Bloggang.com : สาวก HANSON : Japan 2009 : Day 4 --- Himeji castle

Japan 2009 : Day 4 --- Himeji castle

31 มีนาคม 2552

Himeji castle , Nagoya , Hida wideview train , Takayama

ระดับความประทับใจ : สิบคะแนนเต็ม

****คำเตือน นี่คือบันทึกความทรงจำของผู้เขียน ถ้ามันจะมีรูปผู้เขียนก็ไม่แปลก ถ้าไม่ชอบใจรูปผู้เขียน ก็ผ่านหน้านี้ได้เลยค่ะ ผู้เขียนไม่รู้ไม่ชี้****

Japan 2009 : วันเดินทาง
Japan 2009 : Day 1 --- Kyoto
Japan 2009 : Day 2.1 ---- kyoto
Japan 2009 : Day 2.2 ---- kyoto
Japan 2009 : Day 3 ---- Hiroshima
Japan 2009 : Day 4 --- Himeji castle
Japan 2009 : Day 5.1 --- Takayama
Japan 2009 : Day 5.2 --- Shirakawa-go
Jajan 2009 : Day 6 --- Nikko
Japan 2009 : Day 6.2 --- Nikko
Japan 2009 : Day 7 --- Chuson-ji temple & Tokyo
Japan 2009 : Day 7.2 --- Yokohama & Tokyo
Japan 2009 : Day 8 --- Owakudani & Tokyo
Japan 2009 : Day 9 --- Sakura full bloom &Tokyo
Japan 2009 : Day 9.2 --- Tokyo #End#

เริ่มต้นเช้าวันที่สี่ ด้วยการลากกระเป๋า 24 นิ้ว ออกมาจากโรงแรม
เพราะวันนี้เราจะย้ายที่นอน ไปนอนที่ทาคายาม่า
โดยจะแบ่งกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กออกมาอีกใบ
ส่วนกระเป๋า 24 นิ้วเราจะทิ้งไว้ในล๊อกเกอร์สถานีรถไฟ
ซึ่งเราก็ทำตัวน่าเกลียดอีกแล้ว โดยเอาเสื้อผ้าใส่ถุงพลาสติกที่ซื้อมาจากร้านร้อยเยน
มันลำบากค่ะ อย่าเอาอย่างนะคะ สาเหตุเพราะไม่ยอมซื้อเป้แบคแพคมาใช้นั่นเอง

วันนี้อาหารเช้าบนรถไฟคือนี่

แต่ที่อยากจะแนะนำคือขนมนี้ค่ะ เราเรียกขนมน้องไข่ ขายอยู่คู่กะขนมน้องหมา
อ่านไม่ออกหรอกค่ะ แต่เห็นเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า number one เราเลยเอามาลองซะหน่อย
ปรากฎว่ามันเป็นcheese cake ที่อร่อยมากๆๆๆๆๆ

ดูอย่างนี้อาจไม่น่ากิน แต่ว่ามันละลายในปากเลยทีเดียวค่ะ มีขายเฉพาะสถานีโอซาก้านะคะ
ใครผ่านไปลองแวะชิมนะคะ อร่อยมากค่ะ

พอถึงสถานี อะไรก็ไม่ได้จำค่ะ( เป็นรีวิวที่ช่วยอะไรใครไม่ได้เลย ) ก็เดินเท้าต่ออีกปนะมาณ 15นาที

วิวระหว่างทาง

ฝาท่อเมืองนี้ค่ะ

เริ่มเห็นปราสาทไกลๆแล้ว ถ้าเป็นทริปแบบเร่งรีบนะคะ ยังไม่ต้องรีบถ่ายรูปนะคะ
เข้าไปจนถึงในรั้วปราสาทก่อน มีมุมที่ถ่ายรูปได้สวยและชัดกว่าแน่นอน
แต่พวกเราบ้ากล้องค่ะ เห็นอะไรถ่ายหมด ทำให้ไม่ค่อยทันเที่ยวโปรแกรมถัดไป

