Home is behind The world ahead
 
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
13 กุมภาพันธ์ 2555

หลังจากเตะฝุ่นมานาน....

          สองปีก่อน ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น เมื่อฉันเตะฝุ่นมาแล้ว 8 เดือน ไร้วี่แวว จะได้งานทำ... ล้มเหลว คือ ความรู้สึกอันมืดมน ตลอดระยะเวลาหลัง ๆ มานี้ นับตั้งแต่ยื่น resume ไปนับร้อย แต่แทบไม่มีใครเรียกสัมภาษณ์มาเลย และการสัมภาษณ์ทั้งหมด 3 ครั้งที่ผ่านมา ฉันตกตลอด 



          สำหรับฉัน มันเป็นเรื่องน่าสลดที่เรียนจบจากที่นี่แท้ ๆ แต่หางานทำไม่ได้ ถึงขนาดต้องใช้วีซ่าติดตามสามีเพื่อที่เราจะได้อยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกันต่อไป  การหางานในต่างแดนมันยากตรงที่ นายจ้างจะต้องถูกใจเรามากพอที่จะยื่นเรื่องขอวีซ่าทำงานให้เรา ไม่งั้น ก็หมดสิทธิ์ทำงานประจำ แล้วถ้าเลือกจ้างระหว่างคนญี่ปุ่น กับคนไทย เค้าจะเลือกจ้างใคร



         ความคิดไม่สร้างสรรค์ข้างบน บวกกับความคิดที่ว่าฉันพูดภาษาญี่ปุ่นสู้คนญี่ปุ่นไม่ได้ (ไม่คิดว่าตัวเอง จะไร้หัวคิดขนาดเปรียบเทียบภาษาญี่ปุ่นของตัวเองกับคนญี่ปุ่นได้) มันจึงทำให้ฉันตกงานอยู่อย่างนี้ไง  ในที่สุด ฉันก็พาตัวเองออกจากวงจรอุบาทว์  และก้าวท้าวเข้าไปในศูนย์จัดหางานของรัฐแห่งหนึ่ง



         "เป็นคนไทยใช่ไหมคะ" เจ้าหน้าที่ถามฉันอย่างสุภาพ


         "ใช่ค่ะ" ฉันตอบสั้น ๆ


         "งั้น...สมัครที่นี่ไหมคะ บริษัทนี้กำลังเปิดรับเจ้าหน้าที่คนไทย" 



          หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็เริ่มทำงานเป็นพนักงานชั่วคราวที่โรงเรียนภาษาญี่ปุ่นแห่งนึง มีหน้าที่รับโทรศัพท์ ติดต่อนักเรียน และแปลเอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าของนักเรียนไทยที่ต้องการมาเรียนที่ญี่ปุ่น เอกสารนี้ใช้ยื่นตรงต่อกรมตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น (นิวกัง) นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตการทำงานในญี่ปุ่นของฉัน



          ในที่ทำงาน แผนกเรามีรุ่นพี่่คนนึง ขอเรียกพี่คนนี้ว่า "เซ็มไป" เป็นคนสอนงานให้เรา โดยรุ่นพี่เราดูแลเกี่ยวกับเอกสารของนักเรียนที่ติดต่อทางโรงเรียนโดยใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด 



          อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีโทรศัพท์มาจากนักเรียนชาวเยอรมัน ในวันที่เซ็มไปลาหยุดพอดี ฉันจึงต้องเป็นคนรับสายลูกค้าแทน ตอนนั้นดูเหมือนทั้งแผนกจะเงียบสงัด ราวกับจะรอดูว่า ฉันจะสื่อสารกับคนเยอรมันผ่านโทรศัพท์ได้รึเปล่า ฉันไม่เคยไปอังกฤษ อเมริกา หรือประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เลย ภาษาอังกฤษของฉัน ได้จากการพูดคุยกับคนต่างชาติตลอดเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่นนั่นแหละ 



          ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เค้าบอกว่าเค้าชื่อ นีลส์ ติดต่อมาหลายครั้งแล้ว ฉันเข้าใจสิ่งที่เค้าพูดประมาณ 70% ที่เหลือเดา และเอาเรื่องราวมาประติดประต่อกัน ฉันบอกว่าถ้าวันพรุ่งนี้เซ็มไปมา ฉันจะให้เซ็มไปติดต่อเค้ากลับไปอีกที  และในวันถัดมาเมื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เซ็มไปฟัง เซ็มไปก็อธิบายเคสของนีลส์ให้ฉัน แล้วเคสนี้ก็กลายเป็นเคสแรกของฉัน (ที่ไม่นับรวมเคสคนไทย)



          ถัดจากนั้นอีก 3 เดือน ฉันได้เลื่อนเป็นพนักงานประจำ งานรับผิดชอบด้านเอกสารของเซ็มไปกลายเป็นงานของฉัน ส่วนเซ็มไปก็เลื่อนตำแหน่งไปตัวแทนโรงเรียน ติดต่อกับนายจ้างในการหางานพิเศษให้กับเด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียน



           ตลอดเวลาที่ฉันตกงาน ฉันมัวแต่คิดถึงจุดด้อยของฉัน ฉันไม่เก่งภาษาญี่ปุ่น พูดภาษาญี่ปุ่นแค่พอสื่อสารได้ เขียนอักษรคันจิก็ไม่เป็น ยิ่งคิดแต่จุดอ่อนของตัวเอง ยิ่งไม่มั่นใจ เมื่อไม่มั่นใจก็ไม่ต้องพูดว่าจะผ่านสัมภาษณ์รึเปล่า มันอาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว แต่อยากจะบอกว่า



            ขอให้มั่นใจในตัวเอง หาจุดแข็งของตัวเองให้เจอ และหางานที่นายจ้างเค้าต้องการใช้จุดแข็งของเรา 








Free TextEditor


Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2555 21:15:39 น. 8 comments
Counter : 928 Pageviews.  

 
ชอบที่คุณเขียนมากๆเลยค่ะ ได้ใจมากเพราะตัวเองกำลังหางานอยู่ อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย ใช่เราอย่ามัวมองที่จุดด้อยของตัวเอง


โดย: WM IP: 59.85.75.247 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:04:32 น.  

 
คิดบวกเข้าไว้ แล้วตั้งใจหางานนะคะ


โดย: ปลาทองในกองหนังสือ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:32:01 น.  

 
คุณปลาทอง สู้ๆคะ อย่าท้อแท้คะ
ขอให้ประสบความสำเร็จกับงานที่ทำอยู่นี้นะคะ
ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่อยากทำงานที่ญี่ปุ่นคะ


โดย: orn IP: 118.175.64.120 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:16:39 น.  

 
พ่อเราเคยบอกว่า งานอยู่ที่ดวงกับความสามารถ
แต่ดวงมันมามากกว่าความสามารถ คนที่เก่งอาจจะไม่เจองานที่ดี
หรือเจองานที่ไม่ถูกใจได้

เราคิดว่าเวลาที่ผ่านมาคงเป็นบททดสอบที่รอให้คุณปลาทองในกองหนังสือมาเจอกับงานนี้นะคะ

คุณปลาทองในกองหนังสือ ได้งานที่เหมาะสมและดูน่าสนใจมากค่ะ
อ่านแล้วมีกำลังใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะ
เราเองก็จะพยายามหลังจากเรียนจบเช่นกันค่ะ ถ้าเราได้งานน่าสนใจจะมาบอกคุณปลาทองในกองหนังสือ คนแรกเลยค่ะ

สู้ๆนะคะ


โดย: แม่บ้านมือใหม่ IP: 111.171.250.114 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:20:37:05 น.  

 
สู้ๆค่ะเป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: เก่ง (keng_toshi ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:21:34:59 น.  

 
เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: aoraerja วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:23:28:00 น.  

 
omedetougozaimasu ka


โดย: moo (meitanteiruss ) วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:14:29:52 น.  

 
สวัสดีค่ะ
บังเอิญมาเจอบล๊อกและอ่านบันทึกของคุณปลาทอง
ตอนนี้มาเรียนที่เกียวโต ตอนมาตั้งใจจะเรียนหนึ่งปี
และครึ่งปีหลังจะทำงานพิเศษ แต่พอมาเรียนได้แค่สามเดือนที่ไทยก็ปฏิวัติ
ผลกระทบโดนเข้ากับกิจการของครอบครัวเต็มๆค่ะ
เงินขาดมือจนหนูต้องขอร้องให้พ่อกับแม่เอาเงินที่เก็บไว้เพื่อส่งหนูเรียนที่ญี่ปุ่นไปใช้จ่าย และขอเรียนแค่หกเดือน ไม่งั้นคงได้อดตายกันทั้งบ้าน
ตอนนี้เหลือเวลาอีกเดือนกว่ากำลังจะกลับไทยค่ะแล้วก็ไปหางานทำค่ะ
ซึ่งช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาพยายามหางานทางอินเตอร์เนต
แทบทุกงานรับ N2 ขึ้นไปทั้งนั้น ซึ่งหนูสอบผ่านแค่ N4 แบบเก่า
แบบใหม่ยังไม่กล้าสอบ เพราะมัวกลัวแต่ว่า เราไม่ได้คันจิเลย
ไวยากรณ์ก็ไม่ได้ คำศัพท์ก็ได้พื้นๆ
พูดก็ได้แค่สื่อสาร ฟังก็พอจับใจความได้
จะเอาอะไรไปสมัครงานหรือสอบแข่งกับคนอื่นเค้า
แต่พอมาอ่านบทความนี้ที่คุณปลาทองเขียน
ได้กำลังใจขึ้นมามากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ
กลับไทยไปแล้วจะพยายามต่อไปนะคะ


โดย: NM IP: 157.7.205.214 วันที่: 18 สิงหาคม 2557 เวลา:18:39:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลาทองในกองหนังสือ
Location :
Kawasaki Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เป็นคนทำงานด้านเอกสารวีซ่านักเรียนของชาติต่าง ๆ ที่จะมาเรียนที่ญี่ปุ่น ในนั้นมีนักเรียนไทยประมาณ 10%

นอกจากนี้ยังเป็นล่ามจำเป็นให้นักเรียนเวลามีเรื่องกับตำรวจ หรือกรมตรวจคนเข้าเมือง

ดังนั้นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนที่เขียนในบล็อคจึงมักจะเป็นเรื่องของนักเรียนที่มีปัญหาเสียส่วนมาก ซึ่งเป็นนักเรียนส่วนน้อย ประมาณ 0.5% ของนักเรียนทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าที่ที่เราทำงานอยู่มีแต่เด็กมีปัญหาแต่อย่างใด
[Add ปลาทองในกองหนังสือ's blog to your web]