|
ดวงดาวและความหมาย : Introduction to The Planet
กลับมาพบกันอีกแล้วน่ะครับ หลังจาก blog ซีรีส์ชุด "ระบบสัญลักษณ์ในโหราศาสตร์สากล (Symbol system in Astrology)" ได้จบลงอย่างงดงาม คราวนี้ก็ได้ฤกษ์เริ่ม blog ซีรีส์ชุดใหม่ซะที
ผมขอเรียก blog ซีรีส์ชุดนี้ว่า “ดวงดาวและความหมาย” ละกันครับ
ส่วนจะมีกี่ตอนจบนั้น ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้กี่ตอนจบดี เพราะอารมณ์ช่วงนี้มันช่างศิลปินเหรอเกิน (ฮา) เอาเป็นว่า เพื่อนๆ ก็ติดตามกันไปเรื่อยและกันน่ะครับ
ดวงดาวและความหมาย
ดวงดาว (Planets) ในระบบโหราศาสตร์สากลนั้น จัดเป็นตัวละครเอกของโรงละครที่ผมเรียกมันว่า “จักรวาล” เลยทีเดียว เพราะดวงดาวนี่แหละที่เป็นตัวกำหนด และสะท้อนเรื่องราวทั้งหมดของเราผ่านวิถีของมัน
ว่าง่ายๆ คือ ถ้าอยากรู้ว่าเราจะเป็นอย่างไร ก็ให้เราแหงนหน้าขึ้นไปดูแผนที่ดาวของเราเอง แล้วมันก็จะบอกเราผ่านการโคจรของมัน
ดวงดาวที่สำคัญทั้งหมดในระบบโหราศาสตร์สากลนั้นมีทั้งสิ้น 10 ดวง เราเรียกว่า ดาวคงที่ (Fixed Star) แปลตรงๆ ซะอย่างนั้น ประกอบไปด้วย ดวงอาทิตย์ (Sun), ดาวพุธ (Mercury), ดาวศุกร์ (Venus), ดวงจันทร์ (Moon), ดาวอังคาร (Mars), ดาวพฤหัส (Jupiter), ดาวเสาร์ (Saturn), ดาวยูเรนัส (Uranus), ดาวเนปจูน (Neptune) และดาวพลูโต (Pluto)
และเรายังเอาดาวเคราะห์น้อยบางดวงเข้ามาร่วมในระบบด้วย เช่น ไชรอน (Chiron) เป็นต้น
ตำแหน่งพื้นฐานของดาวทั้ง 10 ดวงนั้น เราจะแบ่งดาวออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ ดาวเคราะห์วงใน (Inner planets) และดาวเคราะห์วงนอก (Outer planets)
ดาวเคราะห์วงในจะเป็นกลุ่มดาวที่โคจรรอบโลกในหนึ่งรอบ ด้วยระยะเวลาไม่เกิน 1-1.5 ปีครับ ดาวเหล่านี้ได้แก่ อาทิตย์, ดวงจันทร์, ดาวพุธ, ดาวศุกร์ และดาวอังคาร เนื่องจากดาวเหล่านี้ใช้เวลาเร็วมากในการโคจรรอบโลก ดังนั้นระยะเวลาที่ดาวแต่ละดวงจะโคจรในแต่ละราศีนั้น จะใช้ระยะเวลาอย่างมากไม่เกิน 2 เดือน ดาวเคราะห์เหล่านี้จึงมีบทบาทในการกำหนดลักษณะ พฤติกรรมของคนให้แตกต่างกันครับ (Personality Identity)
ส่วนดาวเคราะห์วงนอก จะเป็นกลุ่มดาวที่ใช้เวลาโคจรรอบโลกเป็นสิบปีขึ้นไป ดาวเหล่านี้ได้แก่ ดาวพฤหัส, ดาวเสาร์, ดาวยูเรนัส, ดาวเนปจูน และดาวพลูโต ซึ่งการโคจรในแต่ละราศีนั้นก็จะใช้เวลาเป็นปี ไปจนถึงกว่ายี่สิบปีเลยครับ ดาวเหล่านี้จึงมีบทบาทในลักษณะดาวร่วมรุ่นของคน (Generation Identity)
ดวงดาวแต่ละดวงต่างมีความหมายและหน้าที่ของมัน ความหมายของมัน ใช้เป็นตัวบอกถึงลักษณะเด่นสำคัญของดาวนั้นๆ ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องใด มีคุณสมบัติเป็นอย่างไร มีผลในขณะดาวเดินหน้า และเดินถอยหลังอย่างไร ซึ่งความหมายนี้ใช้ในการตีความหมาย ที่สัมพันธ์กับเจ้าของดวงนั้นๆ และเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่กำลังพยากรณ์
ส่วนหน้าที่ของดาว เนื่องจากผมได้กล่าวไปแล้วว่า ดาวทุกดวงนั้นเชื่อมกันอยู่บนระนาบสัมพันธ์ของระบบจักราศี (Zodiac signs) ซึ่งได้แบ่งออกเป็นส่วนเท่า 12 ส่วน เราเรียกว่า เรือนชะตา (Houses) ซึ่งเรือนชะตาเป็นฉากในการอธิบายเรื่องราวต่างๆ และเรือนชะตานี้จะถูกครอบด้วยราศีทั้ง 12 ราศีอีกที ซึ่งในแต่ละราศีก็จะมีดาวประจำราศีอยู่ เช่น ราศีเมษ มีดาวประจำราศีคือ ดาวอังคาร หรือ ราศีตุลย์ มีดาวประจำราศีคือ ดาวศุกร์ เป็นต้น
ดังนั้นเมื่อราศีได้ถูกครอบไปบนเรือนชะตาทั้ง 12 แล้ว ก็ทำให้ดาวประจำราศีนั้นกลายเป็นดาวประจำเรือนชะตาไปโดยปริยาย เรียกว่า ดาวครองเรือนชะตา หรือดาวเจ้าเรือนชะตา (Ruler Planet)
เมื่อดาวมีฐานะเป็นดาวประจำเรือนชะตานั้นๆ แล้ว ผลกระทบจากการทำมุมต่อดวงดาว ก็จะมีผลต่อเรือนชะตานั้นๆ ไปด้วยเช่นกัน เช่น สมมติว่าเรือนชะตาที่ 6 เกี่ยวกับเรื่องงาน มีจันทร์ (Moon) เป็นดาวครองเรือนชะตา (Ruler planet) เพราะไปตกที่ราศีกรกฏ (Cancer) พอดี แม้ว่าในเรือนชะตาที่ 6 นั้นจะไม่มีดาวอะไรโคจรไปอยู่ แต่หากจันทร์โดนทำมุมกับดาวใดๆ ก็ตาม ก็สามารถอ่านความหมายผลกระทบมาถึงเรื่องงาน ในเรือนชะตาที่ 6 ได้เช่นกัน (ดูรูปประกอบ)
เห็นบทบาทของดาวที่มีต่อการพยากรณ์แล้วใช่มั้ยครับ ว่ามีความสำคัญขนาดไหน เอาเป็นว่าผมของจบ blog นี้ไว้แค่นี้ก่อนละกัน
ใน blog ต่อไป ผมจะเริ่มเข้าความหมายและบทบาทของดาวแต่ละดวงครับ
แล้วเจอกันใหม่น่ะครับ
Create Date : 12 สิงหาคม 2549 |
|
2 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2549 10:44:06 น. |
Counter : 9675 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: myAstro 18 สิงหาคม 2549 0:26:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ก็บอกแล้วงัยว่าจะมาบ่อยๆ
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีนะคะ