"พระนางจามเทวี" ผู้นำแสงแรกแห่งพุทธศาสนาสู่ภาคเหนือ


พระนามแห่ง “พระนางจามเทวี” วีรสตรีปฐมกษัตริย์ผู้ครองนครหริภุญไชย มีปรากฏโดดเด่นอยู่ในตำนานต่างๆ ของล้านนา ที่กล่าวถึงนางกษัตริย์พระองค์นี้ว่าทรงเป็นสตรีที่มีพระสิริโฉมงดงาม แต่ขณะเดียวกันก็ทรงมีความเด็ดขาด ถึงขนาดเคยนำกองทัพทหารออกรบด้วยพระองค์เองแล้วยังสามารถชนะข้าศึกศัตรูได้ครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์ทรงเป็นผู้นำที่สร้างความรุ่งเรืองให้บังเกิดบนแผ่นดินล้านนา และทรงเป็นต้นวงศ์กษัตริย์ หริภุญไชย ที่มีการสืบทอดครองราชย์ต่อเนื่องกันมากว่า 600 ปี จนถือเป็นรัฐที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสยามครั้งอดีต

เรื่องราวต่างๆ ที่กล่าวถึง “พระนางจามเทวี” และ “นครหริภุญไชย” นั้นปรากฏอยู่ในตำนานต่างๆ หลายเล่ม อาทิ จามเทวีวงศ์ ทีแต่งโดยพระมหาเถราจารย์นามว่า “พระโพธิรังษี” ตำนานมูลศาสนา ตำนายไฟบ้างกัปป์ และชินกาลมาลีปกรณ์ ฯลฯ

กำเนิดของ “พระนางจามเทวี” มีปรากฏในเอกสานดังที่ยกมา กล่าวกันว่าพระองค์ทรงมีชาติกำเนิดเป็นชาวหริภุญไชยแต่เดิม โดยเป็นบุตรีของคหบดีผู้หนึ่งนามว่า “อินตา” (ไม่ปรากฏนามมารดา) ได้มีการบันทึกดวงพระชะตาของพระนางจามเทวี เมื่อแรกประสูติไว้ว่าตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีมะโรง พ.ศ.1176 เวลาจวนจะค่ำ เมื่อยังทรงพระเยาว์มีเรื่องเล่าว่า

วันหนึ่งเมื่อยังทรงพระชนมายุได้ 3 เดือน กำลังประทับนอนบนเบาะ พญานกใหญ่ได้บินเข้าไปจกพระวรกายถึงในบ้านพาขึ้นไปบนท้องฟ้า พอดีกับท่านสุเทวฤาษีแห่งระมิงค์นครกำลังบำเพ็ญตบะอยู่ ณ อุจฉุตบรรพต ได้เห็นพญานกบินผ่านและเห็นกรงเล็บของมันได้จิกร่างทารกน้อยมาด้วย ท่านฤาษีจึงได้แผ่นเมตตาให้พญานกปล่อยพระนางเสีย พญานกจึงคลายกรงเล็บให้เด็กนั้นร่วงลง แต่ก่อนที่ร่างของพระนางจะตกถึงพื้นก็เกิดมีลมหอบพาไปตกในสระใหญ่ โดยมีดอกบัวหลวงขนาดมหึมารองรับ บังเกิดความปลอดภัยโดยปาฏิหาริย์

ท่านฤาษีประพฤติพรหมจรรย์อยู่ ไม่สามารถใช้มื้ออุ้มร่างเด็กหญิงขึ้นมาได้ จึงตั้งสัตย์อธิษฐานว่า “หากทารกหญิงผู้นี้มีบุญญาธิการ จะได้เป็นใหญ่ในภายหน้าแล้วก็ขอให้พัดของเรานี้รองรับร่างเธอไว้ได้โดยมิร่วงหล่นเถิด” จากนั้นท่านก็ใช้พัดช้อนร่างพระนางขึ้นมาได้จริงๆ และด้วยเหตุที่ท่านได้ใช้พัดช้อนทารกขึ้นมานี้จึงได้ตั้งชื่อเด็กหญิงว่า “วี” และได้มอบให้พญาวานรชื่อกากะวานรและบริวารรวม 35 ตัวช่วยเลี้ยงดู ทั้งยังได้สอนศิลปวิทยากรต่างๆ รวมทั้งวิชาฝ่ายบุรุษ เช่นการพิชัยสงครามและการต่อสู้ด้วยอาวุธต่างๆ ซึ่งพระนางก็เรียนได้อย่างคล่องแคล่ว มีพระสติปัญญาดีเยี่ยม

จวบเมื่อพระนางจามเทวีเจริญพระชนมายุได้ 13 พรรษา สำเร็จวิชาทั้งหลายแล้วท่านสุเทวฤาษีจึงผูกดวงและตรวจสอบชะตา ทราบว่าพระนางผู้เป็นบุตรบุญธรรมของท่านจะมีวาสนาได้เป็นถึงนางกษัตริย์ จึงตกลงใจส่งพระนางไปสู่ราชสำนักเพื่อรับรองอภิเษก ขึ้นเป็นเชื้อพระวงศ์ให้สมควรแก่การที่จะได้เป็นใหญ่ต่อไปและที่เหมาะสมในสายตาท่านฤาษีก็คือราชสำนักแห่งกรุงละโว้ ซึ่งเป็นราชสำนักที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งในสุวรรณภูมิเวลานั้น

ท่านสุเทวฤาษีจึงได้เนรมิตแพขึ้นส่งพระนางน้อยล่องไปตามน้ำจากเมืองเหนือโดยพญากากะวานรและบริวารจำนวนหนึ่งโดยสารเรือไปด้วย ทั้งยังฝากหนังสือไปฉบับหนึ่งเพื่อกราบทูลพระเจ้ากรุงลวปุระว่ากุมารีน้อยนี้จะไปช่วยละโว้ประหารศัตรู แพเล็กซึ่งเป็นแพเนรมิต ล่องลอยมาตามลำน้ำ จนถึงท่าน้ำหน้าวัดชัยมงคล ก็หยุดไม่ลอยต่อแต่กลับลอยวนเวียนอยู่บริเวณนั้น ชาวบ้าน ชาวเมืองเห็นเป็นสิ่งอัศจรรย์ ต่างจึงพากันโจษจันพร้อมทั้งชื่นชมพระนางซึ่งมีผิวพรรณผุดผ่องน่ารักน่าเอ็นดู

ความทราบถึงบรรดาขุนนางจึงได้ไปตรวจดูที่ฝั่งน้ำ เห็นความจริงประจักษ์แก่ตาจึงรีบกลับเข้าพระราชวัง เพื่อกราบบังคมทูล “พระเจ้าวักติ” ผู้ครองนครลวปุระ ให้ทรงทราบทันที พระองค์จึงเสด็จไปยังท่าน้ำพร้อมด้วยพระมเหสี จนทอดพระเนตรเห็นความเป็นไปทั้งหมด ทรงมีรับสั่งให้ทหารชะลอแพเข้าฝั่ง แต่กำลังทหารก็ไม่อาจชักลาก แพเข้าสู่ท่าน้ำได้ ไม่ว่าจะทรงมีรับสั่งให้เพิ่มจำนวนทหารมากสักเท่าใดก็ตาม

การณ์อันเป็นไปโดยอัศจรรย์นี้ ทำให้ “พระเจ้าวักตุ” ทรงประจักษ์แจ้งพระปรีชาญาณว่า กุมารีผู้นี้จะต้องมีบุญญาธิการมากมาย และแพนั้นต้อง เป็นแพวิเศษที่สามัญชนจะไปแตะต้องมิได้ พระองค์จึงเสด็จพร้อมด้วยพระมเหสี ทรงยึดเชือกกี่ผูกแพนั้นไว้ด้วยพระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์ ทันใดนั้นแพก็ลอยเข้าสู่ท่าอย่างง่ายดาย รวมกับเทพยดาจะทรงอำนวยพร ดลบันดาลให้ประชาชนชาวเมืองต่างจึงพากันสรรเสริญบุญญานุภาพของกุมารีพระองค์น้อย ทั่วทั้งพระนคร

พระเจ้ากรุงละโว้รับพระกุมารีน้อยไว้ด้วยความเสน่หายิ่ง ทั้งได้มีพระราชดำรัสให้พระราชครู พยากรณ์ดวงชะตาของกุมารีน้อย พระราชครูได้คำนวณดวงพระชะตาโดยละเอียดแล้วถวายคำพยากรณ์ว่า

“ขอเดชะ กุมารีน้อยผู้นี้เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งพระบุญญานุภาพ และพระบารมีอันยิ่งใหญ่ ต่อไปภายหน้าจักได้เป็นถึงจักรพรรดินีครองแว่นแคว้น ปรากฏพระเกียรติยศเกริกไกรไปทั่ว แม้ว่าพระราชาและเจ้าชายพระองค์ใดได้เสกสมรส ด้วยก็จักเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยรัตนะ ทั้ง 7 ประการอย่างแน่นอน”

พระเจ้ากรุงละโว้และมเหสีเมื่อทรงทราบดังนั้นก็ทรงโสมนัสยิ่งเพราะทั้งสองพระองค์ยังมิได้ทรงมีพระโอรสธิดาจึงมีพระราชโองการให้จัดพระราชพิธีอภิเษกกุมารีขึ้นดำรงพระยศเป็นพระธิดาแห่งกรุงละโว้ ทรงเฉลิมพระนามใหม่ประกาศไว้ในพระสุพรรณบัฏว่า “เจ้าหญิงจามเทวี ศรีสุริยวงศ์ บรมราชขัตติยนารี รัตนกัญญา ลวะปุรีราเมศวร์เวลานั้นทรงมีพระชนมายุได้ 14 พรรษา

พระนางจามเทวีได้อภิเษกสมรสกับ “เจ้าชายรามราช” แห่งนครรามบุรีซึ่งอยู่ใกล้กรุงลวปุระ ตามตำนานว่าเจ้าชายพระองค์นี้ทรงเป็นพระญาติของพระเจ้ากรุงละโว้ แต่ด้วยความพี่ทรงมีพระสิริโฉมมาก แม้จะมีการหมั้นหมายกับเจ้าชายรามราชแล้ว ก็ยังมีกษัตริย์จากต่างเมืองมาหมายปองอีก จนถึงกับต้องทำสงครามโดยพระนางจามเทวีต้องคุมทัพออกรบด้วยพระองค์เอง ทรงมีพระปรีชาเยี่ยมยอดในการวางแผนการรบ จนได้รับชัยชนะ นำความชื่นชมยินดี มาสู่บรรดาเสนาอำมาตย์ ทหารและประชาชน ชาวละโว้เป็นอันมาก แต่สำหรับพระนางจามเทวีแล้ว พระองค์มิได้ทรงปิติยินดีในชัยชนะที่ทรงได้รับเลย แม้จะทรงได้รับการสรรเสริญจากราชสำนัก ตลอดจนกษัตริย์ผู้ครองนครที่เป็นพันธมิตรที่อยู่ห่างไกลออกไปเพียงใด พระนางจามเทวีก็ยังทรงระลึกถึงภาพของเหล่ากษัตริย์และทหารที่ต้องล้มตายเพราะพระองค์เป็นต้นเหตุ จึงทรงมีรับสั่งให้สร้างศาลเป็นจำนวนเท่ากับกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์ในครั้งนี้ และทรงสร้างวัดขึ้นในพื้นที่อันเป็นสมรภูมิรบด้วยวัดหนึ่ง

ในภายหลังพระนางจามเทวีได้เสด็จไปครองเมืองหริภุญไชย (จ.ลำพูน ในปัจจุบัน) ตามคำทูลขอของท่านสุเทวฤาษี เพราะเวลานั้นเมืองหริภุญไชยขาดผู้นำราษฎร์เดือดร้อนมาก พระนางจามเทวีทรงระลึกถึงพระคุณท่านสุเทวฤาษี ที่เคยชุบเลี้ยงมาแต่ก่อนจึงยินดีเสด็จไปด้วยเหตุนี้จึงทรงมีพระราชโองการอภิเษกเจ้าหญิงจามเทวีขึ้นเป็นกษัตริญ์โดยเฉลิมพระนามใหม่ว่า

“พระนางจามเทวี บรมราชนามี ศรีสุริยวงศ์ องค์บดินทร์ปิ่นธานีหริภุญไชย”

การจากไปครองเมืองหริภุญไชยของพระนางจามเทวี เป็นการจากเมืองละโว้ไปจากพระสวามีและพระญาติพระวงศ์ไปชั่วนิรันดร์ วันที่เสด็จขึ้นครองราชย์ ตรงกับวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย พุทธศักราช 1202 พระชนมายุได้ 26 พรรษา และเมื่อครองราชย์แล้ว 7 วัน พระนางจามเทวีก็ได้ทรงมีพระประสูติกาลพระโอรส 2 พระองค์ พระราชกุมารทั้งคู่ทรงศิริลักษณ์งามละม้ายกัน เป็นที่ปิติยินดีไปทั่วพระนคร ทรงพระนามว่า “พระมหันตยศ” และ “พระอนัตยศ”

พระนางจามเทวี ทรงสถาปนาความรุ่งเรืองให้บังเกิดแก่นครหริภุญไชยมากขึ้นอาณาประชาราษฎร์เป็นสุขสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติโดยถ้วนหน้า มีพระสงฆ์ที่ลงมาจากเมืองละโว้มากมายมาสั่งสอนเผยแผ่พระศาสนาเกิดวันมากมายที่มีภิกษุจำพรรษาเต็มทุกพระอาราม

ในตำนานพื้นเมืองกล่าวว่าพระนางจามเทวีไม่เพียงแต่ทรงเอาพระทัยใส่ในการศาสนาเพียงเท่านั้น ในด้านยุทธศาสตร์การป้องกันพระนคร พระองค์ก็โปรดฯ ให้สร้างด่านไว้ที่ชายแดนที่เวียงนอกและเวียงสามเสี้ยว นอกจากนี้ก็โปรดฯให้จัดการซ้อมรบเพื่อทดสอบความพรั่งพร้อมของกำลังพลอยู่เสมอ

พระนางจามเทวีทรงปกครองเมืองหริภุญไชยด้วยทศพิธราชธรรม พระองค์ทรงสั่งสอนบรรดาเสนาข้าราชสำนัก ตลอดจนพสกนิกรทั้งหลายให้ยึดมั่นในทางธรรมเสมอนครหริภุญไชยจึงเป็นแดนดินที่สงบสุข เจริญรุ่งเรือง ไม่มีโจรผู้ร้าย มีแต่ความสงบร่มเย็นด้วยกลิ่นไอแห่งพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะพระนางจามเทวีได้โปรดฯให้มีการสร้างวัดขึ้นใหม่มากมาย อาทิ วัดอรัญญิกกรัมการาม วัดอาพัทธาราม วัดมหาวนาราม วัดมหารัดารามฯลฯ

ภายหลังพระนางจามเทวีได้สละราชสมบัติให้แก่พระเจ้ามหันตยศครองเมืองแทน กระทั่งพระองค์ทรงมีพระชนมายุได้ 60 พรรษา ได้ทรงสละเพศฆราวาสฉลองพระองค์ขาวเสด็จไปประทับทรงศีลที่วัดจามเทวี ทรงเอาพระทัยใส่ต่อการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนายิ่งขึ้นอีกมากมาย

