เมื่อวานนี้ (วันศุกร์ที่ 28) ในคาบวิชาสัมมนาฯ เป็นคิวของกลุ่มที่ 3 ที่ทำเรื่องการเล่าเรื่องข้ามสื่อ (transmedia storytelling) ซึ่งเป็นเรื่องของการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ต่อยอดจากแพล็ทฟอร์มหนึ่งไปยังอีกแพล็ทฟอร์มหนึ่ง
ตัวอย่างที่กลุ่มนี้ยกเป็น main example คือ กรณีการเล่าเรื่องใน club friday ของพี่อ้อยพี่ฉอดนั่นเอง
club friday เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจเพราะด้วยความที่เริ่มจากการเปิดสาย phone-in เข้ามาในรายการช่วงคืนวันศุกร์แห่งความเหงา ใครจะไปรู้ว่าจะต่อยอดมาเป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค ทีวีซีรี่ส์ เอ็มวีเพลง รายการทอล์คโชว์ และอีเว้นท์ต่าง ๆ ตามต่างจังหวัด สร้างรายได้เข้าตึกอากู๋แกรมมี่ได้มากมายมหาศาล
ถ้าพูดถึงคลับฟรายเดย์ เราไม่ค่อยชอบดูหรอก เพราะดูไปก็ตอกย้ำตัวเอง แต่เราจำได้นะ ตอนอกหักครั้งแรกเราโคตรผูกพันกับคลับฟรายเดย์เลย
เพลง "เจ็บแต่จบ" กับ "เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย" ไง
หูยยยยย ไม่แปลกเลยอ่ะที่จะไม่อิน ถือว่าแกรมมี่ทำการบ้านมาดี เพราะเราก็ไม่คิดมาก่อนว่าความรักของเรามันจะมาถึงวันที่ต้อง "เจ็บ" เพื่อ "จบ" ทุกอย่างแล้วเริ่มใหม่ หรือความรักบางทีมันไม่ใช่แค่อยู่ในนิยาย แต่มันเป็นเรื่องจริงต่างหาก เพราะฉะนั้น เราควรหยุดเพ้อแล้วรอคอยวันของเรา
อีกสิ่งหนึ่งที่อาจารย์ตั้งข้อสังเกตในคาบหลังจากที่กลุ่มนี้พรีเซ้นท์จบคือ "ความเป็นไปได้ของความรัก"
ใครจะไปรู้ว่ามีอยู่ตอนนึงที่แม่และลูกมีสามีคนเดียวกัน ในเรื่องจริงจะมีกรณีแบบนี้อยู่ไหม แล้วถ้ามัน "based on true story" จริง คนเล่าเรื่องตอนนี้เป็นยังไง? สิ่งที่ได้มาถูกปรุงแต่งประกอบสร้างหมดแล้วโดยทีมงาน และมันจะทำให้สังคมได้บทเรียนอะไรจากประสบการณ์ครั้งนี้บ้าง
ที่แน่ ๆ ล่ะ เรากล้าเปิดเผย "ความรัก" ซึ่งมันควรจะเป็นเรื่องของคนสองคนให้กับใครก็ไม่รู้ฟัง แล้วเอาเรื่องนี้ไปขยายความต่อ ถามว่าคนเล่าได้อะไร ก็คงผ่อนคลายจากการเก็บงำความลับนี้เอาไว้ เหมือนมีที่พึ่งทางใจ แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่สนกระบวนการที่ทุนนิยมเอาไปปู้ยี่ปู้ยำต่อเลย
มีตอนนึงที่แอบหวั่นใจมาก ๆ คือตอนของการ์ตูนกับเชอรี่ที่แย่งผู้ชายคนเดียวกันจนสุดท้ายลงจบที่เชอรี่แย่งคนรักจากการ์ตูนได้สำเร็จ จนกระทั่งมีนักสืบพันทิปไล่ล่าหาว่า "อีรี่ตัวจริงจะยังหน้าด้านอยู่ในสังคมอีกมั๊ย" ด้วยความขี้เสือกของคนไทยแล้วเชื่อได้ว่ามันต้องมีคนคุ้ยเจอต้นเรื่องแล้วอาจสาวไปถึงเจ้าตัวได้ ยิ่งถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่มีความเฉพาะมาก ๆ แบบเคสนี้ไม่เคยพบเห็นก็เป็นไปได้ว่าจะเจอต้นเรื่องแน่ ๆ
ไม่อยากพูดถึงความรักของตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็จะบอกให้นิดหน่อยละกันว่าด้วยนิสัยเจ้าชู้บวกขี้เหงาของเรา ทำให้เราชอบคนนู้นคนนี้ไปหมด แต่มันจะมีอยู่บางคนที่ต่อให้เราใจแข็งยังไง ก็ปากหนักไม่กล้าบอกความในใจ
บางคนนั้นคือคนที่เป็นเพศตรงข้ามกับเรานะ...
เอวัง ฝันดีทุกคน จุ๊ฟ ๆ <3
ความรักเป็นสิ่งที่ดีนะคะ..
ขึ้นอยู่กับว่า..เราเข้าใจกับมันหรือเปล่า..
อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้จักกับความรัก มีความรักในหัวใจ..
สู้ๆนะคะ..