Welcome to Kookkies's Webblog
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
16 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 

เนปาล 2016

12-15 กพ 2559 

ไปเที่ยวเนปาลมา
โดยไปดูภูเขาหิมาลัย ที่่ Nagarkot
และเที่ยวดูโบราณสถานในกาฐมาณฑุ

เล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงการเมืองในเนปาลสักเล็กน้อย
เนปาลปกครองด้วยระบบกษัตริย์มายาวนานร่วม 2000 ปี
เปลี่ยนราชวงศ์ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเป็นราชวงศ์ชาห์

ขบวนการประชาชน ได้บีบให้กษัตริย์พระองค์ก่อน คือ พิเรนทรา ยอมปฏิรูปการเมือง
และพระราชทานรัฐธรรมนูญ ในเดือนพฤษภาคม พศ 2534
ทำให้เนปาลมีรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพของรัฐบาล
กับพรรคคอมมิวนิสท์เนปาล (เหมาอิสท์) หรือกบฎลัทธิเหมา
ที่จับอาวุธสู้มาตั้งแต่ปี พศ 2538
จนฝ่ายกบฎมีฐานที่มั่นอยู่ใน 50 จังหวัดจาก 75 จังหวัดของเนปาล
ซึ่งเป็นกองกำลังต่อต้านรัฐที่ใหญ่มาก

ต่อมาเกิดเหตุการณ์สังหารโหดในพระราชวัง ปี 2544
ที่ทำให้กษัตริย์ ราชินี และทายาททุกคนเสียชีวิตหมด
เหลือแค่สองคน คือ น้องชายของกษัตริย์และลูกชายเพลย์บอย
และน้องคนนี้ก็ขึ้นครองราชย์ต่อมา โดยที่ประชาชนไม่ยอมรับสักเท่าไร
เพราะทุกคนต่างก็คิดว่า เป็นการแย่งชิงราชบัลลังค์

พศ 2549 มีการประท้วงขับไล่กษัตริย์ทั่วประเทศ 
ว่ากันว่า เฉพาะในเมืองหลวง มีผู้คนออกมาประท้วงร่วมห้าแสนคน
และก็วุ่นวายต่อมาอีกเรื่อยๆ

พอปี 2551 รัฐบาลประกาศยกเลิกระบบกษัตริย์และถูกไล่ออกจากพระราชวัง
พระราชวังต่างๆก็ถูกยึดมาเป็นสมบัติของรัฐหมด
กลุ่มรัฐบาลปัจจุบันก็เป็นรัฐบาลผสม นำโดยพรรคคอมมิวนิสท์เนปาล (เหมาอิสท์)

เนปาล เป็นประเทศที่ยากจนมาก
ยากจนเป็นอันดับ 10 ของโลก
และไม่มีทรัพยากรเป็นของตัวเอง ไม่มีทางออกทะเล
ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ไม่เอื้อต่อการเพาะปลูกสักเท่าไร
สินค้าในชีวิตประจำวันทุกอย่างต้องพึ่งพาอินเดีย
มีขอทานเยอะ รถเมล์เก่ามาก และแน่นมาก
สาธารณูปโภคไม่เพียงพอ

อ่านมาจาก นสพ ฉบับภาษาอังกฤษว่า
รัฐบาลเนปาล ไม่ค่อยทำอะไร เพราะระบบราชการอืดอาด และคอร์รัปชั่นเยอะ
ไกด์เล่าว่า ได้คุยกับทูตไทย ซึ่งบอกว่า 
มีเงินบริจาคช่วยกรณีแผ่นดินไหวเนปาล อยู่ในความดูแลของท่านทูตอีกกว่าสิบล้านดอลล่่าร์
แต่ยังใช้ไม่ได้ เพราะรัฐบาลเนปาลไม่ส่งข้อเสนอมาว่า 
จะใช้เงินนี้ช่วยประชาชนเนปาลอย่างไร

***********

เมืองแรกที่ไป คือ Bhaktapur ภัคตะปูร์
เป็นเมืองหลวงเก่า สมัยไหนไม่รู้ จำไม่ได้
แต่มีพระราชวัง และประตูทองคำ มีทหารรักษาวังด้วย

ระหว่างทางเดินไป
ก็มีชุมชนชาวบ้าน
คนแก่ๆเด็กๆ ชอบมานั่งสังสรรกันที่ศาลาริมทาง




สัญลักษณ์แสดงการได้รับการรับรองเป็นมรดกโลก



แดดแรง



มีอะไรสักอย่าง ประดิษฐานอยู่บนบันได
ถ้าเป็นเมืองจีน จะคิดว่าเป็นที่ฝังศพ
แต่ทางฮินดู คงไม่ใช่



อาคารด่านหน้า และซากกองอิฐจากแผ่นดินไหว
วางเรียงไว้ คงจะรอการบูรณะ



ประตูทางเข้าพระราชวัง
รูปปัั้นบนแท่น เป็นกษัตริย์บูชาเทพเจ้าอยู่

ไปไหนๆในกาฐมาณฑุ จะพบไม้ค้ำอาคารอยู่เกือบทุกแห่ง



ด้านหน้าพระราชวัง
มีฐานสถูปที่เจดึย์ยอดถล่มลงมา
ของเดิมเป็นตามในรูปที่เค้าแสดงไว้
พังลงมาหมด เหลือแต่แท่นระฆังมุมซ้ายล่างของรูป



ประตูทองคำ
มีทหารรักษาการณ์อยู่



หน้าบันเป็นเทพเจ้าต่างๆ



ข้างใน มีส่วนของเทวสถานฮินดู ที่ห้ามถ่ายรูป
แต่เดินเลยเข้าไปข้างใน ก็ถ่ายรูปได้อีก
สระน้ำสำหรับกษัตริย์ 
ท่อส่งน้ำ ประดับประดาด้วยสัตว์ต่างๆ





เดินออกมาจากพระราชวัง
มีสถูปที่พังถล่มลงมาอีก
ของเดิม มีเจดีย์สีขาวอยู่บนฐานอันนั้น
ตามรูปเล็กด้านขวา



อาคารด้านหน้าพระราชวัง
(ที่ติดกับประตูทองคำ)
เป็นอาคารที่สลักเสลาสวยงาม
น่าจะเป็นระเบียงที่กษัตริย์โผล่ออกมาเยี่ยมราษฏร



จากนั้น ก็เดินไปเรื่อยๆ
จะไปลานคนเมือง
มีโรงแรม เกสท์เฮาท์ และร้านขายของตลอดทาง







ลานคนเมือง Dattratreya square
อันนี้ไม่พัง



มีร้านน้ำชาอยู่ริมสแควร์



เราก็เลยขึ้นไปกินน้ำชาบนชั้นสาม



มีเพื่อนเอาคุกกี้ซินนามอนไปด้วย เข้ากั๊น เข้ากัน



ระหว่างที่อยู่บนชั้นสาม
มีขบวนแห่ศพผ่านมาด้วย



บ๊ายบายกับคุณลุง
สงสัยเป็นเจ้าของอาคาร



เด็กชายคนนี้ ง่วนอยูกับการทำอะไรสักอย่าง
เข้าไปดูใกล้ๆ เขากำลังถักเชือกอยู่
ออกมานั่งในแดด เพราะอากาศหนาว



ความเสียหายจากแผ่นดินไหว
อันนี้ถ่ายให้เห็นว่า เบื้องหลังหน้าต่างที่เป็นตารางๆไม้แกะสลัก
จะเป็นระเบียงทางเดิน แล้วถึงจะเป็นกำแพง
แต่ทำไมกำแพงถึงได้หนาขนาดนั้น
หลังกำแพง ดูเหมือนเป็นลานโล่งๆ และมีบ้านแยกๆกันอยู่
แอบๆมองเข้าไป เป็นแบบนี้หลายแห่งเลย



วิถีชาวบ้าน



จักรยานคันเดียว
ขนผลไม้มาขายได้เยอะแยะ









คือ..หัตถาครองพิภพ





โชวห่วย
ขายทุกอย่าง



บ้านที่พังจนอยู่อาศัยไม่ได้
(และก็คงจะซ่อมไม่ไหว)
ข้างหลังประตูสีฟ้านั่น คือ กองอิฐใหญ่
ขณะนี้ ปีนี้ ยังมีชาวเมืองอีกเยอะที่ต้องอาศัยในเต๊นท์ที่รัฐจัดให้กลางเมือง
เพราะไม่มีบ้านอยู่แล้ว



ระเบียงบ้าน เกือบทุกหลัง
จะถูกตีปิดด้วยระแนงไม้
เพื่อกันลม และกันสายตาคนภายนอกไม่ให้เห็นสาวในบ้าน
คนภายในมองออกมาข้างนอกได้
บ้านรวยๆ ก็สลักเสลาบานไม้สวยงาม
บ้านจนๆ ก็เป็นระแนงไม้ธรรมดา


ถ่ายรูปนี้ เพราะสงสัยว่า ทำไมบานประตูริมถนน สวย
แต่ข้างใน เป็นบ้านเก่าผุๆพังๆ ?
มันดูคอนทราสกันมาก



บ่ายแก่ๆ
เรานั่งรถขึ้นเขาไปหลายชั่วโมง
วกไปเวียนมา
เพื่อไป Nagarkot ชมวิวภูเขาหิมาลัยยามเช้า

ที่พักบนยอดเขา หนาวมาก ขอบอก
ในห้องมีฮีทเตอร์ตัวเล็กให้ด้วย
แต่เค้าดับไฟตอนสี่ทุ่มกว่าๆ 555+
แล้วแจกกระเป๋าน้ำร้อนให้นอนกอดคนละใบ อิอิอิ
ก็โอเคอยู่นะ อุ่นๆดีในผ้าห่ม









ภูเขายามบ่าย



แสงแรกแห่งตะวัน





แสงชมพูยามเช้า



ยอดนี้มีเมฆ





ดูเหมือนเราจะอยู่สูงกว่าโรงแรมอื่นๆนะ



ระหว่างทางลงเขา





แล้วก็ไป Changu Narayan เป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในเนปาล
ตัวอาคารหลักยังอยู่
แต่อาคารรายล้อมรอบๆ พังเสียหายหมดเลย





ด้านในมึคนเฝ้า
จัดของเตรียมสำหรับการบูชา
ชาวฮินดูจะมาบูชาเทพเจ้าผ่านหน้าต่างนี้





เป็ดเนปาล



หุ่นที่นี่
เป็นหุ่นตัวเดียว แต่หลายหน้าหลายมือ



งานฝึมือ
ทำกันเห็นๆ





มิวเซียม 
คงไม่มีใครกล้าเข้าไปมั๊ง



ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
บ้านนี้ดูเหมือนไม่สนใจจะซ่อมอะไร



ลงมาผ่านเมืองอีก
นี่คือการขนส่งแพะ
คนกับแพะอาศัยรถคันเดียวกัน
แต่แพะได้อยู่ชั้นสูงกว่า
ต้องคอยเลี้ยงตัวไปมาระหว่างรถเบรค และเลี้ยว



ambulance ในเนปาล
ดูจากสภาพแล้วไม่น่ามีเครื่องมือช่วยพยุงชีพใดใด
น่าจะเป็นรถนำส่งคนเจ็บเฉยๆ



Buddhanath เป็นเจดีย์ใหญ่
เคยมีดวงตาพระศาสดาคอยปกป้องโลก
แต่ตอนนี้ทลายไปหมดแล้ว



กำลังอยู่ระหว่างการบูรณะ



ทางเดินรอบๆ มีระฆังสวดมนต์



สาวเริ่มรุ่น





ต่อไปก็เป็น Patan town

ปะฏันหรือปาทาน เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำพัคมาตี อยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 5 กิโลเมตร สร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ช่วงศตวรรษที่ 3 ปะฏันได้ชื่อว่าเป็นเมืองคู่แฝดของกรุงกาฐมาณฑุได้รับการขนานนามว่าเมืองแห่งความงาม (City of Beauty) เป็นเมืองที่รู้จักกันในนามของเมืองแห่งศิลปะอีกด้วย โดยเฉพาะชื่อเสียงทางศูนย์กลางงานหัตถศิลป์ของชาวทิเบตอพยพ มีชื่อเสียงในเรื่องพระพุทธรูป นับเป็นนครโบราณที่ยังมีชีวิต ภายในเมืองเต็มไปด้วยวัดทางศาสนาฮินดูและสิ่งปลูกสร้างในพุทธศาสนา สืบเนื่องมาจากความหลากหลายของวัฒนธรรมในยุคกลางทำให้ทั้งศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธเฟื่องฟูในแถบนี้ เมืองปะฏันนี้นับเป็นผลงานสถาปัตยกรรมและการวางผังเมืองชิ้นเอกแบบเนวารี มีถนนโบราณตัดตามแนวเหนือ-ใต้และตะวันออก-ตะวันตก แบ่งเมืองออกเป็น 4 ส่วน โดยมีจัตุรัสปะฏัน ดูร์บาร์และพระราชวังปะฏันเป็นศูนย์กลาง






















