หลังจากเตะฝุ่นมานาน....
สองปีก่อน ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น เมื่อฉันเตะฝุ่นมาแล้ว 8 เดือน ไร้วี่แวว จะได้งานทำ... ล้มเหลว คือ ความรู้สึกอันมืดมน ตลอดระยะเวลาหลัง ๆ มานี้ นับตั้งแต่ยื่น resume ไปนับร้อย แต่แทบไม่มีใครเรียกสัมภาษณ์มาเลย และการสัมภาษณ์ทั้งหมด 3 ครั้งที่ผ่านมา ฉันตกตลอด สำหรับฉัน มันเป็นเรื่องน่าสลดที่เรียนจบจากที่นี่แท้ ๆ แต่หางานทำไม่ได้ ถึงขนาดต้องใช้วีซ่าติดตามสามีเพื่อที่เราจะได้อยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกันต่อไป การหางานในต่างแดนมันยากตรงที่ นายจ้างจะต้องถูกใจเรามากพอที่จะยื่นเรื่องขอวีซ่าทำงานให้เรา ไม่งั้น ก็หมดสิทธิ์ทำงานประจำ แล้วถ้าเลือกจ้างระหว่างคนญี่ปุ่น กับคนไทย เค้าจะเลือกจ้างใคร ความคิดไม่สร้างสรรค์ข้างบน บวกกับความคิดที่ว่าฉันพูดภาษาญี่ปุ่นสู้คนญี่ปุ่นไม่ได้ (ไม่คิดว่าตัวเอง จะไร้หัวคิดขนาดเปรียบเทียบภาษาญี่ปุ่นของตัวเองกับคนญี่ปุ่นได้) มันจึงทำให้ฉันตกงานอยู่อย่างนี้ไง ในที่สุด ฉันก็พาตัวเองออกจากวงจรอุบาทว์ และก้าวท้าวเข้าไปในศูนย์จัดหางานของรัฐแห่งหนึ่ง "เป็นคนไทยใช่ไหมคะ" เจ้าหน้าที่ถามฉันอย่างสุภาพ "ใช่ค่ะ" ฉันตอบสั้น ๆ "งั้น...สมัครที่นี่ไหมคะ บริษัทนี้กำลังเปิดรับเจ้าหน้าที่คนไทย" หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็เริ่มทำงานเป็นพนักงานชั่วคราวที่โรงเรียนภาษาญี่ปุ่นแห่งนึง มีหน้าที่รับโทรศัพท์ ติดต่อนักเรียน และแปลเอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าของนักเรียนไทยที่ต้องการมาเรียนที่ญี่ปุ่น เอกสารนี้ใช้ยื่นตรงต่อกรมตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น (นิวกัง) นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตการทำงานในญี่ปุ่นของฉัน ในที่ทำงาน แผนกเรามีรุ่นพี่่คนนึง ขอเรียกพี่คนนี้ว่า "เซ็มไป" เป็นคนสอนงานให้เรา โดยรุ่นพี่เราดูแลเกี่ยวกับเอกสารของนักเรียนที่ติดต่อทางโรงเรียนโดยใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีโทรศัพท์มาจากนักเรียนชาวเยอรมัน ในวันที่เซ็มไปลาหยุดพอดี ฉันจึงต้องเป็นคนรับสายลูกค้าแทน ตอนนั้นดูเหมือนทั้งแผนกจะเงียบสงัด ราวกับจะรอดูว่า ฉันจะสื่อสารกับคนเยอรมันผ่านโทรศัพท์ได้รึเปล่า ฉันไม่เคยไปอังกฤษ อเมริกา หรือประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เลย ภาษาอังกฤษของฉัน ได้จากการพูดคุยกับคนต่างชาติตลอดเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่นนั่นแหละ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เค้าบอกว่าเค้าชื่อ นีลส์ ติดต่อมาหลายครั้งแล้ว ฉันเข้าใจสิ่งที่เค้าพูดประมาณ 70% ที่เหลือเดา และเอาเรื่องราวมาประติดประต่อกัน ฉันบอกว่าถ้าวันพรุ่งนี้เซ็มไปมา ฉันจะให้เซ็มไปติดต่อเค้ากลับไปอีกที และในวันถัดมาเมื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เซ็มไปฟัง เซ็มไปก็อธิบายเคสของนีลส์ให้ฉัน แล้วเคสนี้ก็กลายเป็นเคสแรกของฉัน (ที่ไม่นับรวมเคสคนไทย) ถัดจากนั้นอีก 3 เดือน ฉันได้เลื่อนเป็นพนักงานประจำ งานรับผิดชอบด้านเอกสารของเซ็มไปกลายเป็นงานของฉัน ส่วนเซ็มไปก็เลื่อนตำแหน่งไปตัวแทนโรงเรียน ติดต่อกับนายจ้างในการหางานพิเศษให้กับเด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียน ตลอดเวลาที่ฉันตกงาน ฉันมัวแต่คิดถึงจุดด้อยของฉัน ฉันไม่เก่งภาษาญี่ปุ่น พูดภาษาญี่ปุ่นแค่พอสื่อสารได้ เขียนอักษรคันจิก็ไม่เป็น ยิ่งคิดแต่จุดอ่อนของตัวเอง ยิ่งไม่มั่นใจ เมื่อไม่มั่นใจก็ไม่ต้องพูดว่าจะผ่านสัมภาษณ์รึเปล่า มันอาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว แต่อยากจะบอกว่า ขอให้มั่นใจในตัวเอง หาจุดแข็งของตัวเองให้เจอ และหางานที่นายจ้างเค้าต้องการใช้จุดแข็งของเรา
Free TextEditor
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2555 21:15:39 น. |
|
8 comments
|
Counter : 928 Pageviews. |
|
|
|