เรื่องเล่าส่วนตัว เล่าเรื่องส่วนรวม สวัสดีครับ หลังจากหายไป นาน เนื่องจากอาจยังไม่ค้นพบตัวเอง 3-4ปีที่ผ่านชีวิตผมผ่านเรื่องราวเยอะอยู่บางเหตุการณ์ท่านอาจเห็นผมผ่านตาอยู่บ้าง จากวันที่ขวนขวายทำงานหนักเพื่อหาเงินหวังว่าเงินจะซื้อทุกอย่างได้วันนึง พี่ทีมงาน ช่างภาพ อสท.ชวนไปเที่ยวป่าแม่วงก์ซึ่งอยู่อำเภอข้างๆอำเภอที่อยู่นี่แหละครับ งานนั้นเราได้ไปอยู่เพื่อถ่ายความสมบูรณ์ของป่าแม่วงก์ครับ ผมได้มีโอกาสใช้ชีวิตในป่าจริงๆจังๆก็คราวนี้แหละครับ ครั้งนั้นอยู่กันห้าวัน หากินแบบป่าๆจึงได้รู้ว่าป่าคือซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ อาหารมีพี่ จนท.ป่าไม้ทำให้ทานครับมีความสุขมากๆ ตั้งแต่วันนั้นผมเปลี่ยนแนวคิดการดำเนินชีวิตไปเลย.....อยากอยู่ใกล้ธรรมชาติ สนใจเรื่องป่าไม้ สนใจเรื่องชีวิตพอเพียง เลยหาเรื่องเข้าไปอยู่ในเขตุอำเภอแม่วงก์ อำเภอที่ยังมีความสมบูรณ์ของป่าไม้ยังมีอากาศดีๆให้สูดดม ยังมีวิถีชีวิตบ้านๆ วิถีคนที่หากินที่ยังต้องพึ่งป่าในทุกๆวัน ผมเรามสนใจเรื่องแม่วงก์มากขึ้นจึงโพส้กี่ยวกับแม่วงก์เยอะจนใครที่จะมาแม่วงก์ ถ้าเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊ค ต้องโทรมาหาผมก่อน ด้วยชีวิตเดิมที่ทำงานเพื่อเงินก็ยังคิดว่าจะทำธุรกิจในอำเภอแม่วงก์ครับ เลยหาเช่าที่แล้วสร้างร้านขึ้นมา ชื่อ"ร้านไม้กระทู้" ทีนี้ความเป็นคนแม่วงก์เริ่มชัดขึ้น ประกอบด้วยมีเหตุการณ์เรื่องเขื่อนแม่วงก์คนยิ่งเริ่มสนใจ วันหนึ่ง ผมได้พบกับพี่ๆช่างภาพสารคดีอันดับต้นๆของเมืองไทย พี่เริง พี่อ้อ พี่ยิว อยู่ๆแกมาหาที่บ้าน.....แบบว่าแทบช็อค!!....เพราะเราตามงานเค้าอยู่แล้ว เลยได้มีโอกาสไปช่วยงานพี่เค้าถ่ายความสมบูรณ์เรื่องป่าแม่วงก์ เค้าบอกว่าเราเป็นสื่อกลางเราไม่สามารถเอียงได้ มีอยู่วิธีเดียวคือ"ถ่ายทอดเรื่องราวความสมบูรณ์ให้คนอื่นพิจารณาเอาเอง" เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้น ผมกลายเป็นคนแม่วงก์ไปแล้วได้รู้จักคนดีๆ เก่งๆ นักอนุรักษ์มากมาย ศิลปินที่มีอุดมการณ์ และ มูลนิธิสืบมูลนิธิที่ผมศัทธาในอุดมการณ์
และการทำงาน จังหวะนั้นรัฐบาลประกาศให้สร้างเขื่อนแม่วงก์ พวกเราไม่เห็นด้วย เลยออกมาต่อต้าน EHIA เขื่อนแม่วงก์ มูลนิธิสืบและ อ. ศศิน มีความคิดว่าจะเดิน จาก กทม. -แม่วงก์ ไม่ผิดครับ ตอนแรกเป็นแบบนั้นคืนวันก่อนเดิน ที่แม่วงก์ มูลนิธิ ได้มาวางแผนที่บ้าน.....อ่อลืมบอกไปแฟนผมเป็นคนแม่วงก์เดิม มีพ่อเป็น อ.ณรงค์ แรงกสิกรคนที่ดีเบทกับนักการเมืองและครับ แกนนำ กลับมาที่บ้านที่แม่วงก์นะครับมีการเปลี่ยนแผน เพื่อหลอกล่อและเพื่อความปลอดภัย เราจึง"เดินจากแม่วงก์เข้ากรุงเทพ" ผมเปิดร้านอยู่เลยได้มีโอกาสเดินด้วยเพียง ห้าวัน สามวันแรก พื้นที่อันตรายผมต้องอยู่ด้วยเพราะไม่มีคนเลย ตอนแรกคิดว่ามูลนิธิคนเยอะ 5555 รวมทั้งมูลนิธิ 30 คนเอง ต่างคนต่างประสานงานบ้างก็อยู่ฟ้องศาลที่กทม. ส่วนหนึ่งก็มาเดิน มันส์ดีครับ พอผ่านอำเภอบ้านเกิดผม"ลาดยาว"พื้นที่อันตรายที่สุดครับ เรากลัวกันมาก เอางี้ผมให้ลิ้งไปดูเลยแล้วกันคิดว่าหลายคนต้องเคยดูครับ เรื่องมันแรง สองวันสุดท้ายผมปิดร้านเข้า กทม. ไปร่วมเดิน อีกคราวนี้คนเยอะแระครับ บรรยากาศน่าประทับใจมากๆ ทำให้ยิ่งรักงานอนุรักษ์ อ่อผมได้มีโอกาส ขึ้นเวทีด้วยนะที่หอศิลป์ พอเสร็จจากกิจกรรม นี้ผมก็กลับมาที่บ้านลาดยาวเพราะ มีเหตุการณ์ สร้างสถานการณ์ทำให้น้ำท่วมก่อนหน้าวันเดินนะครับเพื่อให้ชาวบ้านต้องการเขื่อน กลับมาถึงบ้านเห็นป้ายประกาศ รวมพลคนเอาเขื่อน ก่อนวันที่นัดร่วมพล ก็มีการประกาศให้ชาวบ้านไปร่วมกิจกรรม คราวนี้ บ้านผมทำตัวชัดว่าต้านเลยมีการขับไล่ออกจากพื้นที่.......ผมเองอีกแหละครับที่โดนไล่.....55555มันส์ดีครับ ตามสภาพ จากนั้น ผมก็กลับไปเปิดร้านที่แม่วงก์ได้ไม่นานก็ ปิดตัว เพราะ"วิถีชีวิตบางกลุ่มมันดำเนินได้โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งใหม่ " ร้านกาแฟร้านเหล้า เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับคนที่มีวิถีชีวิต ที่พึ่งพาธรรมชาติเค้าอยู่มีสุขได้โดยไม่ต้องมีสิ่งบันเทิง จากนั้นผมกับพ่อแฟนคิดว่าจะทำฟาร์มเชิงอนุรักษ์มีที่พัก มีกิจกรรมดีๆ ที่แม่วงก์ เลยลงมีทำตามมีตามเกิด ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างเงิน ก็ยังเป็นปัจจัยอีกตามเคย ผมเลยกลับมาลาดยาวอีกครั้ง คราวนี้ เราคิดว่ายังไม่ถึงวัยที่จะใช้ชีวิตแบบนั้น จริงๆไม่ใช่เรื่องวัยหรอกครับมันเป็นเงินหล่อเลี้ยง ขณะที่เรายังทำฝันไม่สำเร็จ ตอนนี้เลยกลับมาเปิดร้านเล็กๆในลาดยาวในเมืองหน่อย ชีวิตคนเมือง เค้าจับจ่ายใช้สอยมากหน่อยครับ จันทร์-ศุกร์ เราเปิดร้านเค้กกับกาแฟ เสาร์-อาทิตย์ เรากลับแม่วงก์ทำฝันต่อ.................ประมาณนี้แหละครับ โปรดติดตามตอนต่อไป.. |
maneang
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] สวัสดีครับ เหน่งครับ Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |