Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
s e w i n g
c r o c h e t & k n i t t i n g
p h o t o _ d e c o r a t e
m i s s i o n _ (i m) p o s s i b l e
H a p p y_D I Y
D I E T
P E T _ S T O R Y
<<
กุมภาพันธ์ 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
23 กุมภาพันธ์ 2555
ไพรมหากาฬ 15 : จบเล่ม 1
All Blogs
ไพรมหากาฬ 28 : อัญมณีสีเลือด...ลอยได้
ไพรมหากาฬ 27 : เราไปตามหาไอ้แหว่งกันเถอะ
ไพรมหากาฬ 26 : แม่ครัวกิตติมศักดิ์
ไพรมหากาฬ 25 : พบหมีที่ไหน อย่าแกล้งตายนะจ๊ะ
ไพรมหากาฬ 24 : กองร้อยทหารลิง
ไพรมหากาฬ 23 : เริ่มเล่ม 3
ไพรมหากาฬ 22 : จบเล่ม 2
ไพรมหากาฬ 21 : ข้าวต้มยามดึก
ไพรมหากาฬ 20 : คุณไม่เห็นอย่างที่ฉันเห็นเหรอ
ไพรมหากาฬ 19 : ณ ห้าง (กลางป่า)
ไพรมหากาฬ 18 : เหตุเกิดที่พุบอน
ไพรมหากาฬ 17 : ใครกันแน่คือผู้ถูกล่า
ไพรมหากาฬ 16 : เริ่มเล่ม 2
ไพรมหากาฬ 15 : จบเล่ม 1
ไพรมหากาฬ 14 : ปฏิบัติการล่าไอ้กุด (2)
ไพรมหากาฬ 13 : ปฏิบัติการล่าไอ้กุด (1)
ไพรมหากาฬ 12 : หะ หมี หมี หมี (เห็นมั้ย)
ไพรมหากาฬ 11 : ก็น้ำในลำธารมันเย็นดีนี่นา
ไพรมหากาฬ 10 : การปรากฏกายของ “ไอ้กุด”
ไพรมหากาฬ 9 : พญางูจงอางหัวใหญ่เท่ากระด้ง
ไพรมหากาฬ 8 : แฟชั่นวันเข้าป่า
ไพรมหากาฬ 7 : หมีโคเดี๊ยก (ย่ะ)
ไพรมหากาฬ 6 : แอร๊ยยยย...กะเหรี่ยงต่างถิ่น (สุดหล่อ)
ไพรมหากาฬ 5 : เมื่อวานก็ลูกนุ่น มาวันนี้ลูกมะขวิดอีกแระ
ไพรมหากาฬ 4 : ว่าแล้วไง ... ต้องเป็นร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา
ไพรมหากาฬ 3 : จดหมายจากมังมหานรธา
ไพรมหากาฬ 2 : วัตถุประสงค์การมาของแขกไฮโซ
ไพรมหากาฬ 1 : พี่รพินทร์มาแล้วววววว
นวนิยายที่ยาวที่สุดในโลก
ไพรมหากาฬ 15 : จบเล่ม 1
เมื่อสังหารไอ้กุดได้สำเร็จ ลูกหาบก็ช่วยกันหาบร่างไอ้กุดกลับแค้มป์ และแวะฝังศพเอิ้นให้เรียบร้อย คุณชายเชษฐาดีใจถึงกับสั่งให้เอาวิสกี้มาเปิดเลี้ยงลูกหาบเป็นการฉลองที่ล่าไอ้กุดได้ นายจ้างทั้งสามให้เครดิตความสำเร็จที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แก่แงซาย เพราะถ้าไม่ใช่เขาที่คิดแผนขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะต้องซุ่มเฝ้าไอ้กุดอีกนานแค่ไหน
บุญคำรับคำสั่งไปถลกหนังไอ้กุดเพื่อมอบให้แก่คณะนายจ้าง โดยจะส่งกลับไปที่หนองน้ำแห้งให้นายอำพลช่วยส่งซักฟอกรอไว้ (ถ้าได้กลับไปนะ 555) ส่วนกกะโหลกของไอ้กุดที่ใชยยันต์ต้องการเก็บไว้เป็นที่ระลึกนั้น มันป่นไปหมดแล้วด้วยแรงของลูกปืน
พี่รพินทร์บอกว่านายอำพลคงดีใจที่มีคนฆ่าไอ้กุดตายได้สำเร็จ เพราะก่อนหน้านี้เขาถึงกับตั้งค่าหัวไอ้กุดไว้ถึง 1 หมื่นบาท ชายทั้งสาม (พี่รพินทร์ คุณชาย และไชยยันต์) คุยกันอย่างสนุกสนานว่าใครจะเป็นผู้ได้เงินค่าหัวนั้นไป ไชยยันต์บอกว่าก็หารสามให้คุณชาย พี่รพินทร์ และแงซาย พี่รพินทร์บอกว่า ก็ยุติธรรมดี ถ้าได้กลับไปรับเงินนะ 555 คุณหญิงดารินสวนว่าพี่รพินทร์ทันทีที่ชอบพูดจาบ่อนทำลายขวัญและกำลังใจของคณะเดินทาง