พระนางจามเทวีเสด็จสวรรคต เมื่อวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 พ.ศ. 1294 รวมพระชันษาได้ 98 ปี สิ้นพระชนม์ไปขณะทรงบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานอยู่นั่นเอง พระราชโอรสทั้ง 2 พระองค์ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์พระศพเป็นพัสตราภรณ์แห่งกษัตริย์หริภุญไชเป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางความโศกสลดของทวยราษฎร์

พระศพพระนางจามเทวีได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดจามเทวี 2 ปี ก่อนที่จะประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงเมื่อวันแรม 2 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก พ.ศ.1276 จากนั้นได้ก่อเจดีย์ให้เป็นที่ประดิษฐานพระอัฐธิธาตุ มีนามว่า “สุวรรณจังโกฏิเจดีย์” ซึ่งได้กลายเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของนครหริภิญไชต่อมาจนทุกวันนี้

เอกสารอ้างอิง

1. ลำพูนที่น่ารู้ คนดีที่โลกมิลืม : สนั่น หมื่นแก้ว
2. ตำนานมูลศาสนา : กรมศิลปากร
3. จามเทวี จอมนางหริภุญไช : กิติ วัฒนะมหาตม์

หมายเหตุ : สุวรรณจังโกฏเจดีย์ ที่ปรากฏอยู่ในตำนานนั้นเชื่อกันว่าคือเจดีย์กู่กุดที่วัดจามเทวี นั่นเอง




Create Date : 10 สิงหาคม 2549
Last Update : 10 สิงหาคม 2549 2:20:14 น.
Counter : 4924 Pageviews.

10 comments
  
ขอบคุณค้าบบ สำหรับข้อมูลดีๆ
โดย: ดีเจกำมะลอ IP: 82.46.171.147 วันที่: 10 สิงหาคม 2549 เวลา:5:41:30 น.
  
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
โดย: rebel วันที่: 10 สิงหาคม 2549 เวลา:7:15:32 น.
  
Very good article krub.
โดย: Duke of York วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:19:50:37 น.
  
และ
โดย: มะเหมี่ยว IP: 124.120.49.214 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:13:01:04 น.
  
โดย: 001 IP: 202.57.149.184 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:29:00 น.
  
ซาบซึ้งทั้งบทเพลงและเนื้อหา โหยไห้อดีตที่เมลืองมลังการ์ ผู้สำนึกในพุทธโอวาท ผู้กตัญญูต่อแผ่นดินแม่ย่อมยืนหยัดร่วมกัน
ขอบทเพลงนี้ไปที่
//www.oknation.net/blog/buddhamongkonhatainares
เพื่อร่วมเตือนใจและเตรียมสร้างรูปเคารพมหากษัตริย์ตรีจามเทวี พุทธอุบาสิกา ณ สถานธรรมนี้... อนุโมทามิ
โดย: อิงอร IP: 210.246.192.59 วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:9:36:40 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะค่ะ ชอบมากๆ
โดย: เลดี้บลู IP: 180.183.18.59 วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:15:12:37 น.
  
ไป web
//queenjamadhevi.com
โดย: Fah IP: 218.186.14.11 วันที่: 6 สิงหาคม 2556 เวลา:7:36:46 น.
  
😂♥️
โดย: สุพิชฌาย์ IP: 223.24.174.169 วันที่: 26 กันยายน 2561 เวลา:7:16:17 น.
  
ชอบมากครับ
โดย: นายอุดมศักดิ์ ลิขิตบัณฑูร IP: 118.172.7.141 วันที่: 2 เมษายน 2567 เวลา:6:40:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เ จ้ า ช า ย น้ อ ย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]







สิงหาคม 2549

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
MY VIP Friends