แวะถ่ายมันทุกจุด

น้องแมวที่มารออาหารจากคนที่มาฮานามิ

ตั๋วเข้าชมปราสาท

แอบเห็นคุณลุงพาคุณป้ามาเที่ยวชมซากุระด้วย น่ารักจัง ^^

ตอนที่เราไปปราสาทฮิเมจิ ซากุระยังไม่บานค่ะ มีบานเพียงบางต้นเท่านั้น
แต่เราไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะ เมื่อวานเราไปเจอสุดยอดซากุระมาแล้ว อิๆ ยังประทับใจมิรู้ลืม

เดินเข้าตัวกำแพงก่อน

ภายในกำแพง

เกร็ดเล็กน้อยของปราสาทฮิเมจิ จำมาจากเพื่อนอย่างเดียว ไม่รับประกันความถูกต้องนะคะ
เป็นปราสาทที่สร้างมาเพื่อการรบ ตัวกำแพง มีช่องทางเดินจากกว้างไปแคบ ทำให้ข้าศึกบุกลำบาก
ที่กำแพงมีหน้าต่างซี่ๆไว้ให้ทหารแทงหอกไปฆ่าข้าศึกได้
ขั้นบันไดไม่เท่ากัน เอียงโย้เย้ เพื่อให้ข้าศึกทรงตัวไม่อยู่เวลาบุกทีละเยอะๆ

อันนี้มุมมองจักรพรรดิ์ค่ะ ถ้าซากุระบานคงงามมาก

แต่ในตัวกำแพง มีห้องๆนึง เค้าเอารูปปั้นจำลองของเจ้าหญิงมาตั้งไว้

เหมือนว่าเป็นห้องที่ใช้ซ่อนตัวของเจ้าหญิง
เวลามีข้าศึกบุก องครักษ์จะได้มาช่วยได้ทัน

เราต้องเดินไปตามกำแพงนี้ค่ะ เดินไปเรื่อยๆจนถึงตัวปราสาทข้างในนู้น

หลังจากนั้นพอเดินพ้นตัวกำแพง ก็จะเป็นสวนในปราสาทก่อนถึงตัวปราสาท

เจอซากุระสีชมพู คนเข้าคิวถ่ายรูปกันเยอะทีเดียว

แอบเมาท์ ตามประสา ผีห้องแป้งว่า
ที่ญี่ปุ่น สาวๆที่นี่นิยมปัดแก้มแดงๆกลมๆกันค่ะ
คือปัดวนๆอยู่ที่แก้มข้างหน้า ไม่ลากไปจนถึงด้านข้าง
วันนี้ สาวๆทริปเราเลยปัดแบบนั้นกันทุกคนเลยค่ะ

กลายเป็นแอบรีวิวซะงั้น
เราใช้ บลัช ของ mac สี peach มาปัดๆวงๆ
สีเวลาถ่ายรูปออกมาดูชมพู healthy ดีเหมือนกันแฮะ บอกต่อค่ะ บอกต่อ

ปราสาทฮิเมจิสวยมากค่ะ เดินไปก็มีแต่มุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปตลอด
จนน้องต้องเร่งเพราะว่าใกล้ถึงเวลานัดแต่ยังไม่ได้เข้าตัวปราสาทเลย
สรุปจึงต้องวิ่งหน้าตั้งกันอีก
วิ่งอ้อมไปมาซักพักก็ถึงตัวปราสาท ตรงนี้ล่ะค่ะ ถ่ายรูปได้สวยมาก เห็นปราสาทชัดทีเดียว

คนอื่นหนาวกันมาก แต่มีอยู่สองคนที่เหงื่อไหลเป็นทางทีเดียว
เพราะวิ่งถ่ายรูปกันหน้าตั้ง

หลังจากนั้นก็เข้าไปในตัวปราสาท
ภายในตัวปราสาท ก็แบ่งเป็นชั้นๆ 5 ชั้น ตัวปราสาทสร้างจากไม้เก่าๆ
ภายในมีข้าวของโบราณมาจัดแสดง คล้ายๆพิพิธภัณท์
ปราสาทฮิเมจิ ดีตรงที่ สามารถถ่ายรูปภายในตัวปราสาทได้

