รักไม่รู้จบ รบไม่รู้จัก
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
25 พฤษภาคม 2550

การทำดีท็อกซ์

ทำไมต้องทำดีท็อกซ์ ?
คุณรู้ไหม การกินอาหารผิดๆ อากาศเป็นพิษที่เราหายใจเข้าไป เชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ตลอดจนความเครียด รวมทั้งปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายของเราซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา ล้วนแต่ทำให้เกิด ท็อกซิน (TOXIN) ขึ้นในตัวเราทั้งนั้น
ท็อกซิน (Toxin) คือ พิษ
เมื่อท็อกซินสะสมอยู่ในตัวเรามากๆเข้า ก็จะทำลายระบบภูมิชีวิต จนอาจทำให้เราเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆขึ้นได้

อาการต่างๆ เช่น ลิ้นเป็นฝ้า ตาขุ่น ปากแห้ง จมูกแห้ง ตัวร้อน หน้าตาไม่สดใส ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว คอ หลัง ไหล่ นอนไม่หลับ ฯลฯ คือสัญญาณที่บอกว่า คุณกำลังมีท็อกซินสะสมอยู่มาก
ถึงคราวต้องกำจัดท็อกซินเหล่านี้ออกเสียก่อนที่มันจะทำลายสุขภาพของคุณมากไปกว่านี้ วิธีกำจัดท็อกซินเรียกว่า ดีท็อกซิฟิเคชั่น (DETOXIFICATION) หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “ดีท็อกซ์“

คุณอาจเคยได้ยินว่า “ดีท็อกซ์ คือ การสวนทวาร“
ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ
แท้จริงวิธีที่จะดีท็อกซ์หรือกำจัดท็อกซินออกจากร่างกาย มีอยู่ด้วยกัน 5 วิธี
1. การสวนทวาร
2. การอบไอน้ำ อบซาวน่า
3. การออกกำลัง กายบริหาร และการนวด
4. การใช้ยา - สมุนไพร และเอนไซม์
5. การถ่ายเลือด (วิธีนี้ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น)

ถ้าคิดจะกำจัดท็อกซินออกจากร่างกาย ควรทำหลายๆวิธีรวมกันค่ะถึงจะสามารถกำจัดพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญเมื่อขับท็อกซินออกไปแล้ว ต้องพยายามควบคุมท็อกซินที่จะเกิดขึ้นใหม่ให้น้อยที่สุด ด้วยการกินอาหารที่ดี (ตามสูตรชีวจิต) และไม่สะสมความเครียดค่ะสวนทวารล้างพิษคืออะไร
การสวนทวาร หรือที่มักเรียกติดปากแบบย่อๆว่า "ดีท็อกซ์" เป็นวิธีกำจัดท็อกซินออกจากร่างกายวิธีหนึ่ง โดยเฉพาะท็อกซินที่คั่งค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ ไม่ใช่ทำเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของโรค หรือเพื่อแก้อาการท้องผูก แต่อย่างใด การถ่ายอุจจาระออกมาด้วยถือว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้นค่ะ
บางคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า ฉันถ่ายอุจจาระทุกวันโดยไม่ท้องผูก คงไม่มีท็อกซิน และไม่จำเป็นต้องทำดีท็อกซ์ ความจริงแล้วในลำไส้ของเราจะมีลักษณะเป็นขดซ้อนทับเป็นซอกหลืบ ลักษณะอย่างนี้เองทำให้เกิดการสะสมของของเสียในลำไส้ใหญ่ แม้ถ่ายอุจจาระทุกวันก็ไม่สามารถกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้หมด แต่การสวนล้างทวารช่วยได้ค่ะ

การทำดีท็อกซ์ต้องใช้น้ำสำหรับสวนเข้าทางทวารหนัก น้ำสำหรับดีท็อกซ์มีหลายสูตร คือ
1. สูตรน้ำกาแฟ ของนายแพทย์แมกซ์ เกอร์สัน
ใช้กาแฟผงบริสุทธิ์ (ชนิดไม่ปรุงแต่ง) 2 ช้อนโต๊ะ ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด แล้วกรองเอาผงออกทิ้งให้น้ำอุ่น แล้วจึงนำมาสวนท้อง กาแฟไม่ควรใช้กาแฟสำเร็จรูป เพราะจะมีส่วนผสมของเนยมากเกินไป สามารถหาซื้อกา แฟได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ เช่น ฟู้ดแลนด์ ฟูจิ, ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต อาจใช้ยี่ห้อตุงฮู อโรมา ซูซูกิ (ชนิดพรีเดียม) หรือตามร้านขายอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วๆ ไป
2. สูตรน้ำส้มมะขาม (มะขามเปียก)
ใช้ส้มมะขาม 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ
3. สูตรน้ำมะนาว
ใช้มะนาว 3-4 ลูกคั้นน้ำ ผสมน้ำอุ่น 1 ลิตร
4. สูตรน้ำอุ่นเปล่าๆ
ใช้น้ำอุ่นประมาณ 1.5 ลิตร

สูตรน้ำดีท็อกซ์ที่นิยมกันมากที่สุดคือ สูตรน้ำกาแฟ เพราะในกาแฟมี "คาเฟอีน" ที่ช่วยในการกระตุ้นให้ท็อกซินถูกขับมาตามเครือข่ายเส้นเลือดดำ ซึ่งเชื่อมโยงต่อเนื่องตั้งแต่ตับ กระเพาะ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ม้าม ลำไส้เล็ก จนถึงลำไส้ใหญ่

หมายเหตุ : ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต โรคปอด โรคลมบ้าหมู (ลมชัก) ตกเลือด และ ท้องเสียอย่างรุนแรง ไม่ควรอบสมุนไพร (ซาวน่า) ล้างพิษ

