อยู่ที่นี่ตรงนี้...ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ เมื่อได้ยินประกาศสึนามิ
วันที่ 11 มีนาคม 2011 วันนั้นคุณทำอะไรอยู่.... มันควรจะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ไม่มีใครจะจดจำ เช้าวันนั้นทุกอย่างก็เป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น ตื่นเช้า เบียดเสียดผู้คนนั่งรถไฟไปทำงาน ขณะยืนเบียดบนรถไฟ เราก็คิดว่า "สบายจัง เย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวก็ได้ เพราะแฟนเราจะไปฟังสัมนาข้างนอกบริษัท" ใครจะรู้ในคืนวันนั้น ทั้งเราทั้งสามีไม่มีใครได้กลับบ้าน ถึงที่ทำงาน เราทักทายเด็กนักเรียนหน้าเดิม ๆ ที่เห็นอยู่ทุกวัน เจ้าหนุ่มเยอรมัน ซึ่งเป็นคนรอบคอบมือวางอันดับหนึ่ง มีประกันสุขภาพของญี่ปุ่น แล้วยังพกบัตรประกันสุขภาพของเยอรมันมาอีก แล้วก็มีสาวฟิลิปปินส์ เป็นเพื่อนสนิทกับเด็กไทย น้อง ๆ สาว ๆ น่ารัก ๆ เหมือนดอกไม้กำลังแรกแย้ม ทำให้โรงเรียนดูสดชื่นไปอีกแบบ นอกจากนั้นยังมีสองคู่หู่ชาวอินเดีย ทำให้ซึ้งคำโบราณว่า ถ้าเจองูกับเจอแขกให้ตีแขกก่อน แหม.. คุณเธอ กะล่อนกันจริง ๆ ยังมีสาว ๆ จากรัสเซีย อิตาลี และ อีกหลายประเทศ วันนี้ก็คงเป็นเหมือนทุกวัน หลังกินข้าวเที่ยงประมาณบ่ายสองโมงกว่า ขณะที่กำลังเคลิ้มอยู่บนโต๊ะทำงาน "ตึง...ตึง.. " รถบรรทุกวิ่งชนตึกเรียนรึไง !! จากนั้นทุกอย่างรอบตัวก็สั่นอย่างรุนแรง ผ่านไปซักพัก ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่านักเรียน ทุกอย่างรอบตัวยังสั่นโดยไม่มีทีถ้าว่าจะหยุด โดยที่ไม่ได้นัดหมาย..ฉัน เพื่อนร่วมงาน และนักเรียนกลุ่มใหญ่ก็วิ่งกรูไปที่ประตูทางออกของอาคารเรียน จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำเวลาเกิดแผ่นดินไหว ถ้าตึกไม่ถล่ม การอยู่ในตึกปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก ซึ่งกระจก ข้าวของ อาจหล่นมาทับหัวได้ ทันทีที่ออกพ้นตัวอาคาร พวกเราก็ค้นพบว่า ตึกทุกตึกรอบตัวเรา กำลังเอนไปมาดุจใบไม้ต้องลม เสาไฟฟ้าเอียงซ้ายทีขวาที ราวกับจะล้มลงมาได้ทุกเมื่อ ยิ่งกว่านั้น ถนนกับฟุตบาทแยกตัวออกจากกัน และกระแทกเข้าหากันเป็นจังหวะ เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่า พลาดอย่างแรง...ที่ออกมารนหาที่ตายกันอย่างนี้ ทุกคนที่วิ่งออกจากตัวตึก วิ่งไปที่แปลงดอกไม้ ลานโล่งแจ้งห่างจากตัวตึก อันเดียวที่เหลืออยู่ นักเรียนราว 50 คน เข้าไปกระจุกตัวอยู่ในนั้น ทำให้แปลงดอกไม้ดูเล็กไปถนัดตา เวลาผ่านไปราวชั่วกัลป์ ทั้งที่มันแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็สงบลง คงเหลือแต่เพียงเสียงร้องไห้ของเหล่านักเรียนที่เสียขวัญ กับแปลงดอกไม้ที่เละไปด้วยรอยเท้าของนักเรียน ดีที่ไม่มีดอกไม้ตั้งแต่แรกเพราะยังไม่พ้นฤดูหนาวดี หลังจากแผ่นดินไหวสงบลง ทุกคนก็พยายามติดต่อญาติ กับคนรู้จักกันใหญ่ โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานของเราคนหนึ่ง ที่พ่อแม่อยู่ที่แถบโทโฮคุ ศูนย์กลางของแผ่นดินไหว แต่โทรยังไงก็โทรไม่ติด ระบบโทรศัพท์ล่มสนิทไปแล้ว ฉันพยายามติดต่อสามี และเพื่อนที่อยู่ที่ญี่ปุ่น แน่นอน...