Home is behind The world ahead
<<
มีนาคม 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
5 มีนาคม 2555

อยู่ที่นี่ตรงนี้...ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ เมื่อได้ยินประกาศสึนามิ

          วันที่ 11 มีนาคม 2011 วันนั้นคุณทำอะไรอยู่.... มันควรจะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ไม่มีใครจะจดจำ เช้าวันนั้นทุกอย่างก็เป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น ตื่นเช้า เบียดเสียดผู้คนนั่งรถไฟไปทำงาน ขณะยืนเบียดบนรถไฟ เราก็คิดว่า



"สบายจัง เย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวก็ได้ เพราะแฟนเราจะไปฟังสัมนาข้างนอกบริษัท" ใครจะรู้ในคืนวันนั้น ทั้งเราทั้งสามีไม่มีใครได้กลับบ้าน



          ถึงที่ทำงาน เราทักทายเด็กนักเรียนหน้าเดิม ๆ ที่เห็นอยู่ทุกวัน เจ้าหนุ่มเยอรมัน ซึ่งเป็นคนรอบคอบมือวางอันดับหนึ่ง มีประกันสุขภาพของญี่ปุ่น แล้วยังพกบัตรประกันสุขภาพของเยอรมันมาอีก  แล้วก็มีสาวฟิลิปปินส์ เป็นเพื่อนสนิทกับเด็กไทย น้อง ๆ สาว ๆ น่ารัก ๆ เหมือนดอกไม้กำลังแรกแย้ม ทำให้โรงเรียนดูสดชื่นไปอีกแบบ นอกจากนั้นยังมีสองคู่หู่ชาวอินเดีย ทำให้ซึ้งคำโบราณว่า ถ้าเจองูกับเจอแขกให้ตีแขกก่อน แหม.. คุณเธอ กะล่อนกันจริง ๆ ยังมีสาว ๆ จากรัสเซีย อิตาลี และ อีกหลายประเทศ  วันนี้ก็คงเป็นเหมือนทุกวัน



         หลังกินข้าวเที่ยงประมาณบ่ายสองโมงกว่า ขณะที่กำลังเคลิ้มอยู่บนโต๊ะทำงาน



"ตึง...ตึง.. "



รถบรรทุกวิ่งชนตึกเรียนรึไง !!  จากนั้นทุกอย่างรอบตัวก็สั่นอย่างรุนแรง ผ่านไปซักพัก ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่านักเรียน ทุกอย่างรอบตัวยังสั่นโดยไม่มีทีถ้าว่าจะหยุด โดยที่ไม่ได้นัดหมาย..ฉัน เพื่อนร่วมงาน และนักเรียนกลุ่มใหญ่ก็วิ่งกรูไปที่ประตูทางออกของอาคารเรียน



จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำเวลาเกิดแผ่นดินไหว ถ้าตึกไม่ถล่ม การอยู่ในตึกปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก ซึ่งกระจก ข้าวของ อาจหล่นมาทับหัวได้  



          ทันทีที่ออกพ้นตัวอาคาร พวกเราก็ค้นพบว่า ตึกทุกตึกรอบตัวเรา กำลังเอนไปมาดุจใบไม้ต้องลม เสาไฟฟ้าเอียงซ้ายทีขวาที ราวกับจะล้มลงมาได้ทุกเมื่อ  ยิ่งกว่านั้น ถนนกับฟุตบาทแยกตัวออกจากกัน และกระแทกเข้าหากันเป็นจังหวะ  



           เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่า พลาดอย่างแรง...ที่ออกมารนหาที่ตายกันอย่างนี้ ทุกคนที่วิ่งออกจากตัวตึก วิ่งไปที่แปลงดอกไม้ ลานโล่งแจ้งห่างจากตัวตึก อันเดียวที่เหลืออยู่ นักเรียนราว 50 คน เข้าไปกระจุกตัวอยู่ในนั้น ทำให้แปลงดอกไม้ดูเล็กไปถนัดตา