วิธีสวนทวารล้างพิษ
1. นำน้ำกาแฟ ที่อุ่นพอดีกับอุณหภูมิร่างกายของเรา (หรือน้ำดีท็อกซ์สูตรอื่นๆ) ใส่ถุง หรือหม้อสำหรับสวน โดยปิดวาวส์ที่ปลายท่อก่อนใส่น้ำกาแฟ
2. แขวนถุงดีท็อกซ์ไว้ด้านปลายเท้าให้สูงจากพื้นประมาณ 120 ซม. (ถ้าแขวนสูงเกินไปความดันน้ำจะมากทำให้น้ำไหลเร็ว อาจกลั้นไม่อยู่ ถ้าแขวนต่ำเกินไปน้ำจะไหลช้า)
3. เปิดวาวส์เพื่อไล่อากาศออกจากสายยาง โดยให้น้ำกาแฟไหลผ่านท่อเล็กน้อย แล้วปิดวาวส์ หลังจากนั้นให้ทาวาสลีนที่ปลายท่อประมาณ 2 นิ้ว
4. นอนตะแคงขวา (สะโพกด้านขวาลงพื้น) เหยียดขาขวาตรง ขาซ้ายก่ายบนขาขวาเหมือนท่ากอดหมอนข้าง
5. สอดปลายท่อที่ทาวาสลีน (หรือน้ำสบู่เหลว) เรียบร้อยแล้วเข้าทางทวารหนัก ลึกประมาณ 2 นิ้ว เปิดวาวส์ให้น้ำกาแฟเข้าจนหมด แล้วดึงท่อออกจากทวารหนัก
6. ให้นอนหงาย เหยียดขาตรง ใช้มือนวดท้องวนจากขวาไปซ้าย (เหนือบริเวณสะดือใต้ชายโครง) อั้นให้ได้นานประมาณ 5-10 นาที แล้วลุกขึ้นถ่าย ขณะถ่ายไม่ต้องเบ่ง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำดีท็อกซ์


**หลังทำดีท็อกซ์ด้วยการสวนทวาร คุณจะรู้สึกโล่งโปร่งเบาสบายตัว แต่หากคุณมีอาการในทางตรงข้าม แสดงว่าร่างกายอาจไม่เหมาะกับการดีท็อกซ์วิธีนี้ ควรหยุดทำค่ะ
สำหรับคุณๆที่ประสบความสำเร็จอย่างดีในการทำดีท็อกซ์ ขอแนะนำให้ทำต่อเนื่องสัก 3 หรือ 5 วัน (วันละครั้ง) เพื่อล้างพิษออกให้หมด หลังจากนั้นอาจทำเมื่อมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นไข้ ปวดเมื่อยตามตัวตามข้อ ลิ้นเป็นฝ้า ก็สามารถสวนทวารล้างพิษได้อีก
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรทำดีท็อกซ์บ่อยเกินไป ประเภทว่าทำทุกวัน หรือทุกสัปดาห์ เพราะจะทำให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ใหญ่ของเราพลอยถูกทำลายด้วย แถมยังอาจมีผลให้ระบบขับถ่ายผิดปกติไป

**เวลาที่เหมาะสมในการทำดีท็อกซ์คือ ตอนเช้าหลังจากเข้าห้องน้ำถ่ายเรียบร้อยแล้ว ก่อน อาหารเช้า จะทำให้กลั้นได้ดีและล้างลำไส้ได้สะอาด สบายตัว หากไม่สะดวกอาจทำช่วงสายหรือบ่ายหลังจากกินอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง ไม่แนะนำให้ทำก่อนนอน เพราะจะทำให้ตื่นขึ้นมาหิวเวลากลางคืน และทำให้นอนไม่หลับ


ข้อควรระวัง :
1. ก่อนจะสวนทวารต้องปล่อยน้ำออกจากสายยางเพื่อไล่ลมก่อน มิเช่นนั้นจะเกิดลมในช่องท้อง ทำให้อึดอัด และในกรณีคนที่ไม่กินกาแฟ อาจเกิดอาการคลื่นไส้ เวียนหัวได้
2. คนที่ผ่าตัดไส้ติ่ง ให้ใช้น้ำสวนท้องแค่ 800-1,000 ซี.ซี.
3. คนที่ผ่าตัดลำไส้ใหญ่ จะมากหรือน้อย โดยเฉพาะผู้ตัดลำไส้ใหญ่และทำรูถ่ายหน้าท้อง ไม่แนะนำให้ทำดีท็อกซ์
4. คนที่เป็นริดสีดวงทวาร ต้องใช้เจลทาที่ทวารหนักและปลายสายยางให้มากกว่าปกติ และ หากมีบาดแผลที่ทวารหนักไม่ควรทำดีท็อกซ์




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2550
3 comments
Last Update : 25 พฤษภาคม 2550 10:58:43 น.
Counter : 1820 Pageviews.

 

ขอบคุณมากค่ะ

อ่านแล้วมีประโยชน์มากๆ

อยากทำจริงๆ

 

โดย: fonejank 25 พฤษภาคม 2550 11:48:19 น.  

 

พอจะนึกภาพออกแระ

:)

 

โดย: TonMai2K 26 พฤษภาคม 2550 5:43:10 น.  

 

ตามมาจาก..รสก..ดีมีความรู้เพิ่มขึ้น....

 

โดย: เขยอัมพวา. (เขยอัมพวา. ) 9 กรกฎาคม 2550 19:03:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Logetus
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Free Hit Counter
[Add Logetus's blog to your web]