วัดฮินดูแห่งหนึ่ง
มีการจุดไฟเพื่อบูชาเทพ
เขาจะปัดเอาควันไฟขึ้นมาใส่ผม











เหนื่อยมากแล้ววันนี้
ตกเย็น เราไปกินข้าวกันที่ Garden of Dreams

คอมเพล็กส์นี้ เคยเป็นของตระกูลใหญ่ร่ำรวยตระกูลหนึ่ง
สร้างมาตั้งแต่ปี 1920
พอหมดอำนาจ ก็ถูกปิด และถูกรัฐบาลยึด
ปิดไปหลายปีมาก และถูกนำมารีโนเวทใหม่โดยเงินทุนจากรัฐบาลออสเตรีย
ปัจจุบัน อาคารใหญ่ ซึ่งเป็นตึกสามชั้นรูปตัวแอล กลายเป็น Ministry of Education
อาคารเล็กริมถนน (หมายเลข 1) ถูกนำมาทำเป็นร้านอาหาร
เดิมประตูทางเข้า น่าจะอยู่ด้านขวามือ
มีที่จอดรถหลายคัน แต่ปัจจุบันให้เดินเข้าทางประตูริมถนน







ร้านอาหาร
เรานั่งโตํะหัวมุมชั้นบน



วันที่สาม ไป Kathmandu durba ตลาดนัดเช้าวันอาทิตย์




ตึกแถวๆนี้ ก็พังไปเยอะ





ในอาคารนี้
เราได้เห็นกุมารีด้วย
เธอจะเยี่ยมหน้าออกมาจากหน้าต่างชั้นสามนั่น
เป็นเด็กผู้หญิง แต่งหน้าขาวจัดแดงจัด

เขาว่า กระบวนการคัดเลือกกุมารีนั้น ซับซ้อนมาก
มีหลายข้อ แต่จำได้แค่สองข้อ คือ เมื่อคัดเลือกตอนอายุ 3 ขวบนั้น
เมื่อเด็กถูกนำเข้าไปในห้องมืด ต้องไม่ตกใจกลัว
และอีกข้อหนึ่งคือ เด็กต้องสามารถเลือกหยิบของใช้ประจำตัวของกุมารีองค์ก่อนได้ถูกต้องทุกชิ้น

กุมารีทำหน้าที่เป็นตัวแทนเทพเจ้า
แม้แต่กษัตริย์ ก็ต้องมาถวายสักการะต่อเด็กผู้หญิงนี้ทุกปี


เขาไม่ให้ถ่ายรูปกุมารี
ก์เลยต้องเอามาจากหน้าตั๋ว



อันนี้ ถล่มลงมาหมด ไม่รู้ว่า ของเดิมเป็นอย่างไร
ไม่มีรูปให้ดู



มีหน้าต่างที่พระศิวะและมเหสีเยี่ยมหน้าออกมา
ไม่รู้ว่ามือไปโดนปุ่มไหน กลายเป็นขาวดำ
แล้วไม่ได้เช็ครูป



วังหนุมาน เกือบมองไม่เห็นหนุมาน
ของเดิมเป็นแบบในรูปเล็ก
มีการบูชาไฟด้านหน้าหนุมาน



ภายใน



อาคารดูแตกหักเสียหาย



ภายในยังมีส่วนโชว์รูปเจ้าของเดิม (มั๊ง)
ฟังว่า เป็นรานา คือ ประมาณระดับเสนาบดีใหญ่ ไม่ใช่กษัตริย์