คุณชายต้องรีบตัดบท (ก่อนที่พี่รพินทร์กับคุณหญิงดารินจะทะเลาะกัน) โดยให้พี่รพินทร์เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการล่าเสือ พี่รพินทร์บอกว่าที่จริงแล้วคนมักจะเข้าใจธรรมชาติของเสือผิด ที่จริงแล้วเสื้อเป็นสัตว์ที่ขี้ขลาดมากในเวลาปกติ แต่จะกล้าบ้าบิ่นมากเมื่อหิวหรือโกรธจัด นอกจากนี้เสือยังมีระดับสติปัญญาที่เฉียบแหลมสามารถวางแผนการล่าได้ ได้ทั้งแบบวันแมนโชว์และแบบทีมเวิร์ค ขนาดเสือติดกับดักยังสามารถหนีไปได้ หรือถ้าไม่ได้จริง ๆ มันจะยอมกัดขาตัวเองข้างที่ติดกับดักนั้นให้ขาด เพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยไม่สนใจว่าจะพิการหรือจะไปตายที่อื่น ดังนั้นการดักเสือเป็น ๆ มาขายให้นายอำพล พี่รพินทร์จึงมักจะใช้วิธีขุดหลุมตาข่าย และใช้เหยื่อล่อ เสื้อจะได้หนีไม่ได้ วิธีนี้เสือจะถูกตาข่ายหิ้วขึ้นเหนือพื้น เสือจะไม่มีร่องรอยตำหนิจากการต่อสู้ดิ้นรน บางคนใช้วิธีดักด้วยกรง เสื้อดิ้นชนกรงจนหัวร้างข้างแตก แถมต้องทิ้งเสือไว้ในกรงเป็นสิบวันเพื่อให้มันหมดแรงถึงจะเอาไปขายได้ในสภาพโทรม ผิดกับวิธีของพี่รพินทร์ เสือติดตาข่างปุ๊บ ขนไปขายได้เลยในสภาพไม่มีริ่วรอย (เว้นเสือจะข่วนทำร้ายตัวเอง ไม่อยากให้พรานได้ตังค์เยอะ 555)
เสือเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็น ชอบสะกดรอยตามสัตว์ต่างๆ รวมทั้งคนด้วย บางครั้งไม่ได้มีแผนจะโจมตี แต่แค่อยากรู้ว่าเค้าทำอะไรกัน 555 เสือเป็นสัตว์ที่ชอบทดลองด้วย พ่อของพี่รพินทร์เคยเล่าว่าเคยเห็นเสือว่ายน้ำข้ามแม่น้ำไปมาหลายรอบ ทุกคนที่เห็นก็งงกันหมดว่าเสือมันตั้งใจจะทำอะไร จะออกกำลังกายลดความอ้วนรึ -_- หรือจะซ้อมไปแข่งโอลิมปิก ก๊ากกกก สุดท้ายพ่อพี่รพินทร์ก็สรุปได้ว่า เสือต้องการจะว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งตรงบริเวณที่มีกอไผ่ แต่เพราะกระแสน้ำพัดมันให้ออกจากตำแหน่งไป มันจึงต้องว่ายน้ำกลับมาเล็งดูใหม่ และว่ายกลับไปใหม่ และก็ถูกกระแสน้ำพัดไปอีก เป็นงี้อยู่หลายรอบ โถ ๆ ๆ บอกให้ตั้งใจเรียนฟิสิกส์ซะตั้งแต่เรกก็ไม่เชื่อนะน้องเสือ 555
คณะเดินทางตกลงกันว่าวันรุ่งขึ้นจะออกเดินทางต่อไป เพราะไม่สนใจจะล่าสัตว์เล็กอีกแล้ว เป้าหมายที่ต้องการมีเพียง เสือ กระทิง และ ช้างเท่านั้น (ส่วนสัตว์เล็กจะล่าเป็นอาหาร)
สถานีต่อไป..โป่งกระทิง , ห้วยยายทอง (หมายถึงแหล่งน้ำชื่อยายทองนะ ไม่ใช่อาการอุทานของชาวอิสานที่พบเห็นคุณยายชื่อทอง อิอิ) ป่าหวาย และสถานีสุดท้ายที่หล่มช้าง จากนั้นจะเป็นการเดินทางแบบจริงจัง
ที่โป่งกระทิงนี้เองที่รพินทร์พบเห็น ชด ประชากร หรือคุณชายอนุชา และพรานชาวลาวโซงชื่อหนานอินเป็นครั้งสุดท้าย
การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งตามแผนประมาณ 6 โมงเช้า พี่รพินทร์เดินนำหน้ากองคาราวานเหมือนเดิม แต่คราวนี้คณะนายจ้างไม่มีใครลงจากเกวียนมาเดินเล่นล่าสัตว์เหมือนกับการเดินทางช่วงที่ผ่านมา เพราะรู้ดีว่าการเดินทางในวันนี้เป็นการเดินทางที่จริงจังและแข่งกับเวลา การเดินทางดำเนินไปในทุ่งแห้งกรอบ อากาศร้อนอบอ้าว ไม่มีหุบหรือดงทึบ และไม่มีวี่แววของสัตว์โผล่มาให้ล่าเลย จนกระทั่งเที่ยงครึ่ง คณะเดินทางมาถึงดงไผ่สีเหลืองเพราะความแห้งแล้ง