            เวลาผ่านไปราวชั่วกัลป์ ทั้งที่มันแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็สงบลง คงเหลือแต่เพียงเสียงร้องไห้ของเหล่านักเรียนที่เสียขวัญ กับแปลงดอกไม้ที่เละไปด้วยรอยเท้าของนักเรียน ดีที่ไม่มีดอกไม้ตั้งแต่แรกเพราะยังไม่พ้นฤดูหนาวดี 



             หลังจากแผ่นดินไหวสงบลง ทุกคนก็พยายามติดต่อญาติ กับคนรู้จักกันใหญ่ โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานของเราคนหนึ่ง ที่พ่อแม่อยู่ที่แถบโทโฮคุ ศูนย์กลางของแผ่นดินไหว แต่โทรยังไงก็โทรไม่ติด ระบบโทรศัพท์ล่มสนิทไปแล้ว ฉันพยายามติดต่อสามี และเพื่อนที่อยู่ที่ญี่ปุ่น แน่นอน...ไม่สามารถติดต่อใครได้



             ผ่านไปอีกสองสามนาที โรงเรียนก็ทำการเรียนการสอนอีกครั้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น !!!



             หลังจากนั่งคุย นั่งปลอบ เด็ก ๆ ที่กำลังเสียขวัญเรื่องแผ่นดินไหว อยู่นาน เราก็เห็นรถตู้วิ่งผ่านหน้าโรงเรียนพร้อมประกาศว่า



"คาดการณ์ว่าเวลา 15:30 น. จะมีสึนามิประมาณ 3 เมตร เข้ามาบริเวณนี้ ขอให้ทุกคนหนีขึ้นที่สูง หรือหลบบนตึกคอนกรีตชั้น 3 ขึ้นไป ขอให้ทุกคนหนีขึ้นที่สูงโดยเร็ว ขอให้ทุกคนหนีขึ้นที่สูงโดยเร็ว "



             ฉันรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรายงานให้ ผ.อ. ทราบ ตอนนี้เวลา 15:25 จะหนีไปที่โรงเรียนประถมก็ไม่ทันแล้ว (ศูนย์อพยพจะอยู่ที่โรงเรียนประถมในชุมชนเสมอ) ผ.อ. จึงให้เราเดินไปบอกอาจารย์ทีละห้องเรียนทุกห้องเรียน ให้ย้ายนักเรียนขึ้นไปอยู่บนชั้นสามของอาคารเรียน



             ทันทีที่ขึ้นไปชั้นสองของอาคาร ผ่านห้องคอมม่อนรูม มีโทรศัพท์เปิดทิ้งไว้ พร้อมกับภาพสึนามิในแถบโทโฮคุกำลังพัดกวาดรถ ราวกับเป็นรถของเล่น ฉันรีบตรงไปที่ห้องเรียนแจ้งให้ทุกคนหนีขึ้นชั้นสาม



             เมื่อนักเรียนขึ้นไปชั้นสามหมดแล้ว ฉันวิ่งมาที่ออฟฟิศชั้นล่าง เพื่อนร่วมงานคนจีนกำลังจะออกไปรับลูกชายที่เรียนอนุบาลอยู่ที่โรงเรียนห่างไปประมาณ 10 นาที เหล่าอาจารย์พยายามเกลี่ยกล่อมไม่ให้ออกไป อาจารย์คนญี่ปุ่นคนนึงก็มีลูกสาวอยู่โรงเรียนอนุบาลเดียวกันพูดว่า



             "พวกเราเป็นคนของโรงเรียน การดูแลนักเรียนให้ปลอดภัยเป็นหน้าที่ของเรา ลูกของเธอที่อยู่ที่โรงเรียน เค้าก็ได้รับการดูแลให้ปลอดภัยโดยคุณครูแล้วเหมือนกัน การออกไปรับลูกตอนนี้ นอกจากเป็นการละทิ้งหน้าที่ของตัวที่นี่ ยังเป็นอันตรายกับตัวเองด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรเลย"



