อ.วากากิ ทามิกิ จาก NEET ตัวจริงสู่นักเขียนเซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ(The World God Only Knows)


พอดีเจอเรื่องน่าสนใจเลยลองแปลมาให้อ่านกันเล่นๆนะครับ ถ้าใครอ่านการ์ตูนBakuman ด้วย คงจะอินยิ่งขึ้น

ภาพที่ลงอาจจะสปอยนิดหน่อยนะครับ ขออภัยด้วย




ประวัติ วากากิ ทามิกิ เกิด 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1972 (39 ปี)
นักเขียนการ์ตูนเจ้าของผลงาน:
- ศึกศิลามหัศจรรย์ อัลบาทรอส
- เซียนเกมรัก ขอเป็น เทพนักจีบ

เจ้าของผลงานฮิต “เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ” (The World God Only Knows) ซึ่งลงในShonen Sunday ของญี่ปุ่นปัจจุบันมีออกมากว่า160 ตอนแล้ว และยังมีAnime ด้วย

ลิขสิทธิ์การ์ตูนมังงะของไทยโดย TKO






สำหรับคนไม่เคยอ่าน เอาเรื่องย่อๆของเซียนเกมรักไป

จาก Wiki:

"คัตสึรากิ เคย์มะ" โอตาคุหนุ่มผู้มีฉายา "เทพตกหญิง" ผู้ซึ่งไม่เคยปล่อยสาวๆ ในเกมจีบสาวรอดมือไปได้แม้แต่คนเดียว ได้รับอีเมล์ร้องขอให้ช่วยผูกมัดหัวใจของสาวจริงๆ จากโดคุโร่ หัวหน้าสาขาของกองกำลังเก็บวิญญาณ แต่เขาเข้าใจผิดว่า เป็นอีเมล์ท้าทายความสามารถในเกมจีบสาวของเขา การที่เขากดตกลงตอบรับอีเมล์ฉบับนั้น ทำให้เขาถูกผูกพันธะสัญญากับ "เอลิเซีย เดอ ลูท อิม่า" หรือเอลซี่ ปีศาจสาว(ที่ซุ่มซ่ามและเซ่อซ่า)จากนรก และต้องคอยใช้ความรัก ผูกมัดจิตใจหญิงสาวที่มีตัวตนจริงๆ เพื่อล่า "วิญญาณที่หนีจากนรก" หรือ "คาเคทามะ" ที่สิงในหญิงสาวคนนั้นๆ ที่มีช่องว่างหรือปัญหาในใจที่เป็นช่องทางในการสถิตย์ของวิญญาณร้าย ซึ่งถ้าเคย์มะไม่ทำ เขากับเอลิเซีย จะหัวหลุดจากบ่าทันที





Credit: ต่อไปแปลมาจากเว็บเหยี่ยวแดง (แต่ผมเห็นในหน้าweb wikiของเรื่องเซียนเกมรักโดยเฉพาะ ซึ่งคนละwebกับ wikipediaนะ แล้วก็บล็อกอื่น มันก็มีเรื่องนี้ลงไว้เหมือนกัน ผมเลยไม่แน่ใจว่าใครเป็นต้นฉบับจริงๆกันแน่)



เบื้องหลังความสำเร็จของ อ.วากากิ จริงๆแล้วพี่เทพเคย์มะตัวเอกของเรื่อง คือกระจกสะท้อนตัวผู้แต่งเอง

ช่วงแรกก่อนหน้าจะเขียนการ์ตูน อ.วากากิจบจากม.โตเกียวเลยทีเดียว เขาเรียนรู้การเขียนการ์ตูนด้วยตนเอง และเขียนการ์ตูนเรื่องสั้น(One Shot)เรื่องแรกส่งในปี1993 ขณะอายุ21ปี ทำให้เขาได้รับรางวัลGrand Prize ของ Shogakukan Comics Awardใครๆต่างก็คิดว่าเขามีอนาคตในวงการการ์ตูนที่สดใส

ช่วงสอง ส่งone shotไปหลายเรื่อง แต่โดนพวกบรรณาธิการสับยับทุกเรื่อง เขาหายออกไปจากโลกแห่งความเป็นจริงเพราะช็อค หลังจากนั้นเป็นปี เขาก็กลับมาเป็นผู้ช่วยของทาเคมูระ ยูจิ(เขียนเรื่องไรก็ไม่รู้)

