Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

ไพรมหากาฬ 28 : อัญมณีสีเลือด...ลอยได้

เสร็จจากการประหารงูเหลือมตัวนั้น ทุกคนก็เดินทางกลับที่พัก ปลาที่จับมาได้ถูกนำมาหมกโคลนแล้วส่งเข้ากองไฟไป ซักพักได้ปลาเผามาเป็นอาหารค่ำที่แสนอร่อย หลังมื้ออาหารประมาณสามทุ่ม พี่รพินทร์บอกให้ทุกคนรีบเข้านอน เพราะต้องเอาแรงไว้ก่อน ส่วนตัวเขาขอออกไปดื่มกาแฟซักแก้วเขาดื่มกาแฟไปพลางก็มองไปยังชายป่าที่มืดตึ๊ดตื๋อตรงหน้าไปด้วย ซักพักคุณหญิงตามมาสมทบเพื่อสูบบุหรี่ (นี่ไม่คิดจะนอนกันเรอะ) ชมนกชมไม้ชมจันทร์กันอยู่ซักพักทั้งคู่ก็ได้กลิ่นหอม ๆ หวาน ๆ ของอะไรซักอย่างลอยมา พี่รพินทร์เดินสวบ ๆ เข้าไปยังแหล่งที่มาของกลิ่น แล้วนำมาให้คุณหญิง มันคือดอกมะลิป่านั่นเอง (โอ้ววว) คุณหญิงชอบมาก พี่รพินทร์บอกว่าดอกไม้แต่ละชนิดจะส่งกลิ่นหอมไม่พร้อมกัน อย่างตอนนี้ดอกมะลิป่าจะส่งกลิ่นหอม แต่ถ้าเป็นตอนเช้าจะมีดอกไม้อีกชนิดนึงที่จะส่งกลิ่นหอมพร้อม ๆ กับพระอาทิตย์ขึ้นและหมอกตอนเช้า ดอกนั้นคือ ดอกรสสุคนธ์ ที่ชาวบ้านเรียกว่าดอกปด พี่รพินทร์ถามคุณหญิงเกี่ยวกับการออกตามล่าไอ้แหว่งว่าเหนื่อยมากไหม อยากกลับไปนอนที่แคมป์หรือเปล่า คุณหญิงบอกว่าที่จริงก็เหนื่อย แต่อย่ามากีดกันเธอออกจากการล่าไอ้แหว่งเสียให้ยากเลย เหนื่อยแต่เธอก็ทนได้จ้า



พี่รพินทร์รับหน้าที่อยู่เวรช่วงแรก แงซายมารับช่วงหลังเที่ยงคืน กลางดึกคืนนั้นปรากฏมีเสียงเหยียบกิ่งไม้ดังกระชั้นเข้ามาตรงบริเวณที่พัก ทั้งพี่รพินทร์ และคุณชายต่างรู้สึกได้ถึงเสียงดังกล่าว คุณชายเดาว่าเป็นเสือ ส่วนพี่รพินทร์คิดว่าเป็นหมีมากกว่าเพราะเสียงการเดินเหมือนลาก ๆ คุณชายเตรียมปืนในท่าเตรียมพร้อม พี่รพินทร์ก็เตรียมพร้อมไฟฉายเหมือนกัน เมื่อนัดแนะกันดิบดี พี่รพินทร์ก็ฉายไฟไปที่แหล่งที่มาของเสียง แต่ทั้งสองต้องแปลกใจเพราะไม่เห็นแสงจากดวงตาของตัวอะไรตรงนั้นเลย พี่รพินทร์พยายามกวาดไฟฉายส่องหา ก็ไม่พบ มันคงไหวตัวหนีไปแล้ว ทั้งคู่จึงลุกขึ้นเดินไปหา ไม่นานอีกสี่คนก็ตามมาพร้อมกับแสงไฟฉายในมือ คุณชายเดินต่อไปอีกนิดทันใดนั้นเสียงดังจากการเดินของตัวอะไรซักอย่างก็ดังใกล้จุดที่เขายืนอยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว คุณชายจะยิงทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นเป้าหมาย พี่รพินทร์รีบร้องห้ามไว้ทัน นั่นมันแค่ตัวลิ่น หรือตัวนิ่มนั่นเอง ไม่มีพิษภัยอะไรเลย ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เจ้าตัวนิ่มที่ออกมาหากินกลางดึกตัวนี้ก็ทำให้ทุกคนตาสว่างไปเลย

