1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28
Dreamgirls: And I'm telling you I'm not going (Holliday VS Hudson)
ถ้าพูดถึงเสียงร้องเพลงของนางเอกสมทบยอดเยี่ยมรางวัลลูกโลกทองคำประจำปีนี้แล้ว...ประเด็นหลัก ๆ เลยก็คือมีการเปรียบเทียบกันอย่างค่อนข้างชัดเจนระหว่างเสียงร้องของนักแสดงผิวดำ (Jennifer Hudson) และนักแสดงผิวดำกว่า (Jennifer Holliday) กันอย่างเมามัน จนเพื่อนผมบางคนถึงกับจะเอาทุเรียนปาใส่หน้ากัน เพราะว่าเถียงกันจนคอเป็นเอ็น ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ดูเหมือนว่าจะกินกันไม่ลงจริง ๆ สำหรับนักแสดงทั้งสองคนนี้ที่จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับเป็นมวยกันคนละรุ่นเพราะอายุอานามของป้า Holliday ก็ไม่น้อยละ... ในขณะที่ตัวของ Hudson ยังเปรียบได้ว่าเป็นแค่เบบี๋ของวงการ (แต่ความสามารถไม่ไช่เด็ก ๆ เลย) แต่พอได้ฟังเพลง And I am telling you I'm not going ในคนละเวอร์ชั่นแล้ว ผมก็พบความแตกต่างในด้านเทคนิคและประสบการณ์ของนักร้องสองคนนี้...ก่อนอื่นต้องพูดในเรื่องเพลงก่อน ในความเห็นส่วนตัวจริง ๆ แล้ว ถ้าจะพูดถึงจุดเด่นของเพลงนี้ ก็ขอบอกได้เลยว่าเป็นเพลงที่เน้นเทคนิคของเสียงร้องเยอะทีเดียว เพราะว่าเป็นเพลงที่ "เปิดโอกาส" ให้นักร้อง (ไม่ว่าใครก็ตาม) สามารถแสดงศักยภาพของเสียงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นตรงท่อนฮุคของเพลง หรือตรงคำร้องที่เน้นว่า "No...No...No...Way" ที่ต้องใช้การสอดแทรกของอารมณ์เคล้าไปกับเสียงดนตรีที่แน่นแต่พลิ้วไหวอิสระตลอดเพลง ดังนั้นก็ไม่น่าจะแปลกใจเลยที่สามารถเรียกความสนใจของผู้ฟังและผู้ชมได้มากมายเพียงแค่การร้องเพลงนี้ "เพียง" เพลงเดียวเท่านั้น...สังเกตง่าย ๆ ว่าบทนางเอกของเรื่องนี้กลายเป็นบทตัวประกอบของเรื่องไปได้อย่างไม่ทันตั้งตัว... เอาล่ะเกริ่นมาเยอะเกินไปละ ประเด็นของการเถียงกันของเพื่อนผมเนี่ยเกิดจาก การที่ได้ฟังเพลงนี้จากของเวอร์ชั่น Holliday กับ Hudson พร้อม ๆ กันเนื่องด้วยตัวข้าพเจ้ามีซีดี Dreamgirls Original Cast Recording ก็เลยได้เปิดฟังพร้อม ๆ กับเวอร์ชั่นหนังเพื่อเทียบกันเล่น ๆ ในรถ เอาล่ะสิ...เพื่อนฝ่ายนึงของผมที่บ้ากับความเป็น Originality ของวัตถุทุกอย่างในโลก กับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นพวก Post-Modernism ที่ชอบความแปลกแหวกใหม่ (บางครั้งก็วิกลจริต) ต่างฝ่ายต่างก็ยืนยันความชอบในตัว Holliday กับ Hudson ในทางที่ไปในทิศทางเดียวกับตัวเอง (เข้าข้างตัวเองนั่นแหละ) จนในที่สุดความซวยก็มาอยู่ที่กูอีกละ (ทุกทีเลย) บอกว่ามึงจะเข้าข้างใคร ผม(กู) ก็เลยต้องพยายามค่อย ๆ ชี้แจงแต่ละฝ่ายให้แต่ละ"มึง" ช่วยลดทิฐิกันสักนิดนึงเถอะนะ แล้วจากนั้นผมก็ช่วยกล่อมเพื่อนแต่ละคนอยู่นาน ให้รักปรองดองไว้ (เพราะกลัวขาดเพื่อนแดกแชมเปญ ดอม พาริญอนทุกเย็นวันอาทิตย์)... อื้ม...ใช่ผมก็เลยบอกพวกมันว่า ทั้งสองคนน่ะเรื่องเสียงน่ะเปรียบเทียบกันได้ยากอยู่เหมือนกัน เพราะว่าแต่ละคนต่างก็มีดีในคนละแง่...ตัว Holliday นั้นเป็นเสียงต้นตำรับระดับนางเอกยอดเยี่ยมของละครเวที (Tony Award) ในเรื่อง Dreamgirls เนี่ยแหละ จุดเด่นของเสียงเธออยู่ที่ "ความรุนแรง" และพยายามหลีกเลี่ยงความ "อ่อนหวาน" แต่ในขณะที่จุดเด่นของ Hudson นั้นเธอมีการผสมกันอย่างอิสระระหว่างความอ่อนหวานและพลังที่แรงกล้าในชั้นเชิงเทคนิคของเสียง โดยเฉพาะในช่วงแรกเริ่มของเพลง คือถ้าเทียบกันระหว่างสองคนนี้ล่ะก็ ช่วงแรก Holliday ถือว่าได้แสดงความเด่นของตัวเองมาได้อย่างชัดเจน เพราะเสียงเธอนั้นแสดงความแน่นมาตั้งแต่เริ่มต้น (คล้าย ๆ กับประกาศจุดยืนของกูตั้งแต่แรกว่า "เนี่ยแหละ เสียงเดี๊ยน") ซึ่งตรงกันข้ามกับของ Hudson เพราะว่าช่วงแรกเธอใช้เสียงเบา และตัดสินใจที่จะใช้เสียงหลบโดยเฉพาะตรงท่อน "I don't wanna be free" ซึ่งพอฟังแล้วรู้สึกขัดกับเนื้อร้องมากเลย (ก็ "ไม่อยากอิสระ" แล้วทำไมหนูต้องร้องซะเบาเชียว กลัวโดนใครตบหรือจ๊ะ...