แต่งานผู้ช่วยก็ไม่สามารถทำให้เขามีโอกาสมีseries เป็นของตัวเองได้ ทำให้เขารู้สึกหดหู่อย่างมาก เลยกลับไปบ้านเกิดที่โอซาก้าและกลายเป็น NEET (ความหมายทำนองไร้งาน ไม่ได้เรียน ไม่ได้เข้าtrainไรเลย ไม่ทำมาหากิน เหมือนอยู่ด้วยเงินจากทางบ้านเท่านั้น) และ Hikikomori (คือพวกหมกตัว หลีกหนีโลกแห่งความเป็นจริง) ซึ่งพอว่างงานและหมกตัวจากโลกแห่งความเป็นจริง อ.วากากิก็เล่นเกม เล่นเกม และก็เล่นเกม จนเวลาผ่านไป6ปีนับแต่ได้รางวัลมา อ.วากากิซึ่งขณะนั้นอายุ27ได้กลับไปที่โตเกียวอีกครั้ง ในปี2000 ขณะอายุได้28ก็ส่งone shot อีกครั้ง แล้วก็เหลวตามเคย ทำให้อ.วากากิหดหู่และสิ้นหวังมากขึ้นกว่าเดิม

ช่วงสาม ในปี2006 13ปีนับจากได้รางวัลก็อายุได้33แล้ว ในที่สุดก็ได้มีseries เป็นของตัวเองคือเรื่อง “ศึกศิลามหัศจรรย์ อัลบาทรอส” (ในไทยก็มีฉบับลิขสิทธิ์) ซึ่งเรื่องนี้พัฒนามาจาก one shot ในปี2004




เรื่องอัลบาทรอสได้ลงเป็นเรื่องยาวราวๆ1ปี แล้วก็ถูกตัดจบ เนื่องจากความนิยมต่ำมากๆ ซึ่งแน่นอนมันก็จบอย่างค้างๆคาๆไป จนอ.วากากิต้องเขียนบล็อกขึ้นมาอธิบายเรื่องและตอบคำถาม เพราะเรื่องนี้โดนตัดจบ

เหตุการณ์สำคัญคือ อ.วากากิบอกในบล็อกว่าอยู่ในช่วงต่ำสุดของชีวิต เพราะมีเงินในบัญชีแค่หมื่นเยน เขาไม่มีเงินจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟและกำลังจะกลับสู่ยุคหินเพราะกำลังจะโดนตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งเขาบอกว่าเขามีทางเลือกสามทาง คือ
1 ยอมทำให้คุณภาพชีวิตตัวเองตกต่ำลง
2 เป็นหนี้
3 ยกเลิกการสั่งจองเกมNinjagaiden2 ล่วงหน้า (เอาเข้าไป)
สุดท้ายเขาเลือกทางที่สองคือเป็นหนี้ และลงท้ายบล็อกของเขาว่าโลกมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน





ช่วงสี่ ชีวิตของอ.วากากิเปลี่ยนไปเพราะ one shot เรื่องนึงที่พัฒนาเป็นพี่เทพเซียนเกมรักในเวลาต่อมา (เรื่องสั้นเขียนทดลอง ก่อนจะมาเป็นเซียนเกมรักตัวเต็ม) ซึ่งfeedbackของ one shot นี้ก็ไม่ได้ดีนัก ในสังคมอินเตอร์เน็ทและwebโอตาคุถือว่าone shot อันนี้น่าตื่นเต้นและแปลกใหม่มาก(ด้วยเรื่องที่ว่าโอตาคุใช่้ความรู้จากเกมจีบสาวมาจีบสาวตัวจริง) แต่นอกจากนั้นคนอื่นๆต่างคิดว่าเรื่องนี้มันห่วยแตก


อันนี้ภาพเปิดตอนone shot ครับ (ถ้าจำไม่ผิดพระเอกจะคนละชื่อกันด้วย นามสกุลต่างกัน เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ต่อจากเรื่องยาวหรอกครับ เป็นคนละเรื่องกัน รายละเอียดต่างกัน แต่พล็อตหลักก็เหมือนเซียนเกมรักเรื่องยาวน่ะแหละครับ)






พอมาเป็นseries ยาวจริงๆในชื่อ “เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ” (The World God Only Knows) กองบรรณาธิการในช่วงแรกก็ไม่ได้ชอบเรื่องนี้นัก ถึงขนาดทำนายว่าไม่มีทางยาวเกินรวมเล่ม5เล่มหรอก หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็เริ่มได้รับการยอมรับจากนักอ่านทั่วไปมากขึ้น ไม่นับพวกโอตาคุเกมจีบสาวที่มองว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนพระเจ้าอยู่แล้ว ในที่สุด อ.วากากิก็กลายเป็นนักเขียนชื่อดังมากๆคนนึงในShonen Sunday (ปัจจุบันน่าจะยาวจนที่ญี่ปุ่นออกเล่ม14แล้ว และยังไม่จบ ในไทยออกถึงเล่ม7 และมีanime ด้วย)




