|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ข้อมูลและกฎระเบียบทั่วไป ในการทำงาน เช่าบ้าน เปิดบัญชีธนาคาร อื่นๆ
ข้อมูลและกฎระเบียบทั่วไป
เงื่อนไขในการเข้าประเทศ การเข้าประเทศเพื่อทำงาน การไปทำงานต่างประเทศโดยถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจัดหางานจัดส่งไปทำงาน ปัจจุบันมีบริษัทจัดหางานต่างประเทศจำนวน 227 บริษัท (ณ วันที่ 9 มีนาคม 2538) ที่จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน บริษัทดังกล่าวในบางขณะไม่มีตำแหน่งว่าง แต่รับสมัครงานไว้เป็นการล่วงหน้า ดังนั้นเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจสมัครงานขอให้ท่านตรวจสอบและไตร่ตรองด้วยว่า
เป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจัดหางานหรือไม่? มีตำแหน่งงานว่างจริงหรือไม่? ผู้ติดต่อ ชักชวนให้สมัครงานเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของบริษัทหรือไม่? กรมการจัดหางานจัดส่ง ในกรณีที่นายจ้างในต่างประเทศติดต่อขอให้กรมการจัดหางานจัดส่งคนงานให้ กรมการจัดหางาน จะประกาศรับสมัครงาน คัดเลือกคุณสมบัติดำเนินการตามกระบวนการจัดส่งคนงานไปต่างประเทศ โดยคนงานไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างของตนไปทำงาน ในกรณีนี้ นายจ้างอาจมีบริษัทแม่อยู่ในต่างประเทศหรืออาจประมูลงานได้ จึงส่งคนงานที่อยู่ในประเทศไทยไปทำงาน คนงานดังกล่าวยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของนายจ้างในประเทศไทย จึงได้รับเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงเต็มจำนวน
นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงาน ลักษณะนี้นายจ้างต้องขออนุญาต พาลูกจ้างในโครงการส่งไปฝึกงานต่างประเทศ หรือบริษัทแม่ หรือเครือข่ายเป็นการเรียนรู้พัฒนาฝีมือลูกจ้างให้ทันกับเทคโนโลยี สมัยใหม่ คนงานแจ้งไปทำงานด้วยตนเอง ในการนี้ คนงานที่ติดต่อหางานต่างประเทศ หรือจากการแนะนำของญาติ พี่ น้อง เพื่อน ฯลฯ หรือ คนงานที่ทำงานครบตามสัญญาจ้างแล้วได้ต่อสัญญาจ้าง เมื่อเดินทางกลับมาพักผ่อนในประเทศไทย และจะเดินทางกลับไปทำงานอีก ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 10 วัน
ขั้นตอนสมัครไปทำงานต่างประเทศโดยการจัดส่งของรัฐ
1.ก่อนสมัครงานต้องเตรียมตัว คือ
ควรจัดทำหนังสือเดินทาง(Passport)ไว้ล่วงหน้าเพราะการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ทุกครั้งจะต้องใช้หนังสือเดินทาง ควรตรวจโรคล่วงหน้าเพื่อจะได้ทราบว่าเป็นโรคที่ต้องห้ามในการเดินทางไปทำงานหรือไม่ ติดตามข่าวสารประกาศรับสมัครงานจากสื่อต่าง ๆ เช่น วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรืออาจสอบถาม ได้โดยตรงที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวท่านเองว่ามีคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งงานที่ประกาศรับสมัครหรือไม่ หรือสำนักงานจัดหางานเขตทุกเขต
2.สามารถสมัครได้ที่ ผู้ที่อยู่ในส่วนภูมิภาคสมัครที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด ผู้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ สมัครที่สำนักงานจัดหางานเขตทั้ง 9 เขต
3. เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร - รูปถ่าย 2 นิ้ว 3 รูป - สำเนาบัตรประชาชน - สำเนาทะเบียนบ้าน - สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ- สกุล (กรณีเปลี่ยนชื่อ-สกุล) - สำเนาหน้าพาสปอร์ต (ถ้ามี) - ใบผ่านงาน (ถ้ามี)
4. วิธีการสมัคร - เตรียมเอกสารตามข้อ 3 ให้พร้อม ตรวจดูตำแหน่งงานที่ต้องการสมัคร - สมัครตามสถานที่ที่ระบุในข้อ 2 - กรณีสมัครล่วงหน้า ให้ระบุตำแหน่งที่ต้องการ และสถานที่ที่จะติดต่อกลับได้ให้ชัดเจน
5. ค่าบริการ ท่านไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้นจนกว่าท่านจะได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ให้เตรียมตัวเดินทางไปทำงาน ท่านจึงจะเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงาน
6. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานมีดังนี้ - ค่าตั๋วเครื่องบิน (มากน้อยตามประเทศที่จะเดินทาง) - ค่าธรรมเนียมวีซ่า - ค่าบัตรสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ (ตามกฎหมาย)
คุณสมบัติของผู้เดินทางเข้าประเทศเพื่อทำงาน ปัจจุบันการนำเข้าพ่อครัว-แม่ครัวไทย ไปญี่ปุ่น ทางฝ่ายญี่ปุ่นเข้มงวดมาก จึงต้องมีใบอนุญาตการทำงาน หรือ Work Permit มีขั้นตอนสรุปได้ ดังนี้ เจ้าของร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น แจ้งความประสงค์นำเข้าพ่อครัว ต่อสำนักงานที่ปรึกษาแรงงานไทยในญี่ปุ่น สำนักงานแรงงานไทยในญี่ปุ่น จะประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับแรงงานของญี่ปุ่น หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านแรงงานญี่ปุ่น จะแจ้งกองตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่น กองตรวจคนเข้าเมืองจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่ร้านอาหารว่าสมควรมีพ่อครัวหรือไม่ ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 3 เดือน ผู้ที่จะเดินทางไปเป็นพ่อครัว ต้องไปขอรับหนังสือรับรองจากกระทรวงแรงงานไทย ผู้ที่จะเดินทางนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น ขณะเดียวกันเจ้าของกิจการที่ต้องการนำเข้าพ่อครัว ต้องมีหนังสือรับรองไปที่สถานทูตญี่ปุ่นในไทยด้วย (//www.thaikitchen.org/thai/)
เอกสารที่ต้องจัดเตรียม
หนังสือเดินทาง (ในวันยื่นขอวีซ่ามีอายุใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือนและมีหน้าว่าง ที่ไม่มีตราประทับมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป หากมีหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาแสดงด้วย) ใบคำร้องขอวีซ่า (แบบฟอร์มของสถานทูตฯ หรือพิมพ์มาจากโฮมเพจของสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย) 1 ใบ รูปถ่าย (ขนาด 2 x 2 นิ้ว สีหรือขาวดำ ที่มีพื้นหลังเป็นสีอ่อน ไม่มีลวดลาย ไม่มีการแต่งภาพถ่าย จะต้องเป็นรูปถ่ายที่ชัดเจนและถ่ายมาไม่เกิน 6 เดือน) 1 ใบ ใบรับรองสถานภาพการพำนัก (ไซริวชิคาคุนินเทโชเมโชะ) ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด ทะเบียนบ้าน ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด ประวัติการศึกษาและการทำงาน (ให้ระบุรายละเอียด ประวัติการศึกษาทั้งหมดจนถึงชั้นสูงสุด, วิชาเอก ตลอดจนชื่อ, ที่อยู่, รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ของสถาบันที่จบการศึกษา / ส่วนประวัติการทำงาน ให้ระบุรายละเอียด ชื่อบริษัทหรือหน่วยงาน, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, ระยะเวลาที่ทำงาน, ตำแหน่งและเนื้อหาของงาน) 1 ชุด ผู้ที่เดินทางเป็นครั้งแรก หากเคยเปลี่ยนชื่อตัว-สกุล หรือผู้ที่ได้เปลี่ยนชื่อตัวหรือสกุล หลังจาก เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งที่แล้ว ให้เตรียมเอกสารแสดงการเปลี่ยนชื่อตัว-สกุล เช่น ใบเปลี่ยนชื่อตัว-สกุล, ใบสำคัญการสมรส, ใบสำคัญการหย่า ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด หมายเหตุ หากเอกสารที่เตรียมมาไม่ครบถูกต้องตามระเบียบที่ได้ระบุไว้ข้างต้น กรุณารับทราบด้วยว่าทาง สถานทูตจะไม่สามารถรับคำร้องขอวีซ่าได้ รับคำรัองขอวีซ่า ระหว่างเวลา 13.30 - 16.00 น. ที่ช่องหมายเลข 1 สำหรับวันและเวลาในการคืนหนังสือเดินทาง (การฟังผลวีซ่า) สถานทูตจะให้ใบนัดฟังผลในวันที่ ยื่นคำร้อง กรุณาตรวจยืนยันวันที่คืนหนังสือเดินทางตามที่ระบุไว้ในใบนัดฟังผล โดยที่สถานทูตจะ คืนหนังสือเดินทางให้ใช้เวลาเร็วที่สุดคือ อีกสองวันทำการถัดไปนับจากวันที่ยื่นคำร้อง ในเวลา 13.30-16.00 น. ในกรณีที่ได้รับการอนุมัติวีซ่าจะติดในหนังสือเดินทาง สำหรับผู้ยื่นที่ทางเจ้าหน้าที่คิดว่าอาจใช้เวลาพิจารณามากกว่าสองวันทำการถัดไป เช่น ผู้ที่เดินทางไป ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก หรือตามวัตถุประสงค์ในการเดินทาง หรือแล้วแต่สถานการณ์ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งใน บางกรณีอาจมีการขอเอกสารเพิ่มเติม, การสัมภาษณ์ผู้ยื่นขอวีซ่า หรือมีความจำเป็นต้องตรวจสอบ ไปยังกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ทางสถานทูตจะให้ใบนัดฟังผลและระบุว่าให้รอ [ทางสถานทูตจะ ติดต่อทางโทรศัพท์ให้มาฟังผลในภายหลัง] ซึ่งกรณีเช่นนี้อาจจะไม่สามารถพิจารณาวีซ่าได้ทันตาม กำหนดการเดินทางที่ต้องการ ฉะนั้นกรุณายื่นขอวีซ่าล่วงหน้าหลายๆวันก่อนการเดินทาง กรณีที่ยัง ไม่ได้รับการติดต่อจากสถานทูตญี่ปุ่นหลังจากที่ยื่นวีซ่าไปแล้วเป็นเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ ผู้ยื่นสามารถ โทรศัพท์สอบถามได้ โดยให้แจ้งหมายเลขใบนัดฟังผล (ตัวอักษรภาษาอังกฤษกับตัวเลข 5 หลัก) และหมายเลขบาร์โค้ด (ตัวเลข 8 หลัก) อนึ่งกรุณารับทราบด้วยว่าการพิจารณาออกวีซ่า ต้องใช้เวลาอย่าง น้อยสองวันทำการจึงไม่สามารถออกวีซ่าให้ได้เร็วกว่านี้ตามคำร้องขอเป็นกรณีพิเศษ *กรุณาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ แผนกกงสุล สถานทูตญี่ปุ่น สามารถสอบถามได้ด้วยภาษาไทย ภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2259-0444,0-2259-0725 และ 0-2258-9915 (//www.th.emb-japan.go.jp/th/consular/visa10.htm)
ค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่า ค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับคนไทย ซึ่งได้ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 1 เมษายน 2006 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
วีซ่าทั่วไป 1,110 บาท วีซ่า Multiple 2,210 บาท (สำหรับการเดินทางหลายครั้ง) วีซ่าทรานซิท 260 บาท (สำหรับการเดินทางผ่าน) มาตรฐานของพ่อครัว-แม่ครัว ข้อกำหนดเรื่องประสบการณ์ทำงาน มีอายุ 28 ปีขึ้นไป มีประสบการณ์ในด้านการประกอบอาหารในร้านอาหารหรือโรงแรงที่เชื่อถือได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี (//www.thaikitchen.org/thai/)
สถาบันหรือเอกสารรับรอง
สำหรับสาขาอาชีพผู้ประกอบอาหารไทยนั้น ควรได้รับใบรับรองการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือเอกสารรับรองการผ่านงานเป็นพ่อครัว จากโรงแรม หรือร้านอาหารที่เชื่อถือได้อายุการผ่านงานต้องไม่น้อยกว่า 10 ปี ข้อกำหนดเรื่องระดับการศึกษา สำหรับข้อกำหนดเรื่องระดับการศึกษาของผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพผู้ปรุงอาหารในประเทศญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้มีกำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม อาจเป็นคุณสมบัติเพิ่มเติมของผู้ประกอบอาชีพด้านนี้ได้ มาตรฐานของพ่อครัว-แม่ครัว ด้านการสื่อสาร มาตรฐานในด้านการสื่อสารของผู้ปรุงอาหารไทยนั้น ไม่มีการกำหนดมาตรฐานอย่างแน่นอน แต่เนื่องจาก คนญี่ปุ่นไม่นิยมใช้ภาษาอังกฤษ ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการสื่อสารทั้งเรื่องการทำงาน และการดำรงชีวิต จึงควรมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง
ข้อมูลค่าแรง ค่าครองชีพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของแรงงานต่างด้าวในประเทศเป้าหมาย
ค่าแรง ค่าแรง นายจ้างจะจ่ายค่าแรง และสวัสดิการต่างๆ (เงินเดือน เงินประกันสังคม โบนัส 1 เดือน ค่าที่พักอาศัย) ให้ตามกฎหมายญี่ปุ่น เฉลี่ยประมาณ เดือนละ 250,000-300,000 เยน สำหรับพ่อครัวธรรมดา ส่วนพ่อครัวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือหัวหน้า เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นตามความสามารถ (//www.thaikitchen.org/thai/) ค่าครองชีพ เช่น ค่าอาหาร ที่พัก โดยเฉลี่ย
ค่าอาหาร ร้านอาหารในญี่ปุ่นมีมากมายหลากหลาย อาหารธรรมดาโดยทั่วไป ราคาจะแตกต่างกันไปตั้งแต่ 350 - 1,000 เยนต่อชามหรือต่อชุด (110 - 330 บาท) บางร้านจะมีโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ ซึ่งสามารถดูได้จากป้ายหน้าร้าน ในร้านคอนวิเนียนสโตร์ ก็มีอาหารหลายประเภทจำหน่ายในราคาไม่แพง และสามารถอุ่นให้ร้อนได้ นอกจากนี้ยังสามารถประกอบอาหารเองได้ ซึ่งจะประหยัดมากกว่า โดยสามารถซื้ออาหารสดได้จากซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือตลาดสด (//www.jeducation.com/THAI/special/geos/life_spring.html)
การเช่าบ้านพักและที่อยู่อาศัย
การติดต่อขอเช่าบ้าน
o ติดต่อสำนักงานนายหน้าจัดหาบ้าน (ฟุโดซัง) โดยขอข้อมูลเกี่ยวกับบ้านที่ต้องการ เช่น ค่าเช่า ขนาดห้อง ทิศทางแสงอาทิตย์หรือลม ระยะทางจากสถานีรถไฟหรือป้ายรถเมล์ เป็นต้น ถ้าหากมีรายการที่ตรงกับความต้องการของท่าน สำนักงานจัดหาบ้านก็จะแนะนำให้พิจารณา และส่วนใหญ่ผู้เช่าสามารถขอดูสถานที่ได้ก่อนตัดสินใจ
ค่าใช้จ่ายในการเช่าบ้าน สัญญาเช่า ค่าตอบแทน
o สามารถทำสัญญาผ่านสำนักงานจัดหาบ้านได้โดยตรง โดยจะต้องศึกษารายละเอียดเงื่อนไขต่างๆในสัญญาให้ละเอียดก่อน ทั้งนี้
มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในวันทำสัญญา ได้แก่
o ค่าธรรมเนียมให้แก่สำนักงานจัดหาบ้าน (อัตราปกติจะเท่ากับเงินค่าเช่าบ้าน 1 เดือน) o เงินกินเปล่าให้เจ้าของบ้าน (เรคิน) (อัตราปกติจะเท่ากับค่าเช่าบ้าน 1-3 เดือน) o เงินมัดจำให้เจ้าของบ้าน (ชิคิคิน) (อัตราปกติจะเท่ากับค่าเช่าบ้าน 1-3 เดือน) เงินจำนวนนี้จะได้รับคืนเมื่อเลิกสัญญา แต่จะถูกหักค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมห่งก่อนออก o ค่าเช่าบ้านเดือนแรกให้เจ้าของบ้าน ซึ่งหากย้ายเข้าบ้านก่อนถึงวันสิ้นเดือน ก็อาจต้องชำระค่าเช่าบ้านล่วงหน้าสำหรับวันที่เหลืออยู่ของเดือนนั้น และของเดือนถัดไปเต็มเดือน
เมื่อทำสัญญาเช่าแล้ว ต้องการยกเลิกสัญญา o โดยส่วนใหญ่สัญญาจะมีระยะเวลา 2 ปี หากต้องการยกเลิก จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน หรือตามที่กำหนดไว้ในสัญญา หากไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าตามเงื่อนไข ก็อาจไม่ได้รับเงินมัดจำคืน oเมื่อย้ายออกก็ต้องย้ายเฟอร์นิเจอร์ออกจากห้องด้วยตนเองรวมทั้งทำความสะอาดให้บ้านอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนย้ายเข้า มิฉะนั้นจะถูกหักค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมต่างๆ จากเงินมัดจำที่จะได้รับคืน oเมื่อสัญญาเช่าหมดลง สัญญามักจะได้รับการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ
ยกเว้นในกรณีที่เจ้าของบ้านมีความประสงค์จะยกเลิกสัญญา ทั้งเจ้าของบ้าน และผู้เช่าต่างจะต้องแจ้งให้ทราบก่อนล่วงหน้า 1-2 เดือน
การซ่อมแซมหรือต่อเติมห้องพัก
o หากต้องการซ่อมแซม ต่อเติม ทาสี หรือตอกตะปูบนผนังห้อง จะต้องปรึกษาเจ้าของบ้านก่อน ห้ามต่อเติมเองโดยเด็ดขาด (คู่มือการดำรงชีวิตในประเทศญี่ปุ่น.สถานเอกอัครราชฑูตไทยประจำกรุงโตเกียว)
ความปลอดภัย ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัยประเทศหนึ่ง อันเนื่องมาจากสาธารนูปโภค และเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และล้วนแต่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก แต่ก็ยังคงมีปัญหาในเรื่องอาชญากรรมจากแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอยู่บ้าง รัฐบาลญี่ปุ่นจึงดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง สภาพความเป็นอยู่ของแรงงานไทยที่เป็นแรงงานถูกกฎหมายนั้น ส่วนใหญ่มีสภาพความเป็นอยู่เดียวกับพนักงานชาวญี่ปุ่นทั่วไป คือมีที่พัก ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครัน มีสวัสดิการ เงินเดือนที่ได้รับค่อนข้างเป็นไปตามเกณฑ์ และมีค่อยมีปัญหาเรื่องการถูกเอารัดเอาเปรียบ แรงงานเหล่านี้มักมีการทำสัญญาการจ้างงาน และตระหนักในสิทธิของตน อย่างไรก็ตาม แรงงานต่างชาติยังได้รับแรงต่อต้านจากสหภาพแรงงานในญี่ปุ่น เนื่องจากเกรงว่าจะมาแย่งงานคนญี่ปุ่นทำ แต่ชาวญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีการต่อต้านที่รุนแรง และสามารถยอมรับแรงงานต่างด้าวได้ (สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น)
ประมวลข้อมูลและกฎระเบียบการจ้างงานพ่อครัว-แม่ครัวในประเทศเป้าหมาย
ประเด็นทางกฎหมายในการเข้าทำงาน
สิ่งที่ควรและไม่ควรปฎิบัติสิ่งที่คนต่างชาติมักจะทำอย่างถูกวิธีไม่ค่อยได้ก็คือ การใช้ตะเกียบ ตะเกียบเป็นเครื่องมือในการทานอาหารญี่ปุ่นที่สำคัญที่สุด สมัยก่อนคนญี่ปุ่นก็ไม่ได้ใช้ช้อนหรือส้อม ใช้แค่ตะเกียบอย่างเดียว ในมารยาทการรับประทานอาหารของญี่ปุ่นก็มีข้อห้ามสำหรับการใช้ตะเกียบหลายอย่าง
รูปแบบสัญญาการว่าจ้าง เงื่อนไขระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
เงื่อนไขการทำงานต่างๆเป็นเรื่องที่นายจ้างและลูกจ้างจะต้องเจรจาตกลงกัน และเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย และเมื่อตกลงกันแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยพลการ (สำนักแรงงานในประเทศญี่ปุ่น)
เงื่อนไขการทำงานในญี่ปุ่นประเด็นแรงงานในญี่ปุ่นบางประการ
ชั่วโมงทำงานปกติไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาพัก) กรณีทำงานเกิน 6 ชั่วโมง นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักไม่น้อยกว่า 45 นาที และกรณีทำงานเกิน 8 ชั่วโมง จะต้องให้มีเวลาพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หากให้ลูกจ้างทำงานเกินชั่วโมงการทำงานปกติ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าล่วงเวลาเพิ่มอีก ในระหว่าง 25%-50% ของค่าจ้างในชั่วโมงทำงานปกติ และในกรณีเป็นการทำงานในช่วงเวลา 22.00-05.00 น.ของวันถัดไป หรือ 23.00-06.00 น.ของวันถัดไป จะต้องจ่ายเพิ่มพิเศษอีก 25% นายจ้างจะต้องจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 1 วัน และกำหนดให้มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีโดยได้รับค่าจ้าง ตามหลักเกณฑ์ดังนี้ สำหรับผู้ที่ทำงานติดต่อกัน 6 เดือน และมีจำนวนวันทำงานตั้งแต่ 80% ขึ้นไป ให้นายจ้างจัดให้มีวันหยุดพักผ่อนประจำปี 10 วัน สำหรับผู้ที่ทำงานติดต่อกันตั้งแต่ 1 ปี 6 เดือนขึ้นไป ให้หยุดเพิ่มได้อีก 1 วัน และให้มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการทำงานคิดเป็นปีๆ ละ 1 วัน จนกระทั่งมีวันหยุดพักผ่อนประจำปีครบ 20 วัน ในส่วนที่หยุดเกิน 20 วัน อนุญาตให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าจ้างในวันหยุดนั้น การบอกเลิกจ้าง นายจ้างจะต้องแจ้งลูกจ้างให้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน หรือนายจ้างอาจจ่ายค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 30 วันแทนการบอกล่วงหน้าได้ ทั้งนี้ไม่รวมถึงกรณีเลิกจ้างเนื่องจากเหตุภัยธรรมชาติ หรือเหตุอื่นๆ ที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ หรือการบอกเลิกจ้างอันเนื่องมาจากความประพฤติของลูกจ้าง และไม่รวมถึงลูกจ้างรายวันที่จ้างติดต่อกันเกิน 1 เดือน หรือลูกจ้างที่จ้างโดยมีกำหนดระยะเวลาจ้างที่แน่นอนไม่เกิน 2 เดือน หรือลูกจ้างที่จ้างตามฤดูกาลที่มีกำหนดระยะเวลาจ้างไม่เกิน 4 เดือน หรือลูกจ้างทดลองงาน นายจ้างจะต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงในอัตราไม่ต่ำกว่า 60% ของค่าจ้างเฉลี่ยให้แก่ลูกจ้างในช่วงระยะเวลาที่หยุดดำเนินการนั้น
กฎหมายญี่ปุ่นกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ โดยค่าแรงขั้นต่ำ ในญี่ปุ่นมี 2 ประเภท คือ
1) ค่าแรงขั้นต่ำจำแนกตามเขตท้องที่ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2545 ค่าจ้างขั้นต่ำโดยเฉลี่ย ทุกเขตทั่วญี่ปุ่น ช.ม. ละ 654 เยน เขตที่มีค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุด เช่นที่โตเกียวนั้น ค่าจ้างขั้นต่ำ ช.ม. ละ 708 เยน ส่วนเขตโอกินาวามีค่าจ้างขั้นต่ำน้อยที่สุด ช.ม. ละ 604 เยน
2) ค่าแรงขั้นต่ำจำแนกตามเขตท้องที่และประเภทอุตสาหกรรม ซึ่งในปี 2545 มีค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยทุกอุตสาหกรรม วันละ 6,571 เยน โดยอุตสาหกรรมที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุดคืออุตสาหกรรมการผลิตสี ส่วนอุตสาหกรรมที่มีค่าแรงขั้นต่ำรายวันต่ำสุดคืออุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเรือนจากไม้ อัตราวันละ 5,085 เยน
หากประสงค์จะเปลี่ยนงาน จะออกจากงาน ตามปกติต้องแจ้งให้นายจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วัน แต่บางกรณีหากนายจ้างเสียหายเพราะขาดคนทำงาน ก็อาจต้องให้เวลานานกว่า 14 วันก็ได้ สวัสดิการที่ลูกจ้างจะได้รับ เงินประกันสังคมเมื่อได้รับอุบัติเหตุ สำหรับสิทธิประโยชน์ที่คนงานไทยพึงได้รับในกรณีต่าง ๆ จำแนกได้ดังนี้
1)กรณีเจ็บป่วย ประสบอันตรายหรือเสียชีวิตจากการทำงาน ไม่ว่าลูกจ้างจะมีวีซ่าทำงานอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่มีวีซ่าก็ตาม นายจ้างมีหน้าที่ต้องจัดทำประกันอุบัติเหตุจากการทำงานให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งลูกจ้างจะได้รับการคุ้มครองตามระบบประกันอุบัติเหตุจากการทำงาน ดังนี้
สิทธิประโยชน์
เงินชดเชยค่ารักษาพยาบาล จะจ่ายเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาลให้แก่ลูกจ้างที่เจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุจากการทำงานจนกว่าจะหมดความจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษา ค่าชดเชยได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าผ่าตัด ค่าอุปกรณ์ในการรักษา ค่าเครื่องมือแพทย์ ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เป็นต้น เงินชดเชยในระหว่างหยุดงานเพื่อพักรักษาตัว ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินชดเชยในอัตราร้อยละ 60 ของอัตราค่าจ้างพื้นฐาน เฉลี่ยรายวัน นับตั้งแต่วันที่ 4 ที่ต้องหยุดงานเนื่องจากเจ็บป่วย และหากหยุดงานเพื่อรักษาตัวไปจนครบปีครึ่งแล้วแต่อาการยังไม่หายจะจ่ายเงินทดแทนให้เป็นเงินรายปี ในอัตราเท่ากับค่าจ้างพื้นฐานเฉลี่ยรายวันจำนวน 245 ถึง 313 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ เงินชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ หากได้รับอุบัติเหตุจากการทำงานและการรักษาสิ้นสุดลงแล้วแต่ลูกจ้างต้องสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ จะมีการตีระดับของการสูญเสียหรือทุพพลภาพว่าอยู่ในระดับใด (ระดับ 1 ถึง 14 ) ในระดับ 1 ถึง 7 จะได้รับเงินชดเชยเป็นเงินรายปีในอัตราเท่ากับรายได้เฉลี่ยรายวันจำนวน 131 ถึง 313 วัน และหากอยู่ในระดับ 8 ถึง 14 จะได้รับเงินชดเชยเป็นเงินก้อนครั้งเดียวเท่ากับรายได้เฉลี่ยรายวันจำนวน 56 ถึง 503 วัน เงินชดเชยให้แก่ทายาทกรณีลูกจ้างเสียชีวิต หากลูกจ้างเสียชีวิตเนื่องจากได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน ทายาทของผู้เสียชีวิตที่ มีคุณสมบัติเข้าข่ายตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎหมายประกันอุบัติเหตุจากการทำงาน เรียงลำดับทายาทดังนี้
o คู่สมรสที่อยู่กินฉันท์สามี / ภรรยา ( แม้ว่าจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน) o บิดามารดา o บุตร หลาน ที่มีอายุไม่ครบ 18 ปี o ปู่ ย่า ตา ยาย ที่มีอายุเกิน 60 ปี o พี่ น้อง ที่มีอายุไม่ครบ 18 ปี หรือเกิน 60 ปี
กรณีบุตรที่อยู่ในครรภ์ภรรยาในขณะที่สามีถึงแก่ความตาย เมื่อคลอดแล้วก็จะเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนด้วย
เงินค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ หากลูกจ้างถึงแก่ชีวิต ทายาทหรือผู้จัดการศพมีสิทธิจะได้เงินค่าจัดการจำนวน 315,000 เยนพร้อมกับรายได้เฉลี่ยรายวันอีกจำนวน 30 วัน หรือได้รับเงินรายได้เฉลี่ยรายวันจำนวน 60 วัน แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า
หมายเหตุ
กรณีที่ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุหรือได้รับบาดเจ็บในระหว่างเดินทางไปกลับระหว่างที่พักและที่ทำงานก็จะได้รับผลประโยชน์การคุ้มครองเช่นเดียวกับการได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน
เอกสารเบื้องต้นที่จำเป็นประกอบคำร้องทุกข์ในการเรียกร้องสิทธิกรณีที่ได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน 1.หลักฐานประจำตัว ได้แก่ หนังสือเดินทาง, บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตร ประจำตัวคนต่างด้าว (ที่หมดอายุแล้วก็ใช้ได้) 2.หลักฐานการจ้างงาน เช่น สัญญาการจ้างงาน, ใบรับเงินเดือน หรือ ใบลงเวลาทำงาน 3.หลักฐานการรับการตรวจรักษาจากโรงพยาบาล 4.ชื่อ-ที่อยู่-หมายเลขโทรศัพท์ของนายจ้าง อายุความในการยื่นคำร้อง หากได้รับอุบัติเหตุนานเกิน 2 ปี จะไม่สามารถขอรับสิทธิเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยในระหว่างหยุดงานเพื่อพักรักษาตัวได้ แต่หากไม่เกิน 5 ปีก็ยังสามารถเรียกร้องเงินทดแทนกรณีทุพพลภาพได้ 2) กรณีเจ็บป่วย ประสบอันตรายหรือเสียชีวิต นอกเวลาทำงาน ผู้ที่เข้าร่วมระบบประกันสุขภาพของญี่ปุ่นจะได้รับการคุ้มครองเจ็บป่วยหรือประสบอันตรายนอกเวลาทำงานซึ่งระบบนี้เปิดให้เฉพาะผู้ที่อยู่ญี่ปุ่นอย่างถูกต้องเท่านั้น มีคนไทยที่ไม่มีวีซ่าเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมทำประกันสุขภาพของรัฐได้ สิทธิประโยชน์
ค่ารักษาพยาบาลเงินชดเชยเมื่อบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยโดยมิได้มีสาเหตุจากการทำงาน และ เข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาล ลูกจ้างรับผิดชอบจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพียงร้อยละ 30 ส่วนที่เหลือ (อีกร้อยละ 70) สถานพยาบาลจะรับจากรัฐบาล นอกจากนี้ยังได้รับการช่วยเหลือค่ายาอีกด้วย และหากจำเป็นต้องรับการรักษาที่บ้าน หรือเข้าโรงพยาบาล ค่าเตียง ค่าอาหาร หรือค่าอื่นๆ ตามที่กำหนดก็จ่ายในอัตราเพียงร้อยละ 30 เช่นกัน เงินอุดหนุนระหว่างหยุดพักรักษาตัว หากเจ็บป่วยหนักจนไม่สามารถไปทำงานได้ และไม่ได้รับค่าจ้าง ประกันจะจ่ายเงินอุดหนุนให้ในอัตราร้อยละ 60 ของค่าจ้างนับตั้งแต่วันที่สี่ที่หยุดงานเป็นระยะเวลาปีครึ่ง เงินอุดหนุนระหว่างลาเพื่อไปคลอดบุตร ในกรณีที่ลาเพื่อไปคลอดบุตร มิได้ทำงาน ขาดรายได้ ประกันก็จะจ่ายเงินอุดหนุนขณะลาคลอดให้ในอัตราร้อยละ 60 ของค่าจ้างจำนวน 42 วันก่อนคลอด (กรณีลูกแฝดจ่าย ร้อยละ 60 ของค่าจ้าง 98 วัน) และอีกร้อยละ 60 ของค่าจ้างจำนวน 56 วันหลังคลอด เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร จะได้รับเงินอุดหนุนค่าคลอดบุตร 300,000 เยน ต่อบุตร 1 คน เงินอุดหนุนค่าจัดการศพ ในกรณีที่ลูกจ้างเสียชีวิต ทายาทหรือผู้ที่รับผิดชอบจัดงานศพจะได้รับเงิน อุดหนุนเท่ากับเงินเดือนเฉลี่ยของผู้ตายจำนวน 1 เดือน (ไม่น้อยกว่า 100,000 เยน) ขั้นตอนการเรียกร้อง / ข้อมูล และเอกสารประกอบคำร้อง
ในกรณีเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลเ้พียงแต่แสดงบัตรประกันสุขภาพก็สามารถใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลได้ ส่วนในกรณีอื่น ๆ ต้องยื่นแบบฟอร์มการขอรับสิทธิประโยชน์ต่อที่ว่าการเขตที่อาศัยอยู่
3)กรณีนายจ้างค้างจ่ายค่าจ้าง, เงินทำงานล่วงเวลา, ไม่จ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกจ้างกระทันหัน สามารถยื่นคำร้องโดยระบุรายละเอียดบันทึกปากคำ พร้อมแนบเอกสารดังนี้
1.หลักฐานประจำตัว ได้แก่ หนังสือเดินทาง, บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวคนต่างด้าว (ที่หมดอายุแล้วก็ใช้ได้) 2.หลักฐานการจ้างงาน เช่น สัญญาการจ้างงาน, ใบรับเงินเดือน หรือ ใบลงเวลาทำงาน 3.ชื่อ-ที่อยู่-หมายเลขโทรศัพท์ของนายจ้าง //www.mol.go.th/download/japan_help.doc)
ระเบียบ กฎเกณฑ์ และค่าใช้จ่ายในการใช้บริการของธนาคาร
ธนาคาร เปิดทำการวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 - 15.00 น.
