ขอให้ตัวเราได้คงอยู่กับความสุขไปตลอดกาล
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
20 กันยายน 2551

ความตั้งใจ และวันเวลาที่เปลี่ยนไป

วันนี้มีพี่คนหนึ่งถามฉันว่า นึกยังไงถึงเขียนนิยาย
เป็นความลับที่ฉันไม่ค่อยได้บอกใครนักหรอกกับเรื่องนี้ สนิทกันเท่านั้นที่จะรู้ และก็ไม่กี่คน ฉันก็ได้แต่ยิ้มๆ บอกไปแค่ว่า "ฉันรักมัน" เหมือนกับที่รักอาชีพในทุกวันนี้ที่ทำอยู่ แม้ว่าทุกวันนี้มันจะทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อย และเครียดจนอยากจะบ้ายามเมื่องานประเดประดังเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เพราะว่าฉันรักมันและมันเป็นงานในฝัน ที่ฉันเชื่อว่าคนที่เรียนจบมาในสายเดียวกับฉันก็หวังที่จะมายืนในตำแหน่งอย่างนี้เหมือนกัน

งานเขียนเป็นอีกงานที่ฉัน "แอบรัก" ฉันยังจำครั้งแรกที่เขียนลงเวปสมัยยังเรียนป.ตรีได้ แม้จะผ่านไปเป็นอาทิตย์ แต่มีคนมาเม้นท์ในงานของฉันแค่สองคน ฉันก็ดีใจเหลือจะเอ่ย จากงานอดิเรกที่ฉันแอบรักจนรักมันอย่างออกหน้าออกตาไปตอนไหนก็ไม่รู้ มันก็กลายเป็นเรื่องที่เมื่อฉันมีเวลาเมื่อไหร่ ฉันจะต้องทำมันทันที แต่ตอนนั้นมันก็เป็นเพียงการช่วยให้ฉันได้ผ่อนคลายและมีความสุข ฉันอาจจะหลงเพ้อไปกับค่านิยมเกี่ยวกับคอมเม้นท์ของคนอ่านไปช่วงหนึ่ง แคร์มันเหลือเกินเหมือนกับว่า มันเป็นเครื่องยืนยันว่างานของฉันมีคนสนใจ แต่ไม่นานฉันก็พบว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ

ฉันเคยหยุดเขียนไปเลยเพราะผลกระทบกับคอมเม้นท์จากผู้อ่าน ฉันยอมรับที่ช่วงแรกรับไม่ได้เลยกับคอมเม้นท์ที่ดูจะไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของผู้ที่ได้รับ คนเพียงคนเดียวมีพลังทำให้คนถอดใจมีมากต่อนัก ปกติฉันเป็นขวานผ่าซาก พูดอะไรตรงๆ ทำตัวเหมือนกระจกใครดีมาฉันดีกลับ ใครแรงมาฉันแรงกลับ แต่มีคนที่รู้จักและได้พูดคุยกับฉันก็มักจะบอกว่า ฉันจะแรงใส่คนที่คุยด้วยเสมอๆ พูดตรงจนเหมือนไม่ใส่ใจว่าคนฟังจะคิดอย่างไร มองโลกคนละแบบและบางแบบก็คาดไม่ถึง แต่ก็รู้ว่าเป็นคนจริงใจและไม่มีพิษภัยแม้บางทีจะกวนได้ทุกสถานการณ์ ฉันก็ยังอิหลักอิเลืองว่าสรุปตัวเองโดนด่าหรือเปล่า 55 เกือบทุกคนจะให้คำนิยามส่วนตัวฉันว่า "เป็นคนมีโลกของตัวเองสูง" หรือ "แม่งติสท์" แต่เมื่อมาอยู่ในโลกไซเบอร์ ฉันปรับระดับตัวเองอ่อนลงไปเยอะพอสมควร เพราะในส่วนอีกด้านฉันมันก็อ่อนหวานเป็นเหมือนกัน