อานม้าโบราณ

บันไดภายในปราสาทชันทีเดียว

รูปภาพโบราณ

พอขึ้นชั้นมาถึงชั้น 5 ก็จะเห็นน้องปลาที่หลังคาปราสาท

บนชั้น 5 มีศาลตั้งอยู่

เพื่อนคนเดิมก็เล่าให้ฟังว่า ปราสาทแห่งนี้มีวิญญาณเจ้าหญิงสิงอยู่
แต่ไม่รู้ว่าใช่เจ้าหญิงองค์ที่อยู่ในกำแพงรึเปล่า
ประมาณว่า พอท่านจักรพรรดิ์ ยอมฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามก็จะจับเจ้าหญิงเป้นภรรยา
แต่เจ้าหญิงรักชาติมากเลยไม่ยอม สุดท้ายก็เลยผูกคอตายอยู่ที่ชั้นบนสุดของปราสาท

สาเหตุที่เค้าตั้งศาลเพราะ คนดูแลมักเห็นผู้หญิงใส่กิโมโนสีขาวเดินไปมาในปราสาทตอนกลางคืนนั่นเอง
บรึ๋ยส์

ขากลับจากปราสาทก็ยังมีมุมให้ถ่ายรูป

หลังจากนั้นต้องวิ่งหน้าตั้งกลับสถานีเพราะเหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนรถไฟมา วิ่งกันอีกแล้วทริปนี้
จำได้ว่าcount down กันแบบฉิวเฉียดมาก ประมาณว่าเสียงรถไฟวิ่งมาแล้ว แต่คนยังมาไม่ครบ
สุดท้ายก็หิ้วกระเป๋า 24 นิ้ว กระโดดขึ้นรถไฟกัน แป๊บเดียวประตูก็ปิดเลยทีเดียว

หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟไปนาโงย่า
พอหิ้วกระเป๋าลงจากชินคันเซนก็เดินลงไปตามทาง
แต่แปลกใจที่ อีกกลุ่มไม่ตามลงมา พี่โอ๊ตเลยเดินย้อนขึ้นไป
พวกที่เดินลงมาแล้วก็ไปยืนรอกันอยู่ที่ทางออก รอ ร๊อ รอ เกือบ40นาที
ก็ยังไม่มา เลยไปเดินหาน้ำกิน
ผลปรากฎว่า

ไม่อร่อยมากๆ น้ำผักที่นี่ก็คือน้ำผัก ไม่หวานซักกะติ๊ด
ยี่ห้อนี้เลยค่ะ

แอบเห็น เมลอนปัง เลยสอยมาทาน
เพราะอยากรู้มานานแล้วว่า รสชาติมันเป็นยังไง

ทุกคนลงความเห็นว่าคล้ายโรตีบอยค่ะ แต่แข็งกว่า

จนสุดท้ายอีกกลุ่มก็เดินลงมา
ปรากฎว่าสาเหตุที่มาช้าเพราะ ลูกทัวร์คนนึงลืมกระเป๋าไว้บนรถไฟ
พอลงมาประตูรถไฟก็ปิด เค้าก็ไปเคาะกระจกรถไฟชินคันเซนกัน แล้วตะโกน my bag my bag !!
ปรากฎว่าชินคันเซ็นก็ไม่ออกวิ่ง พี่โอ๊ตเม้าท์ว่าซินคันเซ็นมันมีเซ็นเซอร์ถ้ามีอะไรไปโดนตัวรถมันจะไม่วิ่ง จริงรึเปล่าก็ไม่รู้

ทีนี้ตำรวจก็วิ่งมากันเต็มเลยค่ะ มาขอดูพาสปอร์ตของคนที่มีอายุที่สุด
ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนลืมกระเป๋าเลย
คือตำรวจเค้าโมเมเอาว่าคนนี้คือ leader 555
แล้วก็ถามว่ามาจากไหนมาทำอะไร แต่ตำรวจเค้าก็ยิ้มๆนะคะ

แล้วสุดท้ายเค้าก็บอกว่า ถ้าลืมกระเป๋า กระเป๋ามันก็ไปจอดที่สุดสถานี คือโตเกียว ให้ไปรับที่ lost & found โตเกียว
แล้วเค้าก็ปล่อยตัวพวกเรา

สรุปทัวร์เรา เก๋มากที่ไปหยุดรถไฟชินคันเซน อย่างน้อยก็ 5 นาทีล่ะ เจ๋งจริง
เพราะรถไฟญี่ปุ่นมีชื่อเสียงเรื่องตรงเวลาที่สุด รถไฟช้าไปแค่ไม่กี่นาที ทำให้หลายคนผิดนัด เสียหายหลายแสนอยู่ค่ะ

หลังจากนั้นเป็นอันตกลงว่าเราพลาดไปปราสาทนาโงย่าค่ะ
เพราะเหลือเวลาอีกแค่ 1 ชั่วโมงที่จะต้องขึ้นรถไฟ limited hida wideview ที่จองไว้แล้วเพื่อไปทาคายาม่า
เราก็เลยลงความเห็นกันว่า หาข้าวเที่ยงกินที่นี่แล้วกัน

เอากระเป๋า 24 นิ้วใส่ลอคเกอร์ก่อน
มีทริคว่า ถ้าไปกันหลายคนแล้วไม่คิดจะแยกตัวไปไหนคนเดียวต่อ เอาตู้ใหญ่สุดเลยค่ะ ใส่กระเป๋าได้หลายใบมากๆ
แต่ถ้าต้องแยกตัวไปไหนต่อคนเดียว ให้ใส่ลอคเกอร์เดี่ยวคนเดียวไปเลย
ไม่อย่างนั้นจะลำบากตอนเอาของออก
เพราะเราเจอปัญหามาแล้ว

เก๊กหน่อย

นี่ล่ะค่ะถุงแม่บ้านกระเป๋าย่อยของเรา ลำบากมากค่ะ พะรุงพะรังทีเดียว อย่าเอาอย่างนะคะ

กลุ่มเราขอออกพ้นตัวสถานีขึ้นบนถนนหน่อย ขอเหยียบเมืองนาโงย่าซักหน่อยเถอะ

แอบเห็นป้ายในสถานีชี้ทางไป sakura dori มันต้องมีแต่ซากุระแน่ๆ
เลยเดินไปตามทาง

ภายนอกสถานี

เจอแล้วๆๆๆ

แต่มีต้นเดียว เพราะต้นอื่นยังไม่บาน

ข้างนอกไม่มีอะไรให้เดินต่อจึงลงมาที่สถานีหาข้าวกิน
จะมีร้านอาหารหลายร้านซ่อนอยู่ในซอย

วันนี้ไปทานข้าวหน้าปลาดิบกัน

ร้านนี้เขียนวิธีกินไว้ให้อ่านด้วยค่ะ
เค้าบอกว่าตอนแรก ให้กินแบบไม่ปรุงก่อน หลังจากนั้นให้เติมเครื่องเคียง พอข้าวใกล้หมดให้เติมน้ำซุบ แต่พอเติมน้ำซุปแล้วมันกินลำบากจัง

ระหว่างกินคุณป้าก็จะมาบอกวิธีกิน และเมาท์อะไรเป็นระยะ
ซึ่งแน่นอนฟังไม่รู้เรื่องค่ะ

ได้ยินอย่างเดียว ตอนป้ามาจับแขนเราแล้วก็ ...cawai ne ^^ ปลื้มค่ะ

ครอกเก้ หิวจนลืมถ่าย

อิ่มแล้วก็จ่ายตัง
พอเดินออกมาคุณป้าเจ้าของร้านรีบเอาใบปลิวที่เราลืมไว้ในร้านออกมาให้
ทั้งๆที่มันเป็นแค่ใบปลิวอ่ะค่ะ คุณป้าใจดีจริงๆ

โต๋เต๋รอรถไฟ

ได้เวลาขึ้นรถไฟ Hida wideview เพื่อไปยังเมือง ทาคายาม่าแล้ว
รถไฟขบวนนี้เป็น limited express
มันจะมีหน้าต่างกว้างกว่าชินคันเซน เพื่อไว้ชมวิวข้างนอก

ซึ่งวิวข้างนอกสวยมากๆ มันเป็นหมู่บ้านชนบท
บ้านจะเป็นทรงโบราณ มีสามชั้นแบบปราสาท
แต่ละบ้านก็จะปลูกดอกไม้สีสันสดใส
สลับไปกับวิว ภูเขาและแม่น้ำสีเขียว+ซากุระตลอดแนว แต่มันยังไม่บาน
เราชอบรถไฟนี้มากเลยค่ะ วิวสวยจริงๆ
ถ้าใครจะไปทาคายาม่า อย่าลืมรถไฟสายนี้นะคะ

