Craft and express your living through the astrological way
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
8 กันยายน 2549
 
All Blogs
 

ดวงดาวและความหมาย : ดาวอังคาร และดาวพฤหัส

เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย

เฮ้อ...ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ชีวิตมันวุ่นวายจริงๆ ครับ
ทั้งเรื่องงาน และเรื่องเรียน มันมะรุมมะตุ้มไปหมด

เลยไม่มีเวลามา Update blog ตอนใหม่ซะที

แต่ตอนนี้ เวลาพอจะลงตัวแล้วครับ ก็เลยต้องรีบมา Update ซะก่อนที่เรื่องวุ่นๆ จะเข้ามาอีก

งั้นมาต่อกันเลยดีกว่า



ดาวอังคาร (Mars)

ดาวอังคาร (Mars) เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ถัดจากโลกออกมาเป็นลำดับแรก หากไม่นับดวงจันทร์ (ตามหลักโหราศาสตร์สากล จะมีดวงจันทร์คั้นระหว่างโลกกับดาวอังคาร) จัดเป็นดาวเคราะห์วงใน (Inner Planet) มีคาบเวลาการโคจรรอบโลกประมาณ 688 วัน หรือ 1.88 ปี นั้นหมายถึงจะมีเวลาในการโคจรอยู่ในแต่ละเรือนชะตา (Houses) เพื่อส่งอิทธิพลถึงเรื่องราวต่างๆ อยู่ประมาณ 57 วันหรือเกือบ 2 เดือนต่อเรือนชะตาครับ

ผมเคยเกริ่นถึงดาวอังคารไปดาวเมื่อตอนพูดถึงดาวศุกร์ ว่าในระบบสุริยะจักรวาลนี้ ได้ถูกแบ่งแยกพลังที่มีอยู่ออกเป็นสองส่วนด้วยกัน คือ พลังที่ใช้ดึงดูดสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน (Energy of Integration) เป็นพลังที่เกิดจากการยอมรับการเข้ากันของสิ่งสองสิ่ง ไม่มีการแบ่งแยกหรือผลักดันกัน เป็นพลังที่ทำให้ทุกอย่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งนั้นเป็นพลังของดาวศุกร์

และยังมีอีกส่วนหนึ่ง เป็นพลังที่เกิดขึ้นจากการแบ่งแยก (Energy of Separation) มันเป็นพลังที่เกิดจากพลัง เกิดจากกำลัง การมุ่งมั่นต่างๆ เช่น พลังที่เกิดจากการทำงาน พลังที่เกิดจากการต่อสู้ พลังที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มันเป็นพลังของ.... ดาวอังคารนั้นเอง


ในโลกใบนี้ หากทุกสิ่งต่างอยู่โดยไม่เกี่ยวข้องกัน ก็ย่อมเป็นโลกที่ช่างมีช่องว่างที่ห่างเหินกันเหลือเกิน ทุกสรรพสิ่งจึงถูกดึงดูดเข้าหากัน แต่ก็นั้นเอง ในการที่ทุกสิ่งต่างถูกโน้มนำเข้าหากันนั้น ก็ย่อมมีทั้งสิ่งที่เข้ากันได้ และสิ่งที่เข้ากันไม่ได้

บ่อยครั้งหลายๆ สิ่งต่างถูกผลักออกจากกัน แต่ทราบมั้ยครับว่าการที่ถูกแยกจากกันนี้เอง กลับเป็นผลดีเสียอีก เพราะมันทำให้สิ่งสองสิ่งนั้นๆ ต่างเคลื่อนที่ไป

มันเคลื่อนที่เพราะแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นครับ คล้ายๆ กับที่ล้อรถสามารถหมุนไปได้ก็เพราะมีแรงเสียดทานเกิดขึ้น ซึ่งพลังของดาวอังคารนั้นก็เช่นกัน

โลกของเราเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับการดำรงชีพและการแสวงหาสิ่งต่างๆ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ความต้องการที่จะอยู่รอด เป็นเหมือนพลังขับดันให้เราต้องต่อสู้ดิ้นรนกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว ซึ่งก็เสมือนกับการเสียดทานกับสิ่งแวดล้อมและศัตรูต่างๆ เพียงเพื่อให้เราได้เดินต่อไปได้


ดังนั้นพลังของดาวอังคารนั้นเป็นพลังที่บริสุทธิ์ (Crudest) ความหมายของคำว่าบริสุทธิ์ในที่นี่ก็คือ เป็นพลังที่คนเราสามารถนำมันมาใช้ได้ทันที ไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไร ไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรมาก เหมือนกับพลังของดวงอาทิตย์

ว่าง่ายๆ มันคือพลังที่แสดงออกมาในรูปทางฟิสิกส์ หรือเป็นพลังร่างกายนั้นเอง

มันทำให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆ ทำให้เราต้องแสดงออกซึ่งสิ่งต่างๆ เพียงเพื่อให้เราสามารถดำรงอยู่และฝ่าฟันสถานการณ์ในเวลานั้นๆ ให้ได้ มันเป็นพลังที่มองตัวเองเป็นหลัก และไม่สนใจผู้อื่น (Self-center, not altruistic)

ลองนึกถึงการทำสงคราม ในอดีตเราทำสงครามก็เพื่อความอยู่รอด เราไม่สนใจผู้อื่นว่าจะล้มหายตายจากไปยังไง เพียงเพื่อให้เราสามารถอยู่รอดได้ก็พอ หรือในปัจจุบันการทำสงครามไม่ได้เพื่อการอยู่รอด แต่เป็นเพื่อการดำรงอยู่ซึ่งศักดิ์ศรีของเรา เราก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างได้เช่นกัน

นั้นก็เพราะเป็นอิทธิพลของพลังจากดาวอังคารทั้งสิ้นครับ เขาจึงเสมือนว่า ดาวอังคารคือเทพเจ้าแห่งสงครามไงครับ อีกทั้งในอดีตการสู้รบ การรบราต่างๆ เป็นกิจกรรมของผู้ชาย ดาวอังคารจึงถูกเปรียบเปรยว่าเป็นดาวที่เป็นตัวแทนของผู้ชาย และนำมาซึ่งสัญลักษณ์ของดาวอังคารไงครับ อิอิ

อิทธิพลที่ดาวอังคารส่งผลถึงเรา จึงเป็นอิทธิพลในการที่ทำให้เรามีพลัง มีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจ ที่จะทำจะแสดงออกสิ่งต่างๆ เป็นทั้งพลังกายที่ไม่รู้จักหมด และพลังใจที่เปี่ยมล้น ซึ่งแน่นอนร่างกายและจิตใจมันเชื่อมโยงกันอยู่ บ่อยครั้งจึงพบว่า พลังของดาวอังคารส่งผลต่ออารมณ์ของเรา ทำให้เราฉุนเฉียว โมโห หรือฮึกเหิมได้เหมือนกันครับ

วันไหนที่เพื่อนๆ รู้สึกว่าวันนี้ฉันช่างฮึกเหิม มีพลัง มีเรี่ยวแรงจะทำสิ่งต่างๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อมจะโต้เถียงได้กับทุกคน หรือเป็นในทางตรงข้ามที่ร่างกายมันหมดเรี่ยวแรง ไม่ห่อเหี่ยว หรือสตินึกคิดไม่รอบคอบขาดความระมัดระวังถี่ถ้วนต่างๆ ให้นึกไว้เลยครับ ว่าเพื่อนกำลังโดนอิทธิพลของดาวอังคารทำมุมในชีวิตขณะนั้นแล้ว


ดาวพฤหัส (Jupiter)

ดาวพฤหัส (Jupiter) นั้นเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาลครับ (หากไม่นับดวงอาทิตย์) มันมีคาบการโคจรประมาณ 12 ปีต่อหนึ่งรอบ นั้นหมายความว่า ดาวพฤหัสจะใช้เวลาโคจรอยู่ในเรือนชะตาต่างๆ ประมาณ 1 ปีต่อเรือนชะตาครับ

ในทางโหราศาสตร์สมัยเก่านั้น ดาวพฤหัสจัดเป็นดาวศุภเคราะห์อันดับหนึ่ง (Grate Benefit) คือเป็นดาวเคราะห์ที่ให้โชค ให้ลาภ ให้ความมั่งมีศรีสุข เป็นดาวแห่งการศึกษา ดาวครูบาอาจารย์ ว่าง่ายๆ หากใครจะเจริญเติบโต จะมีชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุขหรือไม่ ให้ดูที่ดาวพฤหัสในดวงชะตาเกิดไว้ก่อน ว่าอยู่ในตำแหน่งไหน เป็นอย่างไร

แต่นั้นมันเป็นสมัยเก่าครับ ซึ่งออกจะเป็นการฟันธงในความหมายเกินไป ผิดหลักการที่ผมต้องการจะสื่อสารให้เข้าใจ ไม่ใช่ไปงมงายมันเช่นนั้น

จริงๆ มันมีที่มาที่สามารถอธิบายได้ถึงที่มาของความหมายมันครับ ลองอ่านต่อไปแล้วเพื่อนๆ จะเข้าใจว่า ที่มาของความหมายนั้นมันมาจากไหน และจริงๆ มันให้โชคให้ลาภจริงหรือไม่ ซึ่งทุกเรื่องมันเป็นเหตุเป็นผลครับ เมื่ออ่านแล้วเพื่อนๆ ก็จะเข้าใจถึงที่มา และความหายที่แท้จริงได้เอง


ความหมายของดาวพฤหัสนั้น ตามหลักโหราศาสตร์สมัยใหม่จำแนกออกเป็น 2 ความหมายหลักๆ คือ

1.พลังแห่งการแผ่ขยาย (Energy of Expansion)
2.พลังแห่งการรวมผสาน (Energy of Integration)

การเข้าใจถึงของดาวพฤหัสนั้น จำเป็นต้องเข้าใจในทั้งสองความหมายของมัน เพราะมันไม่แยกจากกัน ไม่ได้เด่นชัดในด้านใดด้านหนึ่ง หากแต่มันต้องประกอบสองความหมายเข้าด้วยกัน แล้วถึงแสดงเป็นพลังของดาวพฤหัสออกมา

1.พลังแห่งการแผ่ขยาย (Energy of Expansion)

เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า เมื่อเราเกิดมาในโลกใบนี้ มันเสมือนว่าเราทุกคนเกิดมาและอาศัยอยู่ในเปลเดียวกัน เปลนั้นก็คือโลกของเรา ในตอนเด็กๆ เราทุกคนไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน ทุกคนเหมือนกันหมด (เหมือนโฆษณาของเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่งที่เพิ่งออกอากาศไป)

แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น เราเริ่มที่จะเรียนรู้ เริ่มที่จะศึกษา เริ่มที่จะมีประสบการณ์จากสิ่งรอบตัวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา เราก็เริ่มที่จะมีความเป็นตัวของเราเองขึ้นมา จากจุดนี้เราก็เริ่มที่จะแตกต่างจากผู้อื่นทีละนิด ทีละนิด ซึ่งแน่นอน ความแตกต่างนั้นมันเกิดจากการเรียนรู้ในประสบการณ์ชีวิตของเรา จากวัยเด็ก สู่วัยรุ่น สู่วัยผู้ใหญ่ สู่วัยชรา ในทุกช่วงชีวิต เรามีการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอด

นี่เองจึงเป็นที่มาของความหมายในเชิงของการเรียนรู้ การเจริญเติบโต ตามความหมายของโหราศาสตร์ในสมัยเก่าครับ มันก็คือการนำตัวเข้าสู่โลกกว้าง นำตัวเองเข้าสู่สังคมโดยรอบ และนำตัวเองไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่านั้นเอง

2.พลังแห่งการรวมผสาน (Energy of Integration)

แต่เมื่อเรานำตัวเองเข้าสู่โลกใบใหญ่ สู่สังคม สู่สิ่งต่างๆ แล้ว เมื่อเราได้เรียนรู้มัน ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เราก็จะเริ่มนำมันกลับเข้ามาปรับใช้กับตัวเรา เพื่อการพัฒนาและเติบโตในทุกวันที่ผ่านไป มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอด ให้เราพัฒนาไปอยู่ตลอด เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกสิ่งที่อย่างไม่หยุดนิ่งแต่กลับปรับตัวเปลี่ยนแปลงไป

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น เราทุกคนย่อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ดังเช่นที่เราเอาประสบการณ์มาเป็นบทเรียนสอนตัวเองไงครับ มันทำให้เราวันนี้ ย่อมไม่เหมือนกับเราในเมื่อวาน ดังนั้นประสบการณ์และสิ่งต่างๆ ที่เราได้เรียนรู้ว่าจากความหมายส่วนที่ 1 มันจึงย้อนกลับมาผสานที่ตัวเราเพื่อการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

จึงเป็นที่มาของความหมายของสิ่งที่ดีดีต่างๆ ที่เรานั้นประสบ เป็นความเจริญเติบโต เป็นความสุขที่คนเราได้รับ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มันก็เกิดของมันเอง

หากแต่มันเกิดขึ้นจากตัวเราเองต่างหาก ที่ไม่ยอมที่จะปล่อยให้สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามานั้นผ่านออกไป แต่กลับดึงมันมาเพื่อพัฒนาและปรับปรุงตัวเราให้เติบโตขึ้น ซึ่งแน่นอน มันนำมาซึ่งสิ่งที่ดีกับตัวเราเอง เป็นความเจริญของตัวเอง และเป็นความสุขของเราเองครับ

จึงเป็นที่มาของความหมายตามแบบโบราณ ที่บอกว่า เกี่ยวกับความสุข ความเจริญต่างๆ

แต่เห็นมั้ยครับ จริงๆ แล้วมันสามารถอธิบายได้ด้วยเรื่องราวที่เป็นรูปธรรมมากๆ มากเกินกว่าที่เราจะปักใจเชื่อแต่ความหมายโดยไม่เข้าใจถึงเหตุ และที่มาของมัน

เมื่อความหมายทั้งสองมารวมกันอย่างลงตัว พลังของดาวพฤหัสก็จะบังเกิดเป็นผลกับตัวเราครับ

ดาวพฤหัสยังมีความหมายถึงการเรียนรู้ การศึกษา การเดินทาง การพัฒนาต่างๆ หมายถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับศาสนา (เพราะมันเกี่ยวข้องกับการยกระดับและพัฒนาจิตใจคน) เกี่ยวข้องกับกฎหมาย (เพราะเป็นการรวมเอาความรู้ และเหตุผลต่างๆ มาผสานเพื่อความถูกต้องในสิ่งทีดี)




เป็นไงบ้างครับกับดาวสองดวงในตอนนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆ ที่ติดตามมาตลอดคงจะเข้าใจถึงแนวทางสมัยใหม่ของโหราศาสตร์สากลแล้วน่ะครับ ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องงมงาย ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินอธิบาย หากแต่เป็นเรื่องที่เราเองสามารถสัมผัสและเข้าใจมันได้อย่างไม่ยาก

ซึ่งแน่นอน หากเราเข้าใจมันแล้ว เราก็จะสามารถปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของเราในทุกๆ วันได้อย่างดีเลยครับ

คราวหน้า ผมจะมาต่อ ดาวเสาร์ และดาวยูเรนัส น่ะครับ

แล้วเจอกันใหม่ครับ




 

Create Date : 08 กันยายน 2549
6 comments
Last Update : 8 กันยายน 2549 14:55:58 น.
Counter : 8205 Pageviews.

 

มาเข้าห้องเรียนแระค่ะ

ไม่รุ้ว่าเรียกวิชาอะไรดีคะ

เรียกโหดาราศาสตร์ได้มะคะ

 

โดย: ปริศนาไร้นาม 9 กันยายน 2549 0:31:06 น.  

 

เรียกอะไรก็ได้ครับคุณพริซซี่

ว่าแต่ผมเข้า blog คุณพริซซี่บ่ได้เลยอ่ะ ม่ะรุเป็นอะไร

 

โดย: myAstro 9 กันยายน 2549 12:56:43 น.  

 

เหนื่อยมากมะคะ พักมั่งก็ได้นะ แต่ห้ามหายไปเน้อ

 

โดย: ปริศนาไร้นาม 11 กันยายน 2549 13:35:55 น.  

 

เหนื่อยนิดหน่อยครับ

แต่พอเข้าไปอ่าน blog ของคุณพริซซี่ที่ไร
มันก็หายเหนื่อยทันทีครับ (มีหยอด....)

ขอบคุณมากน่ะครับคุณพริซซี่

แต่ตอนนี้หิวมั่กๆ ออกไปหาอะไรกินที่ 7-11 หน่อยดีก่า
ว่าแต่.....

มันจะอ้วนมั้ยเนี้ย 555

 

โดย: myAstro 12 กันยายน 2549 0:11:56 น.  

 

กินดึกดื่นขนาดนี้

ไม่อ้วนก็ลงพุงอ่ะค่ะ

 

โดย: ปริศนาไร้นาม 12 กันยายน 2549 0:41:39 น.  

 

สีของดาวพฤหัส สวยดีเนอะ ลายเหมือนหินอ่อนเลย แต่ ลายมันคงเปลี่ยนไปตามกาลเวลาอ่ะ

 

โดย: ชลภัสส์ (ชลภัสส์ ) 26 กันยายน 2549 20:29:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


myAstro
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




- นักโหราศาสตร์สากล - Contemporary & Physical Astrology
- ตรวจดวงชะตา การงาน, การเงิน, ความรัก และอื่นๆ

จำนวนการชมตั้งแต่ 29 ก.ค. 2006

Free Counter by Pliner.Net
singles, shopping, search, classifieds

Friends' blogs
[Add myAstro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.