ตอนนั้นที่ท้อใจง่ายและรู้สึกรับไม่ได้บ่อยๆ ก็คือ บางทีจะรู้สึกว่า "พวกคุณเป็นใคร มีสิทธิอะไรมาพูดกับฉันแบบนี้" คนทุกคนต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่อย่างนั้นจะมีคำว่า มารยาท มาให้ใช้กันทำไม? ในเมื่อฉันมีมารยาทใส่คุณ ทำไมคุณถึงไม่มีมารยาทใส่ฉัน? หรือเพราะว่า คุณอยู่ในฐานะของลูกค้า และคนเขียนอยู่ในฐานะผู้ขาย....ไม่แฟร์! ทำให้นึกถึงคำพูดที่เจ้านายชอบใช้บังคับฉันบ่อยๆ เวลาที่ลูกค้า "แม่งงี่เง่า" ก่อนที่ฉันจะเกิดอาการ "ติสท์" อย่างที่พวกพี่ๆ ชอบให้คำนิยามจะแตกออกมา และก็เคยใช้คำนี้ย้อนเจ้านายไปเหมือนกัน
"the client are god"
"I knowed they're God, But the Client like...., She's the Hell for me!" .........ก็เป็นเหตุการที่จดจำไปทั้งเจ้านายและฉันไปตามๆ กัน แต่ทุกคนก็ล้วนเข้าใจและไม่ถือสาความใจร้อนและปากร้ายเพราะฉันยังอยู่ในวัยรุ่นไม่ได้กรำศึกกับลุกค้ามานานอย่างพวกหัวหน้าและเจ้านายนัก และลูกค้าแม่งก็งี่เง่าจริงๆ

เรื่องสมัยนั้น ทุกอย่างจบลงที่ฉันขอพอกันที ฉันทนไม่ไหวกับการจ้าบจ้วงไม่ให้เกียรติ และสังเวชกับคนที่คิดว่าตัวข้าเก่งเสียเหลือเกิน ระอากับความรอบรู้ชี้ถูกเป็นถูก ชี้ผิดเป็นผิด ของคนที่มีความฉลาดและสมองอยู่แค่ในโลกไซเบอร์แต่บนโลกชีวิตจริง คนเหล่านั้นอาจจะเรียกว่ายังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ฉันอยากจะรู้ว่าคนเหล่านั้นจะมีอะไรให้น่าเชื่อมากนัก ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ มักจะมีสมองที่เรียกว่าน้อยแต่คิดว่าตัวเองมีมาก ปากกล้าเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากันเท่านั้น....ฉันก็ได้แต่ขำอดีตตัวเอง และเริ่มมองว่าทั้งหมดทั้งมวลของคนเหล่านั้น มันไม่ใช่ข้อสรุปในงานเขียนทั้งหมด ระหว่างที่ฉันระอาจนรู้สึกเกลียดไปพักใหญ่ และในช่วงนั้นฉันก็ค้นพบความจริงที่ฉันมองข้ามมันไป

คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าความจริงแล้วเนี่ย คำพังเพยโบราณจะต้องการสื่อว่าผืนหนังหรือผืนเสื่อ อันไหนที่มันจะใหญ่กว่ากัน ไม่ได้หมายความว่างานของตัวเองจะแตะต้องไม่ได้ ห้ามติห้ามว่ากัน ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะเขียนเองอ่านเองคนเดียว แต่คนบางคนที่เจอมันก็เป็นบ่อนทำลายดีๆ นี่เอง คนที่ได้เจอเข้ากับตัวคงจะเข้าใจ ....ติเพื่อก่อไม่ได้รังเกียจเลย กลับชอบด้วยซ้ำ แต่อะไรที่หาประโยชน์ไม่ได้ และไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำเพราะอะไร หรือแสดงออกมาให้รู้ได้ว่าไม่ได้สัมผัสตั้งแต่ต้นนั้น...เพื่ออะไร? และเชื่อไหม ว่าสมัยนี้คนเหล่านี้ก็ยังมีกันอยู่

และสิ่งที่ฉันต้องทำก็คือเฉยซะ ไม่ต้องไปต่อความยาวสาวความยืด เรื่องแบบนี้อธิบายไปคนเขียนก็มีแต่เสียอย่างเดียว

ตอนนั้นฉันจำได้ดี มีคนอ่านหลายคนให้กำลังใจฉันทั้งหน้าเวปที่ไปเขียนลาตัวไปซักพัก และในเมลล์ส่วนตัวที่ส่งเข้ามา ในเอ็มเอสเอ็นที่ทำให้ฉันรู้จักพวกเขาเหล่านั้นที่เป็น "พลังและกำลังใจ" ให้ฉันมาจนถึงวันนี้

คนเหล่านี้ทำให้ฉันมองในมุมกลับที่ไม่ได้มองมาเลยตลอดเวลาที่อยู่บนโลกไซเบอร์ ฉันแคร์กับแค่เสียงแค่หนึ่งเสียงที่เข้ามาทลายกำลังใจ แต่ฉันละทิ้งกับอีกหลายสิบเสียงที่ติดตามและให้กำลังใจกันมาตลอด...

ฉันเคยท้อหลายครั้ง โดนคนอ่านที่สนิทกันต่อว่าไปก็ตั้งหลายหน หลายคนพยายามผลักดันให้ฉันส่งงานไปตามสำนักพิมพ์ที่น่าสนใจ แนะนำที่นั่นที่นี่ เหมือนเรื่องเหล่านี้ของฉันเป็นเรื่องสำคัญของเขา ฉันก็ได้แต่นังยิ้มและซึ้งใจ หลายคนติเพื่อก่อให้ฉันจนได้ประโยชน์ หลายคนสนับสนุนไม่ว่าฉันจะรู้สึกว่ามันยังไม่ดีพร้อมแค่ไหน... สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันได้มองในมุมที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหัวใจเลย แต่แล้วฉันก็มีโอกาสได้ถ่องแท้กับมัน

มิตรภาพนั้นงดงามเสมอ และจินตนาการของเรานั้นไม่ได้สวยงามกับทุกคนที่ได้พบเห็น แต่มันจะมีค่าในสายตาของคนที่มองมันในมุมเดียวกัน จะมากน้อยแค่ไหนก็ล้วนแต่ว่า จินตนาการที่เราสร้างขึ้นจะไปอยู่ในมุมเดียวกับคนเหล่านั้นได้กี่คน.... ไม่ค่อยแตกต่างอะไรมากนักกับงานที่ทำอยู่ งานประจำที่ต้องผันไปตามบรีฟที่ได้รับมา และที่หนักกว่าคือต้องถูกใจลูกค้า แม้บางทีจะ "ขัดใจโคตร" ของเราก็ตาม

วันที่ฉันได้ดู MV เพลง Hero ของ มาราย เป็นการแสดงคอนเสิร์ตที่ตอนนั้นเจ๊แกยังสาวนัก ไม่ปฏิเสธว่าหลงรักสายตาแน่วแน่นั้นเวลาที่เธอร้องสะกดคนดูในฮอล์ได้สงัด เสียงร้องที่หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้พุ่งตรงไปที่เธอ ไม่ต้องมีชุดโป๊ ไม่ต้องลีลาเย้ายวน เล่นเสียงแตกฟังไม่รู้เรื่อง หรือนมตู้มที่ลดค่าของตัวเองมากยิ่งอย่างในปัจจุบัน แค่เสียงร้องที่เธอจงใจเสกสรรค์ออกมาสะกดคนดูเท่านั้น ยอมรับว่าเธอทำหน้าที่ขายเสียงร้องให้คนได้เสพความสุขสำหรับเพลงนี้และอีกหลายเพลงในอดีตได้ดีจริงๆ

ฉันตั้งใจกับตัวเองเหลือเกินว่าจะพยายามสร้างงานให้ดีที่สุดตามความสามารถ ไม่ว่างานแขนงไหนก็ตาม อยากให้มันมีคุณค่าคล้ายปลายภู่กันวาดบนผืนผ้า งดงามดั่งดอกไม้ ละมุนละไมราวสายไหมที่หวานหอม หรือจะดุดันก็ให้คนที่ได้สัมผัสรู้สึกได้ถึงอารมณ์เหล่านั้นจริงๆ ฉันไม่อยากให้งานที่ฉันทำกลายขยะซักชิ้นที่บังเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้

แอบหวังและเฝ้าพยายามอยากให้งานของตัวเองงดงามมีพลัง เหมือนกับมารายที่ตั้งใจใช้เสียงร้องเพลง Hero หรือทำให้คนฟังแทบขาดใจไปกับเพลง without you ในคอนเสิร์ตของเธอ

ฉันหวังเช่นนั้น และอยากทำให้ได้เช่นนั้น




 

Create Date : 20 กันยายน 2551
3 comments
Last Update : 20 กันยายน 2551 2:54:05 น.
Counter : 375 Pageviews.