กลายเป็นสถานที่ร้าง
มีแต่นกกามาอาศัย







มีทหารยาม



รอบข้าง มีแต่สิ่งสลักหักพัง





เสร็จแล้ว เดินผ่านตลาดและแท่นบูชาเยอะแยะมากมาย





















สีสันในตลาด



พื้นถนนสวยนะ





ร้านนี้โหดร้าย
แขวนคอหุ่นกันเลยทีเดียว





สีแดง
เป็นที่นิยมมาก



ค้ำเอาไว้
ไม่ให้ถล่มลงมา



เครื่องรางประจำร้าน
นัยว่า ไล่โชคร้ายออกไปไกลๆ



Buddhanilkantha 
นารายณ์บรรทมสินธุ์
นอนอยู่เหนือพญานาคในน้ำ





วัดสุดท้ายที่ไป คือ วัดลิง หรือ Monkey temple



ลิงที่นี่ ไม่ดุร้าย และไม่รบกวนนักท่องเที่ยว





โยนเหรียญเสี่ยงทาย
ต้องโยนให้ลงบาตรหน้าพระพุทธรูป







วัดลิงอยู่บนภูเขา
ถ้าขึ้นด้านหน้า ต้องปีนบันไดขึ้นมา 365 ขั้น



แม่พาเด็กน้อยมาวัด



วิวเมืองจากบนเขา
ตึกในเมืองเป็นตึกเก่าๆ ดูสภาพทรุดโทรม
4-6 ชั้นเป็นส่วนมาก







โรงแรมที่พักในกาฐมาณฑุ
ตึกด้านหน้ากำลังอยู่ในระหว่างซ่อมแซม
ส่วนที่คาดว่า ชำรุดจากแผ่นดินไหว
แต่ด้านข้างและด้านหลังยังดีอยู่



สีแดงคือส่วนที่ปิดเพื่อซ่อม
สีเขียว เปิดใช้งานได้อยู่



ตึกโรงแรมด้านข้าง



ห้องพักราคาไม่แพงมาก
ประมาณ 66 เหรียญยูเอส ต่อคืน (รวมแวต)
หารสอง ก็เป็นคนละพันกว่าบาท









ห้องอาหารเช้า
สว่างไสวน่านั่งมาก



ห้องพัก



ผังตัวตึก
มีคอร์ทอยู่ตรงกลางด้วย
แต่มองไม่เห็นจากชั้นสามที่พัก



แมกโนเลียกำลังบานสะพรั่ง





ที่สนามบิน
Tribhuvan Airport





ขากลับ ได้เห็นหิมาลัยด้วย



นี่คือ Everest



วิวที่เห็นขาไป
มีบ้านอยู่บนสันเขาเยอะ 
อยากรู้ว่า ใช้น้ำจากไหนกัน



Good bye, Nepal

ใครที่มาเนปาลแล้วยังไม่ได้ซื้อของฝาก
มาซื้อที่สนามบินได้นะ
ของราคาพอๆกับในตลาด

ตัวอย่างเช่น เราซื้อ magnet มาจาก Nagarkot 8 อัน 1000 Rp
ที่สนามบิน ราคาอันละ 150 Rp
ต่างกันไม่มากเลย
แถมเลือกได้สบายๆ ไม่ต้องถูกตึ๊อด้วย





 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2559
3 comments
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2559 15:04:17 น.
Counter : 2450 Pageviews.

 

เยี่ยมมากน้องสาว ไม่ลงรูปตัวเองเลยนะ เพราะพี่สาวยังไม่ได้ส่งให้ ขี้เกียจมากมากๆ

 

โดย: chomphrai IP: 125.24.206.78 18 กุมภาพันธ์ 2559 14:41:29 น.  

 

อ้อ ขอบคุณสำหรับอัลบั้มส่วนตัว 33 รูป มีคุณค่ามากสำหรับความทรงจำในทริบนี .. พี่หนู

 

โดย: chomphrai IP: 125.24.206.78 18 กุมภาพันธ์ 2559 14:43:17 น.  

 

อ่านแล้วเพลินเหมือนกำลังอยู่ที่เนปาลเลยค่ะ ชอบการเล่าเรื่องและรูปที่ถ่ายมาแบบนี้ค่ะ

 

โดย: พี่ป้า IP: 171.100.239.165 18 กุมภาพันธ์ 2559 19:57:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


*Cookies*
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ค้นหาใน google.co.th
Friends' blogs
[Add *Cookies*'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.