6-10 พค 2559
ไปเมืองจีนเป็นครั้งที่สาม
ครั้งแรก ไปเพราะงาน เที่ยวได้แค่ปักกิ่ง และกำแพงเมืองจีน
ครั้งที่สอง ไปเที่ยวจิ่วไจ้โกว
ครั้งที่สาม ไปเที่ยวจางเจียเจี้ย
จิ่วไจ้โกว และจางเจียเจี้ย นับเป็นอุทยานสองแห่งที่สวยที่สุดในจีน
จิ่วไจ้โกว เป็นวิวทะเลสาบบนยอดเขา
จางเจียเจี้ย เป็นวิวภูเขาในเมฆหมอกเป็นส่วนใหญ่ มีเคเบิลหลายเส้น และบันไดมากมาย
เราเดินทางจาก กทม ไป ฉางซา ใช้เวลาบินสามชั่วโมงกว่า
เส้นทางการเดินทาง
ฉางซา พักคืนนึง
แล้วนั่งรถไปเมืองโบราณฟ่งหวง
ชมเมือง+แสงสี พักฟ่งหวงคืนนึง
แล้วไปอุทยานเหยียนเจียเจี้ย พักอีกคืน
แล้วไปอุทยานจางเจียเจี้ย พักสองคืน
กลับฉางซา
เที่ยวนี้ เริ่มต้นด้วยความหรูหราของ Miracle lounge ในสุวรรณภูมิ
ด้วยความอุปการะของเพื่อนร่วมทริป
แต่จะบอกว่า อาหารไม่อร่อยเท่าไร
เหล้า สแน็ค และเครื่องดื่มร้อนเย็น
อันนี้ถูกใจ
ไปด้วย Thai Smile
ออกจาก กทม เย็นย่ำ
ไปถึง ก็กินข้าว เข้าที่พัก นอน
ฉางซา เป็นเมืองหลักของมณฑลหูหนาน
การจราจรคับคั่ง รถติดมากช่วง rush hour
ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไม้ไผ่
เป็นที่เล่าประวัติการนำไม้ไผ่มาเป็นวัสดุในการจดจารึกตัวอักษร
และเก็บตำราไม้ไผ่ที่ขุดค้นพบมากกว่า 20,000 เล่ม
เค้าตั้งชื่อนิทรรศการว่า
The way to civilisation
เล่าเรื่องการทำไม้ไผ่มาเป็นวัสดุเพื่อการจดจารึก
แต่ในนิทรรศการ ก็มีงานทองเหลือง งานประดับหินสี งานปั้นทองเหลือง ลอยตัวและกึ่งลอยตัว
งานประดับหินสีอันนี้ เป็นรูปใหญ่เต็มผนัง
ถ่ายทั้งรูปจะไม่เห็นรายละเอียดของสี
ก็เลยแบ่งเป็นแต่ละส่วน
ซ้าย
ขวา
อันนี้ เขียนไว้ว่า เป็นองครักษ์พิทักษ์หลุมศพ
เป็นรูปนกฟีนิกส์
แหล่งอารยธรรมของการจดจารึกในภูมิภาคต่างๆ
วัสดุจดจารึกประเภทต่างๆ
ศิลปร่วมสมัย ในสถานที่เดียวกัน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ไม้ไผ่
ก็เริ่มเดินทางไกลไปฟ่งหวง
น้ำมันดีเซลที่จีน
ลิตรละห้าหยวนกว่าๆ
เติมทีนึงก็ 200+ ลิตร
สาวในตู้เก็บเงินทางด่วน
เขาบอกว่า อันนี้เป็นบ้านของชนเผ่า "แม้ว"
(น่าจะเป็น "ม้ง" ของบ้านเรา)
ที่กั้นรถแบบ พับได้
ดูท่าไม่น่ามีประโยชน์เท่าไร
เพราะดูเหมือนไม่มีตัวล็อค
ถึงฟ่งหวงแล้ว
มาถึงห้าโมงกว่า
ต้องรีบเดินไปลงเรือ
เพราะคนเรือเค้าเลิกงานหกโมง
ถึงท่าเรือแล้ว
เรือแจว มีหลังคา
นั่งได้ลำละ 10 คน
เด็กน้อย ทำอะไรสักอย่างหล่นลงไปในรูในร่อง
ศิลปิน วาดภาพล้อเลียนคนดัง
ถนน ปูด้วยหินก้อนใหญ่ๆ
มีไรป่ะ เพ่
เมืองเก่า เก่าสมัยราชวงศ์ถัง
ราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง
งานเลียนแบบ
ปรกติ เราจะเห็นมอสและเฟิร์น ขึ้นตามซอกหลังคาที่ชื้นๆ
แต่บ้านนี้ มีกระบองเพชรบนหลังคา
กำแพงเก่า
เค้าบอกว่า เป็นลายมือคนที่มีชื่อเสียง (แต่จำไม่ได้แล้วอ่ะ)
Typical Chinese kid
เด็กจีน อายุ 1-2 ขวบ จะมีหน้าตาแบบนีั ทู้กกก คนนน...
คนนี้ดูหน้า น่าจะเป็น ผช
แต่การแต่งตัวน่าจะเป็น ผญ นะ
ครายอยากมาว...มั่ง??
ลานคนเมือง
มีรำไท้เก็กยามเย็น
บ้านของนักประพันธ์และนักการศึกษาชาวจีนที่มีชื่อเสียง เสิ่นฉงเหวิน
มีลานบ้านเล็กๆที่ล้อมด้วยอาคารสามด้าน
ก่อด้วยอิฐทนไฟ (ยกเว้นครัวที่ถูกไฟไหม้ไปแล้ว?)
เล่ากันว่า บ้านนี้ตกทอดมาจากปู่ของเสิ่นฉงเหวิน
ซึ่งเป็น ผู้บัญชาการทหารประจำมณฑลกุ้ยโจว
โต๊ะเขียนหนังสือ เป็นหินอ่อนประดับไม้
ฟ่งหวง เมืองโบราณ
ตกค่ำ กลายเป็นสภาพเมืองใหม่
สองข้างริมน้ำ เต็มไปด้วยรีสอร์ท (คล้ายๆอัมพวา)
ร้านอาหาร และ เธค เปิดไฟแพรวพราว
มีการทำไลท์ติ้งหลังคา สวยงาม
ซิลลูเอทในแสงไฟน้ำตก
เสียใจนิดนึงที่หลุดโฟกัส
เพราะแสงน้อย และคนเคลื่อนไหวตลอดเวลา
ถ่ายยังไงก็สวย
ถนนไม่ได้ยาว
แต่มุมถ่ายรูปเยอะ
เพราะทำไลท์ติ้งเก่งมาก
มีให้เช่าชุดโบราณด้วย
สัตว์เล็กๆบนสะพาน
...จ๊ะเอ๋...
"แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันสงสารเหลือทน
วันหนึ่งมันถูกฝน ไหลลงจากบนหลังคา
พระอาทิตย์ส่องแสง ฝนแห้งเหือดไปลับตา
มันรีบไต่ขึ้นฝา หันหลังมาทำตาลุกวาว"
ตกแต่งหน้าร้าน
mobile police box
กี่ทอผ้าขนาดเล็ก
จากฟ่งหวง
เดินทางไปจางเจียเจี้ย
เห็นแววว่าจะเฟล เพราะหมอกยอดเขาเยอะมาก
วิวสวย
ต้นไม้ดัด เป็นรูปไดโนเสาร์สองตัวเจอกัน
น่ารักดี
ร้านกาแฟข้างทาง
ดูท่าจะให้ต้นไม้คลุมให้เต็ม
มาถึงก็ขึ้นเคเบิล
ขึ้นเคเบิลแล้ว
เห็นถนนข้างล่างคดเคี้ยว
ตอนลงเขา เราต้องนั่งรถอุทยานลงตามเส้นทางนี้
บนทางเดินริมหน้าผา
เราเจอสภาพหมอกแบบนี้
บนทางเดินแก้วใส
มองเห็นข้างล่างนิดหน่อย
น่าเสียใจไหมเนี่ยะ
ช่วงนี้ น่าจะกำลังก่อสร้างขยายพื้นสะพาน
ให้เป็นจุดชมวิว
อ่างล้างมือในห้องน้ำสาธารณะ
ที่สวยที่สุดที่เจอ
การลง มีทางเลือกสองทาง
คือ เดินลงบันได 999 ขั้น
หรือลงทางบันไดเลื่อนลอดภูเขา
นับเป็นบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลก
ระบบระบายอากาศดีมาก
ไม่อึดอัดเลย
คำอธิบาย ช่องประตูสวรรค์ บนยอดเขาเทียนเหมินซาน
ถ้าไม่มีหมอก
เราจะเห็นช่องหินเทียนเหมิน (ประตูสวรรค์) บนปลายสุดของบันได
คนเดินลงเยอะเหมือนกันนะ
ฝึกเทคนิคตัวเบา
55555+
ถ่ายจากหน้าต่างห้องพักโรงแรม
เป็นเจดีย์อยู่บนยอดเขา
ไปชมทะเลสาบเป่าเฟิงหู
เป็นทะเลสาบบนยอดเขาสูง
ลิลลี่สีน้ำเงิน
เรือนำเที่ยว
ระหว่างทาง
มีบ้านน้อยๆ มีนักร้องมาร้องเพลงให้ฟัง
มีกรีนกอล์ฟด้วยนะ
แต่ตีลงมาจากทางไหนไม่รู้
ภูเขาลูกนี้
ไกด์บอกว่า เหมือนอูฐ