 

ถูกต้อง

งานที่ดีที่สุดของเรา คือ งานที่เราเองพอใจที่สุด

เปนกะลังจัยให้จ๊ะ

 

โดย: บ้าได้ถ้วย 20 กันยายน 2551 6:42:50 น.  

 


สวัสดีคะ แวะมาทักทายในวันหยุดที่อากาศดีๆ

 

โดย: หน่อยอิง 20 กันยายน 2551 8:35:23 น.  

 

เราก็เพิ่งจะได้โอกาสทักทายคุณมอร์ฯ
หลังจากเป็นแฟนมานาน
แต่แอบซ่อนตัว
(เพราะเขิน .. อิอิ)

ตั้งแต่ในแจ่มใส เรื่องหนี้รักฯหนึ่งจนถึงสอง
จำไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่เมื่อไหร่
นานถึงไหน
แต่ก็จนแจ่มใสเปลี่ยนไป
ก็ตามหานิยายคุณมอร์ฯไม่เจอ

จนมาเจอเรื่องต่อๆมา ในเว็บใหม่
แต่คุณมอร์ก็ลงไม่จบ แอบเคืองๆ

คุณมอร์ก็เป็นหนึ่งในนักเขียนนิยายที่ชอบ
ในจำนวนไม่กี่คน
ในยุคที่นักเขียน อาจจะมากกว่าคนอ่าน
แต่จำชื่อคุณมอร์ได้ ไม่เคยลืม
อาจจะจำชื่อเรื่องได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

แต่จำ character พระเอกได้ขึ้นใจ :]

อาจเพราะชอบอ่านนิยายรักเศร้าๆ ขมขื่นๆ
และแอบหวานซึ้ง กินใจ..

ทุกเรื่องของคุณ จีงชอบจริงๆ

วันนี้เพิ่งเห็นว่า นิยายได้ตีพิมพ์แล้ว
เลยมาขอแสดงความยินดีด้วย
และขอเป็นกำลังใจให้แต่งนิยาย ให้ทุกคนได้อ่านต่อๆไป

แต่ที่มาเม้นในนี้
เพราะมาอ่านที่คุณมอร์ฯระบายออกมาแล้วก็ชอบนะ
เหมือนได้รู้จักนักเขียนที่เราชอบมากขึ้น

ทุกวันนี้ก็มานั่งจินตนาการถึงนักเขียนแต่ละคน
ว่าจะเป็นคนยังไง มีมุมมองอะไร
ทำไมถึงแต่งเรื่องได้ยังงี้ blah blah ..

ก็ดี ...

เราว่านะ

เวลาเปลี่ยน
ตนก็เปลี่ยน

เพราะมุมมองการใช้ชึวิต วางตัว ความคิดเรามันเปลี่ยนไป
เราเจออะไรๆมากขั้น ประสบการณ์มากขึ้น

เราจีงเปลี่ยนไป

บางที คนเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแคร์หรือใส่ใจอะไรๆกับใครๆไปทุกเรื่อง
เพราะเราก็เคย ที่เป็นอย่างนั้น
แต่กลายเป็น เราที่มีทุกข์ เพราะคำพูด หรือการกระทำที่คนอื่นๆทำใส่

ปล่อย วาง เฉย ต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามาซะ (บ้าง)
ก็ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น :]

ก็ขอให้ทำอะไรที่มีความสุขได้ต่อๆไป
แอบหวังว่าคุณมอร์จะเขียน+ลง หนึ้รักฯสอง
และทุกๆเรื่อง ให้เราได้อ่านจนจบ

อยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอเน้น มากๆ

และแอบหวังต่อไปว่า เราจะสามารถได้ครอบครอง :)
หนังสือที่คุณมอร์แต่งทุกเรื่อง (เว่อร์มั้ย??)
คือหมายถึงว่า จะกลับไปทันซื้อ อ่ะนะ

จะติดตามต่อไป

take a good care of yourself and be good !!

 

โดย: หม่อง IP: 99.191.75.238 25 มกราคม 2552 16:35:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


มายด์_มอร์นิ่งกลอรี่
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




จะได้ไม่ลืมกัน


[Add มายด์_มอร์นิ่งกลอรี่'s blog to your web]