BlogGang.com : : moo lopburi : My Interview

My Interview

หนังสือพิมพืกรุงเทพธุรกิจสัมภาษณ์เมื่อเดือนสิงหาคม
เรื่องการวางแผนการเงิน

"ถ้าเราไม่รวย จะใช้ชีวิตอย่างคนรวยไม่ได้ เราต้องอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง อย่าไปอยากได้ อยากมีเหมือนคนอื่น" เป็นประโยคทองเมื่อสนทนากับ "ประภาส ทองสุข" ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานสื่อสารการตลาด บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี

เพราะยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ทุกวันนี้ประภาสจึงใช้ชีวิตอย่างพอดี ไม่มาก ไม่น้อย เขาบอกว่า ทุกคนควรจะหา "จุดสมดุล" ในชีวิต ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ เพื่อให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข

"ผมเห็นบางคนก็ได้แต่เก็บเงินอย่างเดียว ชีวิตในวันนี้ก็เลยไม่ค่อยมีความสุข ของผมจะเก็บเงินแต่พอดี เหมาะสม ผมอาจจะเป็นตัวแทนของมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง เป็นเด็กต่างจังหวัดที่ต้องทำมาหากิน ผมไม่ใช่ลูกเศรษฐี หรือคนมีสตางค์ที่อยู่บนกองเงินกองทอง เพราะฉะนั้นการจัดการเงินทองของผม จะอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนคนทำงานคนหนึ่งที่ไม่ได้มีมรดกตกทอดจากพ่อแม่เอาไว้ให้เราลงทุน หรือมีไว้ให้ใช้ แต่ต้องหาเงินด้วยตัวเอง หรือแม้กระทั่งบ้านที่ต้องอยู่อาศัย เราก็ต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง อยากได้บ้านดีสิ่งแวดล้อมดีก็ต้องยอมจ่ายเพิ่มขึ้นหน่อย"

เพื่อให้ชีวิตดำเนินไปอย่างสมดุล ทุกวันนี้ประภาสจึงแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกเป็นเงินที่เขาจัดสรรไว้สำหรับเป็นหลักประกันความเสี่ยงในชีวิต ซึ่งโดยมากก็เป็นเรื่องของการทำประกันให้ครอบคลุม มีทั้งการทำประกันสุขภาพ ประกันชีวิต

อีกส่วนหนึ่งเป็นเงินที่เตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่เยอะที่สุด เพราะเป็นเงินที่ต้องเตรียมไว้สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ละเดือนเราจะรู้ว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ประมาณเท่าไร ก็จะกันไว้เลย

ส่วนที่ 3 เป็นเงินลงทุน ซึ่งปัจจุบันเน้นลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) เพราะเห็นว่าเป็นการลงทุนที่ช่วยประหยัดภาษีได้ ซึ่งในเรื่องของการประหยัดภาษี ก็ยังมีการทำประกัน

"ถ้าจะให้ลงทุนในหุ้น ผมคงไม่ลง เพราะไม่มีเวลาติดตามข้อมูล อีกอย่างผมไม่ได้มีเงินเหลือเยอะขนาดที่จะเอามาลงทุนได้ ทุกวันนี้ก็อย่างที่บอกว่าลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เป็นหลัก นอกจากนี้ ก็เคยมีซื้อคอนโดมิเนียมไว้ ผ่อนไปเรื่อยๆ ก็เอาไว้ให้คนเช่า แต่ตอนนี้คงไม่ซื้อเพิ่มแล้ว"

อีกส่วนหนึ่งเป็นเงินที่เผื่อไว้สำหรับใช้ชีวิตให้มีความสุข สำหรับเงินที่มีไว้ใช้เพื่อความสุขสบายในชีวิตนั้น อันนี้เขาบอกว่าสำคัญที่สุด เพราะคนเราท้ายสุดแล้ว ถ้าไม่รู้จักหาความสุขให้ตัวเอง อดออมท่าเดียว ชีวิตก็จะแห้งแล้ง

"ข้อสำคัญคือ คนเราต้องหาจุดสมดุลให้ตัวเอง เรียกว่าหาบาลานซ์ให้เหมาะสม ไม่ใช่อดออมมากเกินไป หรือไม่ก็ใช้จ่ายเกินตัว แบบนี้ไม่ใช่ผม โดยรวมๆ ผมว่าคนเราควรจะใช้จ่ายอะไรที่มันเหมาะสมกับชีวิต คนเราไม่ได้อะไรไปซะทุกอย่างหรอก ขืนอยากได้อะไรแล้วซื้อทุกอย่าง ก็เจ๊งกันพอดี"

ประภาสบอกว่าส่วนใหญ่เขาหมดเงินไปกับหนังสือ เพราะเป็นคนชอบซื้อและอ่านหนังสือ หนังสือบางเล่มอ่านแค่คำนำ เขาก็รู้สึกว่าก็คุ้มราคาค่าหนังสือแล้ว ประภาสมองว่าการซื้อหนังสือเป็นการลงทุนไปกับความรู้

"แต่ผมก็เหมือนคนทั่วไป ยังมีความอยากได้โน่นได้นี่บ้าง แต่ก่อนจะซื้ออะไรก็จะคิดหน้าคิดหลัง ไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็ตาม ก็จะถามตัวเองก่อนว่า อยากได้จริงๆ หรือเปล่า จะได้ใช้งานมันอย่างคุ้มค่ามั้ย ของบางชิ้น ผมเดินวนหลายรอบมาก ดูแล้วดูอีก ก็มาสร้างหลักคิดที่ว่า ทุกวันนี้ ก่อนจะซื้ออะไรสักชิ้นก็ตาม ผมจะต้องขายของเก่าที่มีอยู่ให้ได้ก่อน ผมมีวิธีหาเงินอีกแบบหนึ่ง ซึ่งทุกวันนี้โลกไซเบอร์ เอื้ออำนวยให้เราขายของง่ายขึ้น ผมก็จะไปดูในห้องเก็บของว่ามีอะไรไม่ได้ใช้ หรือของอะไรที่เราซื้อมากะว่าจะใช้ แต่เอาเข้าจริงๆ เราใช้อย่างไม่คุ้มค่าเท่าไร ผมก็จะเอามาโพสต์ขายทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้ผลดีมาก หรือบางทีขายไม่ได้ผมก็ให้คนอื่น ที่เขาได้มีโอกาสใช้ประโยชน์"

เพราะที่ผ่านมา ประภาสมีประสบการณ์ที่ว่า พอซื้อของไปแล้ว เมื่อกลับไปถึงบ้าน ก็ไม่ได้ใช้งานอะไรเท่าไร เพราะตอนซื้อมีแค่ความอยาก ไม่ใช่ความจำเป็น พอระยะหลังก็เลยคิดเลยว่า ต้องเป็นของที่เราอยากได้จริงๆ และได้ใช้งานอย่างคุ้มค่าจริงๆ ถึงจะซื้อ แล้วก็เข้ากฎเหล็กคือ จะซื้อของอะไรสักชิ้น ก็ต้องขายอะไรออกไปสักอย่าง

"ที่ผ่านมาเรื่องผิดพลาดทางการเงินแทบไม่ค่อยมี โดยเฉพาะเรื่องลงทุน แต่ถ้าเป็นเรื่องการใช้จ่ายแบบนั้นก็มีเหมือนกัน แต่โดยปกติก็ไม่ได้ใช้เงินเกินตัวอยู่แล้ว ผมว่าคนที่ใช้เงินเกินตัว บางทีก็เครียดนะ เพราะหนี้ตามมาอีกบานเลย"

เขาเล่าว่า วิถีการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะทุกวันนี้เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำให้การใช้ชีวิตแตกต่างจากตอนเป็นโสดมาก ตอนนั้นเราจะใช้จ่ายอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และรอบคอบ

"ยิ่งตอนมีลูกใหม่ๆ เครียดเลย กังวลเรื่องอนาคต กลัวว่าจะดูแลเขาได้ไม่ดี ตอนนี้นอกจากวางแผนการเงินเรื่องอื่นๆ แล้ว เรื่องการลงทุนเพื่อการศึกษาของลูกเป็นสิ่งที่ผมก็ต้องวางแผนไว้ด้วย ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด"

เป็นผู้บริหารที่ยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง และสร้างสมดุลให้ชีวิตได้จริงๆ

วันที่: 2008-08-17 00:00:00

Create Date : 08 ตุลาคม 2551

Last Update : 8 ตุลาคม 2551 16:01:32 น.

0 comments

Counter : 216 Pageviews.