ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่าเงินบาทเช้านี้ ณ เวลา 9.45 น. อยู่ที่ 31.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงจากช่วงแรกที่เปิดซื้อขาย โดยมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนลบและแดนบวก นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยผันผวน โดยเน้นขึ้นขาย ลงซื้อ โดยคาดหวังว่าแรงซื้อจากกลุ่มบล.และสถาบันจะช่วยค้ำดัชนีตลาดหุ้น เก็งกำไร 13 หุ้น ได้แก่ AP, SIRI, HEMRAJ, BAY, INTUCH, CPF, MINT, BEC, KBANK, SAT, KSL TVO TCAP
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : ยังผันผวนต่อในกรอบ 1150-1170 กลยุทธ์การลงทุน: ขึ้นขาย ลงซื้อ
ดัชนีหุ้นไทยยังเดินไปข้างหน้าได้ดีต่อเนื่อง โดยปิดที่ระดับสูงสุดของวันได้เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อวานนี้ แต่ความผันผวนในระหว่างทางมีมากในแต่ละวันระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ล่าสุดประเด็นการเมืองอาจพักตัวชั่วคราวหลังเลื่อนการพิจารณาวาระ 3 ร่างรธน.และพรบ.ปรองดองเป็นสมัยประชุมหน้า (ส.ค.) ส่วนการประชุมกนง.วันนี้คาดคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ 3% จึงไม่น่าส่งผลต่อตลาดมากนัก หากแต่ตัวกำหนดทิศทางตลาดยังมาจากภายนอกประเทศเป็นหลัก โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จะยังคงจับตาประเด็นการแก้ไขปัญหาวิกฤติหนี้ของสเปน รวมถึงการเลือกตั้งของกรีซในวันที่ 17 มิ.ย. นี้ โดยรวมจึงมอง SETI จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบต่อไประหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ยังมองกรอบเดิมระหว่าง 1150-1170, 1180
กลยุทธ์การลงทุน : ยังเน้นการเก็งกำไรแบบ ขึ้นขาย ลงซื้อ ในกรอบต่อไป โดยจะขยับเพิ่มพอร์ตต่อเมื่อการดีดตัวแข็งแกร่งเหนือ 1170-1180 ไปแล้ว ทั้งนี้ การแกว่งตัวจากความผันผวนที่มีมากไม่ควรหลุด 1150 จะทำให้ภาพการฟื้นตัวซวนเซลงอีกครั้ง แนวต้าน : 1170-1180 แนวรับ : 1150-1140
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 25-30% : เงินสด 75-70%
ถือต่อในพอร์ต : CPF, MINT, BEC, KBANK, SAT
KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันพุธบวกกรอบจำกัด คาดว่าการรีบาวด์แรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนด้วยความหวังว่า ธ.กลางสหรัฐฯ อาจประกาศมาตรการกระตุ้นทางการเงิน (ตลาดพูดกันถึงมาตรการ Operation Twist หรือการขายพันธบัตรอายุสั้นและซื้อพันธบัตรอายุยาว) จะไม่หนุนหุ้นเอเชียมากนัก เนื่องจากแรงกดดันจากยุโรปเพิ่มขึ้น เมื่อวานนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรสเปนทดสอบระดับสูงสุดครั้งใหม่ที่ 6.83% ก่อนปิดที่ระดับสูงที่ 6.71% ขณะที่ดอกเบี้ยพันธบัตรอิตาลีปิดที่ 6.1% ก่อนหน้าที่อิตาลีจะประมูลพันธบัตรมูลค่า 4.5 พันล้านยูโรในวันพฤหัสฯ ทั้งนี้ปัจจัยในยุโรปน่าจะกระตุ้นต่างชาติขายสุทธิต่อไป ส่วนพอร์ต บล. และนักลงทุนสถาบันจะช่วยค้ำตลาดได้ โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนหลายแห่งเปิดขาย Target Funds ตั้งเป้าผลตอบแทน 8-10% ในช่วง 9-12 เดือนข้างหน้า มูลค่าทั้งหมดน่าจะอยู่แถว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับยอดซื้อสุทธิของสถาบันนับตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 6.1 พันล้านบาทนั้น คาดว่าสถาบันจะยังซื้อหุ้นเข้าพอร์ตอยู่ในระยะนี้ปัจจัยการเมืองเป็นบวกมากขึ้น หลังจากประธานสภาฯ ตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาวาระ 3 ของการแก้รัฐธรรมนูญไปเป็นเดือน ส.ค. ซึ่งจะลดแรงเสียดทานได้มากในช่วงนี้ ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจวันนี้ กนง.จะประชุมนโยบายการเงินและน่าจะตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.0% และน่าจะลดความกังวลต่อเงินเฟ้อหลังจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรปกดดันให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ปรับลดลง
กลยุทธ์: เราคงมุมมองว่าตลาดหุ้นจะแกว่งตัวรอผลเลือกตั้งกรีซในวันอาทิตย์ แนะนำเลี่ยงหุ้นหลักและเน้นซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้น และความมั่นใจของผู้บริโภคและนักลงทุนที่น่าจะดีขึ้น เช่นอสังหาริมทรัพย์และนิคม (AP, SIRI, HEMRAJ) รวมทั้งธนาคารที่เน้นสินเชื่อการบริโภค เช่น BAY* ส่วน INTUCH เรายังแนะเล่นประเด็นการคำนวณดัชนี SET50 สำหรับครึ่งหลังของปี 2555
บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาด: ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปิดแดนบวกจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจเตรียมใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการประชุม 19-20 มิ.ย. คาดการณ์ดังกล่าวช่วยดึงตลาดยุโรปขึ้นจากแดนลบที่เกิดขึ้นหลัง Fitch ประกาศลดอันดับเครดิตธนาคารสเปนอีก 18 แห่ง ทั้งนี้ประเด็นระยะสั้นที่อาจช่วยผลักดันตลาดคือการประมูลพันธบัตรอิตาลี 14 มิ.ย. ซึ่งหากมีอัตราผลตอบแทนลดลง น่าจะช่วยให้ความมั่นใจของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ในขณะที่การเลือกตั้งของกรีซ 17 มิ.ย. หากออกมาดีหุ้นก็น่าจะไปต่อ แต่หากออกมาแย่หุ้นน่าจะมีการย่อเร็วแรงแต่จบสั้นซึ่งจะเป็นจังหวะซื้ออีกครั้ง (หากเกิดขึ้น) ทั้งนี้หลายปัจจัยที่จะเกิดขึ้นจากนี้อาจยากที่จะคาดการณ์ล่วงหน้า แต่เราขอเลือกทางให้น้ำหนักกับการทยอยซื้อเนื่องจากตลาดหุ้นไทยในระดับปัจจุบันอยู่ที่เพียง 11.2x PER และให้ปันผลราว 4.0% ดังนั้นการพลาดพลั้งหรือ ซื้อผิด ในระดับปัจจุบันจึงค่อนข้างยืดหยุ่นในการแก้ไขและวางกลยุทธ์ (หากนักลงทุนไม่ไล่ราคาเพลินจนเกินไป)
กลยุทธ์การลงทุน: ขึ้นซื้อ (น้อยหน่อย) ลงซื้อ (มากหน่อย) โดยหลักการสำคัญยังอยู่ที่การพยายามบริหารต้นทุนหุ้นรายตัว และไม่ให้น้ำหนักกับการเคลื่อนไหวของตลาดมากไป นักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ไว้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมายังเน้นถือต่อ หรือซื้อเพิ่มส่วนน้อยในจังหวะย่อ คนที่ตกรถอาจพิจารณา soft commodity ที่ยังขึ้นไม่มากแทน ซึ่งน่าจะ Outperform หุ้นอาหารขนาดใหญ่ (CPF TUF) ในช่วงสั้น /ธนาคาร เล่นสั้นเน้น TCAP TISCO SCB หุ้นแนะนำวันนี้ KSL TVO TCAP
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: เมื่อ 7 มิ.ย. เราเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก 10% เป็น 50% และยังเตรียมเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก หาก SET ยังปรับลง โดยระดับที่เราประเมินว่าเป็น downside ของ SET Index ที่ 1050 จุด หุ้นที่อาจพิจารณาทยอยสะสม ได้แก่ TICON TCAP KK TISCO EGCO RATCH PS AP SIRI QH PF PTTGC PTT KTB NMG RS