หลังเที่ยงคืน แงซายมาเปลี่ยนเวร ให้พี่รพินทร์ไปนอน ... ดึกสงัด พี่รพินทร์นอนกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ เขาพยายามเรียกตัวเอง แต่ก็เหมือนประสาทสัมผัสจะไม่ครบถ้วน เหมือนมีบางสิ่งครอบงำตัวเขาอยู่ เขาพยายามจะลืมตาขึ้น แต่ก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาได้ สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือความมืด และตามมาด้วยดวงไฟสีแดงลอยอยู่ที่ปลายเท้าสูงจากพื้นประมาณ 2 เมตร เขายังคงขยับตัวไม่ได้ ได้แต่นอนลืมตาโพลง ดวงไฟนั่นลอยต่ำลงมาอย่างช้า ๆ หรี่แสงสลับกับเปล่งแสงเป็นระยะ ในขณะที่หรี่แสงนั้นเขาเห็นเหมือนเป็นร่างของอะไรซักอย่าง และมีเป้าหมายจะลงไปเกาะหนึ่งในบรรดานายจ้างที่นอนหลับไหลอยู่ที่พื้น (Kiky : กี๊ดดดดดดดดดดด เก๊ากัวนะ) กลิ่นหอมเอียน ๆ เหมือนกลิ่นดอกลำเจียกโชยมาอีกแล้ว พี่รพินทร์รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีคว้าไรเฟิลขึ้นมาเตรียมลั่นไก แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงปืนจากคนอื่นดังขึ้นก่อน แงซายนั่นเอง เขาลั่นลูกปืนใส่เจ้าดวงไฟสุดสยองนั่น

ขโมดดงเจ้าเก่านั่นเอง ... ทันที่ที่เสียงปืนดังขึ้น ดวงไฟที่กำลังเคลื่อนที่เชื่องช้า กลับเคลื่อนไหวเร็วจี๋ขึ้นมาทันที แงซายร้องเตือนให้รพินทร์ระวัง พี่รพินทร์ยิงปืนออกไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยปืนของแงซาย ทั้งสองทำสงครามกับขโมดดงที่กำลังลอยหนีขึ้นที่สูง เสียงปืนทำให้คนที่เหลือตื่น และมาร่วมทำสงครามกันอย่างอึกทึก (เลิกแคร์แล้วว่าไอ้แหว่งจะรู้ตัว 555) ทุกคนระดมยิงเจ้าขโมดดงที่ลอยช้า ๆ เรี่ยยอดไผ่อย่างไม่ยั้ง แต่ก็ไม่สามารถยิงมันได้ซักที นั่นเป็นเพราะความมืดทำให้ไม่สามารถมองเห็นศูนย์ปืน ไรเฟิลเป็นปืนที่ยิงเป้าหมายในลักษณะดวงแสงค่อนข้างลำบาก พอเอาไฟฉายส่อง ก็กลับกลายเป็นว่าแสงเจอแสง มองไม่เห็นอีก พี่รพินทร์จึงบอกให้ทุกคนตั้งสติก่อน พวกเขาต้อนขโมดดงจนมันเข้าไปหลบในดงยอดไผ่ ทุกคนดับไฟฉายเพื่อล่อมันออกมา แสงสว่างที่ยอดไผ่เริ่มสว่างขึ้นนิด ๆ แล้วก็ดับไป ดับ ๆ ติด ๆ อยู่อย่างงั้น พี่รพินทร์แน่ใจว่ามันยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในกิ่งไผ่นั่นแหละ และตอนนั้นก็เกือบจะเช้าแล้วคงเห็นมันได้ชัดขึ้น แต่ทุกคนต้องระวังแก๊สพิษที่มันจะปล่อยออกมาให้ดี

คุณหญิงดารินสั่งให้แงซายวิ่งไปเอากระติกบรั่นดีมา เธอให้ทุกคนส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้ แล้วเธอก็เทบรั่นดีใส่ผ้าเช็ดหน้าของทุกคนจนชุ่ม แล้วจึงส่งให้ทุกคนนำไปปิดจมูกไว้ (เอิ่มมมม นั่นจะทำให้เมากลิ้งก่อนจะสลบไปเพราะแก๊สพิษขโมดดงป่าวคะคุณหญิง) เธอบอกทุกคนว่า แอลกอฮอล์จากบรั่นดีจะช่วยกรองแก๊สพิษได้มาก .... ได้ผลแฮะ ระหว่างที่รอคอยพระอาทิตย์ขึ้น ทุกคนต่างเดากันไปเรื่องย ๆ ว่าเจ้าขโมดดงจะมีหน้าตาเป็นไง (หวังว่าคงไม่เหมือนกระสือยายสายหรอกนะ เอิ๊กส์) พี่รพินทร์จะทดลองทำอะไรบางอย่าง เขาให้คุณหญิงยิงไปที่แสงสลัว ๆ ของมันอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ฉายไฟที่ขโมดดง เพียงแต่ส่องไฟที่ศูนย์ปืนเท่านั้น ทันทีที่ลั่นไก กิ่งไผ่หักตกลงมาพร้อมกับดวงไฟสว่างวาบให้เห็นตกลงมาประมาณ 4 – 5 วา แล้วมันก็พยายามจะบินหนีอีกด้วยความเร็วต้ำ ๆ คุณชายร้องบอกให้รีบตาม เดินตามกันได้ประมาณ 10 นาที พี่รพินทร์ก็จับเคล็ดบางอย่างได้อีก เขาแน่ใจว่ามันไม่มีทางหนีพ้น เพราะความเร็วในการบินของมันค่อนข้างช้า และถ้ามันจะบินหรือเคลื่อนไหว มันจะมีแสงตลอด เว้นแค่ตอนหยุดอยู่กับที่ที่จะสามารถดับแสงได้ แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ยังไม่สว่าง และมันทำท่าจะหนีไปทางหุบทึบซึ่งจะทำให้การตามลำบากมากขึ้น จึงเปลี่ยนแผน ฉายไฟใส่และระดมยิงอีกครั้ง คราวนี้แสงไฟของมันหายไป คุณหญิงคิดว่ามันคงถูกยิงแหลกไปแล้ว แต่พี่รพินทร์คิดว่ามันคงแค่หลบอยู่หลังกิ่งไม้เท่านั้นเอง ทุกคนนั่งพักรอจนแสงดวงอาทิตย์เริ่มมาเยือน ขณะที่กำลังจะจุดบุหรี่สูบกัน แงซายตะโดนบอกทุกคนว่าเจ้าขโมดดงกำลังจะลอยหนีไปแล้ว คราวนี้มันลอยเร็วขึ้นหันหน้าไปทางดงทึบ การยิ่งไล่ล่าจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มันลอยหนีเข้าไปในหลืบหินผา ทุกคนตรวจดูอย่างดีแล้วว่าไม่มีทางออกทางอื่น จึงนั่งรอเช็คบิลผีขโมดอยู่ที่ปากทางหลืบหินผานั่นเอง

พี่รพินทร์คิดว่าที่นี่คงเป็นรังถาวรของเจ้าขโมดดงนี่แหละ คุณหญิงกังวลเรื่องการเปิดทางเข้าไปในหลืบหิน ไชยยันต์จึงบอกว่าจะไปยากอะไร ให้ใครกลับไปที่กองเกียวนแล้วไปเอาไดนาไมต์มาระเบิดภูเขา (เผากระท่อม) ซะก็หมดเรื่อง 555 คุณชายบอกว่าต้องการจับมันในสภาพสมบูรณ์ไม่ได้ต้องการให้ร่างมันแหลกนะจ๊ะ พี่รพินทร์บอกว่าใจเย็น ๆ เค้ามีวิธีเปิดทางโดยไมม่ต้องกลับไปเอาระเบิดมาหรอกจ้า

พอสว่าง ทุกคนเข้าไปสำรวจตรงปากทางเข้าหลืบหิน แล้วก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าก้อนหินบริเวณนั้นมันเป็นก้อนหินหลากสีราวกับลูกแก้วหลากสี โอ้วมายกอชชชช พวกเค้ามาพบบ่อพลอยเข้าโดยบังเอิญ แต่เป็นพลอยที่ยังใช้การไม่ได้นะ ยังต้องผ่านกนะบวนการหมักบ่มทำปฏิกิริยาอีกหลายพันล้านปี คุณหญิงบอกว่าอย่าคิดตื้น ๆ ให้คิดลึก ๆ ลึกลงไปให้ถึงข้างในโพรงหิน ตรงนี้น่ะ แค่ปากทางเข้าหินอาจยังไม่กลายเป็นพลอย แต่ลึกลงไปข้างในน่ะ ไม่แน่จ้า พี่รพินทร์ทำท่าคิดหนัก จะขุดสำรวจมั้ยล่ะ หรือจะเดินทางตามภารกิจเดิม เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่มีเวลา เสร็จภารกิจและยังมีชีวิตรอดค่อยกลับมาสำรวจกันใหม่

ทุกคนช่วยกันใช้ท่อนซุงงัดเพื่อหาทางเข้าหลืบหิน งัดอยู่ 7 – 8 ครั้งหินที่อุดปากทางก้อนเท่าโอ่งก็หลุดออกมา ปรากฏภาพภายในเป็นโพรงลึกเข้าไป 7 – 8 เมตร แสงสว่างส่องเข้าไปได้เพียงราง ๆ เมื่อฉายไฟเข้าไปก็ได้เห็นแสงสะท้อนจากหินที่สุกสกาวกว่าหินที่ปากทางเสียอีก และที่พื้นถ้ำนั้นก็คือเจ้าดวงไฟที่สร้างปัญหามาทั้งคืนนั่นเอง เจ้าตัวนั้นมีลักษณะคล้ายแมงมุม ตัวใหญ่ประมาณซองบุหรี่ ขนที่ลำตัวดำยาวมันขลับ มันกำลังนั่งทับกองไข่ของมันอยู่ คุณชายออกคำสั่ง “จับเป็น” เพราะต้องการเอากลับไปพิสูจน์

พี่รพินทร์อาสาจะคลานเข้าไปจับ โดยใช้ถุงแป้งเป็นเครื่องมือ เขาใช้วิธีเดียวกับการจับแมงป่อง ทันทีที่ตะครุบถุงแป้ง กลุ่มควันสีเขียวก็ฟุ้งขึ้นมาจากเจ้าผีขโมด พี่รพินทร์หลบจนกระแทกพื้น เจ้าสัตว์ประหลาดก็วิ่งสวนออกมาทางปากถ้ำ ไชยยันต์รีบกระโดดหนี คุณชายคว้าไม้จะตีแต่ไม่ทัน แต่ใช้รองเท้าคอมแบตกระทืบมันทัน เจ้าสัตว์ประหลาดผู้รอดพ้นห่ากระสุน ถุงแป้ง และไม้ ต้องมาสิ้นฤทธิ์ด้วยรองเท้าคอมแบตของคุณชายนี่เอง

เจ้าแมลงประหลาดถูนำมาผ่าพิสูจน์เพื่อแก้ข้อสงสัย แต่สิ่งที่พบจากการผ่าท้องแมลงขโมดดงตัวนี้กลับยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยมากขึ้นไปอีก นั่นคือทับทิมสีแดงเข้มก้นใหญ่กว้า 100 กะรัตที่อยู่ในท้องของเจ้าขโมดดงตัวนี้นี่เอง ต่างคนต่างเดากันไปต่าง ๆ นานาว่าทับทิมที่พบเนี่ยคือส่วนใดของร่างกายขโมดดง บ้างก็ว่าเป็นไข่ (ฮ๊ะ) (Kiky : แต่เราคิดว่าเจ้าขโมดน่าจะกลืนก้อนทับทิมเข้าไปเพื่อใช้ในการสะท้อนแสงที่เปล่งออกจากต่อมแสงที่ก้นนั่นเอง) พี่รพินทร์บอกว่าไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่เข้าเห็ฯเหมือนมีเลือดในทับทิมเม็ดนี้นะ แทนที่จะเก็บทับทิมเม็ดนี้ไว้เพื่อนำกลับไปพิสูจน์ตามที่เสียงส่วนใหญ๋ตกลงกัน เกิดเสนอให้เผาหรืไม่ก็ทุบทำลายไปเสียเพราะเชื่อว่าทับทิมเม็ดนี้ต้องมีอาถรรพณ์แน่ ๆ คุณชายบอกว่าไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวเค้าจะเก็บไว้เอง




 

Create Date : 27 มีนาคม 2555
0 comments
Last Update : 27 มีนาคม 2555 10:48:45 น.
Counter : 1475 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Kika_ii
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Kika_ii's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.