สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
วันเช็งเม็ง 5 เมษายน





ความเชื่อของลูกหลานคนจีนได้ถือปฎิบัติมาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศจีนหรือต่างประเทศก็ตาม โดยเฉพาะในประเทศไทยซึ่งมีลูกหลานคนจีนไม่น้อย ได้ปฎิบัติตามคำบอกเล่าของบรรพบุรุษว่าหลังจากที่หมดลมหายใจไปแล้วจะต้องนำศพไปฝัง หากไม่มีเงินทองสามารถจัดทำได้ ศพที่ได้นำไปเผาแล้วเหลือแต่กระดูก จะเก็บไว้ที่บ้านหรือฝากไว้ที่วัดก็ตาม ในเมื่อฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น ลูกหลานคนจีนที่มีความเชื่อตามคำสั่งของบรรพบุรุษจะหาที่ทางและหมอฮวงจุ้ย มาจัดการสร้างแล้วนำกระดูกไปฝังเพื่อลูกหลานรุ่นต่อไปได้กราบไว้ ซึ่งหลายต่อหลายคนเชื่อในเรื่อง"ฮวงจุ้ย" สามารถให้คุณต่อลูกหลานรุ่นต่อไปได้ ในทางตรงกันข้ามอาจให้โทษต่อลูกหลานได้เช่นกัน การกราบไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงจุ้ย ซึ่งสร้างไว้ตามสุสานสาธารณะหรือสุสานส่วนตัว จึงมีให้เห็นทั่วประเทศของเรา และโดยเฉพาะภาคกลางสุสานส่วนรวม หรือสุสานสาธารณะที่ใหญ่ๆจะอยู่ในเขตจังหวัดสระบุรี ชลบุรี และราชบุรี จึงเป็นปัญหาในเรื่องการจราจรในเขตปริมณฑลมาตลอด เพราะว่าวันเช็งเม้ง หรือวันกราบไหว้บรรพบุรุษวันเดียวกัน วันกราบไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ตามที่ประเพณีของคนจีนกำหนดไว้ในแต่ละปีจะคล้ายกันจนเป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่าทุกปีของ วันที่ 5 เมษายน คือวันเช็งเม้ง และทุกคนจะต้องไปพร้อมหน้ากันที่สุสานที่ฝังบรรพบุรุษไว้ ซึ่งในเรื่องนี้นับว่าลูกหลานชาวจีนที่เชื่อถือหลายคนยังเข้าใจผิด ๆ อยู่มาก เพราะว่าจากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุที่เข้าใจในเรื่องนี้


สำหรับเครื่องเซ่นไหว้ย่อมเป็นไปตามฐานะ แต่ส่วนหนึ่งจะต้องมีคือเง็งเตี๋ยหรือกระดาษไหว้เจ้า กิมจั๊วหรือกระดาษไหว้วิญญาณ(ผี)เสื้อผ้าของใช้เงินทองซึ่งเป็นกระดาษเพื่อเผาส่งไปให้ เทียนธูป ส้มเกลี้ยง ไก่ ปลาหมึก หอยแครง ซาลาเปา ขนมฟู(ขนมสาลี่) เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องเซ่นไหว้ นอกเหนือจากกระดาษไหว้เจ้าแล้ว จะต้องมีซาแซ คือไก่ต้ม พร้อมเครื่องใน ปลาหมึกแห้ง หมูหนึ่งแถบ ผลไม้ 5 อย่าง หรือ 7 อย่างก็ได้ หากไม่มีเอาส้มเกลี้ยงอย่างเดียวก็ได้ ผลไม้ที่นำมาไหว้ไม่ควรเอาผลไม้ที่มีชื่อไม่เป็นมงคล เช่น ละมุด มังคุด ฯลฯ ในสถานที่นั้นที่มีอยู่พร้อมน้ำชา สุรา

ส่วนเครื่องเซ่นวิญญาณบรรพบุรุษ นอกจากเครื่องเซ่นไหว้ที่กล่าวมาแล้ว ไก่ต้มที่นำไปไหว้ไม่ควรใส่เครื่องในไก่ไปด้วย เพราะเครื่องในไก่เก็บเอาไว้ให้ลูกหลาน เว้นแต่จะนำเครื่องในไปประกอบเป็นอาหารอย่างอื่นเพื่อไหว้ไม่เป็นไร หลังจากนำไปกราบไหว้เซ่นบรรพบุรุษที่ฮวงจุ๊ยแล้ว ในวันที่ 4 เมษายน แต่ละคนหากอยู่กันคนละบ้านควรจัดทำการเซ่นไหว้อีกครั้ง ณ ที่บ้านที่อาศัยด้วย

ข้อมูลเฉพาะ

ซาแซ ใช้สำหรับไหว้เจ้าหรือผีไม่มีญาติ
การเซ่นไหว้ ลูกหลานควรไปพร้อมหน้ากัน
ทุกปีควรจะต้องนำดินใส่หลังฮวงจุ๊ย
ผลไม้ทุกชนิดที่นำไปไหว้ต้องให้มีชื่อเป็นมงคล
ขนมสาลี่ ซาลาเปา คือความเฟื่องฟู