เสียดายที่รถวิ่ง ภาพที่ได้มาเลยไม่ชัดค่ะ

หลังจากตื่นเต้นกับวิวอยู่นาน ทุกคนก็เริ่มหลับกันหมด
เพราะระยะทางจากนาโงย่าถึงทาคายาม่าไกลพอสมควร
wideview ก็ wideview เฮอะ หลับคร่อกทีเดียว

หลังจากดื่มด่ำ หลับจนเต็มอิ่มกับวิวแสนสวยบนรถไฟ Hida wideview
ก็ถึงทาคายาม่าซักที เวลาตอนนั้นก็ประมาณหกโมงเย็นนิดๆ

พี่โอ๊ตรีบไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตรงที่จองตั๋วรถบัสไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ
ปรากฎว่าปิดแล้ว ต้องตื่นมาจองตั๋วพรุ่งนี้เช้า

จากนั้นจึงเรียกแทกซี่ไปส่งพวกเราที่ที่พัก
ซึ่งเป็นวัดที่ดัดแปลงมาเป็นคล้ายๆ home stay
ซึ่งมีวัดอย่างนี้อยู่ทั่วทาคายาม่าเลย
ไปถึงวัดก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆแล้ว ที่นี่ร้านอาหารปิดสองทุ่ม
กรี๊ดดดดด มาถึงก็ต้องรีบโยนกระเป๋าแล้วรีบเดินออกไปหาอะไรกินทันที

ร้านเป้าหมาย

ร้านนี้ให้เยอะและอร่อยมากๆ

แชะก่อนกลับ

แวะ 7-eleven หาเสบียงก่อนกลับวัด
มีน้ำอัดลม final fantasy ด้วย

การ์ตูนโป๊ มีให้เลือกหลายเรื่องทีเดียว

นุ่มลิ้นจริงๆอิๆ(ยืมมาเก๊กอย่างเดียวค่า)

จากนั้นจึงเดินกลับวัด
ภายในวัดตกแต่งได้ทันสมัยและน่ารักจนตอนแรกเราไม่รู้เลยว่าเป็นวัด

ตุ๊กตาเด็กผู้หญิง เพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก
ท่าทางจะเก่ามาก

อันนี้มาเป็นโต๊ะ

ภายในห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่น

พร้อมนอนเก็บแรงแล้วค่า

จบวันที่ 4 ไปอย่างประทับใจ
วันนี้ recommend มากค่ะ เพื่อนๆลองมาเที่ยวกันดูนะคะ

Create Date : 25 เมษายน 2552

Last Update : 24 พฤศจิกายน 2552 23:56:32 น.

4 comments

Counter : 2704 Pageviews.

ท่าทางจะรีบไปหน่อยนะเนี่ย ยังผิดๆถูกๆอยู่เลยอ่ะ

โดย: oum IP: 118.174.90.106 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:1:02:46 น.

โอย ตอนไปไม่ได้ไปเมืองนี้เลย
เป็นกรุ๊ปทัวร์ที่เฮฮาปาจิงโกะมากๆ เลยค่ะ หยุดชินคันเซนเนี่ย
ปราสาทฮิเมจิดูขลังจัง ด้านในก็ดูมีอะไรให้ดูเยอะดี
ไม่เหมือนปราสาทโอซาก้าที่ข้างในมันนิ้งเอี่ยมอ่อง มีแต่บอร์ดประวัติศาสตร์ให้อ่าน

ถ้ามีโอกาสไปอีกคงต้องไปปราสาทฮิเมจิให้ได้

ของกินก็น่ากินนะ ชีสเค้กอ่ะ
โอยๆๆ อยากไปอีกจัง

โดย: oanotai

วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:10:47:15 น.

เมื่อไรจะใด้ไปบ้างนะ

โดย: jukntao IP: 58.9.137.188 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:12:28:48 น.

อืมม..น่าสนๆๆ

โดย: oohayoo IP: 115.84.64.168 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:17:57:08 น.