยธรรมะในแบบที่คนฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจน่ะครับ5 5555
คุยกันเป็นปีปีเลย คุยกันทุกวัน
จนพ่อพี่ก๋าเองยังระแวง
ว่าอาจทำให้พี่ก๋าหนีไปบวช 5555

แต่ไม่หรอกครับ
พี่ก๋าคิดว่าเราเองชอบฟัง ชอบเรียนรู้
ก็คิดซะว่าได้ผู้รู้ว่าสอนสั่งเราอีกคน

อาแปะอธิบายข้อสงสัยทางธรรมให้พี่ก๋าได้ดีมากครับ

พี่ก๋าอัดเทปเสียงตอนที่เราคุยกันไว้มากมายเลยครับ
กำลังค่อยนั่งถอดเทปเพื่อทำหนังสือ
แต่ผ่านมาปีกว่าหนังสือไม่คืบหน้า
เพราะพี่ก๋าบ้าบล็อกครับ 5555

พี่ก๋าไม่ได้เห็นด้วยกับทุกคำพูดของอาแปะหรอกครับ
เพราะในความรู้ที่พี่ก๋าศึกษามา
ก็เป็นอีกแนวทางครับ
เพียงแต่อันไหนใช่ที่เราเชื่อ ที่เราชอบ
เราก็เอามาปรับใช้กับชีวิตของเราเอง

ธรรมะของอาแปะ
เป็นพุทธมหายานสายจีนครับ






โดย: กะก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:46:26 น.  

 
ลืมส่งรูปคนหล่อเลย หุหุหุ




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:7:21:06 น.  

 
เมื่อวานเน็ตไม่ดีสุดๆ
เช้านี้โอเคแล้วครับ อิอิอิ

หวัดดียามเช้าครับน้องนุ้ย







โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:03:08 น.  

 
ยังคุยกับมาดามอยู่เลยครับ
ว่าพี่ก๋าอยากไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกวอีกครั้ง
คราวนี้จะเอาขาตั้งกล้องไปด้วยครับ
กับเมมโมรี่การ์ดอีกสัก 40 GB อิอิอิ





โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:42:11 น.  

 
หุหุหุ

6 บล็อกเลยเหรอครับน้องนุ้ย

2 ก็พอแล้วล่ะ

กำลังดี



โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:27:01 น.  

 
การนอนไม่หลับ เป็นปัญหาใหญ่ แต่อย่างที่บอกมาเป็นเพราะคิดมากไปนะเอง

ใช้ธรรมะเข้าช่วยก็เป็นทางแก้ที่ดีเหมือนกัน


โดย: ostojska วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:27:10 น.  

 
จะนับลมหายใจก็น่าจะได้ครับ

แต่ผมไม่ได้นับน่ะ

เพราะผมจะเพ่งความคิดให้อยู่กับจุดใดจุดหนึ่ง

แต่สุดท้ายถ้าไม่ได้จริงๆก็ต้องแอบกินยาแหละครับ


โดย: Dr.Manta วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:52:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

N_Nirvana
Location :
Västerås Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนเราต้องเติบโตขึ้น

ต้องเดินต่อไป

ทุกอย่างเราเลือกเอง

และเราต้องทำให้ดีที่สุด

.....................................................

สองคน ยลตามช่อง

คนหนึ่งมอง เห็นโคลนตม

อีกคน ตาแหลมคม

เห็นดวงดาว อยู่พราวพราย

โดย ท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ

ขอบคุณ...http://www.navy34.com/board342550/index.php?topic=721.0
Friends' blogs
[Add N_Nirvana's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.