เอกสารที่จำเป็นในการเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารญี่ปุ่น
ตราชื่อประทับ อินคัง คือ ตราชื่อประจำตัวของแต่ละบุคคล (โดยทั่วไปชาวญี่ปุ่นจะใช้ชื่อสกุล) สามารถสั่งทำได้จากร้านขายเครื่องเขียนทั่วไป ตราประทับดังกล่าว สามารถนำไปทำนิติกรรมต่างๆได้ ตามกฎหมายญี่ปุ่น ไม่ว่าผู้ที่ถือนั้นจะเป็นเจ้าของหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น จึงควรรักษาไว้ในที่ปลอดภัย) เอกสารประจำตัว เช่น หนังสือเดินทาง บัตรประจำตัวคนต่างชาติ หรือใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เมื่อเปิดบัญชีแล้ว นอกจากจะได้รับสมุดบัญชีธนาคาร ยังสามารถทำบัตร ATM ที่ใช้สำหรับฝากและถอนเงินได้ (รายละเอียดของบริการอื่นๆ กรุณาติดต่อสอบถามกับธนาคารนั้นๆ) สำหรับ ตราชื่อประทับ และเอกสารประจำตัวนั้น จะต้องนำติดตัวไปทุกครั้ง เพื่อสะดวกในการติดต่อทำธุรกรรมต่างๆกับทางธนาคาร (คู่มือการดำรงชีวิตในประเทศญี่ปุ่นใสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว)
ประเภทของบัญชีเงินฝาก บัญชีออมทรัพย์ ( Futsuuyokin ) เป็นบัญชีที่ใช้กันมากที่สุด สามารถฝากได้ตั้งแต่ 1 เยน ดอกเบี้ยไม่สูง แต่สามารถถอนได้ทุกเมื่อ และฝากถอนได้ทุกสาขาของธนาคารนั้น ทั้งยังสามารถทำบัตร ATM ได้ บัญชีฝากประจำ ( Teikiyokin )ได้ดอกเบี้ยสูง แต่จะต้องฝากเงินไว้ในระยะเวลาที่กำหนด บัญชีฝากประจำทุกเดือน ( Tsumitateyokin )เป็นการฝากเงินในอัตราเท่ากันทุกเดือน (//www.jeducation.com/THAI/lifeinjapan/life/bank.html)
การทำเรื่องขอกลับเข้าประเทศอีกครั้ง
การขอเดินทางกลับประเทศ ติดต่อสถานเอกอัคราชทูตฯฝ่ายกงสุลด้วยตนเอง สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว 3-14-6, Kami-Osaki, Shinagawa-ku, Tokyo 141-0021 เวลาทำการ: เวลารับคำร้องฝ่ายกงสุล 9:00 น.- 11:45 น.วันหยุด: เสาร์, อาทิตย์, และวันหยุดประจำปีของไทยและญี่ปุ่น
ดูรายละเอียดวันหยุดพิเศษประจำปีของสถานทูต
เวลาทำการฝ่ายอื่นๆ 9:00 น. - 12:00 น.13:30 น.- 17:00 น.
บริการทางโทรศัพท์: ฝ่ายกงสุล Tel: (03) 3441-1386 14:00 น.- 17:30 น. แผนกวีซ่า ต่อ 263, 265 แผนกหนังสือเดินทาง ต่อ 233, 266, 278 แผนกทะเบียนราษฎร์ ต่อ 269 แผนกหนังสือมอบอำนาจ ต่อ 270 แผนกแปลเอกสาร ต่อ 266 แผนกคุ้มครองคนไทย ต่อ 232, 260 Fax: (03) 3441-2597 อีเมล: infosect@thaiembassy.jp
เราหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตก็เลยนำความรู้มาฝากกัน คัดลอกเขามาจ้า..
Create Date : 13 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 13 มิถุนายน 2552 12:19:23 น. |
|
2 comments
|
Counter : 764 Pageviews. |
|
|
|
โดย: wippy+totoro IP: 125.54.170.159 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:16:48:42 น. |
|
|
|
โดย: noon (Nooni_Jung ) วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:10:31:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่ก็เอาไว้ให้สะใภ้เจแปนรุ่นใหม่ได้เข้ามาอ้างอิงข้อมูลด้วยเนอะ ปรบมือให้ในความขยันจ้า
จขบ.เช็คหลังไมค์ยังคะ เราหลังไมค์ไปนะคะ