ผมว่าผิดคอนเซ็ปท์ไปหน่อยนึงมั้ง) ดังนั้นสรุปได้ว่าช่วงแรกจุดยืนของเพลงก็ดูด้อยไปมากเลยในกรณีของ Hudson แต่ต่อมาพอมาถึงช่วงกลางเพลง Hudson พยายามจะแสดงออกถึงพลังที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในไว้อย่างรุนแรง เธอก็ใช้เทคนิค support ของกล้ามเนื้อกระบังลมออกมาอย่างเต็มที่ จนคนฟังแทบจะไม่น่าเชื่อว่าจะร้องมาจากคนเดียวกันตอนต้นเพลง...ในขณะที่ของ Holliday นั้นรุนแรงมาตั้งแต่ต้น แต่พอถึงกลางเพลงเธอเพิ่มความรุนแรงนั้นมากขึ้น...และมากขึ้นเรื่อย ๆ จนจบเพลง ที่สำคัญการต่ออารมณ์ของเพลงนั้นถือว่า "smooth" มาก คนฟังจะรู้สึกทึ่งและอึ้งกับเสียงของเธอที่รุนแรง คล้ายเป็นคำสอนของคริสต์ศาสนา หนักแน่นและมีการแบ่งความหนักแน่นเป็นหลายระดับ เช่น แบบเอื่อย แบบสุดโก่ง หรือแบบแหกปากตะโกน (เหมือนกับ Gospel Choir) ดังนั้นถ้าเทียบถึงอารมณ์ที่ว่าใครเชื่อมได้สมบูรณ์กว่า ก็ต้องให้ Holliday อีกแหละ เพราะว่าเธอเปรียบได้กับเป็นคนที่จับ Character ได้ชัดและสมบูรณ์กว่า สิ่งสุดท้ายที่ถือว่า Hudson ก้าวพลาดไปกับการร้องเพลง ๆ นี้ก็คือ การเลียนแบบการสูดลมหายใจฮึดใหญ่ในตอนท้ายของเพลง (Love..(breathe).. MEEEEEE) ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Holliday ซึ่งเธอเป็นคนสร้างขึ้นมาแล้วก็จะพบได้ในทุก ๆ เพลงที่เธอร้อง (trademark) ซึ่งก็ถ้าจะถามว่าถ้า Hudson ไม่ทำมันจะขาดใจตายไหม คำตอบที่น่าจะเป็นก็คือ "ไม่เลย" เพราะว่าตัวเพลงมันเอื้อให้หายใจได้อย่างเพียงพอ ไม่เห็นจะต้องไป "ฮึด" ขนาดนั้นเลย การที่ Hudson เลียนแบบการร้องมาทำให้ความน่าดูของเธอลดไปเยอะเลย แล้วก็ทำให้เกิดการเปรียบเทียบอย่างช่วยไม่ได้เป็นลำดับต่อมา (น่าสงสาร) เอื้อนกล่าวมาถึงขนาดนี้แล้ว เพื่อนคนที่เชียร์ Hudson อย่างขาดใจ ก็เลยเอะใจว่าจริงเหรอ ไม่เห็นจะฟังออกเลย แถมยังมาด่าผมอีกว่า "หูกวนตีน" อืมผมก็เลยบอกมันว่าลองเอาไปฟังดี ๆ สักสองหรือสามรอบแล้ว "มึง" ก็จะรู้เอง ถ้ายิ่งเถียงไปตอนนี้มันก็คงต่อยผมสลบคาพวงมาลัย แต่ผมก็บอกเค้าแหละว่า Hudson จริง ๆ แล้วเค้าเป็นนักร้องที่เก่งมาก เสียงดีและไพเราะจริง ๆ และทำนายได้เลยว่าอนาคตจะต้องเป็นดาวรุ่งที่มาแรง แต่อาจจะดวงแย่ไปนิดนึงตรงที่ต้องมาร้องตามหลัง "ราชินี (ช้าง) บรอดเวย์" เนี่ยแหละ ก็เลยทำให้ต้องกลายเป็นเป้านิ่งให้คนหูหาเรื่องอย่างผมวิจารณ์ได้ เหมือนกับว่าถ้าใครร้องเพลง "I will always love you" ก็ต้องซวยเพราะต้องโดนประจานเทียบกับ Whitney Houston อย่างช่วยไม่ได้
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 18 มกราคม 2551 10:55:58 น.
9 comments
Counter : 947 Pageviews.
โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:09:07 น.
โดย: PutterZ (ToppuT ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:11:26:42 น.
โดย: araigorgoo วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:4:52:50 น.
โดย: MixColumns วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:26:04 น.
โดย: fairy_tells วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:38:57 น.
โดย: พ่อดอกมะดัน วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:01:16 น.
โดย: note-d วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:49:30 น.
โดย: T_Ang วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:47:13 น.
โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:10:24:20 น.
Liza Minnelli