วันเช็งเม้งของแต่ละปีหากเปรียบเทียบกับประเพณีไทยในทางพุทธศาสนา ก็จะเหมือนกับวันพระซึ่งในความเชื่อก็คือวันพระเป็นวันที่ผีหรือวิญญาณจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ สามารถไปไหนมาไหนได้ จึงเป็นโอกาสดีของลูกหลานที่มีความเชื่อ จะได้ทำพิธีกราบไหว้บูชาด้วยอาหารคาวหวาน ผลไม้ เสื้อผ้า กระดาษเงิน กระดาษทอง(กิมจั๊ว) น้ำชา สุรา และเงินทองของใช้ต่างๆ โดยจัดทำการเซ่นไหว้ที่แท่นบูชา ณ ที่บ้านของลูกหลานแต่ละคน ด้วยการจุดธูปบอกกล่าวเชิญกลางแจ้ง พร้อมขออนุญาตหรือบอกธรณีประตูพาวิญญาณเข้าบ้านมาที่แท่นบูชาที่มีกระถางธูป และรูปถ่ายหรือป้ายวิญญาณก็ตาม โดยการเซ่นไหว้ทุกครั้งต้องบอกเจ้าที่หรือแป๊ะเอี้ยทุกครั้ง และต้องทำช่วงเช้าไม่เกิน 5โมงเช้า เพราะหลังจาก 5 โมงเช้าควรจุดธูปหรือกล่าวลา พร้อม ๆ จัดการอาหารคาว ผลไม้ น้ำชา สุรา หลังจากที่ได้นำกระดาษ (กิมจั้ว) เซ่นไหว้ไปเผาเรียบร้อยแล้ว

การเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงจุ้ยตามสุสานต่าง ๆ เอี้ยวชุนบั๊ก ซินแส กล่าวว่า ความจริงแล้วลูกหลานจะหาวันที่ดี และสะดวกแก่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายลูกชาย หลานชาย ลูกสาว หลานสาว ที่จะมาพร้อมกันที่ฮวงจุ๊ยทั้งเครื่องเซ่นไหว้แล้ว ซึ่งจะต้องมากันแต่เช้า ๆ เซ่นไหว้ด้วยอาหารคาวหวาน น้ำชา สุรา ผลไม้ ทุกคนที่เป็นลูกหลานยังต้องเตรียมอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นจอบ เสียม มีด บุ้งกี๋ สี แปรง น้ำสะอาด ซึ่งการนำอุปกรณ์นี้มาเพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นเอาดินขึ้นถมหลังฮวงจุ๊ย หรือล้างป้ายพร้อมทาสีให้เกิดความสวยงาม ยังจะได้ช่วยรดน้ำพรวนดินต้นไม้บริเวณฮวงจุ๊ย และใกล้เคียง มิใช่เพียงดูแลหญ้าที่ปลูกไว้หลังฮวงจุ๊ยเพียงอย่างเดียว เพราะต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ บริเวณฮวงจุ๊ยบางต้นที่เกิดขึ้นมามีผลดี แต่บางต้นอาจส่งผลเสียแก่ฮวงจุ๊ยได้ ซึ่งหากท่านได้มีความเป็นคนช่างสังเกต จะเห็นได้จากแผ่นป้ายชื่อหน้าแท่นบูชา ที่บางป้ายอาจสลักตัวหนังสือไทยไว้ด้วย

แผ่นป้ายหินแกะสลักหรือแผ่นปูนก็ตาม ตัวหนังสือจีนตัวเล็กที่อยู่ทั้งสองข้าง ชื่อ ที่อยู่ และวันสร้าง ส่วนตัวหนังสือจีนใหญ่นั้นสุดแต่ว่า บรรพบุรุษที่ฝังอยู่หลุมซึ่งเป็นชาย ถ้าหากไม่มีครอบครัวจะสลักแถวเดี่ยว แต่ถ้ามีภรรยาก็จะสลักชื่อภรรยาลงไปด้วย โดยชื่อภรรยาจะอยู่ขวามือเมื่อหันออกตามแผ่นป้าย ถ้าภรรยาหลายคน ภรรยาหลวงจะอยู่ซ้ายมือสามีจะอยู่กลางภรรยาคนต่อไปอยู่ขวา ตัวหนังสือเมื่อนับจากข้างบนลงล่างตัวหนังสือตัวที่ 3 - 4 คือตัวชื่อสกุล ซึ่งหากใครก็ตามตายไปแล้วจะใช้สีเขียวทาตัวหนังสือ ถ้ายังไม่ตายตัวหนังสือจะต้องเป็นตัวหนังสือสีแดง เช่นเดียวกับตัวหนังสือตัวเล็กที่บอกที่อยู่ และวันสร้างฮวงจุ๊ย ซึ่งต้องใช้สีแดงจัดการทาให้เรียบร้อย แต่ในปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงมีมาก ตัวหนังสือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นชื่อคนเป็นหรือคนตายก็ตาม จะใช้สีทองหรือทองคำเปลวปิดหมดทุกตัวอักษร ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ภาษาจีนก็พอทราบได้จากตัวที่บอกวันเวลาสร้าง ว่าเจ้าของชื่อที่สลักไว้ตายไปแล้วหรือยัง แต่คนที่ไม่มีความรู้ภาษาจีนอ่านไม่ได้ก็จะไม่รู้อย่างแน่นอน




ขอขอบคุณข้อมูลจาก //www.tungsong.com






Create Date : 27 มีนาคม 2552
Last Update : 27 มีนาคม 2552 13:34:46 น. 1 comments
Counter : 915 Pageviews.

 
ดีจังับ ได้ทบทวนขนบธรรมเนียม

ตอนนี้กลัวว่าพวกเสื้อแดงจะมาช่วยกันยกที่ดิน

ไปให้ประเทศไหนอีก

ต่อไปที่ทำฮวงซุ้ยก็คงแพงขึ้นตามลำดับ

ที่บ้านบึง ร้อนทุกปีนะคับ

Photobucket




โดย: hiansoon วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:1:25:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
27 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.