ภาพสาวๆที่ออกมาในช่วงแรกๆของเรื่องครับ




มาดูส่วนสุดท้ายกัน

ชีวิตอ.วากากิถูกสะท้อนออกมาอย่างมากในตัวพี่เทพเคย์มะและเรื่องเซียนเกมรัก

1. ในการจีบหญิง4ครั้งแรกของเรื่องจะเห็นว่ามันค่อนข้างสั้นและเดินเรื่องกระชับและเร็วมากๆ ที่เดินเรื่องเร็วๆเพราะอ.วากากิยังฝังใจที่เรื่องเดิมโดนตัดจบอยู่และทำให้ต้องจบเรื่องอย่างห่วยแตก เพราะเรื่องก่อนอ.วากากิเดินเนื้อเรื่องแบบเรื่องยาวๆ ใช้speedช้าๆ ซึ่งสำหรับนักเขียนที่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก และไม่มีฐานแฟนๆ แฟนๆมักจะไม่ทนรอเรื่องที่ดำเนินไปเนิบๆช้าๆ และมองว่ามันไม่สนุก คราวนี้อ.วากากิเลยเร่งสปีดเรื่องแต่ต้น และไม่วางพล็อตยาวๆไว้

(อ่านถึงตอนนี้นึกถึงบาคุแมนมั้ยครับ ว่าถ้านักเขียนไม่มีชื่อจะมาดำเนินเรื่องแบบวางพล็อตยาวๆ เรื่องเนิบๆไม่ได้ นอกจากนี้ถ้าใครมีเล่ม 7 ลองอ่านท้ายเล่มที่อ.วากากิพูดถึงเรื่องการเขียนเทนริกับไดอาน่าดู ว่าเป็นการเริ่มพล็อตยาวที่แกตั้งใจจะทำตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ยังไม่ทำ เพราะมีประสบการณ์โดนตัดจบกลางคันในเรื่องอัลบาทรอสมาแล้ว กว่าแกจะกล้าเริ่มพล็อตยาวๆจริงๆก็ปาเข้าไปหลายเล่ม)

2. ใครที่รู้ประวัติอ.วากากิก็จะรู้ว่าตัวเคย์มะและความรู้เรื่องเกมจีบสาวนั้นมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของอ.วากากิเอง

3. พี่เทพมักพูดในเรื่องว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันห่วยแตก นี่เป็นประโยคที่อ.วากากิพูดตลอดเวลาในบล็อกของเขาเอง

4. อ.วากากิอธิบายวงการการ์ตูนของญี่ปุ่นที่เขาพบเจอด้วยตัวเองบ่อยๆ เพราะวงการนี้ทำให้เขามีชีวิตแบบNEET และ Hikikomori เนื่องจากเขียนเรื่องสั้นดีๆไม่ได้ และมีseries ไม่ได้ ทำให้เขาเกลียดโลกแห่งความเป็นจริงและพยายามจะหนีจากมันผ่านการเล่นเกม (สำหรับผู้จบจากม.โตเกียว เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขา และหาหนทางกลับเจอ แม้จะใช้เวลาสิบกว่าปีก็ตาม)

5. อ.วากากิขนาดไปเล่นเกมสำหรับผู้หญิง คือเกมจีบหนุ่มเองจริงๆเพื่อจะหาข้อมูล (อันนี้เป็นเรื่องของยุยนะครับ ฉบับไทยยังไม่ถึง อ.วากากิทำตัวเป็นเทพนักจีบเอง 5555)

6. อ.วากากิไม่เคยหยุดพัก เขาบอกว่าเขากลัวการหยุด (ไม่ค่อยเข้าใจว่าเกี่ยวกับตัวเคย์มะยังไง แต่น่าจะเอาไปบอกคนเขียนการ์ตูนจอมดอง จอมหยุดทั้งหลายนะเนี่ย มีwebบอกว่าที่ไม่หยุดเพราะกลัวโดนไล่ออก กลัวโดนตัดจบครับ แต่คุ้นๆว่าแกก็เคยได้วันหยุดไปเบรคเหมือนกัน ซึ่งถือเป็นครั้งเดียวนับแต่เซียนเกมรักตีพิมพ์มาเลย)

7. อ.วากากิอธิบายพี่เทพว่า พี่เทพเป็นคนที่จะยืนยันความคิดของตนเอง และนำไปใช้ในสถานการณ์ราวกับความคิดนั้นเป็นสิ่งถูกต้องเสมอ และเป็นบ้า (อ.วากากิก็ยอมรับว่าตัวเองบ้าเหมือนกัน)

8. บ่นถึงความโหดร้ายของโลกในท้ายรวมเล่ม เล่ม 8 (เรื่องคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มุ่งทำตามอุดมคติ แต่ก็มารู้ว่าโลกโหดร้าย เพราะไล่ตามอุดมคติยังไงก็ยิ่งห่าง)

timeline ชีวิตของอ.วากากิ (อันนี้ต้นฉบับที่ผมแปลมา ตอนแรกผมเข้าใจว่าเขียนtimelineไว้ในรวมเล่มเล่ม8นะครับ แต่พอผมแปลดูอีกทีคิดว่าผมคงเข้าใจผิด และtimelineอันนี้ก็ไม่มีในรวมเล่มเล่ม8ด้วย เอาเป็นว่าแหล่งที่มาไม่แน่ชัดนะครับว่าtimelineนี้เอามาจากไหน แต่มันมีอยู่ในประวัติอ.วากากิ ที่ผมแปลมา)

-อายุ21ปี เขาได้รับรางวัลGrand Prize ของ Shogakukan Comics Awardใครๆต่างก็คิดว่าเขามีอนาคตในวงการการ์ตูนที่สดใส
-22 แย่มาก เพราะไม่สามารถ เขียนone shot ดีๆ และปรับพัฒนาไปทำseries เรื่องยาวได้
-23 ตกงาน
-24 เล่นเกม
-25 เล่นเกม
-26 เริ่มตัดสินใจว่าจะทำไรซักอย่าง
-27หลังได้รางวัล6ปี ตัดสินใจกลับไปโตเกียวเพื่อพยายามคืนวงการการ์ตูนอีกครั้ง
-28 ถูกบรรณาธิการสับจนหดหู่อีกครั้ง
-29 หลอกตัวเองด้วยการเล่นเกม
-30 หนีไม่พ้นแล้ว
-31 ในที่สุดก็ตระหนักว่าสิ่งที่เสียไปเอากลับคืนไม่ได้
-32 ร้องไห้ฟูมฟาย ด่าโลกแห่งความจริง
-33 อัลบาทรอสได้รับการตีพิมพ์เป็นเรื่องยาวเพราะความผิดพลาดของกองบรรณาธิการ
-34 อัลบาทรอสโดนตัดจบเพราะอำนาจของกองบรรณาธิการ
-35 เงินในธนาคารเหลือหมื่นเยน ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด
-36 หลังจากประสบการณ์ในการเล่นเกมมากกว่า 10ปี “เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ”ได้ลงเป็นเรื่องยาว สังคมปกติมองอ.วากากิว่าเป็นคนบ้า แต่สังคมออนไลน์(เช่นพวกwebโอตาคุต่างๆ)มองว่าอ.วากากิเป็นพระเจ้า บางคนในกองบรรณาธิการบอกว่ารีบๆตัดจบเรื่องนี้เถอะ เพราะเห็นแล้วขวางหูขวางตา
-37 ถูกปฏิเสธไม่ได้รับรางวัลShogakukan Comics Award (หมายถึงรางวัลที่เขาได้ตอนเข้าวงการใหม่ๆน่ะครับ มากล่าวถึงอีกทีตอนนี้ประชดหรือเปล่าฟะ ไม่ค่อยเข้าใจ )
มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย อ.วากากิน้ำตาแตกเพราะเรื่องเซียนเกมรักต้องพิมพ์เพิ่ม ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต นอกจากนี้เรื่องเซียนเกมรักได้รับการประกาศเป็นอนิเมะด้วย (เย้) อ.วากากิเขียนตอนพิเศษเพื่อฉลองอนิเมะ (อ่านรวมเล่มไปเรื่อยๆจะรู้เองครับว่าตอนไหน หรือบางคนอาจจะรู้อยู่แล้ว เป็นกรณีที่เนื้อเรื่องหลักเดินอยู่ดีๆ ก็มีตอนพิเศษโผล่มากล่าวถึงanime เลย)


เพิ่มเติม: staffจากบรรณาธิการที่สับแกเป็นประจำ สับนับครั้งไม่ถ้วนตอนแกล้มเหลวอยู่ (เป็นคนเดียวกับที่หางานให้แกเป็นผู้ช่วยในช่วงแรกๆ) ทุกวันนี้เป็นบรรณาธิการของแกในเรื่องเซียนเกมรักครับ



เป็นไงมั่งครับ น่าสนใจมั้ยกับเรื่องของนักเขียนการ์ตูนท่านนี้

ปิดท้ายด้วยภาพจากเรื่องเซียนเกมรักอีกภาพ(ภาพอาจสปอยเล็กน้อย)







ปล. เคยโพสลงกระทู้ที่:
//topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2011/09/A11119039/A11119039.html






Create Date : 02 มีนาคม 2555
Last Update : 24 มีนาคม 2555 0:55:29 น.
Counter : 2621 Pageviews.

2 comments
  
โดย: new pek วันที่: 2 มีนาคม 2555 เวลา:21:36:28 น.
  
ชอบมากครับ

คนเราถ้ามีล้มก็ต้องมีลุกจริง ๆด้วย

โดย: Mosga IP: 171.5.77.205 วันที่: 23 มีนาคม 2555 เวลา:23:13:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อยากเป็นแรมโบ้^-^
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มีนาคม 2555

 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31