               ถึงกระนั้น เธอก็ยังออกไปรับลูก ใจของแม่ที่จะขาดรอน ๆ เพราะเป็นห่วงลูก ฉันเข้าใจดี  ใจของแม่อีกคนที่คงจะขาดรอน ๆ อยู่เช่นกัน แต่ก็ยังคงทำงานต่อไป  เป็นครั้งแรกตลอด 7 ปี ที่ฉันอยู่ที่นี่ เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ฉันได้เห็นว่า หัวใจของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างไร



                รู้หน้าที่ มีวินัย นี่คือจิตวิญญาณของคนที่นี่  ถ้าเราทำหน้าที่ของเราให้ดี ทุกคนจะรอด พวกเค้าเชื่อใจกันถึงที่สุด เชื่อว่าท้ายที่สุดจะไม่มีใครทิ้งหน้าที่แล้วเอาตัวรอด พวกเค้าจะยืนยัดเคียงข้างกันถึงวินาทีสุดท้าย



                 โชคดีบริเวณที่โรงเรียนตั้งไม่มีสึนามิเข้ามา แต่รถไฟทั่วทั้งโตเกียว และจังหวัดรอบ ๆ หยุดวิ่งตลอดทั้งคืน ฉันกับนักเรียนอีก 2-3 คนที่ไม่มีผู้ปกครองมารับ ก็ไปพักค้างคืนที่หอพักของโรงเรียนชั่วคราว คืนนั้นทั้งคืน พวกเราดูโทรทัศน์ มีประกาศเตือนภัยสึนามิติดต่อกันเกือบทั้งคืน กลางดึกวันนั้น มีแผ่นดินไหวทางฝั่งตะวันตก แถบนีกาตะอีก ขอสวดภาวนาให้ผู้ประสบภัยทั้งหลายเข้าสู่นิทรารมย์อันสุขสงบ พรุ่งนี้พวกเรายังมีอะไรที่ต้องเจออีกมากมาย พรุ่งนี้พวกเรากำลังจะได้ยินข่าวร้ายข่าวใหม่  ฟุคุชิม่า....











Free TextEditor


Create Date : 05 มีนาคม 2555
Last Update : 5 มีนาคม 2555 21:08:37 น. 7 comments
Counter : 597 Pageviews.  

 
โห..น่าตื่นเต้นจังนะคะถ้าเกิดอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ หลายๆคนอาจจะตั้งสติหรือควบคุมสติไม่ได้ เพราะเมืองไทยไม่ได้เจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวบ่อยๆ แต่คนญีปุ่นเค้าเจอบ่อยกว่าเรา และมีวินัยในหน้าที่จังเลยค่ะ เยี่ยมยอดไปเลย และขอเอาใจช่วยให้คุณปลาทองในกองหนังสือจงปลอดภัยมีกำลังใจต่อสู้ในสถานการณ์เช่นนี้ และภาวนาขอให้ผู้ประสบภัยจงรอดพ้นด้วยเถอะค่ะ


โดย: bulldoggirl IP: 101.108.118.190 วันที่: 5 มีนาคม 2555 เวลา:22:16:05 น.  

 
ผ่านไปเกือบ 1 ปีแล้ว เร็วมากเลยนะคะ ปีที่แล้วตั้งใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่น วางแผน ทุกอย่าง รอแค่ จองโรงแรมและตั๋วเครื่องบิน เดือนมีนา ก็มาเกิดซึนามิเสียก่อน เลยต้องล้มเลิกโครงการไป เสียดายมาก
หวังว่าตอนนี้ทุกอย่างที่ญี่ปุ่นคงเข้าที่ เข้าทางบ้างแล้ว เป็นกำลังใจให้ชาวญี่ปุ่นทุกคนนะคะ


โดย: simplyusana วันที่: 5 มีนาคม 2555 เวลา:23:33:59 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวค่ะ


โดย: มารน้อยไร้สังกัด วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:4:34:20 น.  

 
เวลาผ่านไปเร็วมากค่ะ แว้บเดียวเกือบปีแล้ว
จำได้ว่าเราอยู่ในพิธีจบการศึกษา (รร.อยู่มินาโตะ-คุ)
วันนั้นตอนแรกเราอยากกลับบ้านครึ่งวันมากๆ แบบไม่มีเหตุผล
แบบเข้าร่วมพิธิตอนเช้าแล้วบ่ายแว้บ
ตอนนั้นเราอยู่กับสามีเราได้ราวๆสามเดือนแล้ว
กำลังอยู่ช่วงติดสามีมาก-มากที่สุดเลยค่ะ
แต่เพราะสามีเราไปดูงานต่างจังหวัดทำให้เราคิดว่าอยากกลับก็ไม่น่ากลับ กลับไปก็ไม่มีคนอยู่ เลยคิดว่าอยู่ที่โรงเรียนต่อก็ละกัน
เลือกผิดมากๆค่ะ เพราะพอเกิดเรื่องแผ่นดินไหวอยากกลับบ้านก็กลายเป็นไม่ได้กลับแทน TT TT)

เราถือว่าโชคดีที่ได้รู้จักเพื่อนคนไทยที่เขามีหอพักอยู่ที่ใกล้ๆรร.โดยบังเอิญแล้วเขาไม่ว่าที่เราไปขอเขาอาศัยอยู่ด้วย
เลยได้ทั้งอาบน้ำ-นอน-มีอาหารกิน แต่ใจไม่สงบเลยค่ะห่วงสามีมากๆ

ตอนนั้นทางรร.เราทำไม่ค่อยดีเท่าไหรเพราะเขาไล่นร.กลับเลย
คือเราผิดหวังกับทางรร.นิดหน่อยแต่ก็เข้าใจว่าเขาคงไม่มีหน้าที่ดูแลนร.หลังเลิกละมั้งเลยพยายามช่วยตัวเองกัน
มารู้ทีหลังว่าเขาอยากให้คนที่กลับบ้านได้ช่วยเหลือตัวเองได้พยายามก่อนคิดพึ่งคนอื่นเพราะทางรร.จะให้ความช่วยเหลือคนที่ไม่มีที่พึ่งจริงๆก่อน แล้วมีนร.บางกลุ่มที่ไปไหนไม่ได้พวกเขาก็จะเป็นแนวขบวนเดินรวมกับทางครูไปที่หอพักของรร.แล้วค้างชั่วคราวน่ะค่ะ

สวัสดีค่ะ ไม่ได้เล่นเน็ตซะนานเลยมัวแต่ยุ่งๆเรื่องที่บ้าน
พอมาเล่นเจอคุณปลาทองฯอัพเดทบล็อคพอดีเลย ^^)
คุณปลาทองฯเองก็ท่าทางว่าจะงานยุ่งน่าดูนะคะ
ช่วงนี้เด็กนร.แลกเปลี่ยนเตรียมเข้าเรียนที่ญี่ปุ่นน่าจะเยอะเนอะ
(นึกถึงสมัยเราเข้าเรียนระยะยาวก็ช่วงนี้ที่จ่ายเงินติดต่อเรื่องหอเลย)

สุ้ๆนะคะ


โดย: แม่บ้านมือใหม่ IP: 111.171.251.17 วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:7:18:29 น.  

 
ขอใช้พื้นที่นิดหน่อยนะคะ คุณปลาทองในกองหนังสือ

ปล.เราเพิ่งไปเห็นที่คุณมารน้อยไร้สังกัดเขียนไว้ขอโทษจริงๆนะคะที่เราเพิ่งมาติดต่อหา ช่วงก่อนหน้านี้ยุ่งมากจริงๆค่ะ
คือเราไม่มีล็อคอินเลยส่งหาหลังไมค์ไม่ได้
ที่บล็อคคุณมารน้ยไร้สังกัดก็คอมเม้นท์ไม่ได้
ถ้ายังไงเราลงเมลล์ไว้ตรงนี้ when_i_fall_in_love@hotmail.co.jp

ถ้าคุณมารน้อยไร้สังกัดไม่ว่าอะไรไว้ติดต่อกันทางเมลล์นะคะ
ยินดีที่ได้รู้จักคุณมารน้อยไร้สังกัดค่ะ


โดย: แม่บ้านมือใหม่ IP: 111.171.251.17 วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:7:28:39 น.  

 
ร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์วันนั้นด้วยคนค่ะ


โดย: fahtsuki วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:18:37:18 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณbulldoggirl คุณsimplyusana คุณมารน้อยไร้สังกัด คุณแม่บ้านมือใหม่ และคุณfahtsuki

คุณbulldoggirl ตอนนั้นตื่นเต้น ตื่นตระหนก ทำอะไรไม่ค่อยจะถูกเลย อย่างที่เล่าไปแล้ว การวิ่งออกมานอกอาคาร นี่คือ พลาดเห็น ๆ ค่ะ

คุณมารน้อยไร้สังกัด ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ไว้จะแวะไปดูวิธีทำขนมปังที่บล็อค แล้วเอาไปลองทำดูนะคะ

คุณsimplyusana น่าจะมาญี่ปุ่นปีที่แล้วนะคะ ซักประมาณเดือนตุลาคม ทุกอย่างเป็นปกติแล้ว แถมทัวร์ถูกมากกกกก ไม่รู้ตอนนี้กลับไปแพงเหมือนเดิมแล้วรึยัง

คุณ fahtsuki วันนั้นเจอแผ่นดินไหวตอนทำอะไรอยู่คะ ตื่นเต้นไหม

คุณแม่บ้านมือใหม่ พูดถึงพิธีจบการศึกษา วันนั้นมีหลังคาถล่มในอาคารแถบ Kudanshita ในโตเกียว ในขณะที่กำลังมีพิธีจบการศึกษา มีคนเสียชีวิต 2-3 คน โรงเรียนเราเพิ่งผ่านพิธีจบการศึกษาไปเมื่อวาน พอวันรุ่งขึ้นก็เจอแผ่นดินไหว

จริง ๆ ทางโรงเรียนเราก็ให้นักเรียนกลับบ้านเลยนะคะ แต่ใครที่กลับไม่ได้ก็รอผู้ปกครองอยู่ที่โรงเรียน ใครไม่มีคนมารับ ก็ไปค้างที่หอพักค่ะ พอดีบ้านเราอยู่คาวาซากิ ไกลจากโรงเรียนเป็นชั่วโมง สามีก็ไปสัมนา ติดต่อไม่ได้ อยู่โรงเรียนดีกว่ากลับบ้านเห็น ๆ ค่ะ กลับไปก็อยู่คนเดียว อยู่ที่นี่มีนักเรียนเป็นเพื่อนอีกเพียบ



โดย: ปลาทองในกองหนังสือ วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:19:32:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลาทองในกองหนังสือ
Location :
Kawasaki Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เป็นคนทำงานด้านเอกสารวีซ่านักเรียนของชาติต่าง ๆ ที่จะมาเรียนที่ญี่ปุ่น ในนั้นมีนักเรียนไทยประมาณ 10%

นอกจากนี้ยังเป็นล่ามจำเป็นให้นักเรียนเวลามีเรื่องกับตำรวจ หรือกรมตรวจคนเข้าเมือง

ดังนั้นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนที่เขียนในบล็อคจึงมักจะเป็นเรื่องของนักเรียนที่มีปัญหาเสียส่วนมาก ซึ่งเป็นนักเรียนส่วนน้อย ประมาณ 0.5% ของนักเรียนทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าที่ที่เราทำงานอยู่มีแต่เด็กมีปัญหาแต่อย่างใด
[Add ปลาทองในกองหนังสือ's blog to your web]