ไม่สามารถติดต่อใครได้ ผ่านไปอีกสองสามนาที โรงเรียนก็ทำการเรียนการสอนอีกครั้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น !!! หลังจากนั่งคุย นั่งปลอบ เด็ก ๆ ที่กำลังเสียขวัญเรื่องแผ่นดินไหว อยู่นาน เราก็เห็นรถตู้วิ่งผ่านหน้าโรงเรียนพร้อมประกาศว่า "คาดการณ์ว่าเวลา 15:30 น. จะมีสึนามิประมาณ 3 เมตร เข้ามาบริเวณนี้ ขอให้ทุกคนหนีขึ้นที่สูง หรือหลบบนตึกคอนกรีตชั้น 3 ขึ้นไป ขอให้ทุกคนหนีขึ้นที่สูงโดยเร็ว ขอให้ทุกคนหนีขึ้นที่สูงโดยเร็ว " ฉันรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรายงานให้ ผ.อ. ทราบ ตอนนี้เวลา 15:25 จะหนีไปที่โรงเรียนประถมก็ไม่ทันแล้ว (ศูนย์อพยพจะอยู่ที่โรงเรียนประถมในชุมชนเสมอ) ผ.อ. จึงให้เราเดินไปบอกอาจารย์ทีละห้องเรียนทุกห้องเรียน ให้ย้ายนักเรียนขึ้นไปอยู่บนชั้นสามของอาคารเรียน ทันทีที่ขึ้นไปชั้นสองของอาคาร ผ่านห้องคอมม่อนรูม มีโทรศัพท์เปิดทิ้งไว้ พร้อมกับภาพสึนามิในแถบโทโฮคุกำลังพัดกวาดรถ ราวกับเป็นรถของเล่น ฉันรีบตรงไปที่ห้องเรียนแจ้งให้ทุกคนหนีขึ้นชั้นสาม เมื่อนักเรียนขึ้นไปชั้นสามหมดแล้ว ฉันวิ่งมาที่ออฟฟิศชั้นล่าง เพื่อนร่วมงานคนจีนกำลังจะออกไปรับลูกชายที่เรียนอนุบาลอยู่ที่โรงเรียนห่างไปประมาณ 10 นาที เหล่าอาจารย์พยายามเกลี่ยกล่อมไม่ให้ออกไป อาจารย์คนญี่ปุ่นคนนึงก็มีลูกสาวอยู่โรงเรียนอนุบาลเดียวกันพูดว่า "พวกเราเป็นคนของโรงเรียน การดูแลนักเรียนให้ปลอดภัยเป็นหน้าที่ของเรา ลูกของเธอที่อยู่ที่โรงเรียน เค้าก็ได้รับการดูแลให้ปลอดภัยโดยคุณครูแล้วเหมือนกัน การออกไปรับลูกตอนนี้ นอกจากเป็นการละทิ้งหน้าที่ของตัวที่นี่ ยังเป็นอันตรายกับตัวเองด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรเลย" ถึงกระนั้น เธอก็ยังออกไปรับลูก ใจของแม่ที่จะขาดรอน ๆ เพราะเป็นห่วงลูก ฉันเข้าใจดี ใจของแม่อีกคนที่คงจะขาดรอน ๆ อยู่เช่นกัน แต่ก็ยังคงทำงานต่อไป เป็นครั้งแรกตลอด 7 ปี ที่ฉันอยู่ที่นี่ เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ฉันได้เห็นว่า หัวใจของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างไร รู้หน้าที่ มีวินัย นี่คือจิตวิญญาณของคนที่นี่ ถ้าเราทำหน้าที่ของเราให้ดี ทุกคนจะรอด พวกเค้าเชื่อใจกันถึงที่สุด เชื่อว่าท้ายที่สุดจะไม่มีใครทิ้งหน้าที่แล้วเอาตัวรอด พวกเค้าจะยืนยัดเคียงข้างกันถึงวินาทีสุดท้าย โชคดีบริเวณที่โรงเรียนตั้งไม่มีสึนามิเข้ามา แต่รถไฟทั่วทั้งโตเกียว และจังหวัดรอบ ๆ หยุดวิ่งตลอดทั้งคืน ฉันกับนักเรียนอีก 2-3 คนที่ไม่มีผู้ปกครองมารับ ก็ไปพักค้างคืนที่หอพักของโรงเรียนชั่วคราว คืนนั้นทั้งคืน พวกเราดูโทรทัศน์ มีประกาศเตือนภัยสึนามิติดต่อกันเกือบทั้งคืน กลางดึกวันนั้น มีแผ่นดินไหวทางฝั่งตะวันตก แถบนีกาตะอีก ขอสวดภาวนาให้ผู้ประสบภัยทั้งหลายเข้าสู่นิทรารมย์อันสุขสงบ พรุ่งนี้พวกเรายังมีอะไรที่ต้องเจออีกมากมาย พรุ่งนี้พวกเรากำลังจะได้ยินข่าวร้ายข่าวใหม่ ฟุคุชิม่า....
Free TextEditor
Create Date : 05 มีนาคม 2555 |
Last Update : 5 มีนาคม 2555 21:08:37 น. |
|
7 comments
|
Counter : 597 Pageviews. |
|
|
|