แต่เราว่า เหมือนนกมากกว่า
มีปากนก มีหงอนด้วย
รวมอกและขา
หงส์ดำสองตัว
ไกด์บอกว่า มันเป็น "ห่าน"
สงสัยว่า ภาษาไทยไม่แข็งแรง
ออกมาจากทะเลสาบ
ใกล้ที่จอดรถ มีน้ำตก
ลักษณะเป็นกึ่ง man-made
เอาไว้ให้ถ่ายรูป
ดอกไม้ริมทาง
ต้นไม้สวยนะ
ร้านอาหาร
เดินไปเดินมา
รองเท้าพัง
ต้องซื้อรองเท้าจีนมาใส่
ราคา 30 หยวน
ดีใช้ได้เลยทีเดียว
สาลี่รูปเด็กยิ้ม อันโด่งดัง
เข้า Wulingyuan
แนะนำเลยว่า ใครไปจีน ต้องไป Wulingyuan
เพราะมันสวยมากกกกก
รถบัสของอุทยาน
ไปเดินดูแล้วเข้าใจเลยว่า ทำไมเป็นรูปลิง
วิวทั่วไป ประมาณนี้
ป้ายข้อมูล
ของอุทยานหยวนเจียเจี้ย
นางมารอรับแขก
เผื่อได้กินเกาลัดและถั่วต่างๆ
มีลิงเด็กกระโดดอยู่ใกล้ๆอีกสองตัว
วิวก็ประมาณนี้
ช่างเขียน ดักรออยู่ที่กลางทาง
สะพานโค้ง
ทำโดยธรรมชาติ
มีผ้าแดงไปผูกไว้เป็นธงทิวปลิวไสว
ป่าสน
ออกจากป่าสน
ก็เจอรูปปั้นบรอนซ์
ม้าทำท่าออดอ้อนอยู่กับขาของนายพลคนหนึ่ง
เขาเล่าว่า ตอนช่วงอดอยาก
นายพลคนนี้ขี่ม้าออกไปแจกจ่ายอาหารให้ชาวบ้าน
จุดชมวิว
อย่างน้อย
ก็จำภาษาจีนได้คำนึง
เวลามองหาประตูทางออก
หารูปเชิงเทียน กับรูปสี่เหลี่ยม
555+
ออกมาด้วยเคเบิล
ที่ยาวมาก สะอาด ใหม่ เงียบ นิ่ง
วิวสวยมากกกกก
เขียวสด ทึบ มีเสียงน้ำตก และเสียงนกร้อง
การแสดงคืนแรก เหม่ยลี่เซียงซี
ไม่ประทับใจเท่าไร
มีทั้งส่วนในโรงละคร และส่วนภายนอก
ส่วนในโรงละคร เป็นการแสดงกายกรรมประกอบแสงสี
ส่วนภายนอก เป็นการแสดงลุยไฟ เดินบนดาบ และทุบก้อนหิน
วันต่อไป
ไปดูนิทรรศการภาพวาดหินทราย
หรือเรียกว่า จิตรกรรมภาพเม็ดทราย จวินเซิงฮวาเอี้ยน
ทำโดยใช้ทรายสีต่างๆโรยเป็นภาพ
ศิลปะบนพื้นถนน
โชคดีที่ฝนตก
ทำให้หินมีเงาสวย
พระสังกัจจายน์
สลักจากปุ่มไม้มะค่า
โรงงานผ้าไหม
เป็นไฟท์บังคับของรัฐบาลจีน
(มีสี่แห่ง คือ ร้านสมุนไพร ร้านใบชา ร้านผ้าไหม ร้านหยก
กำหนดเวลาด้วยว่า แต่ละแห่งต้องอยู่ไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง)
แล้วก็ไป
The Grand Canyon
อันนี้ก็แนะนำเหมือนกัน
มันสวยมากกกกก
ระหว่างทาง แวะร้านอาหารเกาหลี
เนื้อย่างอร่อย
มาเป็นเนื้อสเต็กชิ้นโตๆมาก
แล้วให้เรามาย่างกันเอง
อร่อยโดยไม่ต้องอาศัยน้ำจิ้มใดๆ
มีข้าวและผักสดผักดองเป็นอาหารประกอบ
มีซุปที่หน้าตาเหมือนแกงส้มเป๊ะๆ
มีเหล้าเกาหลีด้วย หวานนนน มากกกกกก
ต้นมัสตาร์ด
อยู่ในทุ่งนา
หินสี
ระเบิดมาจากภูเขา
เอามาทำเป็นลานจอดรถ
(ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมศิลปินทำภาพวาดด้วยหินและทรายได้)
ปากทาง
เข้าสู่ความงามตามธรรมชาติ
Grand Canyon จีน
เป็นโตรกเขา
เดินลงบันไดมาหลายร้อยขั้น
เพื่อลงมาหาลำธาร แล้วเดินเลียบลำธารไป
ระหว่างทาง เป็นต้นไม้ มอส และเฟิร์น
มีชานพักบันไดเป็นระยะๆ
แล้วก็ให้ไปลงด้วยสไลเดอร์
ทำจาก คสล ปูทับด้วยหินแกรนิต
มีแผ่นผ้าหนาให้ใส่รองก้นกางเกง
กับถุงมือฝ้าย
ผ้ารองก้น
กันกางเกงขาด
สไลเดอร์ ยาว คดไปเคี้ยวมา
และมีหลังคาด้วยนะ
วัสดุสีเข้ากับธรรมชาติฝุดๆ
เรากะว่า จะมาเดินสะพานแก้ว ที่เป็นสะพานแขวนไร้ตอม่อ
ที่ยาวและสูงที่สุดในโลก
แต่เสียใจด้วย เค้ายังซ่อมไม่เสร็จจ้า
เลยอดเดินเบย
ระหว่างทาง
ก็มีน้ำตกเป็นระยะๆ
ลำธาร
สวยเหมือนภาพวาด
เครื่องกั้นคนอ้วน
อิอิอิ
ตั้งขวางอยู่กลางทางเดิน
ใครที่จำเป็นต้องเลี่ยงออกด้านข้าง
โปรดพิจารณาตนเอง
สวยป่ะ
รูปนี้
พอหันหลังกลับมาเห็น
กระดกกล้องขึ้นมาถ่ายในเสี้ยววินาที
ก่อนที่จะมีคนอื่นเดินลงบันไดมาก
โชคดีที่ได้รูป จากความสามารถของกล้องล้วนๆ
ป้ายสไตล์จีน
ใครจะอ่านภาษาอังกฤษ
ต้องตะแคงคออ่าน
หน้าถ้ำ giant salamander
มอสและเฟิร์น
ตั้งใจถ่ายหยดน้ำ
การแสดงคืนที่สอง
นางพญาจิ้งจอกขาว
ดีไซน์การแสดงโดย จางอี้โหมว
ผู้กำกับหนังคนดัง
เป็นการแสดงกลางแจ้ง ท่ามกลางหุบเขาธรรมขาติ
ใช้แนวเขาเป็นฉาก
แค่อาคารทางขึ้น ก็อลังแล้ว
ถ่ายให้เห็นแนวเขาด้านหลัง
กลุ่มนักร้อง
คุณภาพรูปไม่ดีเท่าไร
กล้องนี้จะมีปัญหาเรื่องการถ่ายภาพเคลื่อนไหวในที่ๆมีแสงน้อย
ปรับไม่เป็นอ่ะ
เปิดไฟ
ค่าตั๋ว 300 หยวน
ไม่แพงเลย
การแสดงดีมาก
แสงสีอลังการ
มีจอฉายคำอธิบายคำร้องเป็นภาษาอังกฤษด้วย
วิวภูเขา มองจากเมือง
ก็ยังเหมือนภาพวาด
วันสุดท้าย จะกลับบ้าน
ยังต้องไปแวะร้านใบชา
ไกด์บอกว่า เค้าต้องดูแลเราให้อยู่ครบเวลา
แล้วจึงจะได้เซนต์ชื่อ
ไม่งั่นจะถูกตัดแต้ม
ศาลาด้านหลังโรงแรม
ด้านหน้า รร
มีอาตี๋น้อยคนนึง
นั่งร้องไห้น้ำมูกไหลน้ำตากรัง
ดอกแมกโนเลีย
บานเต็มเมือง
ดอกใหญ่เท่าจาน
ท้ายสุด สุดท้าย
คือ ถนนคนเดินในฉางซา
ตำรวจจีน
แจกใบสั่ง
รถที่จอดในที่ห้ามจอด
ข้อมูลปรินท์จากคอมมือถือ
ขัอมูลเข้าระบบไปเลย
มอไซค์+สามล่อในเมือง
ส่วนมากเป็นรถไฟฟ้า
เสียงเงียบมาก
แต่มอไซค์ก็ขี่กันบนทางเท้าเหมือนบ้านเรา
คันนี้เป็นสามล้อ economy car
ใช้ไฟฟ้า
กำแพงอุโมงค์ทางลอดในเมือง
ยังพยายามทำภาพนูนต่ำ
สนามบินฉางซา
ตั๋วเข้าชมอุทยานต่างๆ
โบรชัวร์ของเทียนเหมินซาน
รูปซ้ายล่าง คือ ประตูสวรรค์
จบทริปแล้วจ้า
บ๊ายบายเมืองจีน