Korea Day 1 ****คำเตือน นี่คือบันทึกความทรงจำของผู้เขียน ถ้ามันจะมีรูปผู้เขียนก็ไม่แปลก ถ้าไม่ชอบใจรูปผู้เขียน ก็ผ่านหน้านี้ได้เลยค่ะ ผู้เขียนไม่รู้ไม่ชี้**** 3 FEB 2011 เรามาถึงสนามบินอินชอน 6.50 น. ก็เดินไหลตามกระแสไปเรื่อยๆ จนถึงตม.สุดโหด รอบนี้เราหนีที่ทำงานเที่ยว ลาเค้ามาแต่ไม่ได้บอกว่าจะออกนอกประเทศ เลยไม่มีใบรับรองจากที่ทำงาน แต่เราเตรียม statementบัญชีธนาคาร,บัตรวิชาชีพที่มีรูปเราและชื่ออาชีพเป็นภาษาอังกฤษ,แผนการท่องเที่ยวที่บอกว่าห้าวันนี้ไปเที่ยวไหนบ้างและนอนที่ไหน ,สุดท้ายถ้าฟังเค้าพูดไม่รู้เรื่อง เราเตรียมเรียงความภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเราไว้ เขียนไปเรื่อยตั้งแต่ชื่อ อาชีพ เงินเดือน มาทำอะไร พักที่ไหน พกเงินมาเท่าไหร่ มีบัตรเครดิตกี่ใบ เอาไว้ยื่นให้เค้าอ่านเองเลย อิๆ,สำคัญที่สุดเตรียมตั๋วเครื่องบินขากลับไว้ให้เค้าดูด้วย อีกอย่างเลยคือ รูปพาสปอร์ต กับ ตัวจริงพยายามให้เหมือนกันมากที่สุด อย่างเราปกติผมหน้าม้าตลอด แต่รูปพาสปอร์ตเอาผมขึ้นหมดและไม่แต่งหน้า เวลาจะผ่านตม.ทุกที่ เราก็จะไม่แต่งหน้า และเอาผมขึ้นหมดให้เหมือนในรูป ยืนลุ้นดูคนอื่นผ่านตม.กันไปเรื่อยๆ มีทั้งโดนถามและไม่โดนถาม พอถึงตาเรา เอาพาสปอร์ตยื่นให้เค้า เค้าเปิดพลิกๆ แล้วก็ปั๊มเลย ไม่มองหน้าและไม่ถามซักคำ ดีใจสุดๆ อาจเป็นเพราะเดือนที่แล้วเราเพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่น เค้าว่ากันว่าถ้าเคยได้วีซ่าญี่ปุ่นก็แสดงว่าผ่านการคัดกรองมาระดับนึง จึงไม่น่ามีปัญหา จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ ^^ พอผ่านตม.ไปแล้ว ก็ไปรับกระเป๋าที่สายพาน แล้วมาแปลงโฉมที่ห้องน้ำบริเวณสายพานนี่แหละ แปลงโฉมไม่ได้ทำสวยอะไรหรอกค่ะ แค่ใส่เสื้อผ้าพร้อมรับอากาศหนาวต่างหาก ได้เวลาเหยียบเกาหลีกันแล้ว เดินลากกระเป๋าออกมา เราจะไปโรงแรมด้วย airport limousine bus ตามที่แผนที่ที่โรงแรมบอกไว้ ตามภาพเราต้องลงที่ป้าย lotte hotel หรือ ibis แล้วเดินลากกระเป๋าข้ามถนนไปหาโฮสเทลเรา ลากกระเป๋าออกมา ตรงข้ามทางออกก็มีเคาท์เตอร์ ขายตั๋วรถบัสอยู่ประจันหน้าเลยทีเดียว หน้าตาเคาท์เตอร์ขายตั๋วค่ะ สายไหนเราก็ไม่รู้ เรารู้แต่เราจะไปลงที่ lotte hotel เราก็เดินไปบอกเค้าว่า lotte hotel เดี๋ยวเค้าจะเลือกสายให้ บอกราคา พอเราจ่ายเงิน เค้าก็จะบอกว่าต้องเดินไปทางไหน ตั๋วที่ได้ ชานชาลาที่ 11A รถเบอร์6701 เดินตามทางที่คนขายตั๋วบอก ออกไปข้างนอก็เจอ ป้ายรถตามที่คนขายตั๋ววงให้ดู ไม่ต้องกลัวหลงค่ะ เจ้าหน้าที่ประจำป้ายเยอะมากๆ ถามเค้าไปเรื่อยๆ ชานชาลานี้ค่ะ ตัวเลขสีฟ้าคือชั่วโมง ตัวเลขสีดำคือนาทีค่ะ เมื่อได้เวลาก็กระโดดขึ้นรถ ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงป้ายที่เราจะลง เดินตามแผนที่ที่ปริ๊นท์มา 3 นาทีก็เห็นตัวโรงแรมที่เราจะเข้าพักเลยค่ะ เข้าไปที่พักก็ยื่นหระดาษที่เราปริ๊นท์ รายละเอียดการจองห้องพักที่เราและโรงแรมติดต่อกันผ่านทางอีเมล์ เค้าก็จะให้เราจ่ายตังค่าห้องพักทั้งหมดสี่คืนเลย ฮ่วยสงสัยกลัวเราแอบหนี หลังจากเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้อง ทำธุระสร็จออกมา เห็นว่าที่ฟร๊อนท์ มีโบรชัวร์ city tour เต็มไปหมด เราเลยหยิบโบรชัวร์ city tour สกี ไปให้เจ้าของโรงแรมดู แล้วบอกให้เค้าโทรจองสำหรับวันพรุ่งนี้ให้หน่อย เค้าก็โทรศัพท์จองให้ แล้วให้เราจ่ายเงินเลย สองคน 150000 วอนค่ะ ดีใจค่ะ ได้ที่จีซานสกีรีสอร์ท ใกล้โซลแค่ 1 ชั่วโมง จะมีไกด์มารับที่โรงแรมตอน 7.30 พรุ่งนี้ ได้เวลาออกเดินเที่ยวกันแล้ว วันนี้เราจะเน้นเที่ยวบรรดาวังทั้งหลายค่ะ เนื่องจากโรงแรมเราอยู่ใกล้วังทั้งหลาย เราเลยอาศัยการเดินไปแต่ละที่เอาค่ะ ได้เวลากินอาหารรองท้องก่อน วันนี้เป็นวันปีใหม่เกาหลี ร้านค้าแถวโรงแรมปิดหมดเลยค่ะ เลยอาศัยฝากท้องที่ 7-eleven แทน ด้านขวานมกล้วย และมีข้าวห่อสาหร่ายใส้ปลา ถูกและอิ่ม ดีค่ะ แกะดูข้างใน ในเซเว่นก็มี ไส้กรอก ซาลาเปา โอเด้ง ด้วย เซเว่นสาขานี้มีที่ให้นั่งกินด้วย ท้องอิ่มแล้วมาเริ่มลุยก้าวแรกในเกาหลีกัน วิวระหว่างทาง เสียดายมาช้าไปอาทิตย์เดียว ไม่งั้นได้ย่ำหิมะในเกาหลีแล้ว T_T กำแพงก่อสร้างก็ยังสวย อิๆ อุณหภูมิที่นี่ น่าจะอยู่ที่ประมาณ -3 – 3 องศา ไม่หนาวมากค่ะ เสื้อผ้าที่ใส่ก็ ข้างบน ลองจอน เสื้อคอเต่า เสื้อกันหนาวไม่ใช่ขนเป็ด(แต่ต้องกันลม) ข้างล่าง ลองจอน กางเกงยีนส์ยืดตลาดนัด ถุงเท้าตลาดนัดแต่ส้นหนานิ่ม รองเท้าบู๊ทลุยหิมะ อุ่นกำลังดีค่ะ ไม่ต้องรูดซิปก็ไม่หนาว รูปตากล้องค่ะ ลงก่อนจะหายสาปสูญ อิๆ คนไทยในเกาหลีค่ะ เป้าหมายแรกคือ Deoksugung palace โชคดีที่วันนี้วันปีใหม่เกาหลี ค่าเข้าฟรีค่ะ หิมะเริ่มละลาย เสียดาย ดูไปดูมาเริ่มงง มีหลายตำหนักเหลือเกิน ก็ดูๆ ไป ไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับปราสาทเท่าไหร่ ปราสาทเกาหลี คล้ายๆปราสาทเมืองจีน พวก พระราชวังต้องห้ามอะไรพวกนี้นะ ส่วนตัวชอบปราสาทญี่ปุ่นมากกว่า จบจากปราสาท Deoksugung เราจะไปดูหอยหลอดที่ คลองCheonggyecheon กัน ก็เดินกางแผนที่กันไป เกาหลีเป็นเมืองที่ไม่ค่อยสะอาดนะคะ หมายถึงริมถนน ใจกลางเมืองก็มีขยะทิ้งเรี่ยราด หิมะที่ดำปี๋แล้ว เค้าก็ไม่โกยไปทิ้งแม้จะอยู่ข้างสถานที่ท่องเที่ยวก็ตาม โบสถ์ระหว่างทางค่ะ คนเกาหลีนับถือศาสนาคริสต์กันเยอะมากค่ะ ช่วงที่เดินข้ามถนนด้วยทางข้ามใต้ดิน เจอกับลุงกล่องป้ากล่องเข้าค่ะ เหมือนที่ญี่ปุ่นเลย แต่ที่นี่เล่นนอนกันตั้งแต่เที่ยงวันเลยเรอะ ถึงแล้ว หอยหลอดที่คลองชองเกซอน น้ำพุเป็นน้ำแข็งเลยค่ะ ขอซักแชะ คิดว่าถ้าเป็นกลางคืนที่คลองเปิดไฟ วิวน่าจะสวยกว่านี้ค่ะ แอบคิดว่าจะต้องมาเดินเก็บตกที่นี่ตอนกลางคืนให้ได้ จากคลองชองเกซอนเราเดินต่อไปยังพระราชวัง Gyeongbokgung กันค่ะ ถ้าเห็นแบบนี้แสดงว่ามาถูกทาง ขอซักแชะ เรามัวแต่ถ่ายรูปกัน เดินไปไม่ทันการเปลี่ยนเวรยามอ่ะค่ะ ข้ามมาถึงก็ยืนนิ่งกันซะแล้ว สงสัยเค้าจะเลือกเฉพาะคนตัวสูงมาทำงานนี้ค่ะ นี่ก็สูง วันปีใหม่เกาหลีคนเยอะจริงๆค่ะ บอกตามตรงว่าไม่เห็นความแตกต่างจากพระราชวัง deoksugung เลยค่ะ เดินไปก็งงๆหลายซับหลายซ้อนมาก พระตำหนักหลายหลังจริงๆ เดินมาโผล่อีกที ก็ศาลากลางน้ำ แต่ตอนนี้น้ำเป็นน้ำแข็งแล้ว กลายเป็นลานน้ำแข็งสำหรับปั่นลูกข่างการละเล่นประจำชาติ และลากเลื่อนค่ะ ลูกข่างการละเล่นประจำชาติ ปั่นกันใหญ่ ทางนี้ก็เล่นเลื่อนกัน ครั้งหนึ่งที่ได้ยืนบนน้ำค่ะ อิๆ ข้างๆศาลากลางน้ำก็เป็น National folk museum ค่ะ เด็กน่ารักค่ะ ที่นี่เค้านิยมขายสายไหมค่ะ อันละ 2000 วอน อร่อยดีค่ะ เดินๆอยู่ เอ๊ะ เขาเข้าแถวทำอะไรกัน เค้าแจกขนมวันปีใหม่ ชั่วโมงละ 500 ชิ้นค่ะ อิๆ พลาดไม่ได้ ของฟรีต้องร่วมแจม เย้ๆ ได้มาแล้วรสชาติเหมือนปาท่องโก๋กรอบแต่เหนียวแล้วเพราะโดนลม รสเต้าฮวยค่ะ กินประทังหิวได้ค่ะ ต่อไปก็ไปเดินดูส่วนfolk museum ในตัวอาคารก่อน ข้างในก็ออกแนว museum siam บ้านเราค่ะ เนื่องจากตั้งแต่เหยียบเกาหลีเราเดินอย่างเดียว ตอนนี้เริ่มเมื่อย ถึงขึ้นว่าเดินผ่านๆไปให้จบกันทีเดียว อีกอย่างประวัติศาสตร์ชาติเค้าเราไม่ค่อยอินค่ะ ออกมาข้างๆกันก็มี พิพิธภัณฑ์เด็ก ไม่ได้เข้าค่ะเริ่มข้าม ส่วนของเจดีย์ห้าชั้นไม่รู้ว่าคืออะไรเหมือนกันค่ะ แต่วันนี้เค้าปิด ส่วนข้างนอกจะมีการจำลองเมืองสมัยก่อนให้เดินดูค่ะ อารมณ์สามชุกจำลองอะไรอย่างนี้ค่ะ คนเยอะมากค่ะ ถ่ายตรงไหนก็ติดหัวคน ตอนนี้น่าจะบ่ายสองข้าวปั้นเซเว่นเริ่มย่อย ตากล้องเริ่มรีเควสที่กินข้าว ไม่อย่างนั้นอาจได้กัดกันค่ะ ส่วนเรายังเฉยๆค่ะ เพราะตอนไปญี่ปุ่นกว่าจะได้กินข้าวบางทีก็ห้าโมงเย็นหรือทุ่มนึง เพราะกลัวพลาดตารางที่วางไว้ มันเลยชินซะแล้ว เราเลยตัดสินใจไปหาของกินที่ อินซาดงค่ะ ระหว่างทางมีของขายริมรั้วพระราชวังเลยค่ะ น่ากินทั้งนั้น กล้องเราซูมไม่ได้ ไม่กล้าถ่ายใกล้ค่ะ กลัวเค้าด่าเอา ปลาหมึก อันนี้ยอดฮิตเดาว่าเป็นขนมปังห่อไส้กรอกค่ะ มีขายทั่วไปเลย เด็กๆชอบกินกันมาก เสียดายไม่ได้ชิม ดักแด้นึ่งค่ะ กรี๊ดดดด น่ากิน 555 มันทอดคล้ายๆเฟรนซ์ฟรายด์ อันนี้ก็อยากชิมค่ะ น่าจะเป็นแพนเค้ก คล้ายบ้านเรา รูปขี้เหร่มากค่ะ มาถึงอินซาดงแล้ว ขอซักแชะที่อินซาดง เค้าบอกเป็นถนนวัฒนธรรม มีของขาย แต่เราว่ามันเหมือนถนนที่ขายของที่ระลึกทั้งสาย เหมือนไปหมู่บ้านแม้วก็มีขายตุ๊กตาแม๊ว เงินแม๊วอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ ขายของเหมือนกันทุกร้านค่ะ เราแวะหาข้าวบ่ายแก่ๆกินกันดีกว่า ร้านอาหารที่อินซาดง มีรูปอาหารให้ดูหน้าร้านค่ะ เราก็เลือกเอาได้ร้านนึง เครื่องเคียง บรรดากิมจิ และของดองทั้งหลาย ซุปเต้าหู้ บิบิมบับหน้าปลาหมึกแสนอร่อย ทานละนะคะ เมื่อกินอิ่มหนำ เราจึงย้อนกลับไปต่อที่พระราชวัง Changdeokgung กัน เพิ่งเห็นพระอาทิตย์นี่แหละค่า แถวๆเสาที่ทุกคนชอบถ่ายกัน เอามั่งๆ บอกตามตรงว่างงค่ะ พระราชวังเหมือนกันไปหมด ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เลยดูผ่านๆค่ะ ย้ายไปเดินช๊อปปิ้งหาของฝากที่อินซาดงกันดีกว่า ที่อินซาดงจะมีกระดิ่ง Lucky bell ขาย เวอร์ชั่นสามลูกเล็ก ราคาควรจะแค่ 300 บาทเท่านั้นนะคะ บางร้านขายฟันหัวนักท่องเที่ยวซะ900บาทเลย เดินให้ทั่วเปรียบเทียบราคาแล้วค่อยซื้อนะคะ ที่อินซาดงมีอาหารที่เราอยากกินมานานแล้วด้วยค่ะ นั่นก็คือ บ๊อกต๊กกี แต่ว่ารสชาติไม่เป็นอย่างที่คิดอ่ะค่ะ รสชาติแท่งแป้งคล้ายโมจิเหนียวของญี่ปุ่น ลิ้นคนไทยเลยคิดว่าเป็นของหวาน แต่ซอสสีส้มกลับเค็มเผ็ดนิดหน่อยและมีกลิ่นผักดอง ที่เรานึกถึงกระเทียมโทนซึ่งเราไม่ชอบ เราเลยไม่ประทับใจเมนูนี้ค่ะ ตังเม ขนมประจำชาติเกาหลีรึเปล่า ขายเป็นล่ำเป็นสัน ถึงขั้นที่ teddy bear museum ยังต้องมีหมียืนขายตังเม หลากหลายรูปแบบมากๆค่ะ อันนี้ก็ขายหลายร้าน จริงๆรสชาติเหมือนตังเม แต่ตัวแป้งตังเมเค้าดึงไปดึงมาจนเป็นฝอยคล้ายสายไหม ไส้เป็นไส่ถั่วของตังเมนั่นแหละค่ะ หลังจากเดินชิมขนมท้องถิ่นไปเรื่อย รวมทั้งได้ของฝากคนที่เมืองไทยแล้ว เราก็กลับโรงแรมค่ะ แต่ขากลับจะให้เดินกลับคงไม่ไหว ขอขึ้นรถไฟฟ้ากลับนะคะ หมวกสีชมพูจากเกาหลี 300 บาทค่ะ ก่อนกลับถึงโรงแรม ขอแวะซื้อคริสปี้ครีมเกาหลีมากินหน่อยค่ะ โทษฐานที่ร้านอยู่ตรงข้ามโรงแรมเลย เป็นรุ่นเทศกาลวาเลนไทน์ค่ะ อร่อยดี ไม่ต้องเข้าแถวคอยเหมือนประเทศไทย สรุปมื้อเย็นวันนี้คือคริสปี้ครีมค่ะ 555 วันนี้เรากลับถึงที่พัก และถ้าจำไม่ผิดจะรีบเข้านอนประมาณสองทุ่มกว่าๆค่ะ เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า และไกด์สกีทัวร์จะมารับเราถึงหอตอน7.30 น.ค่ะ แค่หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย เพราะเดินมาทั้งวัน เป็นวันที่ทรหดยิ่งนัก   Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2554 1 comments Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2554 20:06:12 น. Counter : 7790 Pageviews. Share Tweet

จำได้ว่าทั้งวันนั่งรวมกันไม่ถึงชั่วโมง ถ้ามีเวลาศึกษาข้อมูลพระราชวังแต่ละที่เราอาจจะซาบซึ้งกว่านี้ แต่ตอนนี้เมืิอยมั่กๆๆ   โดย: oum IP: 118.172.186.136 20 กุมภาพันธ์ 2554 21:38:58 น.