จึงแวะพักหุงหาอาหารกินกันที่นั่น ส่วนนายจ้างทั้งสามขอกินอาหารกระป๋องที่เตรียมมา แล้วก็เดินทางต่อ พอเข้าเขตป่าโปร่ง พี่รพินทร์ให้นายจันที่เดินติดตามมา วิ่งกลับไปบอกคณะนายจ้างว่าพบวัวแดงฝูงใหญ่ถ้าใครอยากสนุกก็เชิญลงจากเกวียนได้ ไชชยันต์กระโดดลงจากเกวียนอย่างกระตือรือล้น ในขณะที่คุณชายขอนอนเอาแรงในเกวียน ส่วนคุณหญิงกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะแดดแรงมาก (เดี๋ยวผิวเสีย) แต่สุดท้ายก็กระโดดตามลงไปเพราะการรบเร้าของไชยยันต์ คุณหญิงไม่ได้เอาปืนไปด้วย พกไปแค่กล้องเท่านั้น เพราะเธอกะจะไปดูเฉย ๆ รพินทร์ให้กองคาราวานมุ่งหน้าไปตามปกติ ส่วนเขา ไชยยันต์ และคุณหญิงจะตามไปสมทบหลังจากล่าวัวแดงเสร็จแล้ว
วัวแดงสิบกว่าตัวกำลังยืนเล็มหญ้าอยู่โดยไม่รู้ว่ามีปืนหลายกระบอกส่องอยู่ พี่รพินทร์บอกไชยยันต์ให้ยิงตามสะดวก เอาให้สมกับที่อยากมา ไชยยันต์เล็งวัวตัวใหญ่สุดและยิงออกไป วัวกระโดดขึ้นแล้วล้มลงดิ้นกระแด๋ว ๆ ที่พื้น ไชยยันต์รีบซ้ำทันทีโดยไม่ได้เล็ง กระสุนไปโดนวัวอีกตัวนึงล้มลง วัวที่เหลือวิ่งหนีกันป่าราบ ทั้งสามคนเข้าไปดูซากวัวที่นอนแน่นิ่งอยู่ นายจ้างทั้งสองคิดว่าวัวตายแล้ว แต่รพินทร์เห็นท่าไม่ดี รีบตะโกนบอกอีกสองคนให้หลบ พอสิ้นเสียงวัวกระโจนเข้าใส่ทันที ทำให้ต้องหนีกันอุตลุด บ้างก็วิ่งป่าราบ บ้างก็หนีขึ้นต้นไม้ วัวพุ่งเข้าชนต้นมะขามป้อมที่ไชยยันต์ปีนขึ้นไป ชนอยู่หลายครั้ง พี่รพินทร์ก็ยิงปืนใส่วัวนับจำนวนลูกกระสุนไม่ถ้วนแต่ไม่เข้าที่สำคัญพ่อที่จะล้มวัวได้ในทันที แต่ในที่สุดวัวก็ล้มลงก่อนที่ไชยยันต์จะหล่นลงมาโดนวัวขวิดตาย 555 แล้วทั้งสามก็ได้รู้ว่าวัวแดงถูกยิง โกรธจัดยิ่งกว่าวัวกระทิงซะอีก
หลังจากล่าวัวแดงเสร็จแล้วทั้งสามก็เดินฝ่าพายุลมแรงตามขบวนของคุณชายเชษฐาไป ไชยยันต์เมื่อยขาและเกือบหมดแรง พี่รพินทร์จึงแนะนำยาให้ เมื่อเข้าใกล้ขบวนของคุณชาย ทั้งสามคนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาจากขบวนจำนวนกระสุนนับไม่ถ้วน มันต้องเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วแน่เลย ไม่นานจากนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงเจ้าถิ่นร้องดังแปร๋นนนนนน
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 10:40:47 น.
3 comments
Counter : 824 Pageviews.
Share
Tweet
หนุกมากค่ะ สงสารสัตว์
โดย: JAN IP: 202.60.207.154 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:20:43 น.
15 ตอน จบเล่ม 1 ...แล้วนิยายภาคแรก 24 เล่มจะจบในตอนที่เท่าไหร่....
มาติดตามกันต่อไป ...
โดย:
นัทธ์
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:20:59:32 น.
^
^
แฮ่ ๆ คือเราอ่านช้าอ่ะค่ะ ค่อย ๆ อ่าน กลัวหลงป่ากลับบ้านไม่ถูก 555
โดย:
Kika_ii
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:29:10 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Kika_ii
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add Kika_ii's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.