โบรกแนะทยอยเก็บ 16 บจ.อนาคตรุ่ง ดัชนีแกว่งแคบ โยกถือหุ้นความเสี่ยงต่ำ-ปันผลสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.44 น.ค่าเงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับ 30.70 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ หลังจากรับข่าวดีกรีซมาระยะหนึ่งแล้ว นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ และมีโอกาสอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูงและแรงซื้อต่างชาติจะประคองการอ่อนตัวของตลาด เก็งกำไร 16 หุ้น ได้แก่ CPALL, HMPRO, CPF, SAT, AP, SPALI, PTT, PTTEP, IRPC, BANPU, BIGC , TUF , STEC, BWG, KK, UKEM



บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : เทรดในกรอบ 1130-1148 กลยุทธ์การลงทุน : ขึ้นขาย ลงซื้อ หลังรับข่าวเรื่องข้อสรุปเงินช่วยเหลือกรีซไปแล้วอาจทำให้ตลาดดูเงียบเหงาลง แต่วันนี้ยังมีเรื่องต้องลุ้นจากปัจจัยภายในในช่วงบ่าย คือ การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย 2 พ.ร.ก. ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ น่าจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้พอสมควร ทั้งนี้ หากมีคำวินิจฉัยว่าขัดฯ จะเป็นข่าวลบต่อตลาดในแง่ผลกระทบที่มีต่อโครงการป้องกันน้ำแบบบูรณาการในระยะยาวว่าจะสะดุดตัวลงหรือไม่ อย่างไรก็ดี แรงหนุนจากการซื้อสุทธิของต่างชาติที่เดินหน้าสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมถึงการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน (NYMEX) เหนือ 105 เหรียญ/บาร์เรล จะช่วยประคองการอ่อนตัวของตลาดได้ดี มองกรอบเทรดวันนี้ระหว่าง 1130-1148

กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นเน้นเทรดดิ้งแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ไปก่อน แนวต้าน : 1143-1148 แนวรับ : 1130-1123

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50-75% : เงินสด 50-25%

ถือต่อในพอร์ต : BWG, SAT, PTTEP, PTT, TUF

หุ้นที่ปรับเข้า : 1. AS เข้าถือหุ้นในบ.เกมอันดับ 1 ที่มาเลเซีย + เปิดบริการเพิ่มที่ฟิลิปปินส์ ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 19.70 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 15.5-16 รับ 14.9-14.7 Cut loss 14.5 บาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ กลยุทธ์: เนื่องจากคาดว่า SET มีโอกาสที่จะแกว่งพักตัวลงก่อนได้ ดังนั้นแม้ว่าจะยังแนะนำให้เน้นถือเพื่อ let profit run แต่ก็น่าสนใจในการที่จะแบ่งส่วนขายทำกำไรตามรอบบ้าง เพื่อรอพิจารณาเลือกหุ้นเข้าซื้อใหม่อีกครั้งเมื่อตลาดอ่อนตัวลง โดยหุ้นที่น่ายังสนใจได้แก่ CPALL, HMPRO, CPF, SAT, AP, SPALI, PTT, PTTEP, IRPC, BANPU เป็นต้น ขณะที่หุ้นที่คาดว่าปี 2012 นี้จะมีผลประกอบการที่ดี และยังมี upside จากราคาตามพื้นฐานพอควรก็น่าสนใจในการที่จะหาจังหวะเข้าซื้อด้วยเช่นกัน ซึ่งได้แก่ KH(TP=8), BECL(TP=24), LPN(TP=15.90), MAJOR(TP=17.30), BIGC(TP ก่อนเพิ่มทุน 185 หลังเพิ่มทุน 133)

หุ้นเด่นทางเทคนิค KK, UKEM, STPI (SBL)

แนวโน้ม หลังจากได้ข้อสรุปจากที่ประชุม EU ซึ่งเป็นไปตามคาดโดยกรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือรอบสอง ขณะที่กรีซก็เริ่มให้เจ้าหนี้เอกชนทำการแลกเปลี่ยนพันธบัตรเป็นชุดใหม่แล้ว ช่วยให้ตลาดผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ของกรีซในช่วงนี้ลงได้ แต่เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกขยับขึ้นมารอรับข่าวไปพอควรแล้ว ทำให้เริ่มมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมากดดันตลาด ซึ่ง SET ก็เริ่มบวกต่อขึ้นไม่มากนักและแกว่งตัวมากขึ้น ดังนั้นถ้าจะหาจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อจากสภาพคล่องที่ยังล้นตลาด FSS จึงแนะนำให้รอช่วงตลาดแกว่งย้อนพักตัวลงก่อนได้ แนวรับ 1136 , 1132-1128 จุด แนวต้าน 1142-1144 , 1148-1152 จุด

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันพุธทรงตัวกรอบแคบ เราคงมุมมองว่าแม้กระแสทุนต่างชาติและราคาน้ำมันที่อยู่สูงแถวๆ 120 เหรียญฯ (เบรนท์และดูไบ) จะยังค้ำราคาหุ้นให้ยืนได้ในวันนี้ แต่ความเสี่ยงของการปรับฐานอยู่ในระดับสูงหลังจากที่ประชุม รมว.คลังยุโรปประกาศอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบที่ 2 มูลค่า1.3 แสนล้านยูโรให้กับกรีซแล้ว ทั้งนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณการอิ่มตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป รวมทั้งหุ้นเอเชียในเช้าวันนี้ สำหรับวันนี้เรามองดัชนีฯ มีแนวรับที่ 1,136 และแนวต้านที่ 1,140 จุด

สำหรับประเด็นกรีซ คาดว่ากรีซจะเริ่มการเจรจาแลกเปลี่ยนพันธบัตรกับเจ้าหนี้ในวันสองวันนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยใหม่นั้นต่ำมากที่ 2% ก่อนที่จะขึ้นเป็น 3% ก่อนปี 2020 และขึ้นไปตามเวลาจนครบอายุพันธบัตร30 ปี และเป็นที่คาดหมายว่ามูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value) ของหนี้ที่เจ้าหนี้เอกชนถืออยู่จะหายไป 73-74% นำไปสู่การเพิ่มทุนของธนาคารในกรีซและในยุโรป ดังนั้นสิ่งที่ต้องติดตามคือการลดหนี้ดังกล่าวนั้นจะสร้างปัญหาให้กับภาคธนาคารมากเพียงใด และทางการยุโรปจะดำเนินการใดๆ ที่จะช่วยให้การเพิ่มทุนง่ายขึ้น เช่นว่าจะมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของการนับฐานเงินทุน หรือระดับของเงินกองทุนขั้นต่ำหรือไม่ เหล่านี้เป็นต้น ทั้งนี้นายกฯ กรีซกล่าวว่าการแลกพันธบัตรจะต้องทำให้เสร็จภายในวันที่ 12 มี.ค. ก่อนที่กรีซจะชำระคืนหนี้ก้อนใหญ่ในวันที่ 20 มี.ค.

ด้านปัจจัยในประเทศ วันนี้เวลา 14.00 ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำตัดสินเรื่อง พรก. สองฉบับ เกี่ยวกับการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทและการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟู 1.14 ล้านล้านบาทให้กับ ธปท. เราคาดว่าผลกระทบต่อตลาดจะน้อยมาก แต่น่าจะมีผลดีต่อกลุ่มธนาคารบ้างหากศาลไม่ให้ผ่าน พรก. โอนหนี้ เพราะในกรณีดังกล่าวธนาคารพาณิชย์อาจกลับไปชำระค่านำส่งที่ 0.4% ของเงินฝาก (ใน พรก. ใหม่จะอยู่ที่ 0.47%)

กลยุทธ์: มองตลาดหมดข่าวดีเล่นในระยะสั้น จึงแนะให้ชะลอการซื้อขายหุ้นใหญ่และอยู่นอกตลาด สำหรับพอร์ตที่ต้องมีหุ้น แนะซื้อหุ้นเสี่ยงต่ำที่มีข่าวเฉพาะตัว เรายังคงชอบหุ้น BIGC ซึ่งราคาหุ้นขึ้น 9.6% ในสองวันจากการปรับเพิ่มประมาณการแต่แรงเหวี่ยงสั้นๆ ก็ยังดีอยู่ รวมทั้ง TUF ซึ่งรายงานกำไรไตรมาส 4/54 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 30% และชอบ STEC ซึ่งน่าจะดูดีในวันนี้หลังจากมีข่าวที่จะลดความกังวลว่าบริษัทจะเสียงานรถไฟฟ้าให้กับคู่แข่ง

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2555		0 comments
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2555 12:09:44 น.
Counter : 616 Pageviews.
Share Tweet