Craft and express your living through the astrological way
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
30 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 
จักรวาล : ละครโรงใหญ่

“จักรวาล คือ ละครโรงใหญ่”

เคยสงสัยกันบ้างไหมครับว่า ชีวิตที่เราดำเนินอยู่ในทุกวันนี่มันมีแบบแผนหรือไม่ ถ้ามี
แบบแผนนั้นมันเป็นยังไง หรือถ้าไม่มี แล้วสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะอะไร

ทำไมวันนี้เราถึงรู้สึกอย่างนี้กับผู้อื่น?

ทำไมวันนี้เราถึงตัดสินใจในเรื่องนั้นแบบนี้?

ทำไมวันนี้คนอื่นๆ ถึงแสดงออกอย่างนี้กับเรา?

หลายๆ คนคงจะเคยเข้าใจว่า บางครั้งที่ชีวิตเราเป็นอย่างนี้ เกิดขึ้นเพราะสิ่งที่ฟ้ากำหนดไว้แล้ว
แต่ในขณะที่อีกหลายๆ คนก็มีความเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะเราเองทั้งนั้น ไม่ได้มีใครมากำหนดอะไรเราอย่างที่เข้าใจ

แล้วอะไรถูกต้องล่ะครับ

ต้องบอกว่า ถูกทั้งคู่หล่ะครับ???..........งงมั้ยครับ

จริงๆ แล้วอยากจะบอกว่า ตัวเราเองย่อมเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตเราเอง แต่บางครั้งที่เกิดเรื่อง หรือเหตุการณ์หลายๆ อย่างขึ้น เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงเคยกลับมาถามตัวเองว่า ทำไมถึงตัดสินใจหรือทำแบบนั้นไป ทำไมถึงไม่ยอมทำแบบนี้

พอถามกันแบบนี้ มันก็ต้องมาหาคำตอบกันว่า เพราะอะไรเราถึงเลือกที่จะทำแบบนั้น หรือไม่ยอมทำแบบนั้น

--------------------------------------------------------------------------------

ตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งแต่ที่โลกยังคงแบบแยกขอบเขตต่างๆ ออกด้วยอารยธรรมที่แตกต่างกัน
แบ่งแยกโลกออกจากกันด้วยความเชื่อ แต่ถึงกระนั้นผู้คนบนโลกก็ยังมีสิ่งที่ไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหน หรือถูกแบ่งแยกออกจากกันยังไง คนเราก็ยังมีสิ่งที่มองเห็นเหมือนกันอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลกก็ตาม

นั้นคือ ท้องฟ้าและดวงดาว

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ไม่ว่าจะเป็นคนชนชาติใด ต่างก็จะมีส่วนหนึ่งของอารยธรรมที่มีการกล่าวถึง คือดวงดาว
ไม่ว่าจะเป็นชนชาติยุโรป ชนชาติแอฟริกา หรือแม้แต่ชนชาติเอเชียก็เช่นกัน

ดาวหลักๆ ที่คนเรารู้จักพร้อมๆ กัน คือ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวศุกร์

หลังจากนั้นเมื่อมีการค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ๆ เพิ่มขึ้นพร้อมๆ
กับการขยายตัวของวิทยาการและองค์ความรู้จากฝากฝั่งยุโรป โลกเราจึงแคบลง
นั้นเป็นเพราะเราเข้าใจอะไรที่เหมือนๆ กันมากขึ้นนั้นเอง

กว่าพันปีที่องค์ความรู้ด้านโหราศาสตร์จากฝากฝั่งยุโรปได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้น
(ซึ่งหากมีเวลา จะค่อยขอกล่าวถึงที่มาของโหราศาสตร์สากลใน blog ใหม่ต่อไป) โดยพื้นฐานนั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาจากความสัมพันธ์ที่วางไว้อย่างชาญฉลาด

พื้นนั้นก็คือ หากชีวิตหนึ่งชีวิตถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆ กับสิ่งที่มีวัฏจักรของชีวิตที่คงที่และเป็นระบบ
ทั้งสองสิ่งก็น่าจะสามารถเชื่อมสัมพันธ์กันได้ โดยมีสิ่งที่เป็นตัวประสานเชื่อมทั้งคู่อยู่อย่างเงียบๆ

ชีวิตหนึ่งที่ว่า ก็คือ มนุษย์

สิ่งที่มีวัฏจักรที่คงที่ที่ว่า ก็คือ ดวงดาว

ตัวประสานที่ว่า ก็คือ สถิติ

ว่ากันง่ายๆ เลย โหราศาสตร์สากลนั้น ได้ผูกความสัมพันธ์ของคนไว้กับดวงดาว
โดยมีส่วนหนึ่งของสถิติศาสตร์เป็นตัวเชื่อมและสานสัมพันธ์เอาไว้ ส่วนหนึ่งนั้นก็คือ ความน่าจะเป็น

เมื่อเป็นสถิติ กับศาสตร์ที่มีมากว่าพันปี ก็ย่อมหมายถึงฐานข้อมูลของมันย่อมมหาศาลตามกาลเวลาที่เนินนานนั้นเอง และการมาของฐานข้อมูลที่มหาศาลนี่ หากใครพอทราบถึงพื้นฐานทางสถิติ ก็ย่อมรู้จักทฤษฎี Central Limit Theory หรือทฤษฎีเข้าสู่ศูนย์กลาง นั้นคือ ยิ่งมีข้อมูลมาก แนวโน้มของข้อมูลก็จะวิ่งเข้าหาศูนย์กลาง และมีรูปร่างเป็นโค้งธรรมชาติ (Normal Curve)

ซึ่งข้อมูลที่มีลักษณะเป็นโค้งธรรมชาติ (Normal Curve) ก็จะมีคุณสมบัติในการไปใช้วิเคราะห์ความน่าจะเป็น ในการอธิบายพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างได้ต่อไป (คล้ายกับการทำวิจัยตลาด หรือ Marketing Research หลักการเดียวกัน คือ การใช้ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะเป็นโค้งปกติ มาอธิบายถึงพฤติกรรมของประชากรกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดครับ อันนี้เอามาจากความรู้อันน้อยนิดในคลาส MBA ของผม อิอิ)

จึงไม่แปลก หากหลายๆ เรื่องราวจะถูกต้องหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากอธิบายด้วยโหราศาสตร์
เช่น คนที่เกิดในวันศุกร์จะมีลักษณะรักสวยรักงาม ชอบเรื่องศิลปะ ช่างพูดช่างเจรจาและเข้ากับคนอื่นได้ดี

หรือคนที่เกิดวันจันทร์จะเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เข้าใจจิตใจคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี รักบ้าน รักครอบครัว เป็นต้น

นั้นเป็นเพราะสถิติในโหราศาสตร์มันเป็นตัวบอกเรานั้นเอง ว่าคนกลุ่มนี้ จะมีลักษณะแบบนี้เมื่ออยู่ในเงื่อนไขนี่

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ก็คงพอจะมองออกแล้วว่า หากทั้งสองสิ่ง คือ มนุษย์และดวงดาวถูกเชื่อมต่อกันด้วยสถิติอย่างมีตรรกะ

ดัังนั้น การมองมนุษย์ก็จะเข้าใจดวงดาว
และการมองดวงดาว ก็จะเข้าใจมนุษย์เช่นกัน

จากตรงนี้เอง ที่ี่ดวงดาวได้เข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์ เพื่อให้สัมพันธ์กับการดำรงอยู่ของมนุษย์ตามหลักของสถิติศาสตร์ และเมื่อดาวบนท้องฟ้าที่มีความสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวเรานั้น ได้แก่กลุ่มดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล (Solar System) ประกอบไปด้วยดาวกว่า 10 ดวง การถอดความสัมพันธ์นั้นก็ย่อมซับซ้อน และละเอียดลออขึ้นไปอีกเช่นกัน

ทั้งหมดนี้นำมาสู่สิ่งที่เรียกว่า แผนที่ชีวิต หรือแผนที่เจ้าชะตา หรือในโหราศาสตร์สากลเรียกว่า Natal Chart นั้นเอง โดยเป็นการนำความสัมพันธ์ของดวงดาวทั้งหมด มาเชื่อมโยงตามวงโคจรในตำแหน่งต่างๆ โดยมีหลักเกณฑ์อื่นๆ ที่พิจารณาเข้ามาเพิ่มเติมอีก ไม่ว่าจะเป็น ราศี (Zodiac Sign) เรือนชะตา (Houses) การทำมุม (Aspect) ธาตุ (Elements) คุณสมบัติการปรับตัวของธาตุ (Modality)

สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะถูกเชื่อมโยงเข้าหากัน และตีความออกมาเป็นคุณสมบัติและลักษณะของคนๆ นั้น ว่าจะมีลักษณะอย่างไร มีนิสัยอย่างไร สภาพแวดล้อมของเขาจะเป็นอย่างไร สิ่งต่างๆ รอบตัวเขาจะเป็นแบบใด และอีกต่างๆ มากมายเท่าที่จะสามารถอธิบายได้ โดยพื้นฐานนั้นจะถูกสร้างจากพื้นฐานปรัชญาของการดำเนินชีวิต ตามแบบฉบับของชาติตะวันตกผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งได้ถูกพัฒนาควบคู่มากับศาสตร์สมัยใหม่ เช่น สังคมศาสตร์ จิตวิทยา และอื่นๆ

ซึ่งแน่นอน สิ่งที่ตีความมันไม่ใช่การอธิบายเรื่องของบาปกรรม หรือโชคชะตากำหนด อะไรพวกนั้น

แต่เป็นการอธิบายถึงรูปลักษณ์ และไร้ลักษณ์ของสิ่งที่เกิดขึ้น ตามพื้นฐานของความน่าจะเป็นจากฐานข้อมูลขนาดมโหฬารต่างหาก

นี่แหละที่เป็นสิ่งที่เรียกว่า “แบบแผนที่มีการกำหนดไว้แล้ว” ซึ่งฝรั่งจะอธิบายไว้ว่า เป็นสิ่งที่หล่อหลอมเป็นตัวเราขึ้นมา

และเมื่อเติบโตขึ้น การดำเนินชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไป ประสบการณ์ต่างๆ ก็็จะหล่อหลอมตัวเราให้เติบโต
และมีการเติมเต็มในจิตสำนึก และจิตใต้สำนึกของเราอยู่เรื่อยๆ โดยตลอด

หรืออาจจะเรียกได้ว่า เรามีการสร้างกรอบความคิด จากสิ่งที่เราสัมผัสจากประสาททั้ง 5
กลายเป็นทัศนะคติและแปรผลลัพธ์มาเป็นการปฏิบัติ นั้นเอง

หากใครมีความรู้เกี่ยวกับ HRM คงพอจะเคยได้ยินคำว่า B2B (Believe to Behavior)
นั้นคือทัศนะคติ หรือความเชื่อ นำมาสู่การปฏิบัติของเรา

ซึ่งในทางโหราศาสตร์สากลเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า Free willing หรือความปรารถนาอิสระ นั้นเอง
และได้มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ก่อนที่หลักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่จะหยิบยกมาพัฒนาเป็นทฤษฎีเสียอีกครับ

นี่จึงเป็นคำตอบของทั้งหมดครับ ว่าเราทุกคนมีแบบแผนชีวิต ที่อธิบายได้จากฐานข้อมูลความน่าจะเป็นที่เชื่อมโยงจากดวงดาว แบบแผนนี้เป็นตัวที่เราพัฒนามาเป็นความเชื่อของเรา (Believe) ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นทัศนคติ (Attitude) และทำให้เราเลือกที่จะทำ หรือไม่ทำอะไรในสถานการณ์ต่างๆ (Behavior) โดยเป้นการตัดสินใจอิสระของเรา (Free willing) นั้นเองครับ

ถึงตรงนี้คงพอจะเห็นสิ่งที่ผมพยายามจะเชื่อมโยงให้เห็นแล้วน่ะครับว่า
เมื่อดวงดาวสามารถเป็นตัวแทนที่เชื่อมโยงความน่าจะเป็นที่กำลังเกิดขึ้น และจะเกิดขึ้น
มาสู่แบบแผนที่ชีวิตของเรา เพื่อใช้ในการอธิบายสิ่งที่เรากำลังเผชิญ และจะเผชิญได้อย่างมีหลักการ

และเนื่องจากดาวเคราะห์นั้นเป็นสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ มีอยู่จริง
และมีวงโคจรที่แน่นอน เราจึงสามารถนำวงโคจรของดาว มาถอดรหัสความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีแบบแผน

เพื่อใช้อธิบายว่า คนๆ นั้นที่มีลักษณะแบบนั้น จะเจอสถานการณ์ใดอะไรในอนาคต เรามันจะกระทบต่อพื้นฐานตัวตนและจิตใจคนคนนั้นอย่างไร และจะนำมาสู่เหตุการณ์หรือพฤติกรรมอะไรได้บ้าง

เป็นเรื่องที่เราจะมองโหราศาสตร์ในมุมใหม่ ไม่ใช่มุมของการมองแบบเรื่องงมงาย ไม่มีหลักการ ไม่ใช่มุมของสิ่งที่อธิบายผลของสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่เป็นการมองในมุมของวิทยาศาสตร์ ในมุมของสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นและยังไม่มีผลอะไรทั้งนั้น เพราะผลทั้งหมดจะเกิดขึ้นจาก Free willing ของแต่ละคนเอง ในการที่จะคิดหรือทำอะไร เมื่อสถานการณ์นั้นๆมาถึงครับ


จักรวาลของเรา จึงเปรียบเหมือนละครโรงใหญ่ ที่มีดวงดาวต่างๆ
โลดแล่นในบทบาทต่างๆ ตามที่กำหนดไว้

หากแต่บทสรุปของละครนั้นไม่มี มันเป็นละครที่ไม่มีตอนจบ แต่เป็นละครที่เอาไว้ให้เราดู และสะท้อนกลับมาให้เรามองดูตัวเองต่างหาก

เหมือนคำกล่าวที่ว่า

ดูละคร แล้วย้อนดูตัว




Create Date : 30 กรกฎาคม 2549
Last Update : 31 กรกฎาคม 2549 11:35:14 น. 0 comments
Counter : 1733 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

myAstro
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




- นักโหราศาสตร์สากล - Contemporary & Physical Astrology
- ตรวจดวงชะตา การงาน, การเงิน, ความรัก และอื่นๆ

จำนวนการชมตั้งแต่ 29 ก.ค. 2006

Free Counter by Pliner.Net
singles, shopping, search, classifieds

Friends